Your Wishlist

หลินหลานเฟิน อัจฉริยะเหนือภพ (บทที่ 5)

Author: หอสมุดจีน

หลินหลานเฟิน อัจฉริยะสาวต้องมาตาย ในระหว่างที่กำลังค้นคว้าตำราที่ซื้อมาจากร้านขายของเก่า เมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีปรากฏว่ามาอยู่ในร่างของเด็กน้อยวัย 8 ขวบ ที่ป่วยขี้โรคเป็น 'ขยะ' ไร้ค่าที่ผู้คนต่างดูถูก

จำนวนตอน : N/A

บทที่ 5

  • 03/09/2564

บทที่ 5

“ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ” พนักงานต้อนรับกล่าวขึ้นทันที นางรู้จักท่านอดีตแม่ทัพเขามักจะมาซื้อสมุนไพรไปให้บุตรสาวของเขาอยู่เป็นประ

“อืม.. ผู้ดูแลอยู่ไหม” เทียนหรงไม่ต้องการเสียเวลา เขาขอพบผู้ดูแลโรงโอสถโดยทันที

“อยู่เจ้าค่ะ รอสักครู่นะเจ้าคะ”

พนักงานต้อนรับตอบออกมาก่อนจะรีบไปแจ้งผู้ดูแล เพียงไม่นานหญิงสาวก็กลับออกมาพร้อมกับชายชราที่ท่าทางดูใจดีคนหนึ่ง

“คาราวะท่านหลิน ไม่ทราบว่าท่านหลินต้องการพบชายชรามีอะไรที่ชายชราผู้นี้สามารถช่วยท่านได้” ชายชราเดินออกมาทักทายทันทีที่เห็นเทียนหรง

“คาราวะผู้อาวุโสมู่ขอรับ” เทียนหรงคาราวะตอบอย่างมีมารยาทเช่นกัน

ถึงแม้ว่าชายชราผู้นี้จะเป็นเพียงผู้ดูแลโรงโอสถแห่งนี้ แต่ก็ไม่สามารถดูถูกเขาได้ ระดับการฝึกฝนของเขาแตะระดับขั้นสีครามแล้ว ซึ่งระสูงกว่าเขาหนึ่งระดับ

“เชิญท่านหลินตามสบายเถอะ”

“ข้าต้องการขายสิ่งนี้ ท่านช่วยดูให้ข้าหน่อย” เทียนหรงกล่าวออกมาน้ำเสียงไม่มั่นใจนักเขาไม่รู้ว่าสิ่งที่บุตรสาวให้มาขายมันคือสิ่งใด

“โอ้ว... ท่านนำของมาขายสิ่งใดกัน” เทียนหรงยื่นขวดแก้วไปให้ผู้อาวุโสมู่

“นี่มัน.....” ผู้อาวุโสมู่ชะงักไป

เทียนหรงที่อยู่อีกด้านตอนนี้เริ่มยืนไม่สุขแล้ว

“ท่านหลิน..!!! ท่านได้สิ่งนี้มาจากที่ใดกัน” ผู้อาวุโสมู่เอ่ยถามออกมาด้วยความตื่นเต้น แววตาฉายแววละโมบออกมาจางๆ

“มีคนฝากข้ามาขายขอรับ มันคือสิ่งใดกันผู้อาวุโสมู่” เทียนหรงถามออกมาด้วยความอยากรู้ ของสิ่งนั้นต้องไม่ธรรมดาอย่างที่เขาเอาไว้อย่างแน่นอน

“นี่ท่านไม่รู้หรือว่านี่คือสิ่งใด??” ผู้อาวุโสมู่ถามออกมาด้วยความสงสัย

“ขอรับคนผู้นั้นไม่ได้บอกสิ่งใดกับข้า” เมื่อนึกถึงหน้าบุตรสาวที่ไม่ยอมบอกแล้วมันทำให้เขาอยากรู้จนใจจะขาดแล้ว แล้วตอนนี้ก็ผู้อาวุโสมูลอีกคน!! ‘อยากรู้ใจจะขาดแล้วช่วยรีบบอกทีเถอะ!!’

“มันคือ.....น้ำทิพย์บริสุทธิ์ ของมีค่าควรเมืองจัดได้เป็นยาระดับสูงที่หายาก ส่วนใหญ่ผู้ที่มีในครอบครองก็มีแต่พรรคสำนักใหญ่เท่านั้น แต่ชายชราไม่เคยเห็นน้ำทิพย์ที่บริสุทธิ์ขนาดนี้มาก่อน”

อะไรนะ!!!!! ‘นี่คือน้ำทิพย์แถมบริสุทธิ์อีกนี่มันนางไปได้มาจากที่ไหน น้ำทิพย์บริสุทธิ์นี้เรียกได้ว่าเป็นยาอายุวัฒนะได้เลยด้วยซ้ำ’

ตอนนี้เทียนหรงสติหลุดไปแล้ว นับวันเขายิ่งไม่เข้าใจบุตรสาวมากขึ้นทุกที นี่นางยังใช่บุตรสาวของเขาอยู่ไหม

“ท่านหลินน้ำทิพย์บริสุทธิ์นี้มีถึงสิบหยด ท่านจะขายทั้งหมดหรือไม่” ผู้อาวุโสมู่รีบถามออกไปเนื่องจากกลัวเทียนหรงจะเปลี่ยนใจหลังจากที่รู้ถึงสรรพคุณของยานั้น

น้ำทิพย์บริสุทธิ์หนึ่งหยดนั้นก็สามารถคืนชีวิตให้กับคนที่ใกล้ตายได้ ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็ไม่สามารถหาซื้อได้

“บุตรเอ่อ... นางต้องการให้ข้าขายทั้งหมด” เทียนหรงเกือบจะเผลอเรียกบุตรสาวออกไปจึงรีบเปลี่ยนคำพูด

ส่วนคนต้นเรื่องตอนนี้กำลังเดินดูสมุนไพรอยู่อย่างสบายอารมณ์ แต่หูก็ฟังเสียงสนทนาของพวกเขาไปด้วย นางคิดไม่ถึงเลยว่า

“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะซื้ออย่างไรกับของควรเมืองนี้หากเป็นสมุนไพรหรือยาระดับสูงธรรมดาราคาก็จะอยู่ที่หลักร้อยล้านเอาอย่างนี้ไหม ข้าจะช่วยท่านนำไปเข้าประมูลข้าบอกท่านตามตรง ของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ประเมินค่ามิได้” ผู้อาวุโสมู่ไม่กล้าปิดบัง ผู้ที่สามารถนำสิ่งของล้ำค่าออกมาขายอย่างง่ายดายเช่นนี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาที่ควรหาเรื่องอย่างแน่นอน

เทียนหรงหันไปมองบุตรสาวด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป มีทั้งความสับสนความสงสัยและดีใจปนอยู่ในนั้น

หลานเฟิน ยิ้มให้กับบิดาพร้อมพยักหน้าตกลงตามที่ผู้ดูแลแนะนำ หลานเฟินหยิบสมุนไพรธรรมดาไปสองสามต้นแล้วนำไปจ่ายเงิน

“โอ้วเด็กคนนี้ บุตรสาวของท่านใช่หรือไม่” ผู้อาวุโสมู่เอ่ยทักขึ้นมาทันที

“คาราวะท่านผู้อาวุโสเจ้าค่ะ” หลานเฟินทำความเคารพตามแบบฉบับสตรีชนชั้นสูงและก็ส่งยิ้มหวานน่ารักไปให้ผู้อาวุโสมู่ทันที

“โฮ่โฮ่โฮ่..ไม่ต้องมากพิธีหรอกเด็กน้อย” ผู้อาวุโสมู่รู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยคนนี้เหลือเกิน จึงหัวเราะพูดคุยอย่างเป็นกันเอง

“ดูแข็งแรงดีขึ้นแล้วหนิ”

“เจ้าค่ะ ตอนนี้วิ่งรอบเมืองหลวงก็ไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ”

“โอ๊ะ..เจ้าเด็กน้อยคนนี้ชั่งพูด”

“ท่านผู้อาวุโสกับท่านพ่อจะไปโรงประมูลหรือเจ้าคะ”

“ใช่แล้วล่ะ... โอ๊ะเด็กน้อยเจ้าสนใจสมุนไพรพวกนี้” ผู้อาวุโสเห็นหลานเฟินถือสมุนไพรอยู่จึงเอ่ยทักขึ้น

“เฟินเอ๋อร์มีความสนใจเรื่องแพทย์และสมุนไพรมากขอรับถึงขั้นให้ข้าไปหาตำรารวบรวมสมุนไพรทั้งหมดมาให้”

“ไม่เลว ดูเหมือนบุตรสาวของท่านต้องหัวดีไม่เบา” ผู้อาวุโสมู่เอ่ยชม

“ท่านพ่อเจ้าคะ น้ำที่ท่านนำมาขายนั้นดูเหมือนจะมีค่ามากคงต้องใช้เวลาหลายวันใช่ไหมเจ้าคะถึงจะเปิดประมูล”

“ใช่แล้วล่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องกลับมือเปล่าน่ะสิ”

“ช่วยไม่ได้ ขอมีค่าแบบนั้นถ้าลูกบอกพ่อสักหน่อย พ่อก็คงมีเวลาเตรียมตัวไว้ทัน”

“ก็ลูกไม่รู้หนิเจ้าคะ ว่าน้ำสิบหยดนั่นจะมีค่าขนาดนั้น”

หลานเฟินไม่อยากกลับมือเปล่า นางมองไปที่ผู้อาวุโสมู่ชายชราคนนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างที่ตาเห็นเป็นแน่

“ท่านพ่อรอลูกอยู่ที่นี่สักครู่นะเจ้าคะ” หลานเฟินเดินไปหาผู้อาวุโสมู่อีกครา

“ท่านผู้อาวุโสเจ้าคะ สมุนไพรที่นี่มีอายุสูงสุดกี่ปีเจ้าคะ”

“สมุนไพรของโรงโอสถน่ะหรือ อืม...สูงสุดน่าจะห้าพันปี สนใจซื้อหรือสาวน้อย”

“ปล่าวเจ้าค่ะ ท่านรับซื้อสมุนไพรอายุหมื่นปีหรือไม่เจ้าคะ”

“เด็กน้อยเจ้ามีสมุนไพรหมื่นปีด้วยหรือ”

“เจ้าค่ะ ท่านผู้อาวุโสที่ให้ขวดแก้วกับท่านพ่อให้มาเจ้าค่ะ”

“จริงรึ เจ้าได้นำมันมาด้วยหรือไม่ ขอข้าดูหน่อย” ผู้อาวุโสมู่พูดออกมาด้วยความกระตือรือร้น

หลานเฟิน เลือกสมุนไพรธรรมดาออกหนึ่งต้นจากแดนสวรรค์ต้นนึง ‘หญ้าหยดน้ำค้าง’ สมุนไพรชนิดนี้จะเกิดขึ้นในสถานที่ที่มีความบริสุทธิ์ของปราณฟ้าดินที่หนาแน่น

เพราะเป็นสถานที่แบบนั้นเมื่อมีผู้คนค้นพบแน่นอนว่าต่อให้อายุสิบปีก็ไม่มีเหลือแม้แต่รากไว้ให้ได้ดูต่างหน้า

หลานเฟินล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อ นำหญ้าหยดน้ำค้างออกมาจากมิติของนางอย่างแนบเนียน

“นี่เจ้าค่ะท่านผู้อาวุโสมู่ ท่านลองตรวจสอบดู”

“หญ้าหยดน้ำค้าง นี่มันอายุมากกว่าหมื่นปี เด็กน้อยเจ้าจะขายให้กับข้าจริงหรือ” ผู้อาวุโสมู่เอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น

คาดไม่ถึงเลยว่าเขาที่พลาดการซื้อขายน้ำทิพย์บริสุทธิ์ไปแล้ว จะได้รับสมุนไพรหมื่นปีที่ล้ำค่าอีกอย่างมาแทน

“เจ้าค่ะ ท่านสามารถให้ราคาใด้เท่าไหร่หรือเจ้าคะ”

“เดิมทีหญ้าหยดน้ำค้างอายุสิบปีราคาก็อยู่ที่ต้นละสองร้อยเหรียญ และมันก็เป็นส่วนผสมของยาต้นกำเนิดที่ช่วยให้การฝึกปราณก้าวหน้า แต่ถ้าอายุพันปีก็สามารถทำให้ทะลวงระดับได้ถึงหนึ่งขั้นใหญ่ ข้าให้ราคาห้าล้านเหรียญเจ้าว่าไงตกลงไหม”

“ห้าล้านเหรียญตกลงเจ้าค่ะท่านผู้อาวุโส” หลานเฟินตอบตกลงทันทีอย่างไม่ลังเล

เทียบกับบัญชีของร้านค้าทั้งหมดสามแห่งของตระกูลหลินแล้ว ขายสมุนไพรต้นเดียวได้มากกว่าเงินรายได้ทั้งหมดห้าปีเสียอีก

‘คงต้องหาเวลาบอกความเป็นมาเกี่ยวกับสิ่งของที่นางมีกับท่านพ่อสักหน่อย ไม่เช่นนั้นการน้ำสิ่งของล้ำค่ามากมายมาใช้จะเป็นการไม่สะดวก’

“ท่านพ่อเจ้าคะ กลับถึงบ้านแล้วลูกมีอะไรจะพูดคุยกับท่านพ่อเจ้าค่ะ ส่วนนี่ตั๋วเงินเจ้าค่ะให้ท่านพ่อเก็บไว้”

“เฟินเอ๋อร์ลูกไปเอาตั๋วเงินนี้มาจากไหน”

“ท่านผู้อาวุโสมู่ให้มาเจ้าค่ะ”

เทียนหรงเตรียมที่จะปฏิเสธเงินแต่เหมือนว่าผู้อาวุโสมู่จะรู้ทัน เด็กน้อยคนนี้กำลังปั่นหัวบิดาเล่นอยู่อย่างนั้นหรือ

“นี่เป็นค่าสมุนไพรหมื่นปี” ผู้อาวุโสมู่รีบเอ่ยแจงแทนหลานเฟินอย่างช่วยไม่ได้

“อะไรนะ สมุนไพรหมื่นปี” เทียนหรงหันกลับไปมองทางบุตรสาว

เด็กคนนี้น่าจับมาตีเสียให้เข็ด ชอบทำให้บิดาตกใจ เทียนหรงไม่ได้ปฏิบัติเสธอีก เมื่อก้มลงมองตั๋วเงินในมือ ‘หะ.. ห้าล้านเหรียญ’ สวรรค์นี่มัน...!!! ข้ากำลังฝันอยู่แน่นอน

“คิก..คิก.. ลูกบอกท่านพ่อแล้วว่าไม่มีปัญหาเรื่องเงินแน่นอน” หลานเฟินเอ่ยออกมาด้วยความภูมิใจในความสามารถของตน

เทียนหรงถึงกับอึ้งพูดไม่ออกเป็นเวลานาน

“ส่วนเรื่องน้ำทิพย์บริสุทธิ์คงต้องรบกวนผู้อาวุโสมู่เป็นธุระให้แล้ว ใช้ชื่อของโรงโอสถเข้าประมูลได้ไหมเจ้าคะ”

“ได้สิ” เด็กคนนี้มีความคิดความอ่านที่สูงมาก

นางต้องรู้แน่นอนว่าหากนำน้ำทิพย์บริสุทธิ์ที่หายากเข้าประมูลล่ะก็ ต้องมีผู้คนมากมายให้ความสนใจแน่นอน และอาจมีคนตามหาที่มาและนั่นหมายถึงความเดือดร้อนจะมาเยือน

“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ผู้อาวุโสที่เป็นธุระให้หากท่านมีปัญหาอะไร ที่ทางตระกูลหลินช่วยได้ได้โปรดท่านอย่าได้เกรงใจ”

“ท่านพ่อเจ้าคะ..ท่านพ่อ”

“ฮึ.. ฮะ.. อะ.. อะไรมีอะไรหรือ” เทียนหรงที่กำลังยืนเหม่อ ฟังหนึ่งเด็กน้อยหนึ่งชายชราพูดคุยกัน ถึงกับต้องหลุดออกมาจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเรียกของบุตรสาว

“ท่านพ่อเจ้าค่ะ ท่านช่วยจ่ายค่าสมุนไพรให้ลูกได้ไหมเจ้าคะ ลูกได้สมุนไพรที่ต้องการแล้วเจ้าค่ะ” หลานเฟินชี้ไปที่สมุนไพรสามต้นที่นางเลือกไว้ก่อนหน้านี้

“ไม่ต้องจ่ายหรอก นี่ถือว่าเป็นของขวัญที่เราได้รู้จักกันเด็กน้อย ถ้ามีเวลาว่างก็พาเด็กน้อย มาเยี่ยมชายชราคนนี้บางนะท่านหลิน เด็กน้อยข้ายังมีตำราสมุนไพรที่รวบรวมไว้แม้กระทั่งสมุนไพรที่หายากและหายสาบสูญไปแล้ว หากเจ้าสนใจที่จะเรียนรู้ก็มาหาข้าที่นี่ได้” ผู้อาวุโสมู่เอ่ยเสนอด้วยความในจดี

“เจ้าค่ะ/ขอรับ ผู้อาวุโสมู่” ทั้งสองพ่อลูกเอ่ยออกมาพร้อมกัน

“ฮ่าฮ่าฮ่า.... ส่วนเรื่องวันประมูลถ้ากำหนดวันแล้วข้าจะให้คนไปแจ้งให้ท่านทราบอีกที อ้อ... แล้วก็พาเด็กน้อยไปด้วยกัน” ผู้อาวุโสมู่ปลายตาไปมองเด็กหญิงตัวน้อย

“ขอบคุณขอรับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกเราสองพ่อลูกต้องขอลา”

หลังจากออกมาจากโรงโอสถแล้ว สองพ่อลูกก็เดินทางกลับจวนทันที ภายในรถม้าสองพ่อลูกหันหน้าชนกัน เทียนหรงนั่งรอฟังคำอธิบายจากบูตรสาว

“ท่านพ่อเจ้าค่ะ ท่านคงสงสัยว่าลูกได้ของพวกนี้มาจากที่ไหน” หลานเฟินมองดูบิดา ที่ทำท่าทางเหมือนอยากจะถามสิ่งที่เขาความสงสัยใจจะขาด

“อืม...” ตอนนี้เทียนหรงไม่คิดว่าบุตรสาวของเขาเป็นเพียงเด็กน้อย อายุแปดขวบอีกแล้ว นางเก่งและมีความคิดที่เหนือกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก

“ตั้งแต่ที่ลูกตื่นขึ้นมา แล้วจำอะไรไม่ได้ ได้มีบางสิ่งเกิดขึ้นกับลูก ท่านพ่อเห็นตราสัญลักษณ์ ที่หลังมือของลูกไหมเจ้าคะ” หลานเฟินส่งมือไปให้บิดาดู

“ไม่เห็นมีอะไร” เทียนหรงมองหลังมือที่บุตรสาวยื่นมาให้ดู แต่เขาก็มองไม่เห็นสิ่งใด

“ที่ลูกจะบอกคือของที่ลูกนำออกมา มาจากจากตราสัญลักษณ์นี้” หลานเฟินพลิกมือกลับก็ปรากฏขวดแก้วอีกหนึ่งขวดอยู่บนมือ

“นะ… นี่มันเกิดอะไรขึ้น” เทียนหรงไม่เคยเห็นเหตุการณ์อะไรอย่างนี้มาก่อน อยู่ๆทำไมถึงมีขวดแก้วขึ้นมาบนฝ่ามือได้

“ตราสัญลักษณ์ที่ลูกบอกท่านพ่อนั้น คือมิติเจ้าคะ และของที่ลูกนำไปขายก็มาจากพื้นที่มิตินี้” เมื่อพูดจบหลานเฟินก็นำขวดแก้วเข้าไปเก็บในมิติอีกครั้ง ขวดแก้วหายไปต่อหน้าต่อตาเทียนหรงอีกครั้ง

“นี่สวรรค์กำลังชดใช้ให้แก่ข้าใช่หรือไม่ เฟินเอ๋อร์สวรรค์ในที่สวรรค์ก็สงสารเรา ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” เทียนหรงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง กับโชคชะตาที่กลับร้ายกลายเป็นดี

 

 

ทุกวัน
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป