Your Wishlist

ว่าไงคะ ท่านนายพล (บทที่ 57-58 : เป้าหมาย, สัญลักษณ์วงกลม (1))

Author: Han Wuji (Akira แปล)

กู้เหนียนจื่อ หญิงสาวอายุ 17 ปีผู้สูญเสียความทรงจำในวัยเด็ก มีเพียงภาพที่ตนเองติดอยู่ในรถที่กำลังลุกไหม้เท่านั้นที่ยังฉายชัดอยู่ในความฝันของเธอ โชคดีที่เธอได้ฮัวเฉาเหิง ทหารหนุ่มผู้มีตำแหน่งพลตรีช่วยชีวิตเอาไว้ ชายหนุ่มถูกกองทัพของจักรวรรดิร้องขอให้เป็นผู้ปกครองของกู้เหนียนจื่อที่มีอายุเพียง 12 ปี และปกปิดประวัติที่แท้จริงของทั้งคู่เอาไว้ แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เธอก็อยู่กับเขานับตั้งแต่นั้นมา เธอใช้ชีวิตด้วยความกลัวและไม่มั่นคงมาตลอด เธอจะรู้สึกปลอดภัยเฉพาะเวลาได้อยู่ใกล้ ๆ ผู้ปกครองหนุ่มเท่านั้น ระหว่างนั้นกองทัพของจักรวรรดิได้ทำการสืบค้นประวัติของหญิงสาว แต่ก็ไม่สามารถค้นหาได้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ตัวตนที่แท้จริงของกู้เหนียนจื่อคือใครกันแน่? เหตุใดเธอจึงถูกลอบทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต?

จำนวนตอน : 2263

บทที่ 57-58 : เป้าหมาย, สัญลักษณ์วงกลม (1)

  • 19/11/2564

บทที่ 57 : เป้าหมาย

 

เย็นวันหนึ่งในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม เฟิงอี้เฉินเดินทางออกจากมหาวิทยาลัยไปที่ไนท์คลับของพี่ปินเพื่อตามหาเขา เธอมาทันเวลาที่จะได้ยินหัวหน้าแก๊งค์บางคนพูดว่า

 

“…เมื่อไหร่พวกแก๊งวงเวียนใหญ่ [1] จะเอาชนะมันได้? พวกมันอยู่นานเกินไปแล้ว พวกมันพยายามจะยึดอาณาเขตของเราหรือไง?”

 

“ใช่ ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน พวกมันอยู่ที่นี่มานานกว่า 1 เดือนแล้ว เราจ่ายเงินค่าอาหารและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ให้พวกมันมาโดยตลอด แล้วถ้าเราพูดไม่เข้าหู พวกมันก็ดึงปืนออกมาขู่เรา”

 

“เหอะ! ปืนจากตลาดมืดน่ากลัวตรงไหน? ก็ถ้าอยากลองดีกับฉัน ฉันจะถอนรากถอนโคนพวกมันเอง!”

 

“อย่า! พวกแก๊งวงเวียนใหญ่แค่กำลังตามหาเงิน พวกมันไม่ได้ต้องการจะฆ่าเราจริง ๆ หรอก แล้วพวกนั้นแค่ไม่กี่คนก็สามารถจัดการกับพวกเราสิบคนได้อย่างง่ายดาย อย่าไปยุ่งกับพวกมันดีกว่า อีกอย่างมันคือเงินที่เราต้องการด้วย ไม่มีประโยชน์ที่จะไปแลกกับพวกมัน มีแต่เสียกับเสีย”

 

คนที่อยู่ในห้องส่วนตัวล้วนเป็นหัวหน้าแก๊งจากเมืองใกล้เคียง พวกเขาทั้งหมดมีสถานะเท่ากับพี่ปิน แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังกลัวกลุ่มที่ถูกเรียกว่า ‘วงเวียนใหญ่’

 

เฟิงอี้เฉินอดไม่ได้ที่จะแอบฟังการสนทนาของพวกเขาด้วยความสนใจ

 

เวลาผ่านไปสักพัก มีชายผมขาวเดินออกมาจากห้องส่วนตัวเพื่อสูบบุหรี่ เขาเห็นหญิงสาวเดินเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้ม เขาเริ่มโค้งตัวอย่างสุภาพทันทีก่อนที่เขาจะทักทายเธอว่า “คุณผู้หญิง ดีใจที่คุณมา”

 

“ช่วงนี้พี่ปินไม่ค่อยสบาย ฉันเลยมาดูเขาหน่อยว่าเขากินยาไปแล้วหรือยัง นอกจากนี้ตามคำสั่งของแพทย์ เขาไม่ควรสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มระหว่างที่กินยา” เฟิงอี้เฉินพูดอย่างเป็นกันเองด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่เสียงของเธอก็ดังพอที่ทำให้ทุกคนในห้องส่วนตัวได้ยินที่เธอพูด

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้น พี่ปินก็ฉีกยิ้มกว้างแล้วเรียกเธอเข้ามาภายในห้อง เขาเชิญเธอเข้ามาและแนะนำเธอให้ทุกคนในห้องรู้จัก

 

เฟิงอี้เฉินมีการศึกษามากกว่าคนอื่น ๆ ในห้องนี้มาก หากไม่พูดถึงภูมิหลังและการเลี้ยงดูของเธอ ชายหนุ่มมีความสุขเสมอที่มีเธออยู่ในอ้อมแขนของเขาในที่สาธารณะ และเขาภูมิใจที่จะพาเธอไปอวดให้ทุกคนได้เห็น

 

หัวหน้าแก๊งในห้องกล่าวยกย่องหญิงสาวก่อนที่จะเริ่มพูดคุยกันต่ออย่างเงียบ ๆ แต่พวกเขาไม่ได้พูดถึงแก๊งวงเวียนใหญ่ขึ้นมาอีก

 

เฟิงอี้เฉินไม่รีบร้อน เธอนั่งข้างพี่ปินอย่างอดทนและดูแลเขาเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์

 

หลังจากงานเลี้ยงจบลง เธอก็กลับบ้านพร้อมกับเขา ระหว่างทางกลับ ในที่สุดเธอก็ได้ยินสิ่งที่เธอรอคอย

 

พี่ปินถอนหายใจและกล่าวว่า “…แก๊งวงเวียนใหญ่ไม่ไว้หน้าใครเลย พวกมันไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น การจัดการกับพวกมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ”

 

“อืม ถ้าพวกมันแข็งแกร่งอย่างที่พี่บอก บางทีพี่ควรขอให้พวกมันอยู่…” เฟิงอี้เฉินพูดพร้อมกับมือนุ่มที่ค่อย ๆ เคลื่อนมาที่หางคิ้วของอีกฝ่ายและเริ่มนวดขมับของเขาอย่างอ่อนโยน

 

พี่ปินมีอาการไมเกรน เขาหลับตาลงพลางลูบแขนหญิงสาว “ฉันให้พวกมันรั้งอยู่ที่นี่นานไม่ได้… เมืองนี้ไม่ใหญ่พอสำหรับเราทั้งคู่ แต่ถึงอย่างนั้น แก๊งวงเวียนใหญ่มันมักใหญ่ใฝ่สูงมาก เมืองเล็ก ๆ แบบนี้คงไม่เพียงพอที่จะดับความกระหายของพวกมัน”

 

“ถ้าอย่างนั้น พี่ปินกังวลเรื่องอะไรอยู่? ยังไงเดี๋ยวพวกมันก็ไปเอง” เสียงของเฟิงอี้เฉินอ่อนโยนและเห็นอกเห็นใจมากขึ้น แล้วตอนนี้มือของเธอกำลังนวดแขนของคนข้างกาย

 

ชายหนุ่มถอนหายใจและขยับตัวแฟนสาวขึ้นมาบนตักของเขาในขณะที่เขากอดเธอไว้ในอ้อมแขน “พวกมันไม่มีเงินที่จะเดินทางออกไป…”

 

แก๊งวงเวียนใหญ่ต้องการเงินจำนวนมหาศาล ซึ่งมันมากกว่าที่พี่ปินและแก๊งของเขามีในมือ

 

"…ไม่มีเงินเหรอ?" เฟิงอี้เฉินเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ทันที เธอยิ้มและพูดว่า “แก๊งวงเวียนใหญ่ไม่ต้องการเงินทุนในการประกอบธุรกิจที่พวกมันกำลังบริหาร แล้วพี่กังวลเรื่องอะไร” เธอกล่าวต่ออย่างแผ่วเบาว่า “แถว ๆ นี้ไม่มีคนรวย ๆ เหลืออยู่เลยเหรอ…”

 

พี่ปินอ้าปากหาวก่อนจะพูดว่า "เธอพูดถูก ปล่อยให้พวกมันจัดการเองดีกว่า!”

 

หลังจากนี้ทั้งสองคนก็เงียบลง แต่ทุกคนในรถกำลังคิดถึงสิ่งที่หญิงสาวพูดก่อนหน้านี้

 

เป็นความจริงที่เมือง C มีคนร่ำรวยมากมาย อันที่จริงถ้ามีใครรวบรวมรายชื่อเมืองในประเทศที่มีคนรวยมากที่สุด เมือง C ก็น่าจะอยู่ในอันดับ 1 หรือ 2

 

ยิ่งไปกว่านั้น ครอบครัวที่มั่งคั่งส่วนใหญ่ที่นี่มีเงินเพราะวงศ์ตระกูลของพวกเขา ไม่เหมือนกับที่อยู่ในเมืองหลวงของประเทศ ที่นั่นคนรวยมีทั้งสถานะและอิทธิพลเป็นอย่างมาก ดังนั้นการรีดเงินจากพวกคนรวยในเมือง C จะง่ายกว่าเมื่อเทียบกับในเมืองหลวง…

 

แต่ก็ยังไม่มีใครรับประกันได้ว่าแก๊งวงเวียนใหญ่จะสามารถรีดไถเงินจากคนรวยได้โดยไม่ถูกจับได้ นั่นจะขึ้นอยู่กับทักษะและวิจารณญาณของพวกเขาเองแล้ว

 

ก่อนหน้านี้พี่ปินได้รับความเดือดร้อนจากการปรากฏตัวของแก๊งวงเวียนใหญ่ในอาณาเขตของเขามานานกว่า 1 เดือน ตอนนี้ดวงตาของเขาเป็นประกายในความมืดภายในรถขณะที่เขาพ่นลมหายใจอย่างเงียบงันและเย็นชา

 

ครั้งนี้ พี่ปินและเพื่อน ๆ ของเขาจะนั่งพักผ่อนเฝ้าดูตำรวจและกลุ่มวงเวียนใหญ่ต่อสู้กันเอง

 

 

สองสามวันต่อมา หนึ่งในหัวหน้ากลุ่มย่อยของแก๊งวงเวียนใหญ่เข้าหาเจ้านายของพวกเขา 'หยางต้าเว่ย' แล้วพูดโน้มน้าวอีกฝ่าย “พี่ต้าเว่ย เรามีโชคแล้ว ชั้นเรียนในแผนกกฎหมายของมหาวิทยาลัย C จะไปที่ตู้เฟิง เมาน์เทน รีสอร์ท วิลล่าเพื่อเดินทางไปฉลองรับปริญญา”

 

“นักศึกษามหาวิทยาลัยไปทัศนศึกษาเนี่ยนะ? ไม่ได้เรื่อง พวกมันน่าสนใจตรงไหน” หยางต้าเว่ยถามอย่างหัวเสีย เขาโยนไพ่ในมือลงบนโต๊ะพร้อมกับพูดว่า “คว็อด!”

 

พวกเขากำลังเล่นไพ่โป๊กเกอร์กัน

 

“โอ้ บอกได้เลยว่าน่าสนใจมากครับ” รองหัวหน้าเดินเข้าไปใกล้เจ้านายและกระซิบข้างหูของเขาว่า “…ผมได้ยินมาว่าคนส่วนใหญ่เป็นทายาทของครอบครัวนักธุรกิจหลายพันล้าน แน่นอนว่าบางคนยากจน เราก็แค่คิดว่ามันเป็นเครื่องเคียงสำหรับอาหารจานหลัก…”

 

"งั้นเหรอ?" หยางต้าเว่ยสนใจขึ้นมาทันที “นายมีรายละเอียดไหม”

 

“ผมมีรายชื่อนักเรียนพร้อมหมายเหตุเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติครอบครัวของพวกเขา ผมต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อแลกมันมาเลยนะ ดูสิ พี่ต้าเว่ย เรามีความหวังแล้ว…”

 

มันเป็นเจ้านายโยนไพ่ในมือของเขา “รอบนี้มาเล่นแทนฉัน” เขาหยิบรายชื่อและพิจารณาอย่างรอบคอบ

 

ดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อเห็นชื่อตระกูลเหม่ย ตระกูลหวังและตระกูลเฉาอยู่ในรายชื่อ

 

คนพวกนี้เป็นครอบครัวที่โดดเด่น พวกเขามีชื่อเสียงมากใน 5 มณฑลใกล้เคียง!

 

“ตรวจสอบประวัติของพวกเขาอย่างระมัดระวัง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสิ่งที่พวกเขามีคือเงิน เราไม่ต้องการยุ่งกับพวกเขาถ้าพวกเขามีความสัมพันธ์กับคนที่มีเบื้องหลัง” หยางต้าเว่ยเป็นคนที่ระมัดระวัง แม้ว่าเขาจะสนใจมากแค่ไหน แต่เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะตัดสินใจโดยไม่คิดให้รอบคอบ

 

“ผมตรวจสอบแล้ว ทั้งสามตระกูลนี้มั่งคั่ง แต่ไม่มีแรงดึงดูดมากนัก สำหรับตระกูลพวกนี้…” รองหัวหน้าวงรายชื่อหลาย ๆ ชื่อพลางพูดว่า “พวกเขาไม่ได้รวยเท่าสามคนแรก แต่ก็ยังรวยกว่าคนส่วนใหญ่มาก อย่างน้อยก็น่าจะได้มาสักล้านสองล้าน”

 

"จริงเหรอ?" คนที่อยู่ในวงไพ่คนอื่น ๆ ไม่สนใจเกมของพวกเขาแล้ว ทุกคนโยนไพ่ลงและมารวมตัวกันเพื่อเข้าร่วมการสนทนา

 

สมาชิกแปดคนของแก๊งวงเวียนใหญ่มาถึงเมือง C แล้ว ทุกคนล้วนมีพละกำลังและทักษะสูงเป็นพิเศษ พวกเขาเรียกตัวเองว่าแปดนักรบผู้ยิ่งใหญ่ คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากจะอธิบายว่าพวกเขาเป็นทหารผ่านศึกในสนามรบที่เชี่ยวชาญ

 

แต่พวกเขาก็โดดเด่นมากเกินไปเพราะ ‘ความสามารถ’ ของพวกเขาและไม่สามารถที่จะอยู่ในประเทศนี้ได้อีกต่อไป ตอนนี้พวกเขาเป็นที่ต้องการตัวของตำรวจทั่วประเทศ ดังนั้นทั้งแปดคนจึงตัดสินใจหาทางออกจากประเทศไปตั้งอาณาเขตของตนเองในประเทศอื่น

 

แต่การจะออกไปจากประเทศนั้นไม่ง่ายนัก

 

พวกเขาเป็นอาชญากร และไม่มีบัตรประจำตัวที่ถูกต้อง วิธีเดียวที่จะเดินทางออกจากประเทศได้คือการหาคนลักลอบพาพวกเขาออกไป

 

หากพวกเขาจะหาคนพาออกไปจากที่นี่ พวกเขาจะต้องจ่ายเงินจำนวนมากให้คน ๆ นั้น ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่สามารถไปโดยไม่ได้ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าทั้งแปดคนจะมีเงินเพียงพอที่จะไปตั้งรกรากที่จุดหมายปลายทางของพวกเขา

 

สมาชิกในแก๊งแต่ละคนมีครอบครัว พ่อแม่และลูกที่ต้องเลี้ยงดู เมื่อนำเงินจำนวนนั้นคูณแปดซึ่งจะมีมูลค่าอย่างน้อย 10 ล้านหยวน นี่แค่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายตั้งต้นเมื่อเริ่มต้นใช้ชีวิตในต่างประเทศ หลังจากรวมค่าธรรมเนียมการลักลอบเข้าประเทศแล้ว นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องมีเงินสดอย่างน้อย 20 ล้านหยวน

 

“พวกเขาจะรวมตัวกันอยู่ในที่เดียว จัดการได้ง่าย ๆ เราไม่ต้องแยกกันลงมือ ถ้าเราทำสำเร็จ เราจะมีเงินเพียงพอเป็นค่าใช้จ่ายในการตั้งถิ่นฐานใหม่และค่าใช้จ่ายในการลักลอบเข้าเมืองของทุกคน” นักรบหมายเลข 2 ผู้บังคับบัญชาอันดับสองของหยางต้าเว่ยมองไปที่ภาพถ่ายในรายการด้วยแววตาเป็นประกาย “มีนักศึกษาหญิง 6 คน ดูหน้าตาของพวกเธอสิ ทรวดทรงองเอว สาว ๆ พวกนี้สวยพอ ๆ กับนายหญิงของพี่ปินเลย”

 

“เอาล่ะ เตรียมตัวให้พร้อม! พวกเรามีงานทำแล้ว!”

 

“ให้ตายเถอะ ผมแทบอดใจไม่ไหวเลย แค่ดูรูปนี้ก็ฟินแล้ว…”

 

 

ผ่านไปสองสามสัปดาห์ และตอนนี้ก็เป็นสุดสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม 

 

วันนี้เป็นวันเดินทางไปฉลองรับปริญญาของนักศึกษาแผนกกฎหมายห้อง 1

 

พวกเขาได้ทำการจองลานสนามหญ้าแห่งหนึ่งในตู้เฟิง เมาน์เทน รีสอร์ท วิลล่า พร้อมห้องพัก 7 ห้อง โดยที่ 6 ห้องใช้เป็นห้องนอน ในขณะที่ห้องที่เหลือใช้เป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่

 

ในชั้นเรียนมีนักศึกษาทั้งหมด 24 คน มีผู้หญิง 8 คนและผู้ชาย 16 คน แล้วจัดให้พัก 4 คนต่อห้องและไม่จำเป็นต้องจับฉลากเพื่อตัดสินว่าใครจะอยู่กับใคร พวกเขาเลือกจะอยู่เหมือนกับการจัดที่พักตามปกติของพวกเขาในหอพักของมหาวิทยาลัย 

 

[1] แก๊งวงเวียนใหญ่ หรือที่รู้จักในชื่อ The Big Circle Boys

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://en.wikipedia.org/wiki/Big_Circle_Gang

 

บทที่ 58 : สัญลักษณ์วงกลม (1)

 

‘พี่ฉง ฉันจะไปฉลองรับปริญญาที่ตู้เฟิง เมาน์เทน รีสอร์ท วิลล่า สุดสัปดาห์นี้ฉันไม่ได้กลับไปที่อพาร์ตเมนต์นะ’ กู้เหนียนจื่อส่งข้อความถึง หยินชือฉงในวันพฤหัสบดี

 

เธอต้องรายงานคนของฮัวเฉาเหิงถ้าเธอออกจากเมือง C เลขาหนุ่มค้นหาที่อยู่และเห็นว่ารีสอร์ทอยู่ห่างออกไปเพียง 25 กิโลเมตรซึ่งไม่ไกลจากตัวเมือง สถานที่ตั้งมีการจราจรที่ดี มีเมืองที่เจริญในบริเวณใกล้เคียงและคนมีเงินจำนวนมากก็สร้างบ้านพักตากอากาศขึ้นในบริเวณนี้ด้วย

 

วิลล่าแห่งนี้อยู่ในตำแหน่งภูมิประเทศที่ดีที่สุด มันถูกสร้างขึ้นรอบ ๆ ภูเขาและประมาณครึ่งหนึ่งของทะเลสาบลิตเติ้ลมิเรอร์ซึ่งเป็นทะเลสาบที่เชื่อมต่อกับทะเล ดังนั้นใครก็ตามที่ว่ายน้ำในนั้นก็สามารถว่ายไปถึงมหาสมุทรได้ น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ทั้งใสสะอาดและสดชื่น ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การหลีกหนีจากความอบอ้าวในฤดูร้อน

 

หยินชือฉงแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ปกป้องกู้เหนียนจื่อว่า "คุณกู้กำลังจะไปที่ตู้เฟิง เมาน์เทน รีสอร์ท วิลล่าในสุดสัปดาห์นี้ คุณจะได้ไปเที่ยวพักผ่อนกับเธอด้วย”

 

คน ๆ นั้นหัวเราะก่อนจะตอบว่า “รับทราบ! ผมจะส่งค่าใช้จ่ายในระหว่างการเดินทางไปให้คุณฮัว!”

 

“แน่นอนว่าจะต้องออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ แล้วมีโบนัสด้วย คุณได้แจ็คพอตใหญ่เลย” เลขาหนุ่มหัวเราะแล้ววางสาย

 

ในเย็นวันศุกร์ รถทัวร์ที่กู้เหนียนจื่อและชั้นเรียนของเธอจองไว้มาถึงทางเข้ามหาวิทยาลัย C นักเรียนทั้งหมด 24 คนในชั้นปีที่ 4 ห้อง 1 ของคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัย C สะพายกระเป๋าเป้หรือถือกระเป๋าเดินทางขณะขึ้นรถทัวร์เพื่อเดินไปที่ ตู้เฟิง เมาน์เทน รีสอร์ท วิลล่าอย่างสนุกสนาน

 

นี่เป็นกิจกรรมสุดท้ายของพวกเขาหลังจากเรียนด้วยกันมาเป็นเวลา 4 ปี ในเวลาเพียง 1 เดือน ทุกคนก็จะออกไปใฝ่หาความเป็นอิสระหรือหางานทำ หลายคนคงจะไม่ได้เจอกันอีกตลอดชีวิตที่เหลือ ดังนั้นทุกคนจึงคาดหวังกับการเดินทางฉลองรับปริญญาครั้งนี้

 

รถทัวร์แล่นไปตามทางหลวงและลงทางลาดภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง พวกเขายังต้องใช้ถนนบนภูเขาสั้น ๆ เพื่อไปถึงวิลล่า และต้องขับช้ากว่าก่อนหน้านี้มาก เนื่องจากถนนที่คดเคี้ยวและลาดชัน เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงตู้เฟิง เมาน์เทน รีสอร์ท วิลล่า แต่น่าแปลกใจที่พวกเขาไม่ใช่นักศึกษาคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัย C เพียงกลุ่มเดียวที่เดินทางมาฉลองรับปริญญา!

 

“หัวหน้าห้อง เห็นรถทัวร์นั่นไหม นั่นของพวกห้อง 2 ใช่ไหม” เล่ยเฉียงเชิงสะกิดไหล่ของเหม่ยเสี่ยวเหวินเพื่อเรียกร้องความสนใจ

 

คนเป็นหัวหน้าห้องมองไปรอบ ๆ และโบกมือให้คนอื่นลงจากรถทัวร์ "ใช่ วันก่อนฉันบอกพวกเขาว่าเรามาที่นี่ ห้องของพวกเขาก็เลยคุยกันเรื่องนี้และตัดสินใจมาที่นี่เหมือนกัน คนยิ่งเยอะก็ยิ่งสนุกใช่ไหม”

 

"หา? เอ่อ ฉันว่านะ...” พี่เบิ้มเดินไปข้างหลังอีกฝ่าย ก่อนจะบ่นด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “พวกเขาอาจมีแรงจูงใจอื่น ๆ แอบแฝงอยู่ ใครจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วพวกเขาตั้งใจจะทำอะไร”

 

“หมายความว่ายังไง” เหม่ยเสี่ยวเหวินดุเพื่อนของเขา “เราทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน เราควรใช้เวลา 2 เดือนสุดท้ายด้วยกันอย่างสงบสุข เพราะหลังจากนั้นเราจะแยกจากกันยาวเลยล่ะ”

 

ชายร่างกำยำไม่สามารถโต้แย้งเรื่องนี้ได้ เขาและเหม่ยเสี่ยวเหวินพาสมาชิกคณะกรรมการชั้นเรียนเดินไปหากลุ่มของห้อง 2 หัวหน้าห้องของห้อง 2 มีนามสกุลว่า ‘ชาง’ และเขากำลังยืนรอพวกเหม่ยเสี่ยวเหวินอยู่ที่ประตูพร้อมกับซ่งหรูยวี่ซึ่งรับผิดชอบกิจกรรมสันทนาการของห้อง 2

 

“หัวหน้าเหม่ย พวกนายมาสาย” หญิงสาวขยิบตาให้หัวหน้าหนุ่มจากห้อง 1 “ตามที่ตกลงกัน นายต้องสละจวนหมิงเยว่ให้พวกเรานะ”

 

พี่เบิ้มมองไปที่เหม่ยเสี่ยวเหวินอย่างตกตะลึง "หัวหน้าห้อง นายเดิมพันกับพวกเขาเหรอ"

 

คนถูกถามขยับแว่นตากรอบทองของเขาและหัวเราะ “ฉันแค่ล้อเล่น เธอเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ เหรอหรูยวี่?”

 

“แน่นอน ฉันเชื่อ! ฉันเชื่อทุกอย่างที่หัวหน้าเหม่ยพูด” ซ่งหรูยวี่ส่งสายตาให้เขา ท่าทางนี้แสดงออกชัดเจนเลยว่าเธอไม่ได้ตัดใจจากเขา

 

กู้เหนียนจื่อและรูมเมทสาวของเธอเห็นเหตุการณ์นี้จากระยะไกลและเย้ยหยันด้วยความรังเกียจ

 

“ยัยตอแหลชอบตีสองหน้าจากห้อง 2 ก็อยู่ที่นี่ด้วย ถ้าฉันรู้ว่าหล่อนมา ฉันคงนอนอยู่บ้าน หล่อนทำให้ฉันรู้สึกปวดหัว! ช่างเป็นรอยตำหนิที่น่าเกลียดมากในการเดินทางมาฉลองเรียนจบปริญญาตรีของฉัน” ยัยหนูชาเขียวฟ่างบ่นเกี่ยวกับคนที่เธอเกลียดด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง

 

ระหว่างนั้นนางมารน้อยลากแขนของสาวน้อยประจำกลุ่มไปที่วิลล่าและเชิดหน้าขึ้นสูง “เราไม่ได้สัญญาว่าจะเปลี่ยนห้อง ใครมาก่อนได้ก่อน ใครจ่ายก่อนก็ได้ก่อนอยู่ดี”

 

กู้เหนียนจื่อไม่อยากปะทะกับซ่งหรูยวี่ ดังนั้นเธอจึงไม่ปฏิเสธเมื่อเพื่อนสาวดึงเธอไปที่ทางเข้ารีสอร์ท แล้วพนักงานต้อนรับในวิลล่าก็เดินมาต้อนรับพวกเธอและถามว่า “คุณลูกค้าจองลานไหนไว้บ้างคะ”

 

“จวนหมิงเยว่ จากคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัย C ปี 4 ห้อง 1 ชื่อที่จองน่าจะใช้ชื่อหัวหน้าห้องของเรา 'เหม่ยเสี่ยวเหวิน' ค่ะ” หวังจุนหยาพูดขึ้นมาทันทีพร้อมกับมองไปรอบ ๆ รีสอร์ท เธอมาจากเมืองหลวงของประเทศและไม่คุ้นเคยกับพื้นที่รอบ ๆ เมือง C ในช่วง 4 ปีของการศึกษาระดับปริญญาตรี เธอกลับไปเมืองหลวงหรือเดินทางไปต่างประเทศในวันหยุด เธอไม่เคยมาที่นี่มาก่อน 

 

พนักงานต้อนรับยิ้มขณะที่เธอพาทั้งสี่คนเดินไปทางใต้แล้วเลี้ยวไปยังเส้นทางที่แคบและคดเคี้ยว ต้นไผ่เขียวตรงสูงเรียงรายตลอดเส้นทาง เมื่อลมกลางคืนพัดมา กลิ่นของต้นไผ่ที่ผสานกับน้ำในทะเลสาบจากลิตเติ้ลมิเรอร์ทำให้ยิ่งสดชื่นมากขึ้น

 

สาวน้อยสูดหายใจเข้าลึก ๆ ทำให้ความผิดหวังที่อยู่ในใจของเธอหายไปในทันที

 

นางมารน้อยสนใจทิวทัศน์ที่นี่มาก เธอจึงมองไปรอบบริเวณด้วยความตื่นเต้น เธอชี้นิ้วพลางพูดขึ้นมาว่า “ห้องพวกนี้เป็นการจำลองแบบวินเทจ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะลงทุนไปเยอะมากเหมือนกัน”

 

“ใช่ค่ะ ทางเดินที่ตกแต่งทั้งหมดทำมาจากไม้จากช่างที่มีฝีมือดีมากคนหนึ่ง ที่นี่มีลานมากกว่าสิบแห่งและโครงสร้างเป็นโครงไม้ คุณลูกค้าเลยสามารถดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์ได้ นี่คือสถานที่ที่เหมาะสำหรับการหลบหนีจากความวุ่นวายค่ะ” พนักงานต้อนรับพูดด้วยเสียงที่ไพเราะและพาพวกเธอทัวร์รีสอร์ทจนไปถึงจวนหมิงเยว่

 

จวนหมิงเยว่สร้างเลียนแบบซื่อเหอย่วนแบบดั้งเดิม [1] โดยมีทางเข้าที่สวยงามซึ่งเปิดออกสู่ลานกว้างทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ มีบ้านหลักสามหลังที่หันประตูบ้านเข้าหากัน และบ้านสองหลังที่อยู่อีกด้านหนึ่ง มันเป็นการออกแบบแบบโบราณ

 

หวังจุนหยาเดินตามพนักงานต้อนรับผ่านทางเข้าจวนหมิงเยว่ไป แต่ขณะที่กู้เหนียนจื่อเดินผ่านประตู เธอมองเห็นวงกลมเล็ก ๆ ที่วาดซ้อนกันด้วยชอล์กบนผนังตรงมุมล่างขวาของประตู

 

สัญลักษณ์นี้มีขนาดเล็กมากและแทบจะมองไม่เห็นในเวลากลางวัน แต่ชอล์กดูเหมือนจะเรืองแสงและสัญลักษณ์ก็ปรากฏให้เห็นในที่แสงน้อย มันเรืองแสงเป็นสีเขียวเข้มและเกือบจะกลืนไปกับสีเขียวขจีของต้นไม้ข้างประตู

 

ถ้าไม่ใช่เพราะสายตาที่ดีมากของหญิงสาว สัญลักษณ์เล็ก ๆ นี้คงมองเห็นได้ยากแม้จะใช้แว่นขยายช่วย เธอได้ค้นพบสัญลักษณ์เรืองแสงสีเขียวเข้มนี้ แต่ไม่ได้หยุดเพื่อมองใกล้ ๆ.. เธอเพียงชะงักเท้าสักครู่ก่อนจะเดินเข้าไปในลานด้วยรอยยิ้ม

 

จวนหมิงเยว่น่าทึ่งมาก เห็นได้ชัดว่าฝ่ายบริหารของรีสอร์ทใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการจำลองให้เป็นแบบสมัยโบราณ ในขณะที่เพิ่มองค์ประกอบที่ทันสมัยต่างๆ เข้าไป ตัวอย่างเช่น ห้องน้ำสมัยใหม่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศส่วนกลางเพื่อควบคุมอุณหภูมิ ปลั๊กไฟถูกซ่อนไว้ และโคมไฟมีลักษณะเหมือนโคมในวังโบราณ นอกจากนี้ยังมี Wi-Fi ซึ่งขาดไม่ได้สำหรับคนในยุคนี้

 

กู้เหนียนจื่อหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมาเพื่อตรวจสอบสัญญาณ และพบว่าแม้จะอยู่บนภูเขา แต่สัญญาณก็ยังแรงเหมือนปกติ เธอเดาเอาว่าน่าจะมีเสาสัญญาณมือถืออยู่ใกล้ ๆ

 

ขณะนี้นางมารน้อยกำลังติดตามพนักงานต้อนรับหญิงไปเพื่อตรวจสอบห้อง แต่กู้เหนียนจื่อยังอยู่ข้างหลังในลานเพื่อเดินเล่นรอบ ๆ ดวงตาของเธอมองไปเรื่อย ๆ แบบไม่เฉพาะเจาะจงไปที่ประตูทุกบาน ไม่นานเธอก็พบว่ามีประตูทั้งหมดเจ็ดบานในลานบ้าน และที่มุมขวาล่างของประตูสี่บานนั้นมีสัญลักษณ์เรืองแสงเหมือนกับประตูที่อยู่ตรงทางเข้า มันคือสัญลักษณ์วงกลมสีเขียวเข้ม ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือจำนวนวงกลมที่ซ้อนกัน บางวงมีสี่วง และบางวงมีเพียงหนึ่งวง

 

 

ขอบคุณรูปภาพจาก https://4.bp.blogspot.com/

 

[1] ซื่อเหอย่วน บ้านของคนจีนโดยทั่วไป มักจะมีลักษณะเป็นอาคารสี่เหลี่ยมหลายหลังประกอบกันภายในรั้ว ซึ่งอาคารแต่ละหลังก็จะมีจุดประสงค์และการใช้สอยที่แตกต่างอย่างชัดเจน เช่น เรือนนอน เรือนรับรอง หรือเรือนบริวาร เป็นต้น โดยลักษณะเด่นของบ้านจีนโบราณนี้ จะอยู่ที่รูปแบบการวางผังบ้าน ที่มักจะวางอาคารต่างๆ ให้ติดกับรั้วบ้านทั้งสี่ทิศ และปล่อยลานตรงกลางบ้านให้โล่ง ในลักษณะของ Courtyard ซึ่งลานกลางบ้านนี้ ก็จะใช้ทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.bareo-isyss.com/service/architecture/siheyuan/

 

ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป