บทที่ 59 : สัญลักษณ์วงกลม (2)
สายตาของกู้เหนียนจื่อกวาดไปทั่วสัญลักษณ์วงกลม เธอไม่ได้คิดที่จะลองสัมผัสมัน
ระหว่างที่เธอกำลังจ้องมองสัญลักษณ์ ผู้ดูแลตู้เฟิง เมาน์เทน รีสอร์ท วิลล่าได้เดินนำนางมารน้อยออกจากอาคารหลักและมอบรายชื่อให้เธอ “นี่คือรายชื่อแขกในชั้นเรียนของคุณลูกค้านะคะ รบกวนช่วยตรวจสอบและยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามลำดับ อย่างที่คุณลูกค้าเห็นจากรายการ เราได้กำหนดห้องไว้แล้วค่ะ”
หญิงสาวรับรายชื่อมาแล้วยิ้มขณะที่เธอพูดว่า “จริง ๆ แล้วนี่ไม่ใช่งานของฉัน แต่ฉันจะส่งรายชื่อให้กับหัวหน้าห้องของเราแทนแล้วกันนะคะ”
"ยังไงก็รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ" ผู้ดูแลยิ้มอย่างสุภาพก่อนจะพาทั้งสองคนออกไปข้างนอก
กู้เหนียนจื่อยังคงมองไปทั่วบริเวณพลางเดินสำรวจรอบ ๆ
ตอนนี้เธอกำลังมองหาสัญลักษณ์วงกลมที่เป็นสีเขียวเข้ม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เรืองแสงลักษณ์แบบนี้ ◎
คราวนี้เธอไม่พบสัญลักษณ์วงกลม แต่มีเครื่องหมายอื่นแทน
ตัวอย่างเช่นเธอเห็นรอยขีดข่วนจาง ๆ ที่เกิดจากดาบปลายปืนบนต้นไผ่ตามทางเดิน ดูเหมือนจะหมายถึงลูกศร
ลูกศรบางอันชี้ไปข้างหน้า ในขณะที่ลูกศรบางอันชี้ไปข้างหลัง บ้างก็ชี้ขึ้น บ้างก็ชี้ลง พวกมันดูเหมือนกราฟฟิตี้ยุ่ง ๆ มั่ว ๆ ที่เป็นผลงานของเด็กซุกซน
แต่ถึงอย่างนั้น กู้เหนียนจื่อก็ค่อย ๆ ค้นพบรูปแบบที่แฝงอยู่
มันเหมือนกับการหาคำตอบในการแข่งขันคณิตศาสตร์แบบที่เราต้องคิดรูปแบบพื้นฐานจากกลุ่มของตัวเลขที่ดูเหมือนสุ่ม
หญิงสาวจำได้เธอว่าทำได้ดีมากตอนที่เธออายุ 12 ปี
เฉินหลายได้ให้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ที่คล้ายคลึงกันให้เธอมาแก้ปัญหา ซึ่งมันเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกจิตบำบัด...
ก่อนที่เธอจะรู้ตัว เธอก็เดินแยกตัวออกจากหัวหน้าและนางมารน้อยออกไปไกลแล้ว
เธอมองดูมันด้วยความสงสัย โดยทำตัวเหมือนเด็กขี้สงสัยที่หลงทาง อันที่จริงเธอจงใจเดินไปรอบ ๆ จวนหมิงเยว่
ทางเดินปกคลุมตกแต่งด้วยโคมสีแดง เธอเดินไปตามทางนั้นและเดินไปที่ทะเลสาบลิตเติ้ลมิเรอร์ที่อยู่ด้านหลังจวนหมิงเยว่ ทันทีที่เธอไปถึงทะเลสาบ เธอเห็นร่างหนึ่งแว้บผ่านหางตาเธออย่างรวดเร็ว ก่อนจะดำดิ่งลงไปในน้ำอย่างเงียบ ๆ
การเคลื่อนไหวของชายคนนั้นรวดเร็วและแม่นยำเทียบเท่ากับนักประดาน้ำมืออาชีพ
กู้เหนียนจื่อรู้ว่าเขาเป็นนักประดาน้ำมืออาชีพเพราะเขาทำน้ำกระเซ็นได้น้อยมากตอนที่เขากระโดดลงไปในทะเลสาบ ผิวน้ำกลับมานิ่งสงบอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เธอสามารถจินตนาการถึงเรื่องทั้งหมดได้ทันที
แต่สาวน้อยมีดวงตาเหมือนนกอินทรี คนส่วนใหญ่คงไม่ทันได้เห็นร่างของคน ๆ หนึ่งกระโดดจากทางเดินลงทะเลสาบ แต่เธอเห็นและเธอก็แน่ใจ
หญิงสาวแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นอะไรเลย เธอหยิบหินก้อนเล็ก ๆ ขึ้นมาแล้วโยนมันลงในทะเลสาบลิตเติ้ลมิเรอร์ เธอมองดูคลื่นน้ำที่เกิดขึ้น จากนั้นก็ระบายยิ้มออกมาขณะที่เธอหันหลังเดินออกไป
เวลาต่อมา ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง พระจันทร์ถูกเมฆบดบัง แสงจันทร์ที่มีหมอกเบื้องหน้าจางลงเล็กน้อย หมอกนั้นกำลังลอยเอื่อยเฉื่อยไปบนฟ้าและสะท้อนบนผิวทะเลสาบ
ทะเลสาบลิตเติ้ลมิเรอร์ส่องประกายแสงจันทร์ที่เงียบสงบ นาน ๆ ครั้งจะมีเสียงปลาที่ว่ายขึ้นมาหาอากาศบริสุทธิ์
กู้เหนียนจื่อใช้มือเช็ดคิ้วทำให้มือของเธอชื้นเหงื่อ เธอมีเหงื่อออกเยอะมาก แต่เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
อยู่ดี ๆ อากาศรอบตัวก็อุ่นขึ้น
สายลมเย็นพัดหายไป ป่าไผ่ตอนนี้ยังคงนิ่งสนิท ต้นไผ่ตั้งตรงนิ่ง ๆ เหมือนเสาในคืนอันเงียบสงัด
หลังจากที่กู้เหนียนจื่อไปแล้ว ชายในชุดดำก็โผล่หัวขึ้นมาจากทะเลสาบ เขาชูนิ้วกลางให้หญิงสาวแล้วถอยกลับไปพลางสาปแช่งเธอ ก่อนที่จะดำลงไปในน้ำและว่ายน้ำออกไป
สาวน้อยรีบกลับไปที่ถนนสายหลัก ที่นั่นเธอพบนางมารน้อยและผู้นำทางกำลังมองไปรอบ ๆ อย่างกังวลใจ
เมื่อหวังจุนหยาเห็นกู้เหนียนจื่อเดินออกมาจากส่วนลึกของป่าไผ่ เธอก็พุ่งเข้าหาอีกคนทันทีแล้วตีหลังคนที่อยู่ ๆ ก็หายตัวไปพร้อมกับพูดด้วยเสียงกดต่ำว่า “เธอไปไหนมา? ฉันเกือบหัวใจวายเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ!”
“นางมารน้อยของฉัน ฉันอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความงามรอบ ๆ ที่นี่สวยงามมาก ฉันเลยลืมเดินตามเธอไปและตอนนี้ฉันเกือบหลงทางอยู่ในป่าไผ่ ดีนะที่ฉันความจำดี ฉันเดินกลับมาทางเดิมได้! ฉันอยู่นี่แล้ว” กู้เหนียนจื่อกล่าวเบา ๆ เธอหัวเราะและบีบมือของรูมเมทสาว
นางมารน้อยจับมือสาวน้อยประจำกลุ่มไว้แน่น “อย่าออกไปไหนคนเดียวอีก คราวหน้าเธออาจจะไม่โชคดีอย่างนี้ เธออาจจะหลงทางก็ได้ รีสอร์ทบนภูเขานี้มันกว้างมากนะ”
กู้เหนียนจื่อยิ้มขณะที่เธอเขย่าแขนของอีกฝ่ายเบา ๆ “พี่สาวที่รักของฉัน ไม่เป็นไรแล้วน่า ฉันรู้ ไม่ต้องพูดถึงมันแล้วเนาะ”
“อืม ในเมื่อเธอเป็นเด็กดี ฉันจะยกโทษให้เธอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว” หวังจุนหยาบีบจมูกเล็ก ๆ ของอีกคน และพูดต่อว่า “ออกไปจากที่นี่กันเถอะ เราไปหาหัวหน้าห้องดีกว่า ฉันไม่มีทางเสียจวนหมิงเยว่ให้กับยัยคนนั้นแน่ ๆ ฉันเพิ่งไปเช็คสวนฉิงเฟิง เธอรู้ไหมว่านั่นคือลานที่ห้อง 2 จองไว้ และห้องที่นั่นมีขนาดเล็กมาก นอกจากนี้เธอจะไม่ได้รับความสงบเลย ประตูทางออกมันหันไปทางถนนหลัก มันไม่ได้ดีไปกว่าจวนหมิงเยว่ด้วยซ้ำ”
จวนหมิงเยว่ทั้งกว้างขวาง อยู่ห่างไกลและล้อมรอบด้วยทะเลสาบลิตเติ้ลมิเรอร์ทั้งสามด้าน ทำให้ในจวนนี้ทั้งสวยงามและเงียบสงบ ทางเข้าหลักเปิดออกสู่สนามหญ้า ซึ่งเชื่อมต่อกับเส้นทางป่าไผ่ที่คดเคี้ยว
วิวกลางคืนจากห้องพักในจวนหมิงเยว่น่าทึ่งมาก ที่นี่เป็นที่พักที่ดีที่สุดในรีสอร์ท และที่สำคัญ จวนหมิงเยว่แพงกว่าสวนฉิงเฟิงถึง 3 เท่า
ผู้ดูแลอธิบายความแตกต่างระหว่างสถานที่ทั้งสองอย่างสุภาพกับหญิงสาวทั้งสองคน แล้วสรุปว่า ‘คุณจะได้พักตามที่คุณจ่ายไป แค่นั้นเอง’
กู้เหนียนจื่อหันไปมองจวนหมิงเยว่ที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของป่าไผ่ ดวงตาของเธอเป็นประกาย เธอได้เห็นด้วยตาแล้วว่าสัญลักษณ์นั้นเป็นอย่างไรเมื่อนำมาเชื่อมต่อกัน
เธอไม่ชอบภาพที่ปรากฏเท่าไหร่
ราวกับว่ามีแมงมุมปั่นใยนับไม่ถ้วนรอบ ๆ จวนหมิงเยว่ และจวนหมิงเยว่เป็นเหยื่อของมันซึ่งติดอยู่ตรงกลาง
สาวน้อยส่ายหัว ภาพนั้นผุดขึ้นมาในหัวของเธอโดยไม่ทราบสาเหตุ มันดูไร้สาระจริง ๆ
แต่มีบางอย่างที่เป็นลางไม่ดีเกี่ยวกับสัญลักษณ์เหล่านั้น
เธอจำได้ว่าเคยเห็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษทำการฝึกซ้อมตอนที่เธออายุ 12 ปี ตอนนั้นเธออาศัยอยู่กับฮัวเฉาในที่พักของเขาในฐานปฏิบัติการพิเศษ
ย้อนกลับไปในตอนนั้น เธอตามผู้ปกครองหนุ่มไปทุกหนทุกแห่ง ราวกับเครื่องประดับที่ผูกติดอยู่กับขาของเขา เขาไปไหนเธอก็ตามไปด้วย พวกเขาไม่เคยแยกจากกัน
เธอได้เห็นการฝึกซ้อมของหน่วยปฏิบัติการพิเศษเพื่อทำสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า ‘กวาดล้างศัตรู’ อันดับแรก พวกทหารจะสำรวจทางออกและเส้นทางที่เป็นไปได้ทั้งหมดระหว่างการลาดตระเวน จากนั้นก็ทำเครื่องหมายด้วยสัญลักษณ์ที่ไม่เด่นชัด
แน่นอนว่าเครื่องหมายที่กองกำลังปฏิบัติการพิเศษใช้นั้นละเอียดอ่อนและลึกลับกว่าเครื่องหมายที่หน้าประตูจวนหมิงเยว่มาก หากไม่มีการเปรียบเทียบ สัญลักษณ์ปฏิบัติการพิเศษอยู่ในระดับที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เมื่อใช้คุณสมบัติทางวิชาการเป็นการเปรียบเทียบ เครื่องหมายของกองกำลังปฏิบัติการพิเศษของกองทัพจักรวรรดินั้นมีคุณภาพสูงมาก เช่นเดียวกับผลงานของผู้ที่เรียนจบปริญญาเอก ในทางกลับกัน เครื่องหมายที่นี่ดูเหมือนงานของเด็กวัยหัดเดินก่อนวัยเรียน
กู้เหนียนจื่อจึงไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าเครื่องหมายเหล่านี้หมายถึงอะไร
หรือเธอคิดมากไปหรือเปล่า?
เธอกลัวที่จะเกิดอุบัติเหตุและสิ่งไม่คาดฝันเหนือสิ่งใด สิ่งสุดท้ายที่เธอไม่อยากให้เกิดขึ้นคือการทำลายทริปฉลองรับปริญญาของทุกคน
ในขณะนั้นเธอเดินตามนางมารน้อยออกจากประตูหลักของรีสอร์ท และเห็นว่าเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ของเธอกำลังพูดคุยกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ สามหรือห้าคน กระเป๋าเดินทางของพวกเขากระจัดกระจายอยู่บนพื้น คณะกรรมการระดับชั้นสำหรับห้อง 1 และห้อง 2 กำลังหารือถึงวิธีการจัดสรรห้อง
ซ่งหรูยวี่ยืนกรานว่าเหม่ยเสี่ยวเหวินให้เกียรติเดิมพันที่เขาทำกับพวกเธอ ใครก็ตามที่มาถึงก่อนจะได้เลือกที่พักก่อน นั่นคือเดิมพัน
นักศึกษาบางคนจากห้อง 2 รู้ว่าจวนหมิงเยว่นั้นแพงกว่าสวนฉิงเฟิงมาก ดังนั้นพวกเขาจึงกระตือรือร้นที่จะรีดเงินเดิมพัน พวกเขาเริ่มเข้าร่วมการเดิมพันโดยคิดว่าอย่างน้อยก็คุ้มค่าที่จะลอง บางทีเหม่ยเสี่ยวเหวินอาจจะยอมจำนนต่อพวกเขา
แต่ใครจะรู้ได้?
พวกเขามารวมกันอยู่ที่ทางเข้ารีสอร์ท เสียงรบกวนและพูดคุยเซ็งแซ่ของเหล่านักศึกษาทำให้วิลล่ารีสอร์ทดูมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าปกติ
แม้ว่าตอนนี้ท้องฟ้าจะมืดไปแล้ว แต่ก็ยังมีคนมามากมายอยู่ในรีสอร์ท นั่นหมายความว่ารีสอร์ทแห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาก
ระหว่างนั้นมีรถเอสยูวีสีดำขับเข้าไปในรีสอร์ทแล้วเลี้ยวสามครั้งไปตามถนนที่มุ่งสู่อาคารอำนวยการของวิลล่ารีสอร์ท
กู้เหนียนจื่อเดินไปหาหัวหน้าห้อง เธอดึงแขนเสื้อของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เสี่ยวเหวิน ไปสวนฉิงเฟิงกันเถอะ มืดแล้ว ฉันรู้สึกหิวนิดหน่อย”
บทที่ 60 : สัญลักษณ์วงกลม (3)
“แต่จวนหมิงเยว่มันดีกว่า!” นางมารน้อยยืนอยู่ด้านข้างกระทืบเท้าของเธออย่างไม่เห็นด้วย “อย่าไปฟังยัยบ้านั่น! ฉันจะส่งมันกลับไปนรกเอง!”
"พี่สาวที่รัก!" เสียงของกู้เหนียนจื่อสั่นราวกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้ “ได้โปรด ฟังฉันสักครั้ง อย่าพักในจวนหมิงเยว่เลย” จากนั้นเธอก็หันมาพูดเบา ๆ กับซ่งหรูยวี่ซึ่งกำลังกอดอกและยิ้มอย่างพอใจ “ฉันไม่คิดว่าพวกเธอควรจะอยู่ในจวนหมิงเยว่เหมือนกันเพราะมันไกลเกินไป”
“ห้ะ! อะไรของเธอยะ! เราอยู่ที่บ้านพักตากอากาศบนภูเขา แน่นอนว่าเราต้องอยากอยู่ในที่ไกล ๆ สิ ถ้าอยากอยู่ที่คนเยอะ ๆ จะเสียเวลาขึ้นมาบนภูเขาทำไม? ปกติเราอยู่ในเมืองที่พลุกพล่านอยู่แล้ว ทำไมไม่กลับไปซะล่ะ!” ซ่งหรูยวี่จ้องเขม็งและฉวยโอกาสดูถูกอีกฝ่าย
หญิงสาวพูดถูก จวนหมิงเยว่เป็นที่พักที่ห่างไกลจากผู้คนและแพงที่สุดในรีสอร์ทบนภูเขา เหม่ยเสี่ยวเหวินเคยมาที่นี่หลายครั้งและมักจะพักที่จวนหมิงเยว่ และเขารู้สึกไม่สบายใจที่ซ่งหรูยวี่กำลังดูถูกกู้เหนียนจื่อ เขาจึงจับมือเธอเบา ๆ แล้วพูดว่า “อย่ากลัวไปเลย เราจะฟังเธอและอยู่ที่ไหนก็ได้ที่เธออยากจะอยู่”
สาวน้อยแอบตกใจเล็กน้อย ‘ฟังฉัน? แต่ฉันไม่ใช่ตัวแทนของชั้นเรียน!’ เธอไม่ต้องการแบกรับภาระในการตัดสินใจ
กู้เหนียนจื่อมองไปที่รูมเมทสาวด้วยสายตาอ้อนวอน หวังจุนหยาจ้องมาที่เธอและยอมตกลงอย่างไม่เต็มใจ “ได้ ก็ได้ ถ้าหัวหน้าห้องทำการเดิมพันกับพวกเขา เราจะไม่เป็นพวกขี้แพ้ชวนตี เราไปพักที่สวนฉิงเฟิงกันเถอะ และเราหวังว่าพวกเธอจะมีความสุขในจวนหมิงเยว่ ของฟรีแบบนี้ไม่ได้มีอยู่ตลอด พวกเธอควรจดจำมันไปจนตายเพื่อที่จะได้ไม่เสียใจในภายหลัง”
นางมารน้อยพูดให้พวกห้อง 2 โกรธด้วยคำพูดที่ถากถาง “เหอะ หัวหน้าห้องของเธอตกลงที่จะเดิมพันเอง ตอนนี้พวกเธอพยายามที่จะพังมันและดูถูกพวกเราเหรอ? ที่พูดมานั่นอายตัวเองบ้างไหม เราอายแทนเธอจริง ๆ!”
นักศึกษาส่วนใหญ่ในห้อง 2 ไม่สนใจว่าพวกเขาจะได้อยู่ที่ไหน และเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจะชอบของฟรี แต่คำพูดของนางมารน้อยนั้นมันไม่น่าฟังและพวกเขาก็โกรธมากพอที่จะใช้คำพูดไม่ดีกับเธอ
กู้เหนียนจื่อมองไปที่หัวหน้าห้องของห้อง 2 ราวกับว่าเธอต้องการจะพูดแต่เธอลังเล เขาจึงยิ้มและพยักหน้าให้เธอ “เหนียนจื่อ เธอมีน้ำใจมากจริง ๆ” ต่อมาเขาตบไหล่ของเหม่ยเสี่ยวเหวินแล้วพูดว่า “รักษาอันดับหนึ่งของปีของเราให้ดี! ถ้านายไม่ดูแลเธอให้ดี พวกเรามีคนรอสวมรอยนายอยู่!”
หัวหน้าหนุ่มดึงตัวสาวน้อยเข้ามากอดพร้อมกับหัวเราะ “นายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแล้ว! ฉันจะทำให้เธอเป็นของฉันไปตลอดชีวิต! พวกนายต้องรอชาติหน้าโน่น!”
กู้เหนียนจื่อรีบดันตัวชายหนุ่มออกไปและยิ้มอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวเหวิน นายเมาแล้ว ก่อนหน้านี้นายดื่มมาจริง ๆ เหรอ? นายพูดอะไรเนี่ย”
“ฉันไม่ได้เมา มันเป็นความจริง" เหม่ยเสี่ยวเหวินยิ้มในขณะที่เขาจับมือเธอและหันไปทางสวนฉิงเฟิง
หลายคนในห้อง 1 ไม่พอใจเมื่อได้ยินว่าพวกเขาต้องเปลี่ยนห้องกะทันหันและบ่นว่า “หัวหน้าห้อง ทำไมเราต้องจ่ายเงินให้พวกนั้นอยู่ในห้องของเราด้วย?”
คนเป็นหัวหน้าห้องอธิบายให้ดีที่สุดและขอโทษอย่างสุดหัวใจ “มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันจะคืนเงินส่วนต่างให้ทุกคนหลังจากที่เรากลับไป” เขากล่าวต่อว่า “ค่าอาหารและกิจกรรมทั้งหมดฉันจ่ายเอง เพราะงั้นมาสนุกกันเถอะ!”
ในที่สุดทุกคนก็ปล่อยมันไปตั้งแต่ที่เหม่ยเสี่ยวเหวินรับปาก แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ค่อยมีความสุขนัก แต่ในไม่ช้าทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นกับการย่างบาร์บีคิวและลืมมันไปทันทีที่เตาย่างถูกจุด
ขณะเดียวกันคนของห้อง 2 ไปที่จวนหมิงเยว่และรู้สึกละอายใจในภายหลังเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าที่นี่มันดีกว่าสวนฉิงเฟิงมากแค่ไหน พวกเขาเรียนอยู่ในชั้นเดียวกันที่มหาวิทยาลัย ดังนั้นมันคงจะน่าอึดอัดใจหากเรื่องต่าง ๆ ตึงเครียดหรือมองหน้ากันไม่ติด หัวหน้าห้องของพวกเขาแนะนำให้เชิญคนในห้อง 1 มารวมตัวกันที่จวนหมิงเยว่
ซ่งหรูยวี่ตกลงและไปที่สวนฉิงเฟิงกับคณะกรรมการของห้อง 2 เพื่อเชิญพวกเขามาเล่นเกมด้วยกัน ทางด้านของห้อง 1 ที่เพิ่งทานบาร์บีคิวเสร็จและต้องการจะย้ายไปเดินรอบ ๆ เพื่อย่อยอาหาร หลังจากที่พูดคุยกันในที่สุด พวกเขาก็ตกลงกันได้และคนกลุ่มใหญ่ก็โห่ร้องด้วยเสียงสนุกสนานและเสียงหัวเราะขณะที่พวกเขาไปที่จวนหมิงเยว่
แต่ตอนนั้นกู้เหนียนจื่อไม่อยากไป เธอจึงพูดกับเหม่ยเสี่ยวเหวินและรูมเมทสาวของเธอว่า “พวกเธอไปเถอะ ที่นี่ต้องมีคนดูแลอยู่ ฉันจะอยู่ที่นี่เอง พวกเธอจะได้ไม่ต้องห่วงว่าจะมีอะไรหายไปไหม”
“เหนียนจื่อ เธอจะไม่ไปจริง ๆ เหรอ? งั้น...ฉันไม่ไปถ้าเธอไม่ไป” คุณหนูเฉาเสนอที่จะอยู่กับสาวน้อยเพราะเธออยากอยู่เงียบ ๆ และไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรมกับคนต่างห้อง
เหม่ยเสี่ยวเหวินปรึกษาเรื่องนี้กับยัยหนูชาเขียวฟ่างและนางมารน้อยแล้วตกลงกัน “เอาล่ะ พวกเธอนั่งเล่นกันอยู่ที่นี่ไปนะ ฉันเอาแผ่งหนังมาด้วยสองสามแผ่น พวกเธอจะดูหนังหรือเล่นวิดีโอเกมก็ได้”
“โอเค เราดูแลตัวเองได้ ขอให้สนุกนะ" กู้เหนียนจื่อยิ้มเมื่อเห็นเพื่อน ๆของเธอเดินไปที่ประตู ก่อนจะรั้งตัวยัยหนูชาเขียวฟ่างและนางมารน้อยไว้แล้วพูดว่า “กลับมาเร็ว ๆ ล่ะ อย่าอยู่ดึกเกินไป”
มีผู้คนมากกว่า 40 คนเมื่อทั้ง 2 ห้องมารวมตัวกัน เธอคิดว่าทุกอย่างที่จวนหมิงเยว่น่าจะไปได้ดีกับคนเหล่านั้น หญิงสาวมองดูพวกเขาเดินทางไปที่จวนหมิงเยว่อย่างไม่สบายใจ
หลังจากที่พวกเขาหายลับไปจากสายตาของเธอ กู้เหนียนจื่อก็รีบกลับไปที่ห้องของตัวเองและพูดกับคุณหนูเฉาว่า “มาเถอะ ไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำแล้วไปว่ายน้ำในทะเลสาบลิตเติ้ลมิเรอร์กัน!”
"อะไรนะ?" เฉาหยุนซานรู้สึกงุนงงก่อนที่จะเข้าใจอย่างรวดเร็ว เธอชี้ไปที่สาวน้อยประจำกลุ่มและหัวเราะเสียงดังมากจนพูดไม่ออกไปชั่วครู่ “ในใจเธอคิดเรื่องนี้มาแล้วใช่ไหม? เธอไปคนเดียวเลย ฉันไม่ชอบแก้ผ้าว่ายน้ำ”
“ใครบอกว่าจะแก้ผ้าว่ายน้ำ” กู้เหนียนจื่อหยิบชุดว่ายน้ำออกมาจากกระเป๋าเดินทางแล้วโบกมือให้อีกฝ่าย แทนที่จะเรียกมันว่าชุดว่ายน้ำ เรียกมันว่าชุดดำน้ำดีกว่า เพราะมันปกปิดร่างกายเธอตั้งแต่คอจรดปลายเท้า และเธอยังมีแว่นตาดำน้ำขนาดใหญ่คู่หนึ่ง มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอขาดไปคือถังออกซิเจน
คุณหนูเฉายิ้มเมื่อมองดูอีกคนเปลี่ยนเสื้อผ้าและกล่าวว่า “ฉันดูไม่เป็นมืออาชีพเลยทั้ง ๆ ที่ฉันเคยดำน้ำลึกมาก่อน”
“ฉันแค่จะไปว่ายน้ำ เสียดายที่ไม่ได้เอาถังออกซิเจนมาด้วย” สาวน้อยขยิบตาให้รูมเมทสาว จากนั้นก็เปิดประตูหลังของสวนฉิงเฟิงและเดินลงน้ำ มันลึกพอที่จะว่ายเข้าไปได้และมีบันไดลงไปสองขั้น ตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อนและน้ำในทะเลสาบลิตเติ้ลมิเรอร์นั้นเย็นสบาย ดวงจันทร์และดวงดาวที่สะท้อนในคืนฤดูร้อนปกคลุมทะเลสาบเหมือนผ้าห่มบาง ๆ
กู้เหนียนจื่อเงี่ยหูของเธอเพื่อฟังเสียงจากงานเลี้ยงที่จวนหมิงเยว่
ทุกคนกำลังสนุกสนาน...
เธอเลื่อนตัวลงไปในน้ำและว่ายอย่างเงียบ ๆ เหมือนปลาไปทางจวนหมิงเยว่
…
ในสำนักงานของกรรมการผู้จัดการบนชั้น 5 ของอาคารบริหารที่ตู้เฟิง เมาน์เทน รีสอร์ท วิลล่า กรรมการผู้จัดการถูกมัดตัวไว้ราวกับข้าวต้มมัด ปากของเขาถูกยัดด้วยห่อผ้าขี้ริ้ว เขาถูกขังอยู่ใต้โต๊ะของตัวเอง แล้วมีชายร่างกำยำ 7-8 คนกำลังถือปืนไรเฟิลนั่งกระจัดกระจายไปทั่วห้อง หนึ่งในนั้นนั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่างและใช้กล้องส่องทางไกลมองไปทางจวนหมิงเยว่
“พี่ต้าเว่ย นักศึกษามหาวิทยาลัยมารวมตัวกันที่จวนหมิงเยว่แล้ว ทุกคนในรายชื่อนี้อยู่ที่นี่ด้วย แต่คราวนี้มา 2 ห้อง” ชายคนนั้นนับจำนวนคนอย่างอดทนพร้อมกับจดบันทึก
“ดี ปล่อยให้พวกมันสนุกไปก่อนคืนนี้ อย่าลืมส่งเครื่องดื่มไปเยอะ ๆ นะ” หยางต้าเว่ยโยนกริชในมือเล่นขณะที่เขาพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ
คนกลุ่มนี้คือแก๊งวงเวียนใหญ่ และในที่สุดพวกเขาก็พร้อมที่จะรับแจ็คพอตในเมือง C แล้ว
ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00