Your Wishlist

หลินหลานเฟิน อัจฉริยะเหนือภพ (บทที่ 7)

Author: หอสมุดจีน

หลินหลานเฟิน อัจฉริยะสาวต้องมาตาย ในระหว่างที่กำลังค้นคว้าตำราที่ซื้อมาจากร้านขายของเก่า เมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีปรากฏว่ามาอยู่ในร่างของเด็กน้อยวัย 8 ขวบ ที่ป่วยขี้โรคเป็น 'ขยะ' ไร้ค่าที่ผู้คนต่างดูถูก

จำนวนตอน : N/A

บทที่ 7

  • 25/09/2564

บทที่ 7

 

 

หลังจากที่พูดคุยกันอยู่สักพัก ในที่สุดก็ถึงเวลาเปิดการประมูล หลานเฟินตอนนี้ในหัวของนางมีแต่ความคิด ถ้าท่านพ่อรู้ว่ามีเงินมากมายขนาดนี้ ท่านจะทำหน้าอย่างไร

ทางด้านเทียนหรง ตอนนี้ท่าทางของเขาเหมือนหมดอาลัยตายอยาก เงินห้าล้านหมดไปแล้ว กับค่าจ้างค่าวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ นี่บุตรสาวของเขาจะสร้างโรงเตี๊ยมหรือพระราชวังกันแน่ ทำไมมันถึงได้ใช้เงินเยอะแยะแบบนี้ เฮ้อ…

“ยินดีต้อนรับทุกท่านที่มาในวันนี้ ข้าฝางคุนได้รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการประมูลในวันนี้ วันนี้จะมีสินค้าพิเศษเข้าประมูล ทางเราเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราจะเริ่มที่สิ้นค้าชิ้นแรกกันเลย”

“สินค้าชิ้นแรกเป็น…”

“…”

“…”

สินค้าถูกประมูลไปแล้วกว่า สิบชิ้นผ่านไปแล้วกว่าสองชั่วยาม

“เด็กน้อยไม่มีสิ่งใดที่เจ้าสนใจ อะไรบ้างเลยหรืออย่างไร” ผู้อาวุโสมู่เอ่ยถาเมื่อเห็นว่าหลานเฟินเงียยมาตลอดตั้งแต่เริ่มเปิดประมูล

“ตอนนี้ยังไม่มีอะไร น่าสนใจเจ้าค่ะ” หลานเฟินตอบออกไปตามจริง เดิมทีนางคิดว่าสิ่งของที่เข้าร่วมประมูลจะมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่านี้

“กว่าจะถึงเวลานำสินค้าหลักขึ้นมา ก็คงอีกนานเจ้ารออยู่ที่นี่ไปก่อน ข้าจะออกไปดูว่าเหลือของอีกกี่อย่าง”

“เจ้าค่ะ”

ผู้อาวุโสมู่กลับมาแล้วพร้อมกับในมือของท่านที่ถือขนมของกินเล่นมากมายหลากหลายชนิดติดมือกลับมาด้วย

“เจ้าหิวหรือยัง กินอะไรรองท้องเสียหน่อยอีกนานกว่าจะถึงเวลาที่สินค้าหลักจะออก” ผู้อาวุโสมู่ส่งขนมให้หลานเฟิน

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านปู่มู่” หลานเฟินตอบออกไปพร้อมกับส่งรอยยิ้มน่ารักที่ทำใจละลายไปให้

“ท่านปู่ล่ะเจ้าคะ ไม่ทานพร้อมกับเฟินเอ๋อร์หรือ”

โอ้... ข้าอยากขโมยเด็กคนนี้กลับไปบ้านด้วยจังเลย “กินสิ ข้าจะกินพร้อมกับเจ้านี่แหละ”

“ท่านปู่มู่ ท่านใจดีที่สุดเลย”

ผ่านไปอีกสองชั่วยาม ในที่สุดก็ถึงเวลาที่พระเอกของงานจะได้เปิดตัวเสียที ตอนนี้หลานเฟิน นั่งสัปหงกอยู่ในห้อง

“ในที่สุดก็ถึงเวลาที่พวกท่านรอคอย สมบัติวิเศษของเราในวันต่อให้พวกท่านใช้เวลาทั้งชีวิตก็ใช่ว่าจะหาพบ หรือต่อให้ใช้อาณาจักรทั้งอาณาจักรก็ใช่ว่าจะได้ครอบครอง นำออกมา”

หลังจากสิ้นเสียงของฝางคุน ท่านเจ้าหอได้นำของสิ่งนั้นเข้ามาด้วยตนเอง

“นั่นท่านผู้อาวุโสหนิง ท่านถึงขั้นนำของสิ่งนั้นออกมาด้วยตนเอง”

“มันคือสิ่งใดกัน”

“ต่อไปข้าจะเป็นผู้ดำเนินการต่อเอง” ผู้อาวุโสหนิงพูดขึ้นมา ทำให้ผู้คนมากมายที่เริ่มส่งเสียงพูดคุย ต้องเงียบลง

“เดิมทีข้าไม่รู้ว่าจะตั้งราคาของสิ่งนี้เช่นไร เพราะว่าขอสิ่งนี้มันได้หายสาบสูญไปนานกว่าสามหมื่นปีแล้ว เดินทีเราจะพบของสิ่งนี้ได้ในสถานที่ ที่มีปราณสวรรค์แต่ว่าในปัจจุบัน พวกท่านคงทราบกันดีว่าในแผ่นดินของเรามีแต่พลังฟ้าดินเท่านั้น ข้าได้รับของสิ่งนี้มาจากสหาย แต่ว่าสหายของข้าก็ได้รับมาจากผู้อื่นอีกที ของสิ่งนี้ก็คือ ‘ยาทิพย์’

“อะไรนะ ยาทิพย์ที่เป็นตำนานนั้นน่ะหรือ”

“ยาที่สามารถคืนชีวิตให้คนตายได้”

“สวรรค์ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่”

“…”

“…”

“อย่างที่พวกท่านทราบกันดี ข้าได้ยาทิพย์มาทั้งหมดสิบหยด ข้าได้แบ่งใส่ขวดแก้วไว้ทั้งหมดสิบขวด ข้าจะเริ่มประมูลที่ราคาขวดละยี่สิบล้านและผู้ที่จะเสนอเพิ่มราคาต้องเป็นราคาขั้นต่ำที่ห้าล้านขึ้นไปเริ่มได้”

“แปดสิบล้าน”

“เก้าสิบล้าน”

“หนึ่งร้อยล้าน”

“สองร้อยล้าน”

“…”

“…”

ความเงียบเข้าครอบคลุมทันทีที่มีคนเสนอราคาเพิ่มขึ้นเป็นเท่า

“มีผู้ใดจะให้ราคาเพิ่มอีกหรือไม่”

หนึ่ง

สอง

สาม

ป๊อก… เสียงค้อนเคาะสิ้นสุดการเสนอราคาดังขึ้น ราคายาทิพย์ขวดแรกถูกขายไปที่ราคาสองร้อยล้าน

“ยาทิพย์ขวดแรกเป็นของท่านหวังซุน แห่งอาณาจักรจันทร์วารี”

“ชิ้นต่อไปกติกายังคงเดิมเริ่มประมูลได้”

“…”

“…”

การประมวลยังคงแข่งขันกันอย่างดุเดือด ตอนนี้น้ำทิพย์บริสุทธิ์ได้ถูกประมูลไปแล้วหกหยด หยดที่สองถูกประมูลไปในราคาสองร้อยห้าสิบล้าน หยดที่สี่ร้อยห้าสิบล้าน หยดที่สี่และห้าได้หกร้อยล้าน หยดที่หกได้เจ็ดร้อยสามสิบล้าน ยิ่งยาทิพย์เหลือน้อยลงการประมูลยิ่งดุเดือดมากขึ้น

ผู้ที่ประมูลได้ไปในช่วงแรกต่างยิ้มยินดีในความโชคดีของตนเอง ที่ยอมทุ่มเงินทั้งหมดประมูลออกไป

คนเราอย่างไรก็กลัวตายกันทั้งนั้น การที่มียาทิพย์ไว้ในครอบครองก็เหมือนมีชีวิตเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชีวิต ต่อให้ต้องเสียเงินมากเท่าไหร่ก็ไม่มีผู้ใดปฏิเสธ

“ยาทิพย์ขวดที่เจ็ดประมูลได้”

“หนึ่งพันล้าน” เสียของชายชราดังขึ้น

“นั่นผู้อาวุโสมู่หนิ”

“เขาไม่ใช่ผู้ที่นำมาประมูลหรือ”

“เจ้านี่ความจำมีปัญหาหรืออย่างไร ไม่ได้ยินที่ผู้อาวุโสหนิงพูดหรืออย่างไรว่า ยาทิพย์นั้นผู้อาวุโสมู่ได้มาจากผู้อื่นอีกที

“…”

“ท่านปู่มู่นี่ท่านไม่เห็นต้องไปแข่งประมูลเลยด้วยซ้ำ”

“ทำไมหรือ ข้าก็เหมือนกับผู้อื่นนั่นแหละ และอีกอย่างข้าซื้อในนามของข้าหาใช่โรงโอสถ” ผู้อาวุโสมู่พูดขึ้น

“ขอบคุณนะเจ้าคะ” เดิมทีผู้อาวุโสมู่สามารถต่อรองซื้อขายได้ตั้งแต่ที่อยู่โรงโอสถ แต่เขากลับเรือกที่จะลงแข่งประมูล ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่น่านับถืออย่างนึง

“เจ้าว่าอะไรนะ ทำไมต้องขอบคุณข้า”

“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ” หลานเฟินเก็บชื่อของผู้อาวุโสมู่ไว้ในใจ ท่านเป็นอีกหนึ่งคนที่นางสมควรให้ความเคารพ

“มีใครที่ให้ราคาสูงกว่านี้อีกหรือไม่”

หนึ่ง

สอง

สาม… ป๊อก

“ยาทิพย์ขาดที่เจ็ด เป็นของผู้อาวุโสมู่แห่งโรงโอสถ”

“ต่อไปขวดที่แปด เริ่มประมูลได้”

“…”

“…”

“แปดร้อยล้าน”

“เก้าร้อยล้าน”

“เก้าร้อยสามสิบล้าน”

“มีผู้ใดจะเพิ่มราคาอีกหรือไม่”

หนึ่ง

สอง

สาม… ป๊อก

“ยาทิพย์ขวดที่แปด เป็นของท่านเกอหยุน แห่งดินแดนรกร้าง”

“ขวดที่เก้า เริ่มประมูลได้”

“หนึ่งพันล้าน”

“นั่นองค์จักรพรรดิ์หยวนหนิ”

“ท่านจักรพรรดิ์หยวน ให้ราคาหนึ่งพันล้าน มีผู้ใดจะให้ราคามากกว่านี้อีกหรือไม่”

หนึ่ง

สอง

สาม

“ยาทิพย์ขวดที่เก้าเป็นของท่านจักรพรรดิ์หยวน”

“ต่อไปนี้จะเป็นขวดสุดท้ายแล้ว เริ่มประมูลได้”

“หนึ่งพันล้าน”

“ท่านจักรพรรดิ์หยวนให้ราคาหนึ่งพันล้าน มีใครจะให้ราคาเพิ่มอีกหรือไม่”

“สองพันล้าน” เสียงของเด็กน้อยดังออกมาจากห้องรับรองพิเศษดังขึ้น หลานเฟินรู้ดีว่าตนเอง

“นั่นห้องรับรองของผู้อาวุโสมู่หนิ”

“แต่เสียงเมื่อครู่นี้เป็นเสียงของเด็กน้อยชัดๆ”

“เด็กน้อยนี่เจ้าจะทำอะไร”

“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ข้าแค่อยากรองเสนอราคาแข่งกับผู้อื่นดูบ้าง” หลานเฟินคาดว่าจักรพรรดิ์หยวนยังเหลือเหรียญอีกจำนวนมาก เพียงแต่คู่แข่งทั้งหมดทุนทรัพย์หมดกันไปมากแล้วไม่สามารถสู้ราคาแข่งกับจักรพรรดิ์หยวนได้ เหตุใดนางจะไม่รีดเหรียญจากจักรพรรดิ์หยวนออกมาให้หมดก่อนเล่า

“เจ้านี่มัน เด็กซน”

“แล้วถ้าหากไม่มีคนเสนอราคาต่อล่ะ เจ้าจะทำอย่างไร”

“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ มีคนสู้ราคาต่อแน่นอน”

หลานเฟิน มองไปที่ขวดแก้วใบสุดท้าย ไม่แปลกที่ไม่มีใครดูออกถึงการกระทำ ขององค์จักรพรรดิ์หยวน

‘ถ้าหากท่านคิดว่ายาทิพย์ของข้ามีราคาเพียงหนึ่งพันล้านเหรียญ ล่ะก็ท่านคิดผิดแล้ว’

นางปล่อยให้องค์จักรพรรดิ์เล่นสนุกมามากพอแล้ว หลานเฟินมองคนที่ประมูลน้ำทิพย์ของนางในช่วงแรกๆ ยามนั้นนางก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่นางสังเกตเห็นสายตาที่มองไปทางองค์จักรพรรดิ์หยวน คนเราเมื่อสนใจสิ่งใดก็ต้องมองหรือจดจ่อกับสิ่งนั้น แต่คนเหล่านั้นกลับไปมองขวดน้ำทิพย์เลยแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อมองการประมูลที่เหลือ นางก็เห็นคนที่มีพฤติกรรมแบบเดียวกันนี้ทั้งหมดสี่คน

และคนเหล่านั้นก็ได้ครอบครองน้ำทิพย์ของนาง จนกระทั่งถึงขวดที่จักรพรรดิ์หยวน แต่กลับไม่มีผู้ใดสู้ราคา เหมือนกับตอนที่ผู้อาวุโสมู่เสนอราคา ถ้าคนทั่วไปคงคิดว่าเงินที่ผู้อาวุโสมู่เสนอมานั้นเป็นเงินจำนวนมากแล้วไม่มีคนสู้ราคาต่อ นั่นก็รวมจักรพรรดิ์หยวนด้วย เขาจึงกล้าเสนอราคาหนึ่งพันล้านเหรียญ

หากนางคิดไม่ผิดล่ะก็ สี่คนนั้นต้องเป็นคนของจักรพรรดิ์หยวนแน่นอน ถ้ารวมกับของพระองค์เองตอนนี้เขาได้ครอบครองน้ำทิพย์ทั้งหมดห้าขวดไปแล้ว แต่สำหรับหลานเฟินนางไม่สนใจว่าเขาจะได้ครอบครองน้ำทิพย์ไปเท่าไร

แต่สิ่งที่นางไม่พอใจก็คือพวกเขากล้าวางแผนโกงจำนวนเหรียญที่จะได้มาของนาง อย่างไรซะหากจักรพรรดิ์อยากครอบครองน้ำทิพย์หยดสุดท้ายล่ะก็ เขาก็ต้องจ่ายอย่างสมน้ำสมเนื้อ

สรุปสั้นๆคือ นางคิดว่าหนึ่งพันล้านเหรียญ สำหรับซื้อชีวิตสำรองที่สองนั้นมันน้อยไป นางก็เลยจำเป็นต้องกระตุ้นนิดหน่อย

“มีใครจะให้ราคาเพิ่มอีกหรือไม่”

หนึ่ง

สอง

สะ...

“สามพันล้าน” จักรพรรดิ์หยวนกัดฟันพูดขึ้น

“มีใครจะให้ราคาเพิ่มอีกหรือไม่”

หนึ่ง

สอง

สาม… ป๊อก

“ยาทิพย์ขวดสุดท้ายเป็นของท่านจักรพรรดิ์หยวนขอแสดงความยินดีด้วย จบการประมูล”

เด็กสาวหันหน้าไปมองทางผู้อาวุโสมู่

“ไปรับเงิน กันเถอะเจ้าค่ะ”

เด็กคนนี้รู้อยู่แล้วหรือว่าจักรพรรดิ์หยวนจะสู้ราคา ข้าคงแก่เกินไปแล้วหูตาเลยไม่ดี

“ไปกันเถอะ”

“เฒ่าหนิงดูเหมือนวันนี้เจ้าจะทำรายได้มหาศาลเลยนะ”

“ฮ่ะฮ่าฮ่า.... ก็ต้องขอบใจเจ้าล่ะนะ อ่ะ นี่ตั๋วเงิน ทั้งหมดเจ็ดพันห้าสิบหกล้านเหรียญ ข้าได้หักส่วนแบ่ง 30%แล้ว”

“เฟินเอ๋อร์รับตั๋วเงินมาสิ”

“เจ้าค่ะ” หลานเฟินรับตั๋วเงินมาแล้ว มีตั๋วเงินห้าพันล้าน 1 ใบ หนึ่งร้อยล้านอีก 4 ใบ สิบล้าน 8 ใบ หนึ่งล้าน 1 ใบ

‘ท่านพ่อจะทำหน้ายังไงกันนะ’

“งั้นข้ากับเฟินเอ๋อร์ ขอกลับก่อนแล้วกัน”

“มีของดีอีกอย่าลืมมาหาข้าแล้วกัน”

“อืม..... ครั้งหน้าข้าจะจัดประมูลเอง”

จวนตระกูลหลิน

“ลูกกลับมาแล้วเจ้าค่ะ คาราวะท่านแม่เจ้าค่ะ” หลานเฟินเข้าไปเอาใจมารดาด้วยการหอมแก้มไปหนึ่งฝอดใหญ่

ตั้งแต่เธอมาอยู่ในร่างนี้ ส่วนใหญ่นางจะไปอยู่ที่ห้องหนังสือ กับบิดาเป็นส่วนใหญ่ เมื่อออกมาจากห้องหนังสือบิดา นางจึงไปอยู่กับมารดาบ้างเป็นครั้งคราว ช่วยไม่ได้มารดาของนางชอบบังคับให้นางเรียนวิถีสตรีที่ควรเป็น มันทำให้นาวแทบขาดใจ แต่หลังมานี้นางได้ออกแบบเสื้อผ้า เครื่องประดับอยู่กับท่านแม่บ่อยๆ ทำให้ลดภาระการร่ำเรียนวิถีสตรีอะไรนั่นไปบ้าง

“ออกไปไหนมาล่ะคราวนี้”

“ลูกไม่ได้ไปเที่ยวเล่นที่ไหนนะเจ้าคะ ลูกไปหาผู้อาวุโสมู่ ที่โรงโอสถมาเจ้าค่ะ”

“ไปหาท่านผู้อาวุโสมู่ ลูกรู้จักท่านด้วยหรือ”

“เจ้าค่ะ ท่านพ่อพาลูกไปที่โรงโอสถ และได้รู้จักกับผู้อาวุโสที่นั่นเจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านพ่อยังไม่กลับมาหรือเจ้าคะ”

“พ่อเราไปรับพี่ชายของลูกที่ท่าเรือน่ะ”

“ท่านพี่กลับมาแล้วหรือเจ้าค่ะ”

“ใช่แล้วล่ะ ว่าแต่ลูกเถอะออกไปข้างนอกมาทั้งวัน กินอะไรมาบ้างหรือยัง”

“เรียบร้อยดีแล้วเจ้าค่ะ ท่านปู่มู่ใจดีหาของอร่อยๆมาให้กินเยอะแยะไปหมด”

“หึ..หึ..ถ้างั้นก็ไปช่วยแม่เตรียมอาหารไว้ให้ท่านพ่อและท่านพี่ของลูก”

ผ่านไปสองชั่วยาม

เสียงรถม้า หยุดลงที่ด้านหน้าของจวนตระกูลหลิน

“ท่านพ่อกับท่านพี่ของลูกน่าจะมาถึงกันแล้ว ออกไปข้างนอกกันเถอะ”

“เจ้าค่ะ”

พรึ่บ... เสียงม่านกั้นประตูรถม้าถูกเปิดออก

“ท่านแม่ลูกกลับมาแล้ว” พี่ชายคนโตพูดขึ้นมาเป็นคนแรก ตามด้วยพี่ชายคนรอง

“ท่านแม่ลูกก็กลับมาแล้ว”

“นั่นน้องหญิงท่านพี่” พี่ชายคนรองเขย่าแขนพี่ชายพรางชี้นิ้วมามานาง พี่ชายคนโตหันหน้ามองมาทางนาง

หลานเฟินส่งยิ้มหวานไปให้

“ท่านพี่ ท่านกลับมาแล้วข้ากับท่านแม่เตรียมของอร่อยๆไว้ให้ท่านพี่เยอะเลยล่ะ”

“เข้าไปข้างในกันก่อนเถอะ เฟินเอ๋อร์กินข้าวเสร็จไปหาพ่อที่ห้องหนังสือ”

“เจ้าค่ะ”

หลังจากทานข้ามเสร็จ หลานเฟินก็มาหาท่านพ่อที่ห้องหนังสือ

“เป็นอย่างไรบ้างวันนี้”

“ท่านเจ้าหอ ตั้งราคาขั้นต่ำให้หยดละสิบล้านเหรียญเจ้าค่ะ” หลานเฟินหยิบตั๋วเงินออกมา 1 ใบ

“นี่เจ้าค่ะ ตั๋วเงินจำนวนหนึ่งพันล้านเหรียญ”

“อะไรนะ นี่ได้ราคาขนาดนั้นเลยหรือ นี่มันหนึ่งหยดมีค่าถึงหนึ่งร้อยล้านเชียวรึ”

‘ท่านพ่อนี่แค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น ท่านก็ตกใจขนาดนี้แล้ว ถ้าหากท่านรู้ว่าที่จริงแล้วราคาของมันสูงกว่านั้น เกรงว่าท่านพ่อคงมิวายหัวใจวายก่อนได้ใช้เงินกันพอดี

 

ทุกวัน
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป