Your Wishlist

มือปราบผี (Chapter 1 ผีอำ)

Author: Liu An Hua Ming (ฺBuaElla แปล)

ความตายเป็นเพียงการเริ่มต้น..... เขาเป็นเจ้าของบาร์เล็กๆแห่งหนึ่ง แม้ว่าเขาจะดูอ่อนโยนและเป็นมิตร แต่จริงๆ แล้วเขาเย็นชาและโดดเดี่ยว เขาเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการสื่อสารกับวิญญาณแต่ปิดผนึกไว้ เขาไม่เต็มใจที่จะเข้าไปพัวพันกับสิ่งเหนือธรรมชาติ เธอเป็นทนายความที่ไม่มีคุณสมบัติของการเป็นทนายความ ขี้ขลาดเหมือนหนูแต่เกลียดความเลวทรามทั้งหลาย วันเกิดของเธอไม่เป็นมงคลแต่เธอกลับได้รับพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสองจะช่วยกันไขคดีได้อย่างไร เชิญติดตามอ่านกันได้....

จำนวนตอน : 332 Chapters (Completed)

Chapter 1 ผีอำ

  • 05/09/2564

มือสีขาวคู่หนึ่งค่อยๆคืบคลานมาที่ลำคอของเสี่ยวเซี่ย

 

มือคู่นั่นทั้งเหี่ยวย่นและแตกระแหงเหมือนต้นไม้ตายซากทว่าแข็งแรงราวกับผุดมาจากก้นบึ้งของขุมนรก ฉุดกระชากเสี่ยวเซี่ยให้ล้มลงบนโซฟา

 

เธอมองไม่เห็นว่ามือคู่นั้นเป็นของใคร แต่สัมผัสได้ว่ามือคู่นั้นเป็นสีน้ำตาล มีเส้นสีแดงพาดพานดูราวกับเป็นรอยข่วน

 

ด้านนอกของหน้าต่างยังคงคึกคักดังเช่นปกติ รู้สึกว่าจะมีขบวนงานแต่งงานแห่เจ้าสาวตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่กำลังครึกครื้นจากเสียงกลอง มีเพียงสภาพแวดล้อมที่เธออยู่เท่านั้นที่เงียบสงัด เงียบจนราวกับว่าเธอได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง ราวกับว่าคนทั้งโลกไม่ได้ตระหนักถึงการต่อสู้ของเธอ

 

ออฟฟิศบนชั้นสิบเก้าของตึกสูง

 

ที่ระดับความสูงนี้ ไม่ควรได้ยินสิ่งใดนอกจากลมที่พัดจากภายนอก นอกจากนี้ตำแหน่งที่เธออยู่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมองเห็นสิ่งที่อยู่นอกหน้าต่าง  แม้ว่าเธอจะมองเห็นและได้ยิน ขบวนแห่เจ้าสาวดังกล่าวก็คงไม่สามารถผ่านถนนที่พลุกพล่านนี้ไปได้ง่ายดายนัก ดังนั้นแม้เธอจมอยู่ในฝันร้ายนี้ เธอก็โล่งใจพอที่จะรู้ว่าเธอต้องทนทุกข์จากการนอนหลับเป็นอัมพาตอีกครั้ง

 

เธอรู้ว่าเธอจะดีขึ้นก็ต่อเมื่อลุกขึ้นนั่งได้สำเร็จ ทว่ามือสีน้ำตาลก็รัดเธอแน่นขึ้นรั้งให้เธอนอนลงตามเดิม ตัวเธอตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาล้มลุก สถานการณ์ที่น่าหัวเราะเช่นนี้ทำให้เกิดความดื้อรั้นในจิตใจที่อ่อนแอของเธอ และทำให้เธอพยายามต่อต้านอย่างดุเดือดยิ่งขึ้น

 

แต่ทว่าก็ไร้ประโยชน์! มือลีบแบนและเหี่ยวย่นโอบรอบคอของเธอและรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆจนเธอหายใจไม่ออก

 

ทันใดนั้นเธอก็เปล่งเสียงเอ่ยชื่อพระนามของพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์!

 

มือคู่นั้นหดกลับไปราวกับถูกไฟแผดเผาและเสียงครวญครางก็ดังขึ้น เสี่ยวเซี่ยกลับมาหายใจได้อีกครั้ง  อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะลุกขึ้น มือคู่นั้นซึ่งยังไม่หายไปไหนก็ยื่นออกมาเพื่อล้างแค้น แม้ว่ามันจะลังเล แต่ดูเหมือนพร้อมที่จะลากเธอเข้าไปในความมืด เสี่ยวเซี่ยตกใจกลัวและรีบท่องบทสวดอีกสองสามบทก่อนจะหลุดพ้น

 

นาฬิกาบอกเวลาบ่ายโมงสิบห้านาที

 

เยว่เสี่ยวเซี่ย ทนายความหญิงของสำนักงานกฎหมาย Vast Sky ตื่นขึ้นจากอาการอัมพาตจากการงีบหลับของเธอ ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้อันดุเดือด เธอนอนคว่ำหน้าอยู่บนโต๊ะทำงานและปากของเธอก็เปิดอ้า น้ำลายไหลอย่างน่าอายลงบนแฟ้มเอกสาร

 

เสียงเคาะประตูปลุกเธอให้ตื่นขึ้นอีกนิด คนที่ปรากฏตัวทำให้เธอรู้สึกเบาใจ นั่นก็คือ ‘เสี่ยวหวาง’ ทนายความฝึกหัดที่บริษัท เธอกำลังจะไปพบกับจำเลยในคดีใหม่ของเธอ เนื่องจากเธอเป็นทนายความหญิง เธอจึงไม่สามารถพบผู้ต้องสงสัยในคดีอาญาได้ด้วยตัวเอง เธอต้องมาพร้อมกับทนายความชาย ดังนั้นเสี่ยวหวางจะไปกับเธอ

 

ศูนย์ควบคุมตัวค่อนข้างไกลและพวกเธอต้องออกไปก่อนเวลาเล็กน้อยเพื่อประหยัดเวลาในช่วงบ่าย

 

แสงแดดสาดส่องมาที่ตัวทำให้เธอรู้สึกว่าฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัวเมื่อสักครู่อยู่ในอดีตอันไกลโพ้น

 

เยว่เสี่ยวเซี่ยเดินเตร็ดเตร่ไปมาสองสามปีหลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนกฎหมาย เธอเพิ่งสอบเนติบัณฑิตยสภาหลังจากที่เธอไม่มีทางเลือกอื่นอีกและกลายเป็นทนายความหลังจากสอบผ่าน คนอื่นๆ อิจฉาเธอมากที่เธอได้มีอาชีพที่ดี แต่หญ้าเขียวขจีอยู่เสมอเมื่อมองแค่ด้านเดียว มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าสนามหญ้านี้ไม่เหมาะกับเธอเลย เธอเป็นคนไม่มีระเบียบ ไม่เด็ดขาด และหุนหันพลันแล่นปราศจากความเฉลียวฉลาด ทั้งยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองและความเป็นมืออาชีพ ลักษณะเชิงลบของเธอสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในการทำงาน หลังจากผ่านช่วงเวลาที่เป็นนักศึกษาฝึกงานเธอก็กลายเป็นทนายความที่มีเปอร์เซ็นต์ชนะคดีต่ำที่สุดในสำนักงานกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดของเมือง ถ้าหัวหน้าทนายไม่ได้เป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย เธอคงถูกไล่ออกไปนานแล้ว เธอรู้ว่าเพื่อนร่วมงานพูดลับหลังว่าเธออาศัยความสัมพันธ์เพื่ออยู่ที่นี่และทำให้สำนักงานเปลืองทรัพยากรอย่างไร อย่างไรก็ตามเธอทำได้เพียงอดทน อดทน และอดทนเท่านั้น

 

ปกติบริษัทจะไม่ส่งทนายหญิงไปทำคดีนองเลือด นอกจากนี้เธอไม่เคยชนะคดีอาญามาก่อนและผู้ต้องสงสัยในคดีไม่ได้ขอทนายและมีความเป็นไปได้ที่เขาจะถูกประหารชีวิต ดังนั้นตามหลักการมนุษยธรรม ศาลจึงมอบหมายให้สำนักงานกฎหมาย Vast Sky ปฏิบัติตามพันธกรณีนี้ คดีไร้ประโยชน์ประเภทนี้มักถูกมอบให้กับทนายธรรมดาอย่างเธอ

คดีนี้ง่ายมาก ข้อเท็จจริงมีความชัดเจนและหลักฐานก็แน่นหนา ประเด็นของการโต้แย้งคือสภาพจิตใจของผู้ต้องสงสัยในขณะนั้น อย่างไรก็ตามคดีนี้มีความโหดร้ายและนองเลือดมากซึ่งทำให้เลือดในกายของเธอเย็นเฉียบ

 

ผู้ต้องสงสัยอายุ 42 ปี ชื่อ หลี่จิงหมิง เขาเป็นครูคณิตศาสตร์ของโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นที่สาม เขาอาศัยอยู่กับภรรยา ลูกชาย พี่สาวภรรยาที่หย่าร้างและพ่อแม่ของภรรยา นอกจากลูกชายวัยสิบห้าปีของเขา พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นครู หลี่จิงหมิงและภรรยาสอนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน

 

ตามที่เพื่อนร่วมงาน เพื่อนบ้าน และเพื่อนของเขากล่าว หลี่จิงหมิงมักจะเงียบขรึม อ่อนโยน และสุขุม ครอบครัวของภรรยาของเขาค่อนข้างมีปากมีเสียงมากกว่าเขา ดังนั้นเขาจึงมีชื่อเสียงว่าเป็นผู้ชายที่ดี อย่างไรก็ตามหนึ่งเดือนก่อนหน้าคดีนี้ หลี่จิงหมิงดูเหมือนจะกลายเป็นคนละคน เขามักจะทะเลาะวิวาทกับครอบครัวอย่างรุนแรงในทุกสถานการณ์ และลงไม้ลงมือกับคนในครอบครัวทำ เมื่อเทียบกับตัวตนปกติของเขา มันเหมือนกับว่าเขาถูกผีเข้าสิง

 

ในคืนเกิดเหตุ หลี่จิงหมิงได้โต้เถียงกับภรรยาของเขาอีกครั้ง เขาใช้มีดหมอแบบคิวบาที่เตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อสังหารภรรยาและพี่สาวภรรยาอย่างโหดเหี้ยม ลูกชายของเขาถูกบังคับให้กระโดดออกจากหน้าต่างชั้นหกและขณะนี้อยู่ในอาการโคม่า เขาอาจจะอยู่ในสภาพเป็นผักพืชตลอดชีวิตที่เหลือของเขา

 

ภายในสถานที่เกิดเหตุนั้นเต็มไปด้วยเลือด น่าสลดใจอย่างยิ่ง

 

เมื่อตำรวจมาถึง พวกเขาได้ยินเสียงหัวเราะที่น่าขนลุกขนพองสยองเกล้า ในที่เกิดเหตุมีเลือดไหลนองเหมือนแม่น้ำและแทบไม่มีที่ให้เดินในห้องนั่งเล่น ศพทั้งสี่ "นั่ง" เคียงข้างกันบนโซฟา ศพหนึ่งมีศีรษะอยู่บนตัก แต่ไม่ชัดเจนว่าเป็นของใคร ศีรษะของอีกศพหนึ่งห้อยอยู่ด้านหน้าของหน้าอก มีเพียงเศษเสี้ยวของผิวหนังติดอยู่เท่านั้น จึงทำให้ดูบิดเบี้ยวน่ากลัว ศีรษะของศพที่สามกลิ้งไปอยู่ข้างประตู และเกือบจะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่บุกเข้ามาภายในต้องสะดุดล้ม ส่วนหลี่จิงหมิง เขานั่งบนโซฟาอีกตัวหนึ่งและจับหัวภรรยาของเขาพึมพำว่า "ใช่ไหม? ใช่ไหม?"

 

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สังเกตเห็นผู้บุกรุกและไม่ได้สนใจพวกเขาเลย ดังนั้นตำรวจจึงสามารถจับกุมตัวเขาได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มดิ้นรนขัดขืนด้วยกำลังทั้งหมดของเขา ปากป้องตะโกนว่า “ไม่ใช่! ไม่ใช่! มีผี! มีผี!” เสียงร้องไห้คร่ำครวญของเขาทำให้คนในละแวกนั้นหนาวสั่นสะท้าน

 

ในระหว่างการพิจารณาคดี เขาปฏิเสธที่จะตอบคำถามใด ๆ และพยายามฆ่าตัวตายหลายต่อหลายครั้ง หลังจากที่ช่วยชีวิตเขาได้ทัน เขาก็ปิดปากเงียบเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผู้เชี่ยวชาญจึงตัดเรื่องปัญหาทางจิตออกเนื่องจากอาการสงบเสงี่ยมของเขา ดังนั้นสิ่งที่เหลืออยู่คือรอพิพากษา

 

ว่ากันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมือใหม่ที่ไปที่เกิดเหตุ บางคนเป็นลมหมดสติ และคนอื่นๆ ยังคงชอกช้ำอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แม้แต่เจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ นอกจากนี้เพื่อนบ้านของหลี่จิงหมิงยังไม่กล้าออกจากบ้านในเวลากลางคืน เห็นได้ชัดว่าสภาพที่เกิดเหตุนั้นน่ากลัวเพียงใด เสี่ยวเซี่ยรู้สึกว่าสิ่งนี้สมเหตุสมผล เธอได้เห็นภาพถ่ายของที่เกิดเหตุมากมาย แค่ดูผ่านๆ เธอก็รู้สึกหนาวในกระดูกและไม่เต็มใจที่จะทำอะไรกับเรื่องนี้

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเธอต้องการจะรักษาระยะห่างแค่ไหนและไม่ว่าเธอจะกลัวตายแค่ไหน เธอก็ยังต้องแสดงท่าทางที่สงบและเฉลียวฉลาด เธอดึงสติตัวเองเมื่อมาถึงศูนย์ควบคุมตัวและได้พบกับผู้ต้องสงสัยในคดีอันน่าสยดสยองนี้

 

วันนี้ ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้คนถึงบอกว่าทนายความมีปฏิสัมพันธ์กับปีศาจ

 

“คุณหลี่ ฉันชื่อเยว่เสี่ยวเซี่ยค่ะ ฉันได้รับแต่งตั้งจากศาลให้เป็นทนายความของคุณ” เสี่ยวเซี่ยแนะนำตัวเองอย่างสงบ แต่เธอก็ยังไม่กล้าที่จะสบตาอีกฝ่าย

 

สายตาของหลี่จิงหมิงยังคงจ้องอยู่ที่พื้นและเขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ

 

“ในฐานะทนายความในการแก้ต่าง เป็นความรับผิดชอบของฉันที่จะต้องปกป้องสิทธิ์ทางกฎหมายของคุณ ดังนั้นฉันจะทำทุกอย่างที่อยู่ในอำนาจของฉันเพื่อช่วยคุณ” เสี่ยวเซี่ยยังคงพูดต่อไปในขณะที่สังเกตรอบๆตัวเมื่อเห็นเสี่ยวหวางนั่งทางด้านซ้ายของเธอในขณะที่หลี่จิงหมิงถูกแยกให้นั่งห่างออกไปด้วยโต๊ะที่แข็งแรงพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ทางด้านขวา เธอจึงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม จู่ๆ เธอก็ตระหนักได้ว่าเธอกำลังพูดจาแถลงเปิดแบบเดิม ๆ เหมือนพวกมือใหม่โดยอธิบายสิทธิของผู้ต้องสงสัยและไม่มีการตอบสนองใดๆ จากเขาเลย มันเหมือนกับว่าเธอกำลังเล่นพิณให้วัวฟัง

 

นี่ไม่ได้ผล!

 

ช่างเถอะ เธอยังคงเป็นทนายความที่สงบเยือกเย็น แม้ว่าความสามารถของเธอจะไม่ค่อยมีและอัตราการชนะของเธอก็ยังต่ำ แต่เธอจะต้องไม่ทำให้ตัวเองดูโง่ต่อหน้ารุ่นน้องได้! อีกอย่าง นี่เป็นการพบกันครั้งแรก ตามทฤษฎีแล้วเธอควรจะฟังและทำความเข้าใจในขณะที่สร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันกับจำเลย เธอจะมามัววิตกกังวลได้อย่างไร! ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว! มีเจ้าหน้าที่อยู่ด้วย เสี่ยวเซี่ยเธอต้องกล้ามากกว่านี้ เสี่ยวเซี่ยคิดกับตัวเองและบังคับตัวเองให้ฮึกเหิมขึ้นโดยหวังว่าจะหาวิธีการสื่อสารบางอย่างกับจำเลย

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอสังเกตจำเลยอย่างละเอียด

 

เขาดูพร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ ผิวของเขาซีดผิดปกติ อาจเป็นเพราะถูกขังไว้โดยไม่เจอแสงแดดหรืออาจเป็นสีผิวตามธรรมชาติของเขา เส้นเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนังมองเห็นอย่างชัดเจน ตัวของเขาดูเหมือนจะหดลงไปในเก้าอี้ไม้ และแม้แต่เงาของเขาก็ยังขดตัวอยู่ในความมืด ราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง ถ้าเขาไม่ได้มากับใคร เสี่ยวเซี่ยคงเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นหุ่นขี้ผึ้งจากภาพยนตร์เรื่อง “The Horrifying Wax Museum” แทนที่จะเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่

 

“ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยพูดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นได้ไหมคะ?” เสี่ยวเซี่ยจิบน้ำและพูดเปิดประเด็นอย่างไม่เต็มใจ มิฉะนั้นเธอคงต้องได้พุดกับตัวเองทั้งวัน

 

ในที่สุดดวงตาของหลี่จิงหมิงก็ขยับ จากนั้นคอของเขาหันกลับมาและเปลี่ยนจากการจ้องมองที่พื้นไปจ้องมองที่เสี่ยวเซี่ยแทน ปฏิกิริยาของเขาไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยแต่ทำให้เธอขนลุกขนชัน

 

ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยเหรอ? มุมที่คอของเขาหมุนแปลกๆ และดวงตาของเขากระจ่างชัดแต่แฝงเต็มไปด้วยความหมาย คนๆนี้ผิดปกติไปหมดแล้ว เขาถูกตัดสินว่าจิตใจมั่นคงพอที่จะถูกพิพากษาได้อย่างไรกัน?

 

“ผมไม่ได้ฆ่าใคร” หลี่จิงหมิงพูดขึ้น เสียงของเขาฟังดูเหมือนห่างไกล “ผมไม่ได้ฆ่าใคร” เขาย้ำเบาๆ “มีผี มันกลายร่างเป็นครอบครัวของผม มันบังคับผม มันฆ่าครอบครัวของผม เป็นมัน! ไม่ใช่ผม! ผมไม่ได้ฆ่าใคร!”

 

ขณะที่เขาพูด หลี่จิงหมิงก็ลุกขึ้นยืนและคว้าข้อมือของเสี่ยวเซี่ย

 

“ผมไม่ได้ฆ่าใคร! เป็นมัน! เป็นมัน! วิญญาณชั่วร้ายนั่น! ช่วยผมด้วย! ช่วยผมด้วย!"

 

ทุกคนตกใจกับเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างกะทันหัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามาจับตัวหลี่จิงหมิงที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ก่อนที่เขาจะถูกจับตัวไป เขายังคงตะโกนใส่เสี่ยวเซี่ยที่ถอยร่นไปที่มุมห้องด้วยความตกใจกลัวว่า “มีวิญญาณชั่วร้าย! เชื่อผมเถอะ มันฆ่าพวกเขา! เป็นมัน! มีวิญญาณชั่วร้าย!”

 

หลังจากเสียงโหยหวนที่น่ากลัวค่อยๆไกลออกไป เสี่ยวหวางก็หน้าซีดในขณะที่เขาพึมพำกับตัวเอง “พระเจ้า เขาต้องถูกผีสิง!”

 

ไม่ว่าเขาจะถูกผีสิงหรือไม่ ไม่ว่าเธอจะถูกเพื่อนร่วมงานเยาะเย้ยหรือไม่ และหัวหน้าพานจะเกลียดเหล็กที่ไม่กลายเป็นเหล็กกล้าหรือไม่ก็ตาม เธอไม่ต้องการทำอะไรกับคดีนี้อีกต่อไป เธอต้องการถอนตัว

 

เสี่ยวเซี่ยก้มศีรษะลงและมองไปที่ข้อมือของเธอ เธอรู้ว่าอีกไม่นานจะมีรอยช้ำเกิดขึ้น เธอเชื่อว่ามันจะต้องเป็นรอยมือผี นี่เป็นเพราะเธอรู้สึกถึงออร่าที่น่าตกใจและแรงกดดันจากร่างกายของหลี่จิงหมิง

 

คดีนี้อาจไม่ง่ายอย่างที่คิดและมันไม่ได้น่ากลัวแค่ในความหมายปกติเท่านั้น

 

ดังนั้นเธอจะต้องถอนตัว!

 

กลับหน้าหลัก ตอนถัดไป