Your Wishlist

ว่าไงคะ ท่านนายพล (บทที่ 61-62 : สัญลักษณ์วงกลม (4), เอาอาหารพวกนี้ไปให้สุนัขซะยังจะดีกว่า)

Author: Han Wuji (Akira แปล)

กู้เหนียนจื่อ หญิงสาวอายุ 17 ปีผู้สูญเสียความทรงจำในวัยเด็ก มีเพียงภาพที่ตนเองติดอยู่ในรถที่กำลังลุกไหม้เท่านั้นที่ยังฉายชัดอยู่ในความฝันของเธอ โชคดีที่เธอได้ฮัวเฉาเหิง ทหารหนุ่มผู้มีตำแหน่งพลตรีช่วยชีวิตเอาไว้ ชายหนุ่มถูกกองทัพของจักรวรรดิร้องขอให้เป็นผู้ปกครองของกู้เหนียนจื่อที่มีอายุเพียง 12 ปี และปกปิดประวัติที่แท้จริงของทั้งคู่เอาไว้ แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เธอก็อยู่กับเขานับตั้งแต่นั้นมา เธอใช้ชีวิตด้วยความกลัวและไม่มั่นคงมาตลอด เธอจะรู้สึกปลอดภัยเฉพาะเวลาได้อยู่ใกล้ ๆ ผู้ปกครองหนุ่มเท่านั้น ระหว่างนั้นกองทัพของจักรวรรดิได้ทำการสืบค้นประวัติของหญิงสาว แต่ก็ไม่สามารถค้นหาได้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ตัวตนที่แท้จริงของกู้เหนียนจื่อคือใครกันแน่? เหตุใดเธอจึงถูกลอบทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต?

จำนวนตอน : 2263

บทที่ 61-62 : สัญลักษณ์วงกลม (4), เอาอาหารพวกนี้ไปให้สุนัขซะยังจะดีกว่า

  • 26/11/2564

บทที่ 61 : สัญลักษณ์วงกลม (4)

 

รถเอสยูวีสีดำที่จอดอยู่หน้าอาคารบริหารรีสอร์ทเป็นของแก๊งวงเวียนใหญ่

 

เมื่อพวกเขาได้รับการยืนยันว่ารุ่นพี่ของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย C จะมาที่นี่เพื่อฉลองจบการศึกษา คนของแก๊งวงเวียนใหญ่ก็เดินทางมาวิลล่าบ่อย ๆ พวกเขามาสำรวจวิลล่ามากกว่าสิบครั้งเพื่อเสาะหาทางหนีทีไล่และสภาพแวดล้อมของสถานที่

 

พวกเขากลับมาอีกครั้ง คราวนี้พวกเขาขับรถตรงไปที่อาคารบริหารทันทีหลังจากเข้ามาทางประตู

 

หยางต้าเว่ย หัวหน้ากลุ่มแก๊งวงเวียนใหญ่ได้นำกุญแจที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาและพาคนของเขาไปที่สำนักงานกรรมการผู้จัดการที่ตั้งอยู่ที่ชั้นบนสุดของอาคารบริหาร

 

พวกเขาจัดการเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกรรมการผู้จัดการอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรีบเข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการเพื่อจับตัวเขาไปเป็นตัวประกัน

 

ผู้อำนวยการกลายเป็นส้มหล่นสำหรับพวกเขา ตอนแรกพวกเขาวางแผนจะฆ่าอีกฝ่ายทันที แต่ทันทีที่พวกเขาเข้าไป ผู้อำนวยการได้เสนอให้ปล่อยตัวเขาเพื่อแลกกับเงินห้าล้านหยวน!

 

แล้วตอนนี้แก๊งวงเวียนใหญ่กำลังต้องการเงิน

 

การได้รับเงินเพิ่มอีกห้าล้านหยวนเป็นเรื่องที่โชคดีมาก และทั้งหมดที่พวกเขาต้องทำคือเพิ่มผู้อำนวยการรายนี้เข้าไปในรายชื่อตัวประกัน และพวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธ

 

ดังนั้นแทนที่จะฆ่าเขาทิ้ง เหล่าอันธพาลก็มัดตัวเขาเอาไว้ ก่อนที่จะผลักเขาลงไปใต้โต๊ะ

 

เนื่องจากผู้อำนวยการเต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ ตอนนี้แก๊งวงเวียนใหญ่จึงทำตามแผนได้ง่ายขึ้นมาก

 

 

กู้เหนียนจื่อว่ายน้ำไปเรื่อย ๆ ไม่นานเธอก็ว่ายน้ำมาใกล้จวนหมิงเยว่แล้ว

 

เธอจงใจว่ายไปยังจุดที่เธอแน่ใจว่าเห็นใครบางคนกระโดดลงจากทางเดินลงมาในทะเลสาบ เธอว่ายวนรอบพื้นที่แต่ไม่พบสิ่งแปลกปลอมใต้น้ำ

 

เกิดอะไรขึ้น?

 

เธอคิดมากไปเองหรือเปล่า?

 

บางทีเธออาจจะอยู่กับหน่วยปฏิบัติการพิเศษมานานเกินไป และตอนนี้เธอก็กลายเป็นคนที่หวาดระแวงไปเสียอย่างนั้น...

 

หญิงสาวบ่นว่าตัวเองงี่เง่า ก่อนจะหมุนตัวว่ายกลับหลังไปด้วยท่วงท่าที่สง่างาม

 

ขณะที่เธอพลิกตัวกลับ เธอเห็นบางสิ่งที่เป็นสีเขียวเข้มและเรืองแสงจากหางตาของเธอ มันมาจากกำแพงด้านหลังของจวนหมิงเยว่ซึ่งหันหน้าไปทางทะเลสาบลิตเติ้ลมิเรอร์

 

ดวงตาของกู้เหนียนจื่อเบิกกว้าง เธอมองไปทางกำแพงทันที และนั่นคือหนึ่งในสัญลักษณ์วงกลมแบบเดียวกัน นั่นคือเครื่องหมาย !

 

การค้นพบนี้ทำให้หัวใจของสาวน้อยกระตุกวูบอีกครั้ง

 

เธอกำลังจะว่ายน้ำเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อให้เห็นมันได้ชัดขึ้น แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงน้ำกระเซ็นมาจากจวนหมิงเยว่ นั่นเป็นเสียงคนลงมาในน้ำ

 

เพื่อนร่วมชั้นของเธอจากห้อง 1 และห้อง 2 คงตัดสินใจมาว่ายน้ำกัน

 

เธอไม่ต้องการให้พวกเขาเห็นเธอ เธอจึงรีบมุดลงไปใต้ผิวน้ำ และว่ายกลับไปที่สวนฉิงเฟิง

 

ขณะที่เธอขึ้นบันไดที่นำไปสู่ระเบียง เมฆดำทะมึนก็เคลื่อนตัวไปยังดวงจันทร์ บดบังแสงจันทร์อันเจิดจ้า

 

ในวิลล่าตอนนี้มืดสนิทแล้ว กู้เหนียนจื่อแอบเดินกลับไปที่ห้องของเธอภายใต้ความมืดมิด

 

“กลับมาแล้วเหรอ ทะเลสาบลิตเติ้ลมิเรอร์เป็นยังไงบ้าง สวยไหม?" คุณหนูเฉาอาบน้ำแล้ว และตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเตียงหน้าแล็ปท็อปเพื่อเพิ่มเนื้อหาในวิทยานิพนธ์ตัวจบ เธอได้ยินสาวน้อยประจำกลุ่มเข้ามาทางประตู ก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่ายและพูดว่า “ว้าว ฉันไม่รู้เลยนะเนี่ย เหนียนจื่อ หน้าอกเธอใหญ่มากเมื่อเทียบกับอายุของเธอ”

 

ตอนที่กู้เหนียนจื่อมาถึงมหาวิทยาลัย C เป็นครั้งแรก เธอเป็นคนขี้อายมากและไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไรกับเรื่องตลกลามกของรูมเมทสาวของเธอ แต่ตอนนี้เธอมีภูมิคุ้มกันแล้ว และรู้ว่าไม่ควรใส่ใจคำพูดของพวกเธอ

 

 เธอถอดหมวกว่ายน้ำออกแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขนาดหน้าอกของผู้หญิงที่โตเต็มวัยนั้นถูกกำหนดด้วยยีนของเธอ อายุไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับมัน”

 

“แต่เธอยังไม่โต เธอยังอายุไม่ถึง 18 ด้วยซ้ำ” เฉาหยุนซานเถียงอย่างไม่เต็มใจ เธอแค่หยอกล้อกับกู้เหนียนจื่อ เธอชี้ไปทางห้องน้ำและพูดว่า “เธอควรไปอาบน้ำก่อนที่คนอื่น ๆ จะกลับมา ฉันคิดว่าวันนี้น้ำร้อนไม่พอ”

 

“ไม่เป็นไร วันนี้อากาศอบอุ่นดี” หญิงสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าระหว่างเดินไปห้องน้ำและเช็ดตัวให้แห้งด้วยผ้าขนหนู

 

หลังจากที่เธอออกจากห้องน้ำมาและนั่งลงบนเตียงอย่างสบาย ๆ เธอเห็นว่าเธอได้รับข้อความสองข้อความในโทรศัพท์ของเธอ

 

ข้อความหนึ่งมาจากหยินชือฉง เขาถามว่าเธอมาถึงตู้เฟิง เมาน์เทน รีสอร์ท วิลล่าแล้วหรือยัง

 

อีกข้อความมาจากเหม่ยเสี่ยวเหวิน เขาถามว่าเธออยากไปที่จวนหมิงเยว่ไหม เพราะทุกคนอยู่ที่นั่น พวกเขากำลังเล่นทรูธออแดร์ [1] กัน

 

กู้เหนียนจื่อเกลียดการเล่นทรูธออแดร์มาก เธอจึงไม่สนใจข้อความของหัวหน้าห้อง เธอตอบข้อความกลับไปยังหยินชือฉง: ‘พี่ฉง ฉันมาถึงวิลล่าแล้ว ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ฉันจะไปนอนแล้ว’

 

เลขาหนุ่มได้รับข้อความของหญิงสาวและตอบทันทีว่า: ‘ราตรีสวัสดิ์’

 

การสนทนานี้จริง ๆ แล้วไม่มีอะไรมากไปกว่าการตอบตามมารยาท

 

อันที่จริงมีคนคอยคุ้มกันกู้เหนียนจื่ออยู่ที่ตู้เฟิง เมาน์เทน รีสอร์ท วิลล่าเพื่อคอยเฝ้าดูเธออย่างลับ ๆ นอกจากนี้ยังมีมาตรการป้องกันอื่น ๆ อีกสองสามอย่างเพื่อช่วยรับรองความปลอดภัยของเธอ

 

ตราบใดที่เธออยู่ในระยะของระบบการสื่อสาร ยังไงก็รับประกันความปลอดภัยของเธอได้ 100%

 

สาวน้อยมองข้อความของหยินชือฉงด้วยรอยยิ้มอันแสนหวาน นิ้วของเธอกำลังวาดวนเป็นวงกลมบนโทรศัพท์ของเธอไม่หยุด ตอนนี้เธออยากจะโทรหาฮัวเฉาเหิงมากจริง ๆ

 

แต่เธอนึกถึงสถานะและยศของผู้ปกครองหนุ่ม เธอจึงยับยั้งความต้องการของตัวเองไว้

 

ฮัวเฉาเหิงมักจะเป็นฝ่ายที่โทรหาเธอก่อน เธอไม่ค่อยได้มีโอกาสโทรหาเขาโดยตรง

 

และโดยส่วนใหญ่แล้วเจี้ยวเลี่ยงจื่อจะรับสายก่อนที่จะโอนสายไปที่เจ้านายของเขา

 

กู้เหนียนจื่อวางโทรศัพท์ของเธอลง เปลือกตาของเธอหลุบต่ำแล้ว เธอนอนอยู่บนเตียงพูดพึมพำกับคุณหนูเฉาเหมือนที่เธอชอบทำ “ปลุกฉันด้วยนะถ้าคนอื่นกลับมา…” พูดจบแล้วเธอก็ผล็อยหลับไปทันที

 

...

 

เธอหลับสนิทแบบไม่มีความฝันมารบกวน เมื่อเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาใกล้จะเที่ยงแล้ว!

 

คุณหนูเฉายังคงนั่งอยู่หน้าแล็ปท็อปบนเตียงของเธอ ตอนนี้เธอใส่หูฟังอยู่ และดูเหมือนกำลังดูรายการทีวี

 

กู้เหนียนจื่อขยี้ตาและลุกขึ้นนั่ง เธอไม่เห็นยัยหนูชาเขียวฟ่างและนางมารน้อย แต่สังเกตเห็นว่าเตียงของพวกเธอรก เธอเอามือปิดปากขณะหาวและพูดด้วยน้ำเสียงง่วงงุนว่า “…เมื่อวานพวกเธอกลับมากี่โมง”

 

“ต้องบอกว่ากลับมาตอนเช้า” เฉาหยุนซานตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย “จวนหมิงเยว่ค่อนข้างใหญ่ เพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่ของเราเลยไม่กลับมา เมื่อคืนพวกเขาปาร์ตี้กันทั้งคืน นี่เพิ่งกลับมาเมื่อเช้านี้เองเพื่อนอนหลับพักผ่อน ”

 

"แล้วตอนนี้พวกเธออยู่ที่ไหน?" กู้เหนียนจื่อชี้ไปที่เตียงว่างของรูมเมทคนอื่น ๆ ของเธอ “เธอบอกว่าพวกเธอกลับมานอนเมื่อเช้านี้ แต่ตอนนี้มันเพิ่งเที่ยงเอง!”

 

“ก็นะ เธออาจจะเป็นหมูขี้เกียจที่หลับได้ทั้งวัน แต่พวกเธอไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย!” คุณหนูเฉาหัวเราะขณะที่เธอเหลือบมองอีกฝ่าย “พวกเธอตื่นตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว พวกเธอกำลังออกไปเดินป่ากับพวกห้อง 2”

 

“บ้าไปแล้ว พวกนั้นมีพลังงานเหลือล้นกันจริง ๆ” สาวน้อยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว เธอสวมเสื้อยืดสีดำตัวยาวเป็นชุดนอน ต่อมาเธอลุกจากเตียง ใส่รองเท้าแตะ และเดินไปห้องน้ำพร้อมเครื่องใช้ในห้องน้ำ

 

หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอตัดสินใจทำตามแบบอย่างของคุณหนูเฉาและเป็นนักศึกษาต้นแบบที่ดี เธอเปิดแล็ปท็อปแล้วเริ่มเรียบเรียงวิทยานิพนธ์ใหม่

 

ในระหว่างที่เธอยุ่งกับวิทยานิพนธ์ของเธอ กู้เหนียนจื่อรู้สึกว่าปวดคอเล็กน้อย เธอบอกกับเฉาหยุนซานว่าเธอกำลังจะออกไปเดินเล่น

 

คุณหนูเฉาก็อยู่แต่ในห้องมาทั้งวันและรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย เธอปิดแล็ปท็อปและพูดว่า “เดี๋ยวฉันไปด้วย”

 

สองสาวเปลี่ยนชุดแล้วออกไปเดินเล่นห่างจากสวนฉิงเฟิง

 

ในขณะนี้นักศึกษาชายสองสามคนยังคงนอนหลับอยู่ในห้องของตนเมื่อทั้งสองคนออกไป ดังนั้นสวนฉิงเฟิงจึงไม่ได้ว่างเปล่า

 

หญิงสาวทั้งสองออกจากสวนฉิงเฟิงจากประตูบ้านอีกทางหนึ่งที่หันหน้าไปทางถนนสายหลักและเดินไปตามเส้นทางคดเคี้ยวเล็ก ๆ ที่นำไปสู่จวนหมิงเยว่

 

ณ เวลานี้จวนหมิงเยว่เงียบมาก ในนั้นเหลือนักศึกษาชายเพียงสองคนเท่านั้น พวกเขาอยู่โซนข้างหลังเพื่อชมวิว ส่วนคนอื่น ๆ ได้ไปปีนเขาที่เขาตู้เฟิงแล้ว

 

กู้เหนียนจื่อและคุณหนูเฉาเดินมายืนอยู่ข้างทะเลสาบลิตเติ้ลมิเรอร์ เมื่อมองดูท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง ทั้งสองคนก็ถอนหายใจยาวพร้อมกัน

 

สองสาวหันมามองหน้ากัน ก่อนจะหัวเราะออกมา ไกลออกไป พวกเธอเห็นเพื่อนร่วมชั้นกำลังกลับจากการปีนเขาตู้เฟิง

 

“คืนนี้ดูเหมือนฝนจะตก” กู้เหนียนจื่อกล่าว สายตาของเธอมองไปที่เมฆดำที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ บนท้องฟ้า เธอยังคงขมวดคิ้วพูดต่อไปว่า “เมฆพวกนั้น พวกมันเป็นเมฆที่รบกวนสัญญาณโทรศัพท์มือถือ”

 

[1] เกม Truth or Dare หรือเกม "จริงหรือกล้า" วิธีเล่นคือการจับกลุ่มเพื่อน ๆ มานั่งล้อมวงผลัดกันท้าเพื่อนว่าจะเลือกเล่นในส่วนไหน หากเลือกเล่นในส่วน "จริง" นั่นคือจะต้องตอบคำถามของเพื่อน ๆ ว่าเรื่องที่ถามนั้น "จริง" หรือไม่ ซึ่งคำถามที่นำมาถามก็มักจะวัดใจคนตอบเช่นกัน ไม่ต่างจากการเลือกเล่นส่วนของ "ท้า" นั่นคือการท้าเพื่อนให้ทำอะไรแผลง ๆ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.sfcinemacity.com/news-activity/news-1088 

 

บทที่ 62 : เอาอาหารพวกนี้ไปให้สุนัขซะยังจะดีกว่า 

 

ตอนนี้ท้องฟ้าเกือบมืดแล้ว ในสำนักงานของกรรมการผู้จัดการ หยางต้าเว่ยผู้เป็นหัวหน้าแก๊งวงเวียนใหญ่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ของผู้อำนวยการพร้อมกับโยนปืนพกจากมือหนึ่งไปอีกมือหนึ่งสลับกันไปมาแบบสบาย ๆ

 

หยางต้าเว่ยยิ้มให้ผู้อำนวยการซึ่งมีเหงื่อไหลอยู่ที่หน้าผากและคุกเข่าต่อหน้าเขา "ท่านผู้อำนวยการ ไม่ต้องกลัว เราจะไม่ทำร้ายคุณ แต่วันนี้เราต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”

 

ฝ่ายที่ถูกจับเป็นตัวประกันเกร็งตัวและร้องลั่น “บอกมาสิว่าคุณต้องการอะไร! ผมจะช่วยคุณอย่างเต็มที่!"

 

"ดี! ก่อนอื่นผมต้องการให้คุณบอกพนักงานของคุณส่งอาหารฟรีไปให้นักศึกษามหาวิทยาลัยที่อยู่ในจวนหมิงเยว่”

 

"ห้ะ?" ผู้อำนวยการรู้สึกงุนงง อันธพาลพวกนี้ดูไม่ค่อยมีน้ำใจ แต่ประโยคต่อมาของอีกฝ่ายทำให้เขาหายสงสัยในทันที

 

คนเป็นหัวหน้าแก๊งมองไปที่ลูกน้องของเขาแล้วออกคำสั่งว่า “ไปขวางอาหารฟรีไว้”

 

แผนการนี้จะช่วยลดความเสี่ยงและจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความสงสัย  หากนักศึกษาในจวนหมิงเยว่ทานอาหารและเครื่องดื่มฟรีที่ใส่ยานอนหลับ รับประกันได้ว่าเป้าหมายจะหมดสติแน่นอน จากนั้นพวกเขาจะมีอิสระที่จะลักพาตัวนักศึกษาได้มากเท่าที่พวกเขาต้องการและเรียกค่าไถ่ตามที่ต้องการ ทั้งหมดนี้เป็นการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทุกอย่างและการลักพาตัวคนที่หมดสตินั้นง่ายกว่าคนที่รู้สึกตัวมาก

 

“อย่างที่สอง สั่งพนักงานทั้งหมดของคุณไปที่ห้องประชุมคืนนี้เวลา 20:00 น. ทุกคนต้องเข้าร่วมและคนที่มาสายจะถูกหักโบนัส”

 

ผู้อำนวยการคิดว่าอาชญากรวางแผนที่จะโจมตีกลุ่มนักศึกษาและอุทานว่า “คุณจะทำอะไรกับพวกเขา!”

 

หากรีสอร์ทเป็นสถานที่เกิดเหตุสังหารหมู่ ธุรกิจของเขาก็จะล้มไม่เป็นท่า และเขาก็อาจล้มละลายได้เหมือนกัน

 

“ไม่ต้องห่วง เราจะไม่ฆ่าใคร” หยางต้าเว่ยยิ้มอย่างเป็นสุขขณะที่เขายกคางของตัวประกันขึ้นด้วยปากกระบอกปืน “ตราบใดที่คุณเชื่อฟังเรา พวกเขาก็จะไม่ตาย”

 

ผู้อำนวยการวัยกลางคนไม่เคยถูกขู่ด้วยปืนมาก่อน ตอนนี้ขาของเขาอ่อนปวกเปียกจนแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น

 

ผู้เป็นหัวหน้าแก๊งมองดูฝ่ายที่ถูกจับเป็นตัวประกันในขณะที่เขาทวนคำสั่งอีกสองครั้ง จากนั้นก็เป่าปากกระบอกปืนของเขาแล้วพลิกปืนไปฟาดหลังคอของผู้อำนวยการด้วยด้ามปืนจนเขาสลบไป

 

“มัดตัวมันไว้ หาอะไรมายัดปากด้วยและขังมันไว้ในห้องเก็บของ” หยางต้าเว่ยสั่งลูกน้องของเขาพลางชี้ไปที่ตำแหน่งของห้องเก็บของ

 

หลังจากที่ผู้อำนวยการถูกลากตัวออกไป หัวหน้าแก๊งได้รวบรวมลูกน้องของเขาและถามแต่ละคนเกี่ยวกับความคืบหน้าของแผน

 

“หัวหน้า เราจับตาดูจวนหมิงเยว่ด้วยกล้องส่องทางไกลแล้ว เป้าหมายอยู่ในนั้นทั้งหมด”

 

เพื่อไม่ให้ถูกสงสัย พวกเขาจึงหลีกเลี่ยงการเฝ้าสังเกตอย่างใกล้ชิดและใช้กล้องส่องทางไกลตลอดเวลา สำหรับตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่านักศึกษาทั้งสองห้องได้เปลี่ยนที่พักแล้ว และรู้เพียงว่ามีนักศึกษามหาวิทยาลัยสองห้องเรียนมาที่นี่

 

“หัวหน้า ดูเหมือนว่าที่นี่มีเด็กมากกว่าหนึ่งห้อง เราควรทำยังไงกับอีกห้องดี? พวกมันพักอยู่ในสวนฉิงเฟิง”

 

“สองห้อง? มีแกะอยู่สองฝูง เราจะต้อนพวกมันทั้งหมดพร้อมกัน วางยาพวกมันด้วยเพื่อไม่ให้เข้ามายุ่ง” หยางต้าเว่ยได้รับตำแหน่งผู้นำของแก๊งวงเวียนใหญ่ไม่ใช่เพราะประสบการณ์ความชั่วร้ายของเขา แต่มันยังมาจากฝีมือการวางแผนที่พิถีพิถันของเขาด้วย

 

“เข้าใจแล้ว ผมจะให้คนส่งอาหารอีกชุดหนึ่งไปที่สวนฉิงเฟิง”

 

“น้องสองอยู่ที่หอส่งสัญญาณแล้ว เขาจะทำลายมันในไม่ช้าและที่นี่จะไม่มีสัญญาณ” ผู้เป็นหัวหน้าเดินไปที่หน้าต่างมองไปยังทิศทางของหอส่งสัญญาณที่อยู่ตรงข้าม ทันทีที่เขาพูดจบ ก็มีแสงจ้าจากไฟฉายทหารส่องมาจากทิศทางของหอส่งสัญญาณแบบสั้น ๆ สองครั้ง ตามด้วยแสงสว่างยาวหนึ่งครั้ง หมายความว่าเขาทำสำเร็จ

 

หยางต้าเว่ยหยิบโทรศัพท์เครื่องหนึ่งมาตรวจสอบและเห็นว่าสัญญาณหายไปแล้ว เขาหัวเราะออกมาเสียงดังแล้วโยนโทรศัพท์ออกไปที่ทะเลสาบลิตเติ้ลมิเรอร์ที่อยู่ด้านล่างอาคาร

 

“ดีมาก ไปกันเถอะ โทรศัพท์บ้านและอินเทอร์เน็ตล่มแล้ว ฉันต้องการให้ที่นี่เป็นพื้นที่ปิดตายในคืนนี้! ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีสัญญาณมือถือ ไม่มีอะไรเลย!” ผู้มีตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหมุนปืนสีเงินในมือของเขา แก๊งวงเวียนใหญ่ใช้เครื่องรับส่งวิทยุสื่อสารขณะที่พวกเขาดำเนินภารกิจชั่วร้ายต่อไป

 

 

ในสวนฉิงเฟิง ยัยหนูชาเขียวฟ่างและนางมารน้อยกลับมาที่ห้องและโยนหมวกทิ้งก่อนที่จะพูดกับกู้เหนียนจื่อและคุณหนูเฉาว่า “น่าเสียดายที่พวกเธอไม่ได้ไปด้วย วิวบนภูเขานี้สวยใช้ได้เลย!”

 

สองสาวที่ไม่ได้ไปปีนเขาวางคางบนมือขณะนั่งบนโซฟาฟังอีกสองคนพูดคุยเกี่ยวกับการผจญภัยปีนเขาในวันนี้ ข้างนอกเริ่มมืดแล้ว ก่อนเวลา 19:00 น. ท้องฟ้ามืดมากจนมองไม่เห็นแม้แต่มือของตัวเอง

 

“ทำไมมันมืดจัง” กู้เหนียนจื่อลุกขึ้นเปิดไฟและดึงโทรศัพท์ออกมาดู “นี่จะทุ่มนึงแล้ว พวกเธอหิวไหม?”

 

“ฉันหิวมาก ฉันสามารถกินวัวได้ทั้งตัวแล้วเนี่ย” นางมารน้อยพูดพลางบิดขี้เกียจ “แต่ฉันจะไปอาบน้ำก่อน วันนี้ฉันมีเหงื่อออกเยอะมาก ฉันกลัวว่าจะมีกลิ่นตัว”

 

 

ในขณะนี้รถส่งอาหารมาหยุดที่หน้าจวนหมิงเยว่ ชายในชุดพ่อครัวของตู้เฟิง เมาน์เทน รีสอร์ท วิลล่าตะโกนว่า “จวนหมิงเยว่ ทางรีสอร์ทส่งอาหารเย็นมาให้แล้วครับ”

 

หัวหน้าห้องของห้อง 2 รีบวิ่งมาด้วยความประหลาดใจ “แต่เราไม่ได้สั่งอะไรนะครับ”

 

พวกเขานำอาหารมาเองและกำลังจะทำบาร์บีคิว

 

"นี่เป็นอาหารฟรีครับ! ของขวัญจากวิลล่าของเรา จวนหมิงเยว่เป็นห้องวีไอพี เป็นเรื่องปกติที่เรามอบอาหารฟรีหนึ่งมื้อเป็นของขวัญให้แขกครับ” เชฟโบกมือให้เขาแล้วพูดต่อว่า “มารับไปได้เลยครับ แล้วอย่าลืมเหลือไว้ให้คนในสวนฉิงเฟิงด้วยนะครับ พวกคุณเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันใช่ไหม”

 

หัวหน้าห้องรู้สึกยินดีมาก การได้พักในจวนหมิงเยว่เป็นประสบการณ์ที่หรูหราสำหรับพวกเขาที่สามารถชนะการเดิมพันจากห้อง 1 มาได้ กลับกลายเป็นว่ามันดียิ่งกว่าที่พวกเขาคิดซะอีก

 

นักศึกษาชายสองสามคนรีบเลือกอาหารและเครื่องดื่มที่ดีที่สุดแล้วเหลืออาหารที่ดูธรรมดา ๆ ไว้ให้คนของสวนฉิงเฟิง พ่อครัวยิ้มเมื่อมองดูพวกเขากลับเข้าไปในจวนหมิงเยว่ พวกเขาเป็นลูกแกะที่รอถูกเชือด หลังจากส่งอาหารให้จวนหมิงเยว่เสร็จ  เขาก็ขับรถไปที่สวนฉิงเฟิงต่อ

 

“สวนฉิงเฟิง! วันนี้เป็นวันโชคดีของพวกคุณ! เรามีอาหารและเครื่องดื่มพิเศษ พวกคุณจะรับไหมครับ?” เชฟเปลี่ยนน้ำเสียงของเขาเมื่อมาถึงสวนฉิงเฟิง ท่าทางเขาเย่อหยิ่งจองหองมาก

 

“ทำไมเราจะไม่อยากได้ของฟรีล่ะ” พี่เบิ้มรีบวิ่งออกมาอย่างรวดเร็วและบอกให้เพื่อน ๆ ของเขานำอาหารเข้ามา น่าเสียดายที่ไม่มีอะไรมากเพราะห้อง 2 ในจวนหมิงเยว่ได้เอาอาหารส่วนใหญ่ไปแล้ว อาหารที่เหลือไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงคนได้ 20 คน

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินเข้ามาดูและคิดว่าอาหารดูธรรรมดามาก เขาไม่อยากทานมัน เขาจึงบอกพี่เบิ้มและเพื่อน ๆ ว่าให้เอาอาหารพวกนี้ไปแบ่งกัน เนื่องจากเขาสั่งอาหารให้ทุกคนแล้ว

 

"ไม่มีทาง! ทำไมพวกนายถึงได้กินอาหารดี ๆ ในขณะที่เราได้กินอาหารฟรีห่วย ๆ แบบนี้! ฉันไม่เห็นด้วย!" เล่ยเฉียงเชิงและเพื่อนของเขาเมินอาหารฟรีทันทีที่ได้ยินว่าหัวหน้าห้องสั่งอาหารมาแล้ว พวกเขาโยนตะเกียบทิ้งและวิ่งไปกอดขาเหม่ยเสี่ยวเหวินเพราะเขาเป็นผู้รับผิดชอบค่าอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมด ดังนั้นนักศึกษาคนอื่น ๆ จึงไม่กังวลว่าจะทานอาหารที่ดีกว่านี้ได้ไหม

 

“นายไม่ควรเอาอาหารพวกนั้นเข้ามาตั้งแต่แรก นายจะเอามาให้หมากินหรือไง!” หัวหน้าหนุ่มงอนิ้วของเขาและดีดไปที่หน้าผากของเพื่อนอย่างแรง

 

พี่เบิ้มกุมหน้าผากที่แดงของเขาและตะโกนติดตลกว่า “หมาที่ไหน? หมาอยู่ที่ไหน รีบไปหากันเถอะ!”

 

กว่าอาหารที่เหม่ยเสี่ยวเหวินสั่งจะมาถึงก็เกือบสองทุ่มแล้ว คนส่งของจึงรีบพูดอย่างกระวนกระวายใจ “รบกวนช่วยเซ็นรับอาหารด้วยครับ ผมต้องไปประชุมแล้ว ผอ.บอกว่าทุกคนต้องเข้าประชุมให้ตรงเวลา ถ้าผมไปสาย ผมจะไม่ได้รับโบนัสในเดือนนี้”

 

ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป