Your Wishlist

หลินหลานเฟิน อัจฉริยะเหนือภพ (บทที่ 6)

Author: หอสมุดจีน

หลินหลานเฟิน อัจฉริยะสาวต้องมาตาย ในระหว่างที่กำลังค้นคว้าตำราที่ซื้อมาจากร้านขายของเก่า เมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีปรากฏว่ามาอยู่ในร่างของเด็กน้อยวัย 8 ขวบ ที่ป่วยขี้โรคเป็น 'ขยะ' ไร้ค่าที่ผู้คนต่างดูถูก

จำนวนตอน : N/A

บทที่ 6

  • 20/09/2564

บทที่ 6

“ท่านผู้อาวุโสมู่ขอรับ ท่านเจ้าหอเชิญท่านขึ้นไปพบที่ด้านบนขอรับ” ข้ารับใช้ผู้หนึ่งเดินเข้ามารายงาน

“อืม...”

“ตาเฒ่ามู่ลมอะไรหอบเจ้ามาถึงที่นี่กัน” เสียงชราเอ่ยทักด้วยความสนิทสนมราวกับสหายเก่าที่ไม่เจอกันนาน

“เฒ่าหนิง ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่อยากเจอข้านะ” ผู้อาวุโสมู่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยินดียินร้าย

“จะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร โฮ่ะๆๆ”

“ชิ.. นี่เจ้าจะไม่คิดเชิญชายชราผู้นี้นั่งเลยหรือ” ผู้อาวุโสมู่เอ่ยขึ้นคล้ายตำหนิ

“เจ้าเคยรอข้าเชิญเจ้านั่งด้วยหรืออย่างไร ว่าแต่ที่เจ้ามาหาข้ามีกิจอันใดกัน” ผู้เฒ่าตอบกลับไม่สนใจคำพูดคล้ายตำหนิของผู้อาวุโสมู่

แน่นอนคำพูดสองคนที่เอ่ยขึ้นมานั้นไม่ได้จิงจังกันมากนัก คล้ายเป็นการพูดหยอกล้อกันมากกว่า เนื่องจากผู้เฒ่าทั้งสองไปมาหาสู่กันบ่อยจนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

“ฮ่าฮ่าฮ่า... ข้ามีของดีมาให้เจ้าช่วยนำไปเข้าประมูล” ผู้อาวุโสมู่พูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี

“โอ้ว...เจ้านำอะไรมาล่ะครั้งนี้” ผู้เฒ่าหนิง แสดงออกถึงความสนใจ สิ่งของที่ผู้เฒ่ามู่นำมาด้วยตัวเอง มันต้องมีค่ามากแน่ๆ

“เดิมทีของสิ่งนี้มีคนนำมันมาขายให้แก่ข้า แต่ว่าข้านั้นไม่รู้จะซื้อในราคาเท่าใดดี” ผู้เฒ่ามู่ยังคงไม่ตอบคำถามผู้เฒ่าหนิง

“แล้วของที่ว่านั่นคืออะไรล่ะ” ผู้เฒ่าหนิงถามขึ้นด้วยความสูงสัย

“ข้าก็เลยบอกเขาว่าข้า จะนำมาที่หอประมูลให้หอประมูลนำเข้าประมูลให้”

“แล้วมันอะไรล่ะตาเฒ่ามู่ หากครั้งนี้ยังไม่ยอมตอบคำถามอีก ข้าจะเตะส่งเจ้าไปข้างนอก” ผู้เฒ่าหนิงเริ่มหงุดหงิด กับความลีลาของผู้เฒ่ามู่

ผู้เฒ่ามู่ยังคงไม่ตอบคำถาม แต่กลับยื่นขวดแก้วไปข้างหน้าแทน

“นี่หรือคือสิ่งที่ทำให้เจ้าต้องมาหาข้า”

“ใช่มันคือน้ำทิพย์บริสุทธิ์ ข้านั้นไม่สามารถตีราคาของมันได้” ผู้เฒ่ามู่ตอบออกมาตรง

“นี่ท่านบอกว่ามีคนนำมาขายให้ท่าน ยาทิพย์เช่นนี้ยังนำมาขาย เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ หรือไม่เขาก็มีเยอะเกินไปเป็นไปไม่ได้” ผู้เฒ่าหนิงตอนนี้สติหลุดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“เฒ่าหนิง เจ้าสามารถตีราคาได้หรือไม่”

“เฮ้อ... ข้าก็จนปัญญา ของสิ่งนี้ต่อให้นำเมืองทั้งเมืองมาแลก ก็ยังไม่มีค่าเทียบเท่า ค่าเข้าใจความลำบากของเจ้าแล้วเอาเป็นว่าเรานำมันเข้าประมูลในอีก 3 วันข้างหน้า ข้าจะส่งจดหมายแจ้งออกไปภายนอก ข้าว่าครั้งนี้คงจะมีคนแห่มาเข้าร่วมมิใช่น้อย ส่วนเรื่องราคา ทางหอประมูลจะแบ่งออก30%เหมือนเดิม ส่วนการประเมินราคาเริ่มต้นข้าขอคิดอีกทีแล้วกัน”

“อืม... ตกลงตามนั้นสามวันเจอกันที่นี่ จัดห้องพิเศษขนาดกลาง ไม่ให้ข้าหนึ่งห้อง”

ณ จวนตระกูลหลิน ภายในห้องหนังสือ

“ผู้อาวุโสมู่แจ้งมาแล้วว่า งานประมูลจะจัดขึ้นในอีก 3 วัน ให้เราเดินทางไปพบท่านที่โรงโอสถ แล้วค่อยเดินทางไปพร้อมกันที่หอประมูล”

“เจ้าค่ะท่านพ่อ” หลานเฟินตอบรับออกไป ก่อนที่นางจะเอ่ยปรึกษาบิดาเรื่องร้านค้าของตนระกูลหลิน

“ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกคิดว่าเราควรจะเริ่มเปลี่ยนแปลงชื่อหอสินค้าของเราใหม่ทั้งหมด ลูกไม่อยากให้ผู้ใดรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นกิจการของตระกูลหลิน” หลานเฟินเสนอความคิด

ตระกูลหลินในยามนี้อยู่ในช่วงที่กำลังตกต่ำ หากอยู่ๆกิจการของตระกูลหลินเฟื่องฟูขึ้นมาในระยะเวลาเช่นนี้ คาดว่าจะเป็นที่โจมตีของเหล่าขุนนางในราชสำนักเอาได้ ถึงแม้ว่าบิดาของนางจะออกจากราชสำนักมาแล้วแต่เขาก็มีศัตรูอย่างเช่นเสนาบดีหาว่างอยู่

ในขณะเดียวกันในยามนี้ ด้านนอกได้มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับงานประมูลที่จะจัดขึ้นในครั้งนี้ ว่ามีสิ่งของหายากเข้าร่วมประมูลด้วย ข่าวนี้สร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งแคว้นเกา รวมไปถึงแคว้นที่อยู่ใกล้เคียงด้วย

“ข้าได้ข่าวมาว่าหอประมูลมีสินค้าพิเศษเข้าร่วมข้าได้ยินมาว่าของชิ้นนี้มีค่าควรเมืองข้าอยากรู้นักว่าผู้ใดจะได้ครอบครอง”

“ใช่ ข้าก็เห็นมีคนแปลกหน้ามากมายในเมือง”

“…”

ทางด้านสองพ่อลูกที่กำลังพูดคุยกันอยู่ หารู้ไม่ว่าสิ่งที่พวกเขานำเขาประมูลนั้นสร้างความโกลาหลไว้มากมายเพียงใด

“อีกห้าวันพี่ชายของลูกทั้งสองก็จะกลับมาจากสำนักศึกษาแล้ว ส่วนเรื่องกิจกรรมพ่อยกให้ลูกดูแลทั้งหมดเลยแล้วกัน พ่อเชื่อว่าเฟินเอ๋อร์ต้องทำได้”

“เจ้าค่ะ ท่านพ่อเตียมรอชมได้เลยเจ้าค่ะ ลูกจะทำให้ท่านพ่อตกใจตาค้างอีกครั้ง”

หลังจากนั้นหลานเฟิน ก็ได้ออกแบบโรงเตี๊ยมของนางใหม่ทั้งหมด นางได้ทำการเปลี่ยนโครงสร้างของร้าน จากเดิมที่เป็นไม้ตอนนี้ นางใช้หินสีขาวทั้งหมดในการสร้าง รูปแบบร้านนางใช้ทรงปราสาทความสูง 3 ชั้น ผนังของร้านทำด้วยหินสีขาวทั้งหมด ทุกชั้นจะมีหน้าต่างไว้สำหรับชื่นชมทิวทัศน์ด้านนอก ตรงกลางนางจะสร้างลานน้ำพุขึ้นมา

ส่วนโต๊ะนั่งนางจัดเป็นล็อคใครล็อคมันเพื่อความเป็นส่วนตัว นางได้สร้างฉากกั้นและตกแต่งด้วยต้นไม้รอบๆ ส่วนห้องพิเศษนาวนั้นได้สร้างไว้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสวนดอกไม้ ลานน้ำพุส่วนใหญ่จะเน้นความร่มรื่นของธรรมชาติ

ทางด้านอาหารนางก็ได้เตียมเมนูใหม่ทั้งหมดแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดเคยเห็นมาก่อน นางได้วางแผนไว้ว่าจะสร้างอาคมอักขระไว้รอบๆ ไม่ว่าจะเป็นอักขระป้องกันและอักขระไว้ใช้ควบคู่กับสิ่งของ อย่างเช่นอุปกรณ์ทำครัว อุปกรณ์ตกแต่งห้องต่างๆ แน่นอนว่าทุกอย่างนี้ไม่มีผู้ใดเคยเห็นและรู้จักมาก่อน

โรงเตี๊ยมหอมหวนปิดกิจการอย่างถาวร ตอนนี้ผู้คนต่างกำลังมุงดูสิ่งปลูกสร้างที่มีขนาดใหญ่ถึงแม้ว่าจะยังสร้างไม่เสร็จ แต่ก็สามารถดึงดูดความสนใจจากฝูงชน

“ตรงนี้ไม่ใช่ของตระกูลหลินแล้วหรือ”

“ข้าได้ยินมาว่า บุตรสาวของท่านอดีตแม่ทัพป่วยหนัก ท่านอาจจะใช้เงินไปกับการรักษาบุตรสาว จนหมดแล้วก็เป็นได้”

“ใช่ข้าก็ได้ยินมาว่า เพราะนางใกล้ตาย ท่านหลินถึงกับนำสมบัติของตระกูล ไปขายเพื่อแลกเป็นเงินเพื่อนำไปรักษานาง”

“ข้าว่านะ ความรุ่งเรืองตระกูลหลินต้องถึงเวลาล่มสลายแล้ว”

“…”

“…”

……………………

ข่าวคราวของตระกูลหลิน ขายกิจการเพื่อนำเงินมารักษาบุตรสาว ที่ป่วยใกล้ตาย ถูกแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง ในเวลาเดียวกันก็มีข่าวใหญ่อีกหนึ่งข่าวในชนชั้นสูง สมบัติวิเศษมีค่าควรเมืองถูกนำมาเข้าประมูล ถึงแม้หอประมูลจะไม่กล่าวถึงสิ่งที่นำมาเข้าประมูล แต่ว่ากลับแค่แจ้งว่าโรงโอสถ ได้นำสมบัติวิเศษมีค่าควรเมืองเข้าประมูลเท่านั้น แต่ว่าของควรเมืองเพียงอย่างเดียว ต่อให้นำเมืองทั้งเมืองมาแลกก็ใช่ว่าจะได้มาครอบครอง ยังไม่รวมที่ของชิ้นนี้ถูกนำเข้าประมูลโดยโรงโอสถ

และแล้วก็ถึงวันประมูล เทียนหรงมิได้ไปด้วยเพราะต้องจัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่บุตรสาวต้องการ มาเพื่อสร้างโรงเตี๊ยมใหม่ของนาง

ตอนนี้หลานเฟิน เดินทางมาที่หอโอสถพร้อมกับองครักษ์คนสนิทของท่านพ่อ

“ข้ามาขอพบผู้อาวุโสมู่” หลานเฟินแจ้งจุดประสงค์ของการมากับพนักงานต้อนรับ

“อะ... นี่เด็กน้อยเจ้าคิดว่าผู้อาวุโสมู่ ใครก็สามารถเข้าพบได้หรืออย่างไร” พนักงานต้อนรับพูดออกมาอย่างดูถูก

“เหอะ... พวกระดับล่างดีแต่พูด” หลานเฟินหยิบตราหยก ที่ผู้อาวุโสมู่ได้ฝากคนนำมาให้ตอนไปแจ้งกำหนดวัน

“นี่มัน...!! ขออภัยขอรับท่านผู้อาวุโสรออยู่ด้านบนของรับ” พนักงานต้อนรับรีบขออภัยทันทีที่เห็นตราหยก

“ผู้อาวุโสขอรับ แขกที่ท่านรอมาถึงแล้วขอรับ” เกือบจะซวยแล้วไหมล่ะ ทำไมเด็กน้อยคนนี้ถึงได้เป็นแขกของผู้อาวุโสมู่ได้กัน

“คาราวะผู้อาวุโสเจ้าค่ะ”

“ไม่ต้องมากพิธี เรียกข้าท่านปู่ก็ได้” ผู้อาวุโสมู่พูดอย่างเป็นกันเองกับหลานเฟิน

“เจ้าค่ะ ท่านปู่มู่” หลานเฟินตอบรับอย่างว่าง่าย

“ว่าแต่เจ้ามาผู้เดียวหรือ” ผู้อาวุโสมู่ถามออกมาด้วยความสงสัย

“เจ้าค่ะ ท่านพ่อติดธุระอื่นอยู่เลยมามิได้เจ้าค่ะ”

“ไม่เป็นไร เช่นนั้นเราไปหอประมูลกันเถอะข้าได้จองห้องพิเศษไว้แล้ว”

“เจ้าค่ะ ท่านปู่”

“ฮ่าฮ่าฮ่า.. ดีดีดี”

ณ หอประมูล

ผู้คนมากมายเริ่มทยอยมาคอยดูสินค้าหลักของหอประมูล ต่อให้ไม่ได้ครอบครองเพียงแค่ได้มองก็ถือว่าเป็นบุญตาแล้ว มีเพียงแค่ผู้ที่มีชื่อเสียงและเงินทองเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์ในการครอบครอง

“ข้าได้ข่าวว่าผู้อาวุโสมู่แห่งโรงโอสถเป็นผู้นำมาเข้าประมูล”

“ท่านต้องยิ่งใหญ่ถึงเพียงไหน ถึงได้นำสมบัติล้ำค่ามาประมูล”

“ท่านเป็นถึงผู้ปรุงโอสถ ระดับปรมาจารย์ ท่านอาจจะไม่ได้สนใจในสมบัติก็เป็นได้” เสียงผู้คนมากมาย ต่างก็พากันพูดคุย

ในเวลานั้นเองก็มีรถม้าคันหนึ่งได้มาหยุดอยู่ที่หน้าหอประมูล ชายชราและเด็กสาวตัวน้อยได้ลงมาจากรถม้า

“เอ๊ะ... นั่นผู้อาวุโสมู่นี่ ท่านมาที่นี่แสดงว่าข่าวลือที่ว่าผู้อาวุโสมู่เป็นผู้นำสมบัติล้ำค่า เข้าประมูลเป็นเรื่องจริงแล้วผู้อาวุโสมากับใคร เด็กนั่นลูกหลานตระกูลใดกัน ผู้อาวุโสถึงได้พามาด้วย”

“ท่านปู่ นี่คือหอประมูลที่ท่านกล่าวถึงหรือเจ้าคะ”

“ใช่แล้วตาเฒ่าของหอประมูลกับข้าจะนับว่าเป็นสหายกันก็ว่าได้ ไปข้างในกันเถอะหากเจ้าสนใจสินค้าอื่นก็ลงแข่งประมูลได้เลย”

“เจ้าค่ะ” หนึ่งชายชราหนึ่งเด็กน้อยได้เข้าไปข้างในแล้ว

“นี่พวกเจ้าได้ยินเหมือนข้าหรือไม่ นางเรียกท่านผู้อาวุโสมู่ว่า ท่านปู่”

“หลานสาวผู้อาวุโสมู่อย่างนั้นรึ ไม่สิผู้อาวุโสไม่มีพี่น้องไม่มีบุตรแล้วจะมีหลายได้อย่างไร”

“คาราวะท่านผู้อาวุโสมู่ขอรับ ท่านเจ้าหอเชิญท่านขึ้นไปด้านบนขอรับ”

“นำทาง”

……….

“ท่านเจ้าหอขอรับ ผู้อาวุโสมู่มาถึงแล้วขอรับ”

“นำเขาเข้ามา”

“ขอรับ เชิญท่านผู้อาวุโสด้านในขอรับ”

“มาถึงแล้วหรือ เฒ่ามู่เจ้าลักพาบุตรหลานบ้านใดมา”

“โอ้ เฒ่าหนิงเจ้าชั่งปากคอเราะร้ายเสียจริง นี่เฟินเอ๋อร์เห็นไหมว่าปู่น่าเคารพแค่ไหนหากเทียบกับคนแถวนี้”

“เฒ่าหนิงนี่เฟินเอ๋อร์หลานสาวข้า” ผู้อาวุโสมู่แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน “ส่วนนี่ตาเฒ่าหนิงเป็นเจ้าหอ ของหอประมูลนี้”

“คาราวะผู้อาวุโสหนิงเจ้าค่ะ”

“ไม่ต้องมากพิธีหรอก หลานเฒ่ามู่ก็เหมือนหลานข้า ว่าแต่เฒ่ามู่ใช้อะไรมาหรอกเจ้ากัน ถึงยอมเรียกมันว่าปู่”

“เรามาเข้าเรื่องกันเถอะ นี่ก็ใกล้เวลาประมูลแล้ว ข้าจะพาเฟินเอ๋อไปดูสินค้าอื่นๆด้วย เรื่องราคาเริ่มต้นเจ้าได้ตั้งราคาขั้นต่ำไว้เท่าใด”

“สิบล้านเหรียญ ต่อหนึ่งหยด”

“สูงถึงเพียงนั้นเชียว สมแล้วที่เป็นถึงยาทิพย์” (น้ำทิพย์ที่มีความบริสุทธิ์สูงจะถูกเรียกว่ายาทิพย์ มีคุณสมบัติช่วยแย่งชีวิตมาจากความตายได้ ต่อให้เหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายก็ตาม)

 

ทุกวัน
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป