Your Wishlist

หลินหลานเฟิน อัจฉริยะเหนือภพ (บทที่ 4)

Author: หอสมุดจีน

หลินหลานเฟิน อัจฉริยะสาวต้องมาตาย ในระหว่างที่กำลังค้นคว้าตำราที่ซื้อมาจากร้านขายของเก่า เมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีปรากฏว่ามาอยู่ในร่างของเด็กน้อยวัย 8 ขวบ ที่ป่วยขี้โรคเป็น 'ขยะ' ไร้ค่าที่ผู้คนต่างดูถูก

จำนวนตอน : N/A

บทที่ 4

  • 02/09/2564

บทที่ 4

หลังจากสองพ่อลูกพูดคุยกันเสร็จ ก็พากันออกไปข้างนอก หลานเฟินตอนนี้ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆมากขึ้น ยามนี้นางต้องหยุดความสนใจเรื่องจารึกอักขระอาคมลงไปก่อน สำหรับนางแล้วการเป็นผู้จารึกอักขระอาคมนั้นง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือของตนเองเสียอีก

ตอนนี้นางให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะฝึกฝนและศึกษาตำราเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของที่นี่มากกว่า

ภายในรถม้าตอนนี้มีเด็กสาวหน้าตาหน้ารักกำลังคุยไม่หยุด กับชายวัยกลางคนใบหน้าหล่อเหลา สองคนนั้นคือหลานเฟินและเทียนหรงนั่นเอง

“เฟินเอ๋อร์ พ่อจะพาลูกไปดูกิจการของเราก่อน เสร็จแล้วพ่อจะพาลูกไปซื้อสมุนไพร” ถึงแม้จะพูดออกไปแบบนั้น แต่ภายในใจของเทียนหรง กับคิดถึงเรื่องกำไรของกิจการทั้งหมด

ตั้งแต่ที่บุตรสาวตัวน้อยของเขาป่วย เทียนหรงก็พยายามที่จะหาทางรักษา ไม่ว่ายาจะแพงมากเท่าไหร่ หมอจะเก่งมากแค่ไหน ต้องใช้เงินทองมากมายเพียงใด เขาก็ไม่เคยจะย่อท้อที่จะขนขวายให้ได้มา

ตอนนี้เงินที่เก็บออมมาหลาย10ปี ต่างก็หมดไปพร้อมกับค่ายาค่าหมอ แถมตอนที่เขารู้ว่ากำลังจะสูญเสียบุตรสาวไปเขาก็ได้คืนตราแม่ทัพ ให้แก่องค์จักรพรรดิ์ไปเขาอยากใช้เวลาที่เหลือกับครอบครัว เรื่องราวทั้งหมดมีเพียงแค่เทียนหรงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ เขาไม่ได้บอกฮูหยินของเขา เพราะกลัวนางจะกังวลกลัดกลุ้มใจ

หลานเฟินมองไปที่บิดาก็เห็นความรักความเมตตาในสายตาของบิดา แต่ก็เห็นความกังวลในแววตานั้นเหมือนกัน

“เจ้าค่ะ... ท่านพ่อลูกจะช่วยท่านพ่อดูแลกิจการเองเจ้าค่ะ ตอนนี้ลูกแข็งแรงดีแล้วลูกจะช่วยท่านพ่อเอง ท่านพ่อจะได้ไม่เหนื่อย”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของบุตรสาว ก็ทำให้เทียนหรงมีกำลังใจขึ้นมาอีกเยอะ

“เฟินเอ๋อร์เก่งอยู่แล้ว ต้องช่วยพ่อได้แน่นอน” เทียนหรงพูดเย้าบุตรสาว

รถม้าที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอด ตอนนี้ได้หยุดลง

“ถึงโรงเตี๊ยมหอมหวนแล้ว ไปกันเถอะ” เทียนหรงบอกบุตรสาวพร้อมพากันออกจากรถม้า

หลานเฟิน มองไปที่โรงเตี๊ยมหอมหวน และมองไปรอบๆ และแล้วก็ไปสะดุดตากับฝั่งตรงกันข้ามกับโรงเตี๊ยมหอมหวน

ด้านตรงข้ามกับโรงเตี๊ยมหอมหวนของตระกูลหลิน ก็มีอีกหนึ่งโรงเตี๊ยมแถมมีขนาดใหญ่กว่าของตระกูลหลินเสียอีก

เมื่อลองมองเข้าไปก็เห็นมีลูกค้ามากมายด้านในนั้นไม่ขาดสาย เมื่อเทียบกับโรงเตี๊ยมของตระกูลหลินช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว

“ท่านพ่อเจ้าคะ เหลาอาหารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นของผู้ใดกันหรือเจ้าคะ” เทียนหรงได้ยินคำถามของบุตรสาว สีหน้าของเขาก็กลายเป็นหดหู่ทันที

“ของตระกูลเสนาบดีหว่าง”

หลานเฟินชำเลืองมองไปที่เหลาอาหารฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง ก่อนที่จะชวนบิดาที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับเข้าไปข้างใน

“ไปกันเถอะเจ้าค่ะ” เทียนหรงรู้สึกอายเล็กน้อย ที่ให้บุตรสาวมาเห็นตนในสภาพเช่นนี้

“นายท่าน ท่านมาแล้ว” ผู้ดูแลทันทีที่เห็นเทียนหรงเดินเข้ามาก็รีบวิ่งไปต้อนรับทันที

หลานเฟินมองไปรอบๆโรงเตี๊ยม ช่างเป็นอะไรที่ต่างกับฝั่งตรงข้ามจริงๆ

ดูเหมือนท่านพ่อก็คิดแบบเดียวกับนาง ถึงแม้ภายในร้านจะมีลูกค้า แต่ก็เป็นเพียงลูกค้าระดับทั่วไปเท่านั้น

“ท่านพ่อเจ้าคะ ท่านมีความขัดแยงอะไรกับเสนาบดีหว่างหรือเปล่า” เทียนหรงสะดุ้งทันทีที่ได้ยินคำถามบุตรสาวอีกครั้ง ‘เฟินเอ๋อร์ฉลาดไปหรือเปล่า’

“จะว่าไม่มีก็ไม่ได้ จะว่ามีก็ไม่เชิง”

“ฮือ...”

ไม่มีคำตอบจากบิดา แสดงว่าความขัดแย้งนั้นเป็นที่ไม่น่าเอ่ยถึง ‘ไม่น่าจะใช่เรื่องผลประโยชน์ หรือจะเป็นความรัก'

“มีแค่โรงเตี๊ยมหรือเจ้าคะที่ได้รับผลกระทบ หรือว่ามีกิจการอื่นของตระกูลหลินด้วย”

“เฮ้อ... อย่างที่ลูกว่านั่นล่ะ ตั้งแต่ตอนที่ลูกป่วย เสนาบดีหว่างก็เริ่มที่จะเปิดกิจการแข่งกับเรา ทางนั้นคงรอเวลาที่จะทำให้ตระกูลหลินล้ม พวกเขาใช้จังหวะที่ตระกูลหลินใช้จ่ายเงินเก็บทั้งหมด ไปกับค่าหมอค่ายาที่แสนแพง”

เทียนหรงตัดสินใจเล่าเรื่อวราวทั้งหมดออกไปให้บุตรสาวฟังโดยไม่ปิดบัง

หลังจากที่ฟังบิดาเล่าปัญหามาทั้งหมดแล้ว หลานเฟินก็ได้แต่คิดว่าเสนาบดีคนนี้ช่างมีจิตใจที่คับแคบเจ้าคิดเจ้าแค้น เพียงแค่มารดาของนางไม่สนใจปฏิเสธการหมั้นหมายของเขา เขาถึงกับวางยาท่านแม่ หากท่านพ่อไม่ผ่านไปพบ ป่านนี้ท่านแม่คงต้องเสียตัวให้กับชายคนนี้ ถึงอย่างไรการที่ท่านพ่อได้ช่วยท่านแม่ไว้ก็ทำให้ทั้งสองรักกัน

หลังจากนั้นท่านพ่อก็แต่งท่านแม่เป็นฮูหยินเอกเพียงหนึ่งเดียว แต่ว่าเฒ่าตัณหากลับไม่ยอมเลิกที่จะก่อกวน โดยการทูลขอพระราชโองการสมรสพระราชทานแต่งอนุเข้าจวนแม่ทัพ แต่ท่านพ่อหาได้สนใจไม่ และกราบทูลกับจักรพรรดิ์โดยตรงว่าจะไม่ขอรับฮูหยินรองและอนุจากตระกูลใดทั้งสิ้น

“ท่านพ่อจะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะ หากปล่อยไปแบบนี้เรื่อยๆ ทางเราได้เสียหายหนักแน่”

“ตอนนี้บัญชีของเราติดลบอยู่มาก แต่ว่ารายจ่ายของเราก็ลดลง ค่าหมอค่ายาตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้อีกแล้ว”

“เรื่องที่ลูกหายป่วยยังไม่มีคนนอกรู้ใช่ไหมเจ้าค่ะ”

“ใช่”

“เช่นนั้นท่านพ่อก็อย่าเพิ่งบอกผู้ใดจะเป็นการดีกว่าเจ้าค่ะ” หลานเฟินยิ้มเจ้าเล่ห์

“ฮืม..?”

“ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกอยากช่วยท่านพ่อดูแลกิจการของเราเจ้าค่ะ” หลานเฟินรีบเปลี่ยนเรื่องพูด

นางต้องการแกล้งเป็นหมูเพื่อกินเสือ นางไม่ต้องการให้พวกเขาที่คิดว่าตัวเองเป็นเสือพวกนั้นรู้ตัวว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นแค่กระต่ายน้อยเท่านั้น

“ห๊ะ...เฟินเอ๋อร์นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ ลูกจะช่วยพ่อดูแลได้อย่างไร” เทียนหรงร้องอุทานออกมากับคำพูดของบุตรสาว เขาดีใจอยู่หรอกที่บุตรสาวมีใจอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระของเขา แต่ว่าเฟินเอ๋อร์ในยามนี้ยังเล็กนัก เขายังอยากให้บุตรสาวได้มีเวลาเที่ยวเล่นสนุกสนานมากกว่า

“ได้สิเจ้าคะ เพราะลูกเก่งมากอย่างไรล่ะ” หลานเฟินตบหน้าอกตอบออกมาด้วยความมั่นใจที่เต็มเปลี่ยม

เมื่อได้ฟังคำตอบของบุตรสาว เทียนหรงแทบจะหมดคำพูด นี่เฟินเอ๋อร์คิดว่ากำลังเล่นขายของอยู่หรืออย่างไร นางพึ่งจะหายป่วยโลกภายนอกก็ยังรู้จักไม่ดีพอ

“นะเจ้าคะท่านพ่อ อย่างน้อยท่านพ่อก็ช่วยพิจารณาความคิดเห็นของลูกก็พอ แล้วก็ให้ลูกออกมาดูกิจการกับท่านพ่อบ่อยๆ จนกว่าท่านพ่อจะเห็นว่าลูกสามารถช่วยท่านพ่อได้ก็พอแล้วเจ้าค่ะ” หลานเฟินเสนอความคิด

บุตรสาวของเขาฉลาดพูดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกว่าตั้งแต่นางหายป่วยนางก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคนแต่ก็เป็นไปในทางที่ดี เทียนหรงจึงยอมรับในจุดสงสัยนี้ได้อย่างง่ายดาย

“เอาล่ะ ไหนลูกลองบอกความคิดเห็นของลูกมาซิ ลูกจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ของเราในตอนนี้”

“เจ้าค่ะ อันดับแรกตอนนี้ที่เราประสบปัญหาอยู่คือเงิน กิจการของเราทุกอย่างตอนนี้ประสบปัญหาขาดทุน อาจจะเพราะว่าร้านของเรามีขนาดที่เล็ก และไม่มีความเปลี่ยนแปลงเป็นเวลานานแต่ปัจจัยหลักก็ต้องพึ่งเงิน ถูกไหมเจ้าคะ” หลานเฟินชี้ปัญหาอย่างถูกจุด

“อ่า.... ลูกชี้ถึงปัญหาได้ถูกต้องแล้ว” เทียนหรงถึงกับอ้าปากค้างไปอีกรอบ บุตรสาวชี้แจงปัญหาหาได้ตรงจุดที่สุด แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่มีของนาง

“ลูกสามารถหาเงินมาให้ได้ตามที่ต้องการเจ้าค่ะ”

โดยไม่ให้เสียเวลาหลานเฟินจึงพูดเข้าประเด็นทันที และนั่นก็ทำให้เทียนหรงแทบเป็นลม ตัวเขาพยายามหาเงินมาอุดช่องว่างตลอดหลายปีก็ยังทำไม่ได้ แต่บุตรสาวตัวน้อยของเขากลับบอกว่าทำได้ และยังบอกว่าได้มากเท่าที่ต้องการ

“หลังจากได้เงินมาแล้วขั้นต่อไปคือการปรับเปลี่ยนร้าน ลูกจะเริ่มจากรูปลักษณ์ก่อนทุกอย่างถ้าจะให้ดึงดูดให้ผู้คนสนใจต้องไม่เหมือนกับร้านอื่นมี ต่อมาก็คุณภาพสินค้าไม่ว่าอาหาร เสื้อผ้า เครื่องประดับ ทุกอย่างต้องออกมาใหม่ไม่ซ้ำกับของเก่าที่ร้านอื่นมี” เทียนหรงนั่งฟังบุตรสาวพูดและนึกภาพตาม

นั่นถึงกับทำให้เขาถึงกับขนลุก เฟินเอ๋อร์สามารถคิดออกมาได้ถึงขั้นนี้ ตัวเขายังคิดไปไม่ถึงขั้นออกแบบสินค้าใหม่ด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาได้ยอมรับกับความคิดความอ่านของบุตรสาวแล้ว แต่ว่าเฟินเอ๋อร์จะไปหาเงินจากที่ใดกัน

“เอาล่ะ พ่อยอมให้ลูกช่วยดูแลกิจการทั้งหมดแล้ว แต่ลูกจะหาเงินมาจากที่ไหน” เทียนหรงแสดงสีหน้าที่เกินจะบรรยาย 'นี่เขาคิดไม่ได้เท่ากับบุตรสาวที่มีอายุเพียงแปดปีเชียวหรือ’

“ความลับเจ้าค่ะ คิก..คิก” ในยามนี้นางตลกกับใบหน้าที่เหมือนเห็นผีของบิดานางเป็นอย่างมาก นางไม่ได้คิดจะปิดบังวิธีหาเงินของนาง แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะบอก

หลังจากนั้นเทียนหรงก็พาหลานเฟินไปดูอีกสองร้านที่เหลือ ตอนนี้หลานเฟินได้มาอยู่ที่ร้านผ้าดาราสายรุ้งแล้ว

เมื่อลงมาจากรถม้านางก็มองไปที่ร้านคู่แข่งฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง ร้านผ้าขนาดกลางไม่ใหญ่เหมือนเหลาอาหาร แต่มีผ้าสีสันมากมายหลายแบบ

แต่สำหรับหลานเฟินแล้วมันเหมือนกับการนำผ้าปักสวยงามมาใช้อย่างเสียเปล่ามากกว่า ไม่มีความเข้ากันเลยแม้แต่นิดเดียวแถมสีสันก็ฉูดฉาดมากเกินไป สำหรับร้านของนางก็ไม่ต่างกัน แถมเนื้อผ้าระดับก็ต่ำกว่าร้านเฒ่ามากตัญหาเสียอีก กลับไปต้องออกแบบลายผ้ากับเครื่องประดับไว้มากๆแล้ว ในที่สุดตอนนี้หลานเฟินก็ไปเยี่ยมจนครบทุกร้าน

“ท่านพ่อเจ้าค่ะ ลูกอยากไปร้านสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดเจ้าค่ะ”

“ใหญ่ที่สุด ลูกต้องการไปโรงโอสถหรือลูกจะไปทำอะไรที่นั่นกัน เงินที่เรามีอยู่ในตอนนี้เกรงว่าจะหาซื้อได้เพียงสมุนไพรระดับต่ำเท่านั้น”

“สมุนไพรระดับต่ำมีราคาสูงถึงเพียงนี้เลยหรือเจ้าคะ”

“ใช่แล้วล่ะ ที่นั่นไม่ได้มีเพียงสมุนไพรระดับต่ำเท่านั้น ยังมีสมุนไพรหายากเม็ดยาระดับสูงขายมากมายขายแต่ราคาก็มีค่าควรเมืองทั้งนั้น”

“ไปที่นั่นแหละเจ้าค่ะ” หลานเฟินตัดสินใจที่นั่นทันที

“ท่านพ่อช่วยกางเขตแดนกักเก็บกลิ่นอายให้ลูกหน่อนเจ้าค่ะ”

“ได้” แม้ว่าเขาสงสัยว่าบุตรสาวจะทำอะไร แต่เขาก็ทำตามที่บุตรสาวขออย่างว่าง่าย

“ท่านพ่อช่วยนำของสิ่งนี้ไปขายให้ลูกได้ไหมเจ้าคะ” หลานเฟินหยิบขวดแก้วใสที่นางได้ใส่น้ำทิพย์ที่อยู่ในแดนสวรรค์ของนางออกมาหนึ่งขวด

ทันทีที่นางนำขวดออกมาที่ด้านนอกกลิ่นอายที่บริสุทธิ์สดชื่นก็แพร่กระจายออกมา นางอยากรู้ว่าน้ำในทะเลสาบของนางมีราคามากมายเท่าใด

ตอนแรกนางไม่รู้ว่าน้ำในทะเลสาบนั่น คือน้ำทิพย์ที่มีค่าในตำราสมุนไพรที่นางเคยอ่านเจอในตำราสมุนไพร

จนกระทั่งนางได้ดื่มเข้าไปนางจึงรู้ถึงสรรพคุณของน้ำทิพย์นั่น นางเลยตัดสินใจนำมาบรรจุขวดแก้วไว้ขวดละสิบหยด ถึงน้ำทิพย์นี้จะมีสรรพคุณดีแค่ไหนแต่ก็เทียบได้กับสมุนไพรระดับสูงเท่านั้นไม่ถึงกับถือว่าเป็นสรรพคุณยาที่มีค่าควรเมือง นางยังไม่ต้องการนำภัยมาสู่ตน

ภายในมิติของนางยังมีสมุนไพรล้ำค่ากว่านี้อีกมาก หากนำออกมาสักต้นก็สามารถทำเงินได้มากมายมหาศาล แต่ก็อาจนำภัยพิบัติมาสู่ตนเองได้เช่นกัน ของที่ส่งมารถทำให้เกิดสงครามแย่งชิง

“นี่คืออะไรหรือ” เทียนหรงถามด้วยความสงสัย เขาไม่เคยพบของที่มีความบริสุทธิ์สูงมากมายถึงเพียงนี้มาก่อน

“เดี๋ยวท่านก็รู้เจ้าค่ะ” หลานเฟิงนพูดอย่างลึกลับ

“ลูกไปเอาของสิ่งนี้มาจากที่ไหน”

“เอ่อ... เรื่องนี้(ไม่ได้คิดไว้)ให้ลูกเล่าในยามนี้คงยาวเจ้าค่ะ(คิดออกค่อยบอกทีหลัง)เข้าไปกันเถอะเจ้าค่ะกลับไปลูกจะเล่าให้ฟัง แต่ท่านพ่อต้องปิดบังที่มาของของสิ่งนี้นะเจ้าคะ”

“ได้ๆๆ...” ทำไมเฟินเอ๋อร์เดี๋ยวนี้มีความลับเยอะจัง?

 

 

ทุกวัน
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป