Your Wishlist

ว่าไงคะ ท่านนายพล (บทที่ 55-56 : บางคนมีความสุข บางคนโศกเศร้า, ความสูญเสีย)

Author: Han Wuji (Akira แปล)

กู้เหนียนจื่อ หญิงสาวอายุ 17 ปีผู้สูญเสียความทรงจำในวัยเด็ก มีเพียงภาพที่ตนเองติดอยู่ในรถที่กำลังลุกไหม้เท่านั้นที่ยังฉายชัดอยู่ในความฝันของเธอ โชคดีที่เธอได้ฮัวเฉาเหิง ทหารหนุ่มผู้มีตำแหน่งพลตรีช่วยชีวิตเอาไว้ ชายหนุ่มถูกกองทัพของจักรวรรดิร้องขอให้เป็นผู้ปกครองของกู้เหนียนจื่อที่มีอายุเพียง 12 ปี และปกปิดประวัติที่แท้จริงของทั้งคู่เอาไว้ แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เธอก็อยู่กับเขานับตั้งแต่นั้นมา เธอใช้ชีวิตด้วยความกลัวและไม่มั่นคงมาตลอด เธอจะรู้สึกปลอดภัยเฉพาะเวลาได้อยู่ใกล้ ๆ ผู้ปกครองหนุ่มเท่านั้น ระหว่างนั้นกองทัพของจักรวรรดิได้ทำการสืบค้นประวัติของหญิงสาว แต่ก็ไม่สามารถค้นหาได้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ตัวตนที่แท้จริงของกู้เหนียนจื่อคือใครกันแน่? เหตุใดเธอจึงถูกลอบทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต?

จำนวนตอน : 2263

บทที่ 55-56 : บางคนมีความสุข บางคนโศกเศร้า, ความสูญเสีย

  • 16/11/2564

บทที่ 55 : บางคนมีความสุข บางคนโศกเศร้า

 

กู้เหนียนจื่อหัวเราะกับคำพูดที่ชาญฉลาดของหยินชือฉง

 

ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่มีน้ำใจและเข้าใจเธอมาก เขารู้อยู่แล้วแต่ก็ยังถามเธอว่าทำไมเธอถึงตบหน้าตัวเอง และเธอก็ไม่ได้อธิบายออกมาเหมือนกัน

 

สาวน้อยบอกลาแล้ววางสาย ก่อนจะเดินลงบันไดไปที่หน้าต่างห้องนอน เธอดึงผ้าม่านออกจากกันก่อนเปิดหน้าต่าง และได้รับแสงแดดจากดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างเจิดจ้าและอบอุ่นบนใบหน้าของเธอ

 

เธอหลับตาลงพลางสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า ความสุขแผ่ซ่านไปทั่วตัวเธอ

 

เธอมีความสุขที่รู้ว่าฮัวเฉาเหิงไม่ได้พยายามผลักไสเธอออกไป

 

อพาร์ตเมนต์น่าจะเป็นของขวัญสำหรับเธอ แต่เธอไม่ยอมรับมันอย่างแน่นอน เธอจะหาข้ออ้างให้ได้พบเขาอีกครั้งและคืนมันให้เขา

 

แต่ในช่วงเวลานี้ เธอรู้สึกขอบคุณสำหรับท่าทางที่ใจดีและใส่ใจของเขา เธอไม่ได้มีโอกาสมากมายที่จะได้รู้ว่าเขาห่วงใยเธอ

 

สิ่งที่เธอต้องการคือความรู้สึกปลอดภัย ความรู้สึกที่ว่าเธอไม่ได้ถูกทอดทิ้ง

 

เขายังคงเป็นอาฮัวคนเดิมของเธอ

 

สรุปแล้ว...กู้เหนียนจื่อก็ไม่ได้รีบร้อนอยากจะย้ายออกจากอพาร์ตเมนต์อีก

 

เธอโทรหาเหม่ยเสี่ยวเหวินและพูดด้วยน้ำเสียงสดใสว่า “เสี่ยวเหวิน ฉันยังมีธุระที่ต้องจัดการอยู่ ฉันจะยังไม่กลับมหาวิทยาลัยตอนนี้ ฉันจะกลับในคืนวันอาทิตย์นี้แทน”

 

"โอเค ฉันจะไปรับเธอคืนวันอาทิตย์นะ” หญิงสาวไม่รู้ว่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ชายหนุ่มรู้สึกแย่ ข้อความของอ้ายเว่ยหนานเกี่ยวกับ ‘ชาขิง’ ทำให้เขานึกถึงความทรงจำบางอย่างในสมัยมัธยม

 

แต่มันไม่มีประโยชน์ที่จะหมกมุ่นอยู่กับอดีต เขาต้องเดินหน้าต่อไป

 

เขายังค้นพบอีกด้วยว่าเขาต้องการเจอกู้เหนียนจื่อมากจนแทบทนไม่ไหวอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้เจอกับเธอหลายวันแล้ว

 

มันเป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับเขา

 

หากทั้งสองคนคบกันไปเรื่อย ๆ บางทีกู้เหนียนจื่ออาจจะสามารถลบความปรารถนาเก่าและความเสียใจในใจของเขาได้ เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาพบในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาที่สามารถทำให้เขารู้สึกตกหลุมรักใครสักคนอีกครั้ง

 

 

ในคืนวันอาทิตย์ เหม่ยเสี่ยวเหวินขับรถมาถึงประตูเขตเฟิงหยางโดยที่ไม่ได้มาสายแม้แต่นาทีเดียว

 

ในครั้งนี้กู้เหนียนจื่อเอากระเป๋าเป้มาเพียงใบเดียวเท่านั้น เธอไม่ได้เอากระเป๋าเดินทางใบเล็ก ๆ ติดตัวมาด้วยเหมือนปกติ

 

หัวหน้าหนุ่มเปิดประตูรถและรีบหันมามองสาวน้อยก่อนจะถามว่า “กระเป๋าเดินทางของเธอล่ะ”

 

“ฉันทิ้งไว้ในอพาร์ตเมนต์ วันนี้ไม่ต้องเอาไปด้วย” คนถูกถามยิ้มขณะที่เธอขึ้นไปบนรถ

 

พวกเขาขับรถออกจากเขตเฟิงหยาง แล้วขับเข้าไปในปั๊มน้ำมันเพื่อเติมน้ำมัน

 

ในขณะนั้นเฟิงอี้เฉินกำลังเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อของปั๊มน้ำมัน เธอสังเกตเห็นเหม่ยเสี่ยวเหวินทันที จากนั้นก็เห็นกู้เหนียนจื่อนั่งอยู่ในรถของเขา

 

เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วันตั้งแต่ที่เธอเห็นกู้เหนียนจื่อ แต่ในสายตาของเฟิงอี้เฉิน เธอดูน่ารักและมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก

 

หญิงสาวจ้องมองทั้งสองคนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขับรถของเธอออกไป

 

วันรุ่งขึ้นเธอจะไปที่ศูนย์กักกันเพื่อเยี่ยมพ่อแม่และน้องสาวของเธอด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก เธอจึงเพ่งสมาธิขับรถเพื่อสลัดความคิดในหัวออกไป

 

เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้เจอกู้เหนียนจื่อซึ่งเป็นคนที่เธอไม่อยากเห็นหน้าที่สุดในตอนนี้ พร้อมกับแฟนหนุ่มที่ร่ำรวยและหล่อเหลาของเธอ พวกเขาต่างก็รักใคร่กลมเกลียวกันดี มันทำให้เธออิจฉามาก

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินกลับไปที่รถหลังจากที่เขาเติมน้ำมันเสร็จแล้ว เขาพูดคุยกับสาวน้อยอย่างเป็นกันเองระหว่างขับรถไปมหาวิทยาลัย

 

“เหนียนจื่อ เธออยากไปทริปฉลองรับปริญญาของเราที่ไหน”

 

“ที่ไหนก็ได้” หญิงสาวกล่าวอย่างเฉยเมย แต่แล้วเธอก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ และพูดเสริมอย่างเขินอายว่า “แต่ฉันหวังว่ามันจะไม่ไกลเกินไป ครอบครัวของฉันจะไม่ยอมให้ฉันไปเที่ยวถ้ามันอยู่ไกล”

 

"อ้อ เข้าใจแล้ว" ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน คณะกรรมการของชั้นเรียนก็เลยเลือก ตู้เฟิง เมาน์เทน รีสอร์ท วิลล่า ที่นั่นห่างจากตัวเมืองไปแค่ 25 กิโลเมตร เราไปถึงที่นั่นได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง”

 

“ตู้เฟิง เมาน์เทน รีสอร์ท วิลล่าเหรอ?” กู้เหนียนจื่อหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาและค้นหาสถานที่ดังกล่าว มันตั้งอยู่ในทิศทางตรงกันข้ามกับฐานทัพทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษ

 

ฐานปฏิบัติการพิเศษตั้งอยู่ทางเหนือของเมือง ในขณะที่เขาตู้เฟิงอยู่ทางใต้ของเมือง

 

แต่ทั้งคู่ก็อยู่ใกล้เมือง C พอสมควร เธอไม่คิดว่าพี่ฉงจะคัดค้าน

 

"อ่าฮะ" กู้เหนียนจื่อตอบรับขณะที่ดูโทรศัพท์และพูดว่า "ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดี เราสามารถว่ายน้ำและปีนเขาได้ด้วย”

 

“ฉันเคยไปที่นั่นสองสามครั้งแล้วและมันสนุกจริง ๆ วิลล่ามีลานกว้างสไตล์คลาสสิกที่แปลกตามากมาย และยังมีวิหารคดที่ยาวมากซึ่งเป็นทางเดินในร่มที่สร้างขึ้นข้างทะเลสาบขนาดเล็ก ในฤดูร้อนเธอสามารถกระโดดลงไปในทะเลสาบได้จากระเบียงห้องของเธอเลยล่ะ” ในครั้งนี้เหม่ยเสี่ยวเหวินกำลังวางแผนที่จะพักอยู่ในห้องใกล้กับเธอ

 

ในชั้นเรียนของพวกเขามีนักศึกษามากกว่า 20 คน พวกเขาจองไว้ 6 ห้อง หรืออาจจะเป็น 7 ห้องภายในลานวิลล่า รวมถึงห้องที่ใหญ่กว่าในอาคารหลักและห้องที่เล็กกว่าในปีกอาคารจะมีห้องเพียงพอสำหรับทุกคน

 

“เราจะมีลานกิจกรรมของเราเอง อาหาร เครื่องดื่มและความบันเทิงทั้งหมดจะรวมอยู่ในแพ็คเกจวันหยุดของเรา ตอนกลางคืนเราสามารถปิ้งย่างบาร์บีคิว ร้องเพลง เต้นรำ ว่ายน้ำในทะเลสาบ ตกปลา เล่นเกม บลาๆ…”

 

ขณะที่เธอฟังคำอธิบายของหัวหน้าห้อง กู้เหนียนจื่อก็อดไม่ได้ที่จะตั้งตารอการเดินทางครั้งนี้

 

“ถ้าเธอไม่คัดค้าน ฉันจะบอกให้คนอื่น ๆ รู้ว่าเราตัดสินใจแล้ว ฉันจะต่อรองราคากับทางรีสอร์ทและจองห้องพัก ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เราจะเดินทางกันในปลายเดือนพฤษภาคม” เหม่ยเสี่ยวเหวินวางแผนได้ดีมาก ไม่เพียงเท่านั้น เขามีรสนิยมดีและรู้วิธีหาความเพลิดเพลินให้กับตัวเองอย่างมีสไตล์

 

 

วันจันทร์ถัดมา มันไม่ใช่วันที่สดใสนัก อากาศวันนี้มืดครึ้มและท้องฟ้ามีเมฆหนาทึบ

 

เฟิงอี้เฉินเดินออกจากอพาร์ตเมนต์หรูที่เธออาศัยอยู่และเห็น รถยนต์ BMW 7 ที่คุ้นเคยจอดอยู่ด้านนอก

 

เธอก้าวขึ้นรถอย่างสง่างาม ในรถมีคนที่สวมแว่นกันแดดนั่งอยู่  เธอยิ้มให้เขาก่อนจะโน้มตัวและหอมแก้มเขา “พี่ปิน ทำไมพี่มาที่นี่?”

 

“เธอกำลังจะไปเยี่ยมครอบครัวของเธอใช่ไหม ฉันจะไปกับเธอด้วย” ชายคนนั้นถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่น่าเกรงขาม

 

เขาอายุเกิน 40 แล้ว เขาไม่ใช่เด็กวัยรุ่นหนุ่มสาว แต่เขาก็ยังดูดีมาก

 

เขามีคิ้วหนาสีเข้ม จมูกใหญ่ ปากที่กว้างและหนา ใบหน้าของเขาเข้ากับการแสดงออกที่ดุดัน ร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยมัดกล้าม

 

แขนของเขาหนาและมีแผลเป็นด้วย

 

เฟิงอี้เฉินกอดเขาและเอนศีรษะซบอกของเขาเพื่อซ่อนอารมณ์ที่ขุ่นมัวเอาไว้ “พี่ปิน พี่ไม่ต้องไป—ไม่ต้องไปที่แบบนั้นหรอก”

 

หญิงสาวกำลังจะไปที่ศูนย์กักกันเพื่อไปเยี่ยมพ่อแม่และน้องสาวของเธอ

 

พี่ปินหัวเราะแล้วพูดกับคนขับว่า “ออกรถได้”

 

นายหนุ่มส่งเฟิงอี้เฉินไปที่ศูนย์กักกัน แต่ไม่ได้ออกจากรถ  เขารอเธออยู่ในรถซึ่งจอดอยู่ไกล ๆ

 

คนขับรถคนนี้อยู่กับชายที่ถูกเรียกว่าพี่ปินมาหลายปี ดังนั้นเขาจึงเป็นคนสนิท เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อพฤติกรรมของอีกฝ่ายได้ “พี่ปิน ทำไมพี่ถึงดีกับคุณหนูเฟิงจัง? มันคุ้มไหม?”

 

“เหอะ ตอนแรกฉันแค่เล่น ๆ ฉันอยากจะรู้ว่ามันเป็นยังไงที่ได้ ‘สนุก’ กับนักศึกษาที่สวยและรวยมาก... จากนั้นครอบครัวของเธอก็ถูกจับ ดูเธอสิ เธอยังคงพยายามจะประกันตัวพวกเขาออกมา นั่นทำให้ฉันว่าจะลองคิดดู เราไม่ได้เป็นคนดีอยู่แล้ว ถ้านายเข้าใจความหมายของฉัน ถ้าวันหนึ่งเราลงเอยที่คุกกันเอง นายก็ต้องอยากมีคนที่ดีและห่วงใยจากภายนอกคอยช่วยเหลือเพื่อพาเราออกไปใช่ไหม? ฉันพูดไม่ถูกเหรอ?”

 

คนขับไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว นิ้วของเขาแตะที่พวงมาลัยในขณะที่เขายิ้มและพูดว่า “พี่ปิน พี่มองการณ์ไกลจริง ๆ”

 

 

ขณะเดียวกัน เฟิงอี้เฉินนั่งอยู่ในห้องประชุมของสถานกักกัน เธอมองดูหูเฉียวเจิน แม่ของเธอที่เดินมาอย่างอย่างช้า ๆ ผมของเธอแทบจะขาวโพลนไปหมดแล้ว หัวใจของเฟิงอี้เฉินก็เจ็บปวดเมื่อเห็นสภาพที่ทรุดโทรมของคนเป็นแม่

 

"ทำไมลูกถึงร้องไห้? ครั้งล่าสุดที่ลูกมา ลูกบอกแม่ว่ามีสำนักงานกฎหมายในเมืองหลวงที่มีประวัติที่น่าประทับใจ ลูกจ้างพวกเขามาแล้วไม่ใช่เหรอ?” หูเฉียวเจินมองไปที่ลูกสาวด้วยสายตากระตือรือร้น “พ่อกับแม่ไว้ใจลูกนะ!”

 

หญิงสาวส่ายหัว “หนูพยายามแล้ว แต่พวกเขาปฏิเสธรับคดีนี้”

 

ผู้เป็นแม่ร้องไห้ออกมาเสียงดัง "ทำไม?! ลูกเสนอเงินให้พวกเขาไม่พอเหรอ! นี่ไม่ใช่เวลามางกนะ! พ่อกับแม่กำลังจะติดคุก!”

 

“หมายเลข 38! ลดเสียงลง!” ตำรวจที่ยืนเฝ้าศูนย์กักขังตะโกนขึ้นมา

 

หูเฉียวเจินหดตัวกลับทันที ตอนนี้เสียงของเธอเบาลงมาก เธอมองลูกสาวด้วยดวงตาเบิกกว้างและทำอะไรไม่ถูกก่อนจะพูดว่า “อี้เฉิน ลูกต้องทำอะไรสักอย่าง! พ่อกับแม่กินไม่ได้นอนไม่หลับ เราต้องพึ่งพาลูกแล้ว! คิดถึงน้องสาวของลูกด้วยสิ!”

 

บทที่ 56 : ความสูญเสีย

 

หูเฉียวเจินกำลังเรียกร้องมากเกินไป เธอไม่ได้พิจารณาถึงสถานการณ์ที่ครอบครัวของพวกเธอเผชิญอยู่เลยสักนิด

 

เฟิงอี้เฉินหงุดหงิดและพูดขัดขึ้นมาทันที "หนูรู้ หนูจะพยายามให้ดีที่สุด”

 

“ลูกต้องช่วยพวกเรา!” คนเป็นแม่ร้องออกมาก่อนที่เธอจะถูกพากลับเข้าไปข้างใน คนต่อไปที่จะออกมาคือพ่อของเธอ เฟิงกั๋วตง ผมของเขากลายเป็นสีขาวไปหมดแล้วและตอนนี้ร่างท้วม ๆ ของเขาก็ซูบผอม ทำให้เขาดูมีอายุมากขึ้น

 

“อี้เฉิน พวกเราถูกครอบครัวของลุงลูกเหยียบซ้ำ พวกเราเพิ่งล้มละลาย แต่ตอนนี้พ่อกับแม่ต้องติดคุก! อย่าปล่อยให้พวกมันหลุดมือไป! ไปเรียกร้องเงินของเรากลับมา! ให้พวกมันพาพวกเราออกไปจากที่นี่! ไม่อย่างนั้นพ่อจะเอามันกลับคืนมาเองตอนที่พ่อออกไปจากที่นี่!” เฟิงกั๋วตงกำมือแน่นแล้วเหวี่ยงมือไปรอบ ๆ อย่างอารมณ์เสียและบ้าคลั่ง

 

เฟิงอี้เฉินรู้ดีว่าเธอไม่สามารถทำอะไรครอบครัวของลุงของเธอได้ ดังนั้นเธอจึงรับปากกับพ่อของเธอเพียงแค่ผิวเผิน

 

คนสุดท้ายที่ออกมาคือเฟิงอี้ซี น้องสาวของเธอ แต่ตอนนี้เฟิงอี้เฉินรู้สึกหมดแรงแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมองดูใบหน้าซีดเซียวของน้องสาวซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

 

“เป็นไงบ้าง อี้ซี”

 

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเฟิงอี้ซีที่จะอยู่ในสถานกักกัน พรุ่งนี้เธอจะถูกย้ายไปค่ายแรงงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อรับใช้ชุมชนเป็นเวลา 1 ปี

 

“พี่อี้เฉิน! พี่ต้องช่วยฉันนะ! ช่วยฉันด้วย! ฉันไม่อยากเข้าค่ายแรงงาน! ดูสิ เล็บของฉันแตกหมดแล้ว ผมก็แตกปลายและผิวของฉันก็แห้ง พี่เอามาส์กมาให้ฉันหรือเปล่า? ฉันไม่ได้ทำเล็บมานานมากแล้ว” หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น แม้ว่าเธอจะรู้ว่าสินค้าฟุ่มเฟือยเหล่านี้อยู่ไกลเกินเอื้อมแล้ว แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะระบายออกมา

 

“อี้ซี อย่าทำแบบนี้ เธอใช้เวลาอยู่ที่นั่นแค่ปีเดียว เธอจะผ่านมันไปได้” เฟิงอี้ซีพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน “คดีความของพ่อกับแม่ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นฉันเลยช่วยเธอตอนนี้ไม่ได้”

 

“พี่อี้เฉิน พี่ทิ้งฉันไว้แบบนี้ไม่ได้นะ!” คนเป็นน้องสาวโน้มตัวลงบนโต๊ะและใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา จากนั้นเธอก็กัดฟันพูดว่า “พี่อี้เฉิน ฉันขอถามอีกเรื่องหนึ่ง”

 

"เรื่องอะไร?"

 

“เกิดอะไรขึ้นกับยัยกู้เหนียนจื่อ?”

 

ฝ่ายที่ถูกถามรู้สึกประหลาดใจ เธอนั่งตัวตรงและมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง “จะถามถึงเธอทำไม? นี่ยังเดือดร้อนไม่พออีกเหรอ?”

 

เฟิงอี้ซีถูกตั้งข้อหาใช้และครอบครองสารเสพติดผิดกฎหมายจำนวนมาก แต่ถ้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับกู้เหนียนจื่อถูกเปิดเผย เฟิงอี้เฉินรู้ว่ามันจะเป็นหายนะมากยิ่งขึ้น น้องสาวของเธอจะไม่เพียงแค่ถูกส่งตัวไปที่ค่ายแรงงาน นั่นคือเหตุผลที่เธอไม่เปิดเผยความจริงเบื้องหลังการ ‘ลาป่วย’ 1 สัปดาห์ของกู้เหนียนจื่อ หากความจริงปรากฏ กู้เหนียนจื่อจะต้องอับอายอย่างแน่นอน แต่เฟิงอี้เฉินจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยด้วยและเบาะแสจะชี้กลับไปที่เธอ เธอไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองถูกจองจำไปพร้อมกับครอบครัว

 

แต่เฟิงอี้ซีเชิดหน้าและจ้องมองพี่สาวอย่างแน่วแน่ “มันได้รับการยอมรับเป็นนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของเฮอจือชูใช่ไหม? จริงหรือเปล่า?!"

 

"เธอรู้ได้ยังไง?" เฟิงอี้เฉินอ้าปากค้าง เธอเองก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานนี้เอง ในขณะที่น้องสาวของเธอถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดเวลา แล้วอีกฝ่ายรู้ได้อย่างไร?

 

“นั่นไม่ใช่ประเด็น บอกฉันมาว่าจริงหรือเปล่า!”

 

“ใช่…เธอได้รับการยอมรับว่าเป็นนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของเฮอจือชู คณะฯได้ประกาศผลการคัดเลือกแล้ว” หญิงสาวถอนใจเฮือกใหญ่ “อย่าไปสนใจเลย ปล่อยมันไปเถอะ โอเคไหม”

 

“โอเคกับผีสิ!” ใบหน้าของเฟิงอี้ซีบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เธอพยุงตัวเองไว้กับโต๊ะและเอนตัวไปข้างหน้า ดวงตาของเธอฉายแววคมกริบ “ทำไมฉันถึงถูกตัดสินให้รับใช้ชุมชน แต่มันสามารถเป็นนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของเฮอจือชูได้อย่างมีความสุข! มันควรจะเป็นของฉัน! ของฉัน! มันเป็นของฉันทั้งหมด! มันคิดว่ามันเป็นใคร? ขอทานต่ำต้อยอย่างมันไม่คู่ควรกับสิ่งที่มันได้รับ!”

 

คนเป็นพี่สาวรีบชี้นิ้วไปที่เธอ “นั่งลงเดี๋ยวนี้! มีคนดูอยู่”

 

เจ้าหน้าที่หญิงสองคนจ้องมองพวกเธอมาระยะหนึ่งแล้ว เฟิงอี้ซีรู้สึกตัวก่อนจะนั่งบนเก้าอี้ จากนั้นก็ยกมือขึ้นกุมศีรษะตัวเอง คราวนี้เธอไม่เกรี้ยวกราดเหมือนก่อนหน้านี้ แต่สะอื้นไห้เงียบ ๆ เธอเสียใจและไม่สามารถปลดปล่อยความเศร้าโศกได้อย่างเต็มที่

 

เฟิงอี้เฉินกัดริมฝีปากล่างของเธอขณะที่เธอมองดูน้องสาวตรงหน้าเพราะกลัวเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาสักคำ

 

เฟิงอี้ซีทรุดตัวลงหลังจากที่เธอร้องไห้เสร็จ คนที่เธออิจฉามากที่สุดและดูถูกที่สุดได้ในสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุด ตอนนี้มันไร้ประโยชน์แล้ว แม้ว่าเธอจะพยายามทำร้ายอีกฝ่ายมากแค่ไหนก็ตาม การได้รู้เรื่องนี้ได้ทำลายความมั่นใจและความตั้งใจของหญิงสาวไปอย่างสิ้นเชิง

 

ความเกลียดชังของเฟิงอี้เฉินที่มีต่อกู้เหนียนจื่อเพิ่มขึ้นเมื่อเธอเห็นน้องสาวแสนสวยและชาญฉลาดของเธอต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ในขณะที่กู้เหนียนจื่อได้นอนกับผู้ชายหลายคนอย่างไร้ยางอายแล้วยังมาตีหน้าซื่อไร้เดียงสาอยู่อีก

 

แถมเธอยังโชคดีได้เป็นแฟนของหนุ่มที่ทุกคนใฝ่ฝัน พากันเดินอวดความหวานให้ทุกคนได้เห็น เฟิงอี้เฉินทนไม่ได้ที่จะนึกถึงกู้เหนียนจื่อที่เฮอจือชูยอมรับ มันรู้สึกเหมือนมีมีดสั้นแทงทะลุหัวใจ

 

ไม่มีใครสมควรได้รับสิ่งที่ควรจะเป็นของน้องสาวของเธอ ครอบครัวของเธอล้มละลายแล้ว เธอยังต้องสูญเสียอะไรอีก? เธอก็เหมือนกับนางฟ้าที่ตกสวรรค์ เหมือนนกฟีนิกซ์ที่ร่วงหล่นต่ำต้อยยิ่งกว่าไก่ เธอแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว...

 

“อย่ากังวลไปเลย อี้ซี ฉันจะพยายามให้ดีที่สุดเพื่อช่วยเธอ” หญิงสาวพูดผ่านบานกระจกที่ห้องเยี่ยมเยียนและพยักหน้าให้น้องสาว

 

นี่เป็นสถานกักกัน เธอจึงไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ เธอไม่ได้เสียสติจนถึงจุดที่เธอจะพูดถึงแผนที่พวกเธอจะทำให้ชีวิตของกู้เหนียนจื่อพังพินาศได้ยังไงโดยไม่เลือกสถานที่

 

ทุกอย่างที่นี่อยู่ภายใต้การเฝ้าระวัง ใครจะรู้ว่าทำไมครอบครัวของพวกเธอจึงถูกทำลาย? เฟิงอี้เฉินไม่เข้าใจแม้แต่สิ่งที่ครอบครัวของเธอทำผิด แต่เธอเห็นด้วยกับข้อความที่เธอได้รับจากผู้ส่งลึกลับ เธอเองก็เชื่อเหมือนกันว่าพวกเธอยุ่งกับคนผิด

 

แต่จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าคน ๆ นั้นเป็นใคร เธอไม่กล้าไล่ตาม ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่เอาความเคียดแค้นทั้งหมดไปลงที่กู้เหนียนจื่อ เธอเชื่อมั่นว่ากู้เหนียนจื่อไม่ได้แค่ ‘ป่วยหนัก’ ทั้งสัปดาห์เพราะเธอตกอยู่ในกับดักของเฟิงอี้ซี และมีความจำเป็นที่ต้องลาป่วย 1 สัปดาห์หลังจากต้องผ่านมือผู้ชายหลายคน

 

กู้เหนียนจื่อเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครสนับสนุนเธอ ใครจะมาเรียกร้องความยุติธรรมให้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ? ญาติห่าง ๆ ที่เป็นผู้ปกครองของเธออาจจะขอบคุณเฟิงอี้เฉินที่ช่วยกำจัดภาระของเขาไปก็ได้ด้วยซ้ำ 

 

เวลาต่อมาเฟิงอี้เฉินก็ออกจากศูนย์กักกันไปขึ้นรถของพี่ปิน เธอนั่งเงียบตลอดการเดินทาง เมื่อพวกเขากลับมาที่อพาร์ตเมนต์ของเธอ เธอก็เริ่มต้นทำสิ่งต่าง ๆ กับพี่ปินอย่างไม่เคยทำมาก่อน

 

คืนนั้นหญิงสาวลุกจากเตียงแทบไม่ได้เลยหลังจาก ‘มอบความสุข’ ให้พี่ปิน หลังจากนั้นเขาก็ไว้วางใจเธอและพาเธอเข้าสู่วงในของเขา มันเป็นแก๊งที่เต็มไปด้วยอาชญากร

 

เฟิงอี้เฉินนั้นงดงามและมีการศึกษาสูง ดังนั้นจึงไม่มีอาชญากรคนไหนที่สามารถต้านทานเสน่ห์ของเธอได้เมื่อเธอเป็นมิตรกับพวกเขา นอกจากนี้เธอมีพี่ปินคอยสนับสนุนเธอ ทำให้เธอสามารถมีที่ยืนในวงการได้อย่างรวดเร็ว

 

แต่เธอต้องระมัดระวังที่จะเหยียบอยู่เส้นแบ่งระหว่างสิ่งผิดกฎหมายและถูกกฎหมาย และเธอไม่เคยทำผิดกฎหมาย เธอเล่นลูกไม้ต่าง ๆ แต่ไม่เคยทำให้มือสกปรก หลังจากใช้เวลาวางแผนสองสามวัน โชคของเธอก็มาถึง

ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป