Your Wishlist

ว่าไงคะ ท่านนายพล (บทที่ 59-60 : สัญลักษณ์วงกลม (2), สัญลักษณ์วงกลม (3))

Author: Han Wuji (Akira แปล)

กู้เหนียนจื่อ หญิงสาวอายุ 17 ปีผู้สูญเสียความทรงจำในวัยเด็ก มีเพียงภาพที่ตนเองติดอยู่ในรถที่กำลังลุกไหม้เท่านั้นที่ยังฉายชัดอยู่ในความฝันของเธอ โชคดีที่เธอได้ฮัวเฉาเหิง ทหารหนุ่มผู้มีตำแหน่งพลตรีช่วยชีวิตเอาไว้ ชายหนุ่มถูกกองทัพของจักรวรรดิร้องขอให้เป็นผู้ปกครองของกู้เหนียนจื่อที่มีอายุเพียง 12 ปี และปกปิดประวัติที่แท้จริงของทั้งคู่เอาไว้ แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เธอก็อยู่กับเขานับตั้งแต่นั้นมา เธอใช้ชีวิตด้วยความกลัวและไม่มั่นคงมาตลอด เธอจะรู้สึกปลอดภัยเฉพาะเวลาได้อยู่ใกล้ ๆ ผู้ปกครองหนุ่มเท่านั้น ระหว่างนั้นกองทัพของจักรวรรดิได้ทำการสืบค้นประวัติของหญิงสาว แต่ก็ไม่สามารถค้นหาได้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ตัวตนที่แท้จริงของกู้เหนียนจื่อคือใครกันแน่? เหตุใดเธอจึงถูกลอบทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต?

จำนวนตอน : 2263

บทที่ 59-60 : สัญลักษณ์วงกลม (2), สัญลักษณ์วงกลม (3)

  • 23/11/2564

บทที่ 59 : สัญลักษณ์วงกลม (2)

 

สายตาของกู้เหนียนจื่อกวาดไปทั่วสัญลักษณ์วงกลม เธอไม่ได้คิดที่จะลองสัมผัสมัน 

 

ระหว่างที่เธอกำลังจ้องมองสัญลักษณ์ ผู้ดูแลตู้เฟิง เมาน์เทน รีสอร์ท วิลล่าได้เดินนำนางมารน้อยออกจากอาคารหลักและมอบรายชื่อให้เธอ “นี่คือรายชื่อแขกในชั้นเรียนของคุณลูกค้านะคะ รบกวนช่วยตรวจสอบและยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามลำดับ อย่างที่คุณลูกค้าเห็นจากรายการ เราได้กำหนดห้องไว้แล้วค่ะ”

 

หญิงสาวรับรายชื่อมาแล้วยิ้มขณะที่เธอพูดว่า “จริง ๆ แล้วนี่ไม่ใช่งานของฉัน แต่ฉันจะส่งรายชื่อให้กับหัวหน้าห้องของเราแทนแล้วกันนะคะ”

 

"ยังไงก็รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ" ผู้ดูแลยิ้มอย่างสุภาพก่อนจะพาทั้งสองคนออกไปข้างนอก

 

กู้เหนียนจื่อยังคงมองไปทั่วบริเวณพลางเดินสำรวจรอบ ๆ

 

ตอนนี้เธอกำลังมองหาสัญลักษณ์วงกลมที่เป็นสีเขียวเข้ม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เรืองแสงลักษณ์แบบนี้

 

คราวนี้เธอไม่พบสัญลักษณ์วงกลม แต่มีเครื่องหมายอื่นแทน

 

ตัวอย่างเช่นเธอเห็นรอยขีดข่วนจาง ๆ ที่เกิดจากดาบปลายปืนบนต้นไผ่ตามทางเดิน ดูเหมือนจะหมายถึงลูกศร

 

ลูกศรบางอันชี้ไปข้างหน้า ในขณะที่ลูกศรบางอันชี้ไปข้างหลัง บ้างก็ชี้ขึ้น บ้างก็ชี้ลง พวกมันดูเหมือนกราฟฟิตี้ยุ่ง ๆ มั่ว ๆ ที่เป็นผลงานของเด็กซุกซน

 

แต่ถึงอย่างนั้น กู้เหนียนจื่อก็ค่อย ๆ ค้นพบรูปแบบที่แฝงอยู่

 

มันเหมือนกับการหาคำตอบในการแข่งขันคณิตศาสตร์แบบที่เราต้องคิดรูปแบบพื้นฐานจากกลุ่มของตัวเลขที่ดูเหมือนสุ่ม

 

หญิงสาวจำได้เธอว่าทำได้ดีมากตอนที่เธออายุ 12 ปี

 

เฉินหลายได้ให้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ที่คล้ายคลึงกันให้เธอมาแก้ปัญหา ซึ่งมันเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกจิตบำบัด...

 

ก่อนที่เธอจะรู้ตัว เธอก็เดินแยกตัวออกจากหัวหน้าและนางมารน้อยออกไปไกลแล้ว

 

เธอมองดูมันด้วยความสงสัย โดยทำตัวเหมือนเด็กขี้สงสัยที่หลงทาง อันที่จริงเธอจงใจเดินไปรอบ ๆ จวนหมิงเยว่

 

ทางเดินปกคลุมตกแต่งด้วยโคมสีแดง เธอเดินไปตามทางนั้นและเดินไปที่ทะเลสาบลิตเติ้ลมิเรอร์ที่อยู่ด้านหลังจวนหมิงเยว่ ทันทีที่เธอไปถึงทะเลสาบ เธอเห็นร่างหนึ่งแว้บผ่านหางตาเธออย่างรวดเร็ว ก่อนจะดำดิ่งลงไปในน้ำอย่างเงียบ ๆ

 

การเคลื่อนไหวของชายคนนั้นรวดเร็วและแม่นยำเทียบเท่ากับนักประดาน้ำมืออาชีพ

 

กู้เหนียนจื่อรู้ว่าเขาเป็นนักประดาน้ำมืออาชีพเพราะเขาทำน้ำกระเซ็นได้น้อยมากตอนที่เขากระโดดลงไปในทะเลสาบ ผิวน้ำกลับมานิ่งสงบอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เธอสามารถจินตนาการถึงเรื่องทั้งหมดได้ทันที

 

แต่สาวน้อยมีดวงตาเหมือนนกอินทรี คนส่วนใหญ่คงไม่ทันได้เห็นร่างของคน ๆ หนึ่งกระโดดจากทางเดินลงทะเลสาบ แต่เธอเห็นและเธอก็แน่ใจ

 

หญิงสาวแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นอะไรเลย เธอหยิบหินก้อนเล็ก ๆ ขึ้นมาแล้วโยนมันลงในทะเลสาบลิตเติ้ลมิเรอร์ เธอมองดูคลื่นน้ำที่เกิดขึ้น จากนั้นก็ระบายยิ้มออกมาขณะที่เธอหันหลังเดินออกไป

 

เวลาต่อมา ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง พระจันทร์ถูกเมฆบดบัง แสงจันทร์ที่มีหมอกเบื้องหน้าจางลงเล็กน้อย หมอกนั้นกำลังลอยเอื่อยเฉื่อยไปบนฟ้าและสะท้อนบนผิวทะเลสาบ

 

ทะเลสาบลิตเติ้ลมิเรอร์ส่องประกายแสงจันทร์ที่เงียบสงบ นาน ๆ ครั้งจะมีเสียงปลาที่ว่ายขึ้นมาหาอากาศบริสุทธิ์

 

กู้เหนียนจื่อใช้มือเช็ดคิ้วทำให้มือของเธอชื้นเหงื่อ เธอมีเหงื่อออกเยอะมาก แต่เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

 

อยู่ดี ๆ อากาศรอบตัวก็อุ่นขึ้น

 

สายลมเย็นพัดหายไป ป่าไผ่ตอนนี้ยังคงนิ่งสนิท ต้นไผ่ตั้งตรงนิ่ง ๆ เหมือนเสาในคืนอันเงียบสงัด

 

หลังจากที่กู้เหนียนจื่อไปแล้ว ชายในชุดดำก็โผล่หัวขึ้นมาจากทะเลสาบ เขาชูนิ้วกลางให้หญิงสาวแล้วถอยกลับไปพลางสาปแช่งเธอ ก่อนที่จะดำลงไปในน้ำและว่ายน้ำออกไป

 

สาวน้อยรีบกลับไปที่ถนนสายหลัก ที่นั่นเธอพบนางมารน้อยและผู้นำทางกำลังมองไปรอบ ๆ อย่างกังวลใจ

 

เมื่อหวังจุนหยาเห็นกู้เหนียนจื่อเดินออกมาจากส่วนลึกของป่าไผ่ เธอก็พุ่งเข้าหาอีกคนทันทีแล้วตีหลังคนที่อยู่ ๆ ก็หายตัวไปพร้อมกับพูดด้วยเสียงกดต่ำว่า “เธอไปไหนมา? ฉันเกือบหัวใจวายเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ!”

 

“นางมารน้อยของฉัน ฉันอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความงามรอบ ๆ ที่นี่สวยงามมาก ฉันเลยลืมเดินตามเธอไปและตอนนี้ฉันเกือบหลงทางอยู่ในป่าไผ่ ดีนะที่ฉันความจำดี ฉันเดินกลับมาทางเดิมได้! ฉันอยู่นี่แล้ว” กู้เหนียนจื่อกล่าวเบา ๆ เธอหัวเราะและบีบมือของรูมเมทสาว

 

นางมารน้อยจับมือสาวน้อยประจำกลุ่มไว้แน่น “อย่าออกไปไหนคนเดียวอีก คราวหน้าเธออาจจะไม่โชคดีอย่างนี้ เธออาจจะหลงทางก็ได้ รีสอร์ทบนภูเขานี้มันกว้างมากนะ”

 

กู้เหนียนจื่อยิ้มขณะที่เธอเขย่าแขนของอีกฝ่ายเบา ๆ “พี่สาวที่รักของฉัน ไม่เป็นไรแล้วน่า ฉันรู้ ไม่ต้องพูดถึงมันแล้วเนาะ”

 

“อืม ในเมื่อเธอเป็นเด็กดี ฉันจะยกโทษให้เธอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว” หวังจุนหยาบีบจมูกเล็ก ๆ ของอีกคน และพูดต่อว่า “ออกไปจากที่นี่กันเถอะ เราไปหาหัวหน้าห้องดีกว่า ฉันไม่มีทางเสียจวนหมิงเยว่ให้กับยัยคนนั้นแน่ ๆ ฉันเพิ่งไปเช็คสวนฉิงเฟิง เธอรู้ไหมว่านั่นคือลานที่ห้อง 2 จองไว้ และห้องที่นั่นมีขนาดเล็กมาก นอกจากนี้เธอจะไม่ได้รับความสงบเลย ประตูทางออกมันหันไปทางถนนหลัก มันไม่ได้ดีไปกว่าจวนหมิงเยว่ด้วยซ้ำ”

 

จวนหมิงเยว่ทั้งกว้างขวาง อยู่ห่างไกลและล้อมรอบด้วยทะเลสาบลิตเติ้ลมิเรอร์ทั้งสามด้าน ทำให้ในจวนนี้ทั้งสวยงามและเงียบสงบ ทางเข้าหลักเปิดออกสู่สนามหญ้า ซึ่งเชื่อมต่อกับเส้นทางป่าไผ่ที่คดเคี้ยว

 

วิวกลางคืนจากห้องพักในจวนหมิงเยว่น่าทึ่งมาก ที่นี่เป็นที่พักที่ดีที่สุดในรีสอร์ท และที่สำคัญ จวนหมิงเยว่แพงกว่าสวนฉิงเฟิงถึง 3 เท่า

 

ผู้ดูแลอธิบายความแตกต่างระหว่างสถานที่ทั้งสองอย่างสุภาพกับหญิงสาวทั้งสองคน แล้วสรุปว่า ‘คุณจะได้พักตามที่คุณจ่ายไป แค่นั้นเอง’

 

กู้เหนียนจื่อหันไปมองจวนหมิงเยว่ที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของป่าไผ่ ดวงตาของเธอเป็นประกาย เธอได้เห็นด้วยตาแล้วว่าสัญลักษณ์นั้นเป็นอย่างไรเมื่อนำมาเชื่อมต่อกัน

 

เธอไม่ชอบภาพที่ปรากฏเท่าไหร่

 

ราวกับว่ามีแมงมุมปั่นใยนับไม่ถ้วนรอบ ๆ จวนหมิงเยว่ และจวนหมิงเยว่เป็นเหยื่อของมันซึ่งติดอยู่ตรงกลาง

 

สาวน้อยส่ายหัว ภาพนั้นผุดขึ้นมาในหัวของเธอโดยไม่ทราบสาเหตุ มันดูไร้สาระจริง ๆ

 

แต่มีบางอย่างที่เป็นลางไม่ดีเกี่ยวกับสัญลักษณ์เหล่านั้น

 

เธอจำได้ว่าเคยเห็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษทำการฝึกซ้อมตอนที่เธออายุ 12 ปี ตอนนั้นเธออาศัยอยู่กับฮัวเฉาในที่พักของเขาในฐานปฏิบัติการพิเศษ

 

ย้อนกลับไปในตอนนั้น เธอตามผู้ปกครองหนุ่มไปทุกหนทุกแห่ง ราวกับเครื่องประดับที่ผูกติดอยู่กับขาของเขา เขาไปไหนเธอก็ตามไปด้วย พวกเขาไม่เคยแยกจากกัน

 

เธอได้เห็นการฝึกซ้อมของหน่วยปฏิบัติการพิเศษเพื่อทำสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า ‘กวาดล้างศัตรู’ อันดับแรก พวกทหารจะสำรวจทางออกและเส้นทางที่เป็นไปได้ทั้งหมดระหว่างการลาดตระเวน จากนั้นก็ทำเครื่องหมายด้วยสัญลักษณ์ที่ไม่เด่นชัด

 

แน่นอนว่าเครื่องหมายที่กองกำลังปฏิบัติการพิเศษใช้นั้นละเอียดอ่อนและลึกลับกว่าเครื่องหมายที่หน้าประตูจวนหมิงเยว่มาก หากไม่มีการเปรียบเทียบ สัญลักษณ์ปฏิบัติการพิเศษอยู่ในระดับที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

เมื่อใช้คุณสมบัติทางวิชาการเป็นการเปรียบเทียบ เครื่องหมายของกองกำลังปฏิบัติการพิเศษของกองทัพจักรวรรดินั้นมีคุณภาพสูงมาก เช่นเดียวกับผลงานของผู้ที่เรียนจบปริญญาเอก ในทางกลับกัน เครื่องหมายที่นี่ดูเหมือนงานของเด็กวัยหัดเดินก่อนวัยเรียน

 

กู้เหนียนจื่อจึงไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าเครื่องหมายเหล่านี้หมายถึงอะไร 

 

หรือเธอคิดมากไปหรือเปล่า?

 

เธอกลัวที่จะเกิดอุบัติเหตุและสิ่งไม่คาดฝันเหนือสิ่งใด สิ่งสุดท้ายที่เธอไม่อยากให้เกิดขึ้นคือการทำลายทริปฉลองรับปริญญาของทุกคน

 

ในขณะนั้นเธอเดินตามนางมารน้อยออกจากประตูหลักของรีสอร์ท และเห็นว่าเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ของเธอกำลังพูดคุยกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ สามหรือห้าคน กระเป๋าเดินทางของพวกเขากระจัดกระจายอยู่บนพื้น คณะกรรมการระดับชั้นสำหรับห้อง 1 และห้อง 2 กำลังหารือถึงวิธีการจัดสรรห้อง

 

ซ่งหรูยวี่ยืนกรานว่าเหม่ยเสี่ยวเหวินให้เกียรติเดิมพันที่เขาทำกับพวกเธอ ใครก็ตามที่มาถึงก่อนจะได้เลือกที่พักก่อน นั่นคือเดิมพัน

 

นักศึกษาบางคนจากห้อง 2 รู้ว่าจวนหมิงเยว่นั้นแพงกว่าสวนฉิงเฟิงมาก ดังนั้นพวกเขาจึงกระตือรือร้นที่จะรีดเงินเดิมพัน พวกเขาเริ่มเข้าร่วมการเดิมพันโดยคิดว่าอย่างน้อยก็คุ้มค่าที่จะลอง บางทีเหม่ยเสี่ยวเหวินอาจจะยอมจำนนต่อพวกเขา 

 

แต่ใครจะรู้ได้?

 

พวกเขามารวมกันอยู่ที่ทางเข้ารีสอร์ท เสียงรบกวนและพูดคุยเซ็งแซ่ของเหล่านักศึกษาทำให้วิลล่ารีสอร์ทดูมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าปกติ

 

แม้ว่าตอนนี้ท้องฟ้าจะมืดไปแล้ว แต่ก็ยังมีคนมามากมายอยู่ในรีสอร์ท นั่นหมายความว่ารีสอร์ทแห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาก

 

ระหว่างนั้นมีรถเอสยูวีสีดำขับเข้าไปในรีสอร์ทแล้วเลี้ยวสามครั้งไปตามถนนที่มุ่งสู่อาคารอำนวยการของวิลล่ารีสอร์ท

 

กู้เหนียนจื่อเดินไปหาหัวหน้าห้อง เธอดึงแขนเสื้อของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เสี่ยวเหวิน ไปสวนฉิงเฟิงกันเถอะ มืดแล้ว ฉันรู้สึกหิวนิดหน่อย” 

 

บทที่ 60 : สัญลักษณ์วงกลม (3)

 

“แต่จวนหมิงเยว่มันดีกว่า!” นางมารน้อยยืนอยู่ด้านข้างกระทืบเท้าของเธออย่างไม่เห็นด้วย “อย่าไปฟังยัยบ้านั่น! ฉันจะส่งมันกลับไปนรกเอง!”

 

"พี่สาวที่รัก!" เสียงของกู้เหนียนจื่อสั่นราวกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้ “ได้โปรด ฟังฉันสักครั้ง อย่าพักในจวนหมิงเยว่เลย” จากนั้นเธอก็หันมาพูดเบา ๆ กับซ่งหรูยวี่ซึ่งกำลังกอดอกและยิ้มอย่างพอใจ “ฉันไม่คิดว่าพวกเธอควรจะอยู่ในจวนหมิงเยว่เหมือนกันเพราะมันไกลเกินไป”

 

“ห้ะ! อะไรของเธอยะ! เราอยู่ที่บ้านพักตากอากาศบนภูเขา แน่นอนว่าเราต้องอยากอยู่ในที่ไกล ๆ สิ ถ้าอยากอยู่ที่คนเยอะ ๆ จะเสียเวลาขึ้นมาบนภูเขาทำไม? ปกติเราอยู่ในเมืองที่พลุกพล่านอยู่แล้ว ทำไมไม่กลับไปซะล่ะ!” ซ่งหรูยวี่จ้องเขม็งและฉวยโอกาสดูถูกอีกฝ่าย

 

หญิงสาวพูดถูก จวนหมิงเยว่เป็นที่พักที่ห่างไกลจากผู้คนและแพงที่สุดในรีสอร์ทบนภูเขา เหม่ยเสี่ยวเหวินเคยมาที่นี่หลายครั้งและมักจะพักที่จวนหมิงเยว่ และเขารู้สึกไม่สบายใจที่ซ่งหรูยวี่กำลังดูถูกกู้เหนียนจื่อ เขาจึงจับมือเธอเบา ๆ แล้วพูดว่า “อย่ากลัวไปเลย เราจะฟังเธอและอยู่ที่ไหนก็ได้ที่เธออยากจะอยู่”

 

สาวน้อยแอบตกใจเล็กน้อย ‘ฟังฉัน? แต่ฉันไม่ใช่ตัวแทนของชั้นเรียน!’ เธอไม่ต้องการแบกรับภาระในการตัดสินใจ

 

กู้เหนียนจื่อมองไปที่รูมเมทสาวด้วยสายตาอ้อนวอน หวังจุนหยาจ้องมาที่เธอและยอมตกลงอย่างไม่เต็มใจ “ได้ ก็ได้ ถ้าหัวหน้าห้องทำการเดิมพันกับพวกเขา เราจะไม่เป็นพวกขี้แพ้ชวนตี เราไปพักที่สวนฉิงเฟิงกันเถอะ และเราหวังว่าพวกเธอจะมีความสุขในจวนหมิงเยว่ ของฟรีแบบนี้ไม่ได้มีอยู่ตลอด พวกเธอควรจดจำมันไปจนตายเพื่อที่จะได้ไม่เสียใจในภายหลัง”

 

นางมารน้อยพูดให้พวกห้อง 2 โกรธด้วยคำพูดที่ถากถาง “เหอะ หัวหน้าห้องของเธอตกลงที่จะเดิมพันเอง ตอนนี้พวกเธอพยายามที่จะพังมันและดูถูกพวกเราเหรอ? ที่พูดมานั่นอายตัวเองบ้างไหม เราอายแทนเธอจริง ๆ!”

 

นักศึกษาส่วนใหญ่ในห้อง 2 ไม่สนใจว่าพวกเขาจะได้อยู่ที่ไหน และเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจะชอบของฟรี แต่คำพูดของนางมารน้อยนั้นมันไม่น่าฟังและพวกเขาก็โกรธมากพอที่จะใช้คำพูดไม่ดีกับเธอ

 

กู้เหนียนจื่อมองไปที่หัวหน้าห้องของห้อง 2 ราวกับว่าเธอต้องการจะพูดแต่เธอลังเล เขาจึงยิ้มและพยักหน้าให้เธอ “เหนียนจื่อ เธอมีน้ำใจมากจริง ๆ” ต่อมาเขาตบไหล่ของเหม่ยเสี่ยวเหวินแล้วพูดว่า “รักษาอันดับหนึ่งของปีของเราให้ดี! ถ้านายไม่ดูแลเธอให้ดี พวกเรามีคนรอสวมรอยนายอยู่!”

 

หัวหน้าหนุ่มดึงตัวสาวน้อยเข้ามากอดพร้อมกับหัวเราะ “นายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแล้ว! ฉันจะทำให้เธอเป็นของฉันไปตลอดชีวิต! พวกนายต้องรอชาติหน้าโน่น!”

 

กู้เหนียนจื่อรีบดันตัวชายหนุ่มออกไปและยิ้มอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวเหวิน นายเมาแล้ว ก่อนหน้านี้นายดื่มมาจริง ๆ เหรอ? นายพูดอะไรเนี่ย”

 

“ฉันไม่ได้เมา มันเป็นความจริง" เหม่ยเสี่ยวเหวินยิ้มในขณะที่เขาจับมือเธอและหันไปทางสวนฉิงเฟิง

 

หลายคนในห้อง 1 ไม่พอใจเมื่อได้ยินว่าพวกเขาต้องเปลี่ยนห้องกะทันหันและบ่นว่า “หัวหน้าห้อง ทำไมเราต้องจ่ายเงินให้พวกนั้นอยู่ในห้องของเราด้วย?”

 

คนเป็นหัวหน้าห้องอธิบายให้ดีที่สุดและขอโทษอย่างสุดหัวใจ “มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันจะคืนเงินส่วนต่างให้ทุกคนหลังจากที่เรากลับไป” เขากล่าวต่อว่า “ค่าอาหารและกิจกรรมทั้งหมดฉันจ่ายเอง เพราะงั้นมาสนุกกันเถอะ!”

 

ในที่สุดทุกคนก็ปล่อยมันไปตั้งแต่ที่เหม่ยเสี่ยวเหวินรับปาก แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ค่อยมีความสุขนัก แต่ในไม่ช้าทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นกับการย่างบาร์บีคิวและลืมมันไปทันทีที่เตาย่างถูกจุด 

 

ขณะเดียวกันคนของห้อง 2 ไปที่จวนหมิงเยว่และรู้สึกละอายใจในภายหลังเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าที่นี่มันดีกว่าสวนฉิงเฟิงมากแค่ไหน พวกเขาเรียนอยู่ในชั้นเดียวกันที่มหาวิทยาลัย ดังนั้นมันคงจะน่าอึดอัดใจหากเรื่องต่าง ๆ ตึงเครียดหรือมองหน้ากันไม่ติด หัวหน้าห้องของพวกเขาแนะนำให้เชิญคนในห้อง 1 มารวมตัวกันที่จวนหมิงเยว่

 

ซ่งหรูยวี่ตกลงและไปที่สวนฉิงเฟิงกับคณะกรรมการของห้อง 2 เพื่อเชิญพวกเขามาเล่นเกมด้วยกัน ทางด้านของห้อง 1 ที่เพิ่งทานบาร์บีคิวเสร็จและต้องการจะย้ายไปเดินรอบ ๆ เพื่อย่อยอาหาร หลังจากที่พูดคุยกันในที่สุด พวกเขาก็ตกลงกันได้และคนกลุ่มใหญ่ก็โห่ร้องด้วยเสียงสนุกสนานและเสียงหัวเราะขณะที่พวกเขาไปที่จวนหมิงเยว่

 

แต่ตอนนั้นกู้เหนียนจื่อไม่อยากไป เธอจึงพูดกับเหม่ยเสี่ยวเหวินและรูมเมทสาวของเธอว่า “พวกเธอไปเถอะ ที่นี่ต้องมีคนดูแลอยู่ ฉันจะอยู่ที่นี่เอง พวกเธอจะได้ไม่ต้องห่วงว่าจะมีอะไรหายไปไหม”

 

“เหนียนจื่อ เธอจะไม่ไปจริง ๆ เหรอ? งั้น...ฉันไม่ไปถ้าเธอไม่ไป” คุณหนูเฉาเสนอที่จะอยู่กับสาวน้อยเพราะเธออยากอยู่เงียบ ๆ และไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรมกับคนต่างห้อง

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินปรึกษาเรื่องนี้กับยัยหนูชาเขียวฟ่างและนางมารน้อยแล้วตกลงกัน “เอาล่ะ พวกเธอนั่งเล่นกันอยู่ที่นี่ไปนะ ฉันเอาแผ่งหนังมาด้วยสองสามแผ่น พวกเธอจะดูหนังหรือเล่นวิดีโอเกมก็ได้”

 

“โอเค เราดูแลตัวเองได้ ขอให้สนุกนะ" กู้เหนียนจื่อยิ้มเมื่อเห็นเพื่อน ๆของเธอเดินไปที่ประตู ก่อนจะรั้งตัวยัยหนูชาเขียวฟ่างและนางมารน้อยไว้แล้วพูดว่า “กลับมาเร็ว ๆ ล่ะ อย่าอยู่ดึกเกินไป”

 

มีผู้คนมากกว่า 40 คนเมื่อทั้ง 2 ห้องมารวมตัวกัน เธอคิดว่าทุกอย่างที่จวนหมิงเยว่น่าจะไปได้ดีกับคนเหล่านั้น หญิงสาวมองดูพวกเขาเดินทางไปที่จวนหมิงเยว่อย่างไม่สบายใจ

 

หลังจากที่พวกเขาหายลับไปจากสายตาของเธอ กู้เหนียนจื่อก็รีบกลับไปที่ห้องของตัวเองและพูดกับคุณหนูเฉาว่า “มาเถอะ ไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำแล้วไปว่ายน้ำในทะเลสาบลิตเติ้ลมิเรอร์กัน!”

 

"อะไรนะ?" เฉาหยุนซานรู้สึกงุนงงก่อนที่จะเข้าใจอย่างรวดเร็ว เธอชี้ไปที่สาวน้อยประจำกลุ่มและหัวเราะเสียงดังมากจนพูดไม่ออกไปชั่วครู่ “ในใจเธอคิดเรื่องนี้มาแล้วใช่ไหม? เธอไปคนเดียวเลย ฉันไม่ชอบแก้ผ้าว่ายน้ำ”

 

“ใครบอกว่าจะแก้ผ้าว่ายน้ำ” กู้เหนียนจื่อหยิบชุดว่ายน้ำออกมาจากกระเป๋าเดินทางแล้วโบกมือให้อีกฝ่าย แทนที่จะเรียกมันว่าชุดว่ายน้ำ เรียกมันว่าชุดดำน้ำดีกว่า เพราะมันปกปิดร่างกายเธอตั้งแต่คอจรดปลายเท้า และเธอยังมีแว่นตาดำน้ำขนาดใหญ่คู่หนึ่ง มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอขาดไปคือถังออกซิเจน

 

คุณหนูเฉายิ้มเมื่อมองดูอีกคนเปลี่ยนเสื้อผ้าและกล่าวว่า “ฉันดูไม่เป็นมืออาชีพเลยทั้ง ๆ ที่ฉันเคยดำน้ำลึกมาก่อน”

 

“ฉันแค่จะไปว่ายน้ำ เสียดายที่ไม่ได้เอาถังออกซิเจนมาด้วย” สาวน้อยขยิบตาให้รูมเมทสาว จากนั้นก็เปิดประตูหลังของสวนฉิงเฟิงและเดินลงน้ำ มันลึกพอที่จะว่ายเข้าไปได้และมีบันไดลงไปสองขั้น ตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อนและน้ำในทะเลสาบลิตเติ้ลมิเรอร์นั้นเย็นสบาย ดวงจันทร์และดวงดาวที่สะท้อนในคืนฤดูร้อนปกคลุมทะเลสาบเหมือนผ้าห่มบาง ๆ

 

กู้เหนียนจื่อเงี่ยหูของเธอเพื่อฟังเสียงจากงานเลี้ยงที่จวนหมิงเยว่

 

ทุกคนกำลังสนุกสนาน...

 

เธอเลื่อนตัวลงไปในน้ำและว่ายอย่างเงียบ ๆ เหมือนปลาไปทางจวนหมิงเยว่

 

 

ในสำนักงานของกรรมการผู้จัดการบนชั้น 5 ของอาคารบริหารที่ตู้เฟิง เมาน์เทน รีสอร์ท วิลล่า กรรมการผู้จัดการถูกมัดตัวไว้ราวกับข้าวต้มมัด ปากของเขาถูกยัดด้วยห่อผ้าขี้ริ้ว เขาถูกขังอยู่ใต้โต๊ะของตัวเอง แล้วมีชายร่างกำยำ 7-8 คนกำลังถือปืนไรเฟิลนั่งกระจัดกระจายไปทั่วห้อง หนึ่งในนั้นนั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่างและใช้กล้องส่องทางไกลมองไปทางจวนหมิงเยว่

 

“พี่ต้าเว่ย นักศึกษามหาวิทยาลัยมารวมตัวกันที่จวนหมิงเยว่แล้ว ทุกคนในรายชื่อนี้อยู่ที่นี่ด้วย แต่คราวนี้มา 2 ห้อง” ชายคนนั้นนับจำนวนคนอย่างอดทนพร้อมกับจดบันทึก

 

“ดี ปล่อยให้พวกมันสนุกไปก่อนคืนนี้ อย่าลืมส่งเครื่องดื่มไปเยอะ ๆ นะ” หยางต้าเว่ยโยนกริชในมือเล่นขณะที่เขาพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ

 

คนกลุ่มนี้คือแก๊งวงเวียนใหญ่ และในที่สุดพวกเขาก็พร้อมที่จะรับแจ็คพอตในเมือง C แล้ว

 

 

ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป