Your Wishlist

ว่าไงคะ ท่านนายพล (บทที่ 49-50 : ฉันคิดถึงเธอ, อยู่กับคุณตลอดทาง)

Author: Han Wuji (Akira แปล)

กู้เหนียนจื่อ หญิงสาวอายุ 17 ปีผู้สูญเสียความทรงจำในวัยเด็ก มีเพียงภาพที่ตนเองติดอยู่ในรถที่กำลังลุกไหม้เท่านั้นที่ยังฉายชัดอยู่ในความฝันของเธอ โชคดีที่เธอได้ฮัวเฉาเหิง ทหารหนุ่มผู้มีตำแหน่งพลตรีช่วยชีวิตเอาไว้ ชายหนุ่มถูกกองทัพของจักรวรรดิร้องขอให้เป็นผู้ปกครองของกู้เหนียนจื่อที่มีอายุเพียง 12 ปี และปกปิดประวัติที่แท้จริงของทั้งคู่เอาไว้ แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เธอก็อยู่กับเขานับตั้งแต่นั้นมา เธอใช้ชีวิตด้วยความกลัวและไม่มั่นคงมาตลอด เธอจะรู้สึกปลอดภัยเฉพาะเวลาได้อยู่ใกล้ ๆ ผู้ปกครองหนุ่มเท่านั้น ระหว่างนั้นกองทัพของจักรวรรดิได้ทำการสืบค้นประวัติของหญิงสาว แต่ก็ไม่สามารถค้นหาได้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ตัวตนที่แท้จริงของกู้เหนียนจื่อคือใครกันแน่? เหตุใดเธอจึงถูกลอบทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต?

จำนวนตอน : 2263

บทที่ 49-50 : ฉันคิดถึงเธอ, อยู่กับคุณตลอดทาง

  • 05/11/2564

บทที่ 49 : ฉันคิดถึงเธอ

 

เมื่อเธอแน่ใจว่าอี้ซี่ถานไม่ได้มองมาที่เธอ กู้เหนียนจื่อก็หันมาและยกนิ้วโป้งให้เฉินหลายขณะขยับปากพูดแบบไม่มีเสียงว่า "โชคดีนะ"

 

หมอหนุ่มกะพริบตามองเธอ ใบหน้ากลมของเขาดูเขิน ๆ ในระหว่างที่เขาออกจากอพาร์ตเมนต์ไปพร้อมกับหญิงสาว

 

ประตูหน้าปิดลงด้วยเสียงคลิกดังก้อง และทันใดนั้นทั้งอพาร์ตเมนต์ก็เงียบลง

 

กู้เหนียนจื่อยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่าครู่หนึ่ง แล้วเดินไปรอบ ๆ อพาร์ตเมนต์เพื่อเปิดไฟทั้งหมด

 

เมื่อเปิดไฟแล้ว เธอก็รู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้นไปอีก แสงไฟแสดงให้เธอเห็นอย่างชัดเจนว่าอพาร์ตเมนต์นี้กว้างขวางเพียงใด

 

 

ในขณะนั้นที่สนามบินเมือง C เหวินเฉียวอี้กำลังจะขึ้นเครื่องบินมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของประเทศ ก่อนที่จะออกเดินทาง เธอส่งอีเมลไปยังลูกค้าที่ขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับครอบครัวเฟิง ‘ต้องขอโทษด้วย แต่คุณถูกปฏิเสธ เจ้านายของฉันจะไม่รับเรื่องของคุณ’

 

เสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือระบบเสียงตามสายของสนามบิน เรียกให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่องบิน ผู้ช่วยสาวปิดโทรศัพท์และมุ่งหน้าไปยังทางเดินพิเศษสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง

 

บนเครื่องบิน เหวินเฉียวอี้เข้าไปในห้องโดยสารเฟิร์สคลาสและเห็นว่าเฮอจือชูนั่งอยู่บนเก้าอี้เฟิร์สคลาสที่กว้างขวางของเขาแล้ว เขากำลังเฝ้าดูท้องฟ้ายามพลบค่ำที่อีกด้านหนึ่งของหน้าต่าง

 

“ศาสตราจารย์เฮอคะ” เหวินเฉียวอี้เอื้อมมือไปจัดผ้าห่มรอบตัวเขาขณะที่เธอหย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ เขา

 

ชายหนุ่มไม่ได้ตอบกลับอะไร เขาขยับตัวบนเก้าอี้แล้วหลับตาเพื่องีบหลับ

 

 

ในตอนที่เฉินหลายและอี้ซี่ถานกลับไปที่ฐาน พวกเขาเจอกับฮัวเฉาเหิงซึ่งกำลังกลับมาจากสนามฝึก

 

ทหารหนุ่มหยุดอยู่ข้างถนนเมื่อเห็นหมอทั้งสองคน

 

“นายพลฮัว คุณวิ่งข้ามเมือง 10 กิโลเมตรเสร็จแล้วเหรอคะ?” อี้ซี่ถานโบกมือให้เขาด้วยรอยยิ้ม

 

ฮัวเฉาเหิงสวมเสื้อยืดสีดำและกางเกงลายพรางสีเขียวทหาร โดยที่ขากางเกงของเขาสอดอยู่ในรองเท้าบูททหาร และมีบุหรี่อยู่ในมือ เมื่อยืนอยู่ใต้แสงไฟถนน ร่างสูงใหญ่มีกล้ามของเขาดูทั้งสง่าและน่าหลงใหล ประกอบกับเหงื่อที่เป็นประกายบนแขนและบางส่วนที่ไหลลงไปที่ด้านข้างของใบหน้าจากการออกกำลังกายที่หนักหน่วง ในขณะนั้นเขากำลังกวักมือเรียกให้ทั้งคู่มาหาเขา

 

เฉินหลายและอี้ซี่ถานเดินไปหยุดยืนตรงต่อหน้าเขาทันที

 

“นายไม่ได้อยู่กับเหนียนจื่อเหรอ? เธอเป็นยังไงบ้าง? เธอกลับไปที่มหาวิทยาลัยแล้วหรือยัง?” ชายหนุ่มโบกมือส่งสัญญาณให้พวกเขาทำตัวสบาย ๆ พลางถามคำถามออกไป

 

ผู้เป็นหมอส่ายหัว “เหนียนจื่อมีสุขภาพปกติดี ไม่มีอะไรดูผิดปกติสำหรับตอนนี้ เธอยังไม่กลับมหาวิทยาลัย เธอบอกว่าเธอจะกลับไปพรุ่งนี้เช้า” เขาขยับเท้าแล้วมองไปที่เจ้านาย "อาทิตย์ที่แล้วเธอก็ทำแบบนี้"

 

ฮัวเฉาเหิงยกบุหรี่ของเขาขึ้นแล้วโบกมือให้ทั้งสองคนออกไป

 

หลังจากที่เฉินหลายและอี้ซี่ถานออกไปแล้ว นายพลหนุ่มก็เดินไปที่ต้นไม้และยืนอยู่ใต้ต้นไม้ แสงจากการเผาไหม้ของบุหรี่กะพริบอยู่ระหว่างนิ้วของเขา

 

เขาสูบบุหรี่เสร็จแล้วในขณะที่เพลิดเพลินกับบรรยากาศยามเย็นอันเงียบสงบ จากนั้นจึงเดินไปที่บ้านของเขาบนฐานทัพหน่วยปฏิบัติการพิเศษ

 

 

หลังจากอาบน้ำแล้ว กู้เหนียนจื่อก็นั่งบนระเบียงหน้าต่างในอพาร์ตเมนต์ของเธอคนเดียว เธอกอดตุ๊กตาตัวน้อยพร้อมกับมองดูแสงไฟจากนอกหน้าต่างอย่างเงียบ ๆ 

 

เธอเปิดโทรศัพท์ทันทีที่ชาร์จแบตเสร็จ และจู่ ๆ ก็มีสายที่ไม่ได้รับและข้อความเด้งขึ้นมาเต็มไปหมด แล้วส่วนใหญ่มาจากเหม่ยเสี่ยวเหวิน

 

หญิงสาวรู้สึกแปลก ๆ เมื่อดูสายที่ไม่ได้รับและข้อความทั้งหมด เธอไม่เคยมีใครมาคอยโทรตามแบบนี้มาก่อน นี่เป็นเรื่องใหม่สำหรับเธอ

 

เธออ่านข้อความทีละข้อความตามลำดับที่ส่งมา

 

‘เหนียนจื่อ เธออยู่ไหน’

 

‘เหนียนจื่อ ถ้าเธอว่างแล้วโทรหาฉันนะ’

 

‘เหนียนจื่อ ถ้าเธอไม่สะดวกโทรหาฉัน เธอก็ส่งข้อความกลับมาหาฉันก็ได้’

 

‘หรือเธอจะส่งอีเมลก็ได้ ได้โปรดอย่าปล่อยให้ฉันรอแบบนี้’

 

‘เหนียนจื่อ เราห่างกันแค่ 36 ชั่วโมง 12 นาที แต่ฉันมองเข้าไปในกระจกแล้วเห็นว่าผมขาวขึ้น เป็นครั้งแรกในชีวิตของฉันที่ฉันเข้าใจสิ่งที่พวกเขาบอกตอนที่พวกเขาพูดว่า 'ทุกนาทีที่ไม่มีเธอรู้สึกเหมือนโลกมันว่างเปล่า’ ’

 

‘ฉันเพิ่งทานอาหารเย็นกับครอบครัวเสร็จ วันนี้เป็นงานเลี้ยงอาหารค่ำมื้อใหญ่ที่มีคนมากมาย แต่สำหรับฉันมันเหมือนกับการหลงทางอยู่ในเมืองที่พลุกพล่าน ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวและเบื่อหน่ายเสียงดังและความสนุกสนานรอบตัวฉัน ทั้งหมดที่ฉันต้องการคืออยู่กับเธอตลอดไป’

 

‘ฉันคิดถึงเธอ คิดถึงเธอ คิดถึงเธอ’

 

‘กู้เหนียนจื่อ’

 

ข้อความสุดท้ายเป็นชื่อของเธอทั้งหมด ซ้ำแล้วซ้ำอีก

 

‘กู้เหนียนจื่อ กู้เหนียนจื่อ กู้เหนียนจื่อ…’

 

ดูเหมือนว่าจะดำเนินต่อไปไม่มีสิ้นสุด

 

สาวน้อยคางวางอยู่บนตุ๊กตาในอ้อมแขน เธอคิดในใจกับตัวเองเงียบ ๆ ว่าเหม่ยเสี่ยวเหวินไม่ใช่คนรวยที่สุรุ่ยสุร่ายทั่วไปที่รอรับมรดกของครอบครัว เขาเป็นคนช่างคิดและซับซ้อน สำนวนของเขามีคารมคมคาย แม้แต่ข้อความของเขาก็ทำให้คนอ่านมีความสุข

 

นิ้วของเธอเลื่อนไปวางบนโทรศัพท์ของเธออย่างไม่แน่ใจก่อนจะกดเบอร์โทรศัพท์ของเขาในที่สุด

 

“เหนียนจื่อ? กลับมาแล้วเหรอ!” โทรศัพท์ดังขึ้นเพียงครั้งเดียวก่อนที่เสียงของชายหนุ่มจะดังขึ้นจากปลายสาย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรอให้เธอโทรมา

 

กู้เหนียนจื่อรู้สึกประทับใจเล็กน้อยกับสิ่งนี้ เธอตอบเบา ๆ ว่า “ใช่” แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เรามีแขกมาเยี่ยมน่ะ แล้วฉันก็ตามพวกเขาขึ้นไปที่บ้านบนภูเขา เพราะพวกเขายืนกรานที่จะพาฉันไปเที่ยว แล้วที่นั่นสัญญาณไม่ดีจริง ๆ” เธอรู้สึกเสียใจที่โกหกเขา

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ตอนนี้เขากำลังขับรถอยู่

 

“ฉันกำลังเดินทางกลับไปมหาวิทยาลัย ให้ฉันไปรับเธอไหม”

 

เขาไม่คิดที่จะซ่อนความสุขไว้ในเสียงของเขา เขาอยู่ในอารมณ์เศร้าหมองตลอดช่วงสุดสัปดาห์ แต่ตอนนี้เมฆหมอกกระจายตัวไปแล้ว พระอาทิตย์ส่องแสงอีกครั้ง และความอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิก็อยู่ในหัวใจของเขา ทั้งหมดเป็นเพราะการได้รับสายเพียงครั้งเดียวจากคนที่เขารัก 

 

ข้อเสนอของหัวหน้าห้องนั้นเย้ายวนเกินกว่าจะยอมปล่อยผ่านไป หญิงสาวพบว่าตัวเองไม่สามารถปฏิเสธได้

 

คืนนี้เธอไม่อยากอยู่ที่นี่คนเดียวจริง ๆ

 

ในอดีต ฮัวเฉาเหิงปล่อยเธอไว้ตามลำพังเป็นครั้งคราวในช่วงสุดสัปดาห์ เมื่อเขาต้องไปจัดการกับงานเร่งด่วนบางอย่าง แต่เธอก็ไม่รู้สึกเหงาแบบนี้

 

เธอเชื่อลึก ๆ ว่าไม่สำคัญว่าเขาจะไปไหน เพราะเขาจะกลับมาที่นี่เสมอเพราะที่อพาร์ตเมนต์แห่งนี้เป็นบ้านของเขา

 

แต่ในสัปดาห์นี้ เธอรู้สึกว่าผู้ปกครองหนุ่มกำลังล่องลอยไปไกลจากเธอ

 

ความลังเลของกู้เหนียนจื่อกินเวลาเพียงไม่กี่วินาที จากนั้นเธอก็ถามว่า “นายสะดวกมารับฉันไหม”

 

เธอไม่คิดว่าเธอจะนอนที่นี่คนเดียวได้ จริง ๆ แล้วเธอน่าจะนอนหลับในหอพักของเธอได้เต็มอิ่มกว่า แม้ว่าจะมีเสียงรบกวนจากรูมเมทของเธอก็ตาม

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินมีความสุขที่ได้ยินเรื่องนี้ เขาหมุนพวงมาลัยอย่างรวดเร็วและขับไปยังเขตเฟิงหยางมุ่งหน้าไปที่อพาร์ตเมนต์ที่กู้เหนียนจื่ออาศัยอยู่ เขาพูดว่า “ฉันจะไปถึงที่นั่นในอีก 20 นาที ฉันคิดว่าน่าจะถึงประมาณสี่ทุ่ม”

 

กู้เหนียนจื่อก้าวออกจากขอบหน้าต่าง “ฉันจะรอนายที่ประตูนะ”

 

เธอไปเข้าห้องน้ำและอาบน้ำอย่างรวดเร็วในเวลา 10 นาที เสร็จแล้วเธอก็เก็บของและเดินออกไปที่ประตูพร้อมกับกระเป๋าเป้และกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ๆ

 

 

ในเวลาเดียวกันฮัวเฉาเหิงอยู่ในห้องทำงานของเขา เขาเพิ่งทำงานเสร็จก่อนจะมองดูนาฬิกาแล้วพบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว

 

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแต่ไม่ได้โทรหากู้เหนียนจื่อเพราะเขาคิดว่าเธออาจจะหลับอยู่ แล้วโทรหาเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษซึ่งแอบเฝ้าดูเธออย่างลับ ๆ

 

นับตั้งแต่ที่หญิงสาวประสบปัญหาเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ทหารหนุ่มได้เพิ่มการรักษาความปลอดภัยของเธอให้แน่นหนาขึ้น 

 

บอดี้การ์ดลับของกู้เหนียนจื่อได้รับเลือกจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษ มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหาคนมาทำงานแบบนี้ เนื่องจากความจริงที่ว่าฮัวเฉาเหิง หัวหน้าของพวกเขาเป็นผู้ปกครองของเธอ

 

บอดี้การ์ดของเธอรับสายจากผู้เป็นเจ้านาย เขาพูดเบา ๆ ว่า “คุณกู้เพิ่งออกจากบริเวณที่พักไปครับ เธอยืนอยู่ที่ประตู ดูเหมือนว่าเธอกำลังรอใครสักคนอยู่”

 

“เธอรอใครอยู่ เวลานี้เนี่ยนะ” ฮัวเฉาเหิงเปิดคอมพิวเตอร์ของเขา เคอร์เซอร์ของเขาเลื่อนไปเหนือไฟล์สั่งการบางไฟล์ชั่วครู่ ก่อนจะย้ายไปในที่สุด และเขาไม่ได้เรียกใช้โปรแกรมพิเศษ

 

บอดี้การ์ดที่อยู่อีกฝั่งกำลังจะตอบว่าเขาไม่รู้ แต่แล้วเขาก็หันกลับมาและเห็นรถคันหนึ่งมาจอดข้างหน้ากู้เหนียนจื่อ แล้วมีคนลงจากรถ นั่นคือ เหม่ยเสี่ยวเหวิน หัวหน้าห้องของเธอ

 

ชายที่เฝ้ามองอยู่รีบรายงานสิ่งที่เขาเห็นแก่เจ้านายอย่างรวดเร็ว “ดูเหมือนว่าคุณกู้กำลังรอหัวหน้าห้องของเธอที่ชื่อว่าเหม่ยเสี่ยวเหวินครับ”

 

ทหารหนุ่มวางสายทันที เขาโยนโทรศัพท์ที่ทำงานลงบนโต๊ะ แล้วเดินออกไปที่ระเบียง เขาจุดบุหรี่และคีบไว้ระหว่างนิ้วของเขา ขณะที่เขาสวมชุดหูฟังบลูทูธแบบมัลติฟังก์ชั่นที่ทำขึ้นเอง ในที่สุดเขาก็โทรหากู้เหนียนจื่อด้วยตัวเอง

 

ในเวลานี้หญิงสาวกำลังนั่งอยู่ในรถของเหม่ยเสี่ยวเหวินแล้วพูดคุยกับเขาอย่างเป็นกันเอง ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเธอและสั่นอย่างต่อเนื่อง 

 

เธอมองลงไปและเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากฮัวเฉาเหิง

 

เธอไม่คิดว่าชายหนุ่มจะโทรหาเธอเป็นการส่วนตัวในตอนกลางคืน เธอคิดว่าจะเป็นเจี้ยวเลี่ยงจื่อที่โทรมา

 

กู้เหนียนจื่อรับสายด้วยการปัดนิ้วอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “ฮัลโหล?”

 

ตอนนี้มันดึกและเลยเวลานอนปกติของเธอไปแล้ว เสียงของเธอจึงเบากว่าปกติเล็กน้อย แต่เสียงนั้นมันฟังดูเย้ายวนอย่างไม่ได้ตั้งใจ และธรรมดาเสียงของเธอก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว 

 

บทที่ 50 : อยู่กับคุณตลอดทาง

 

แม้ว่าตอนนี้เหม่ยเสี่ยวเหวินจะกำลังจดจ่ออยู่กับการขับรถ แต่หัวใจของเขาอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านเมื่อได้ยินกู้เหนียนจื่อรับโทรศัพท์ของเธอด้วยคำว่า ‘ฮัลโหล’ ง่าย ๆ เขาสามารถฟังเสียงของเธอได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

 

ฮัวเฉาเหิงจ้องมองไปที่บุหรี่ในมือของเขา น้ำเสียงของเขาทุ้มกว่าปกติและมีพลังดึงดูดแบบแปลก ๆ ที่อธิบายไม่ได้ซึ่งสามารถขโมยหัวใจคนฟังได้ เขาค่อย ๆ เรียกชื่อเธอว่า “เหนียนจื่อ”

 

เจ้าของชื่อนั้นยืดตัวทันทีด้วยความสุข

 

“อาฮัว?”

 

“อืม” ชายหนุ่มส่งเสียงในลำคอตอบ

 

“อาฮัว ตอนนี้คุณว่างแล้วเหรอ”

 

"ฉันเพิ่งทำงานเสร็จ"

 

“คุณจะกลับเมื่อไหร่” กู้เหนียนจื่อถามเบา ๆ คำถามของเธอเข้ากันกับน้ำเสียงที่อ่อนโยน

 

มีเพียงฮัวเฉาเหิงเท่านั้นที่สามารถทำให้เธอเสียการควบคุมได้ หากเธอต้องเลือกคนเพียงคนเดียวในโลกที่ไว้วางใจและพึ่งพาได้ คงมีแค่ฮัวเฉาเหิงเท่านั้น เหม่ยเสี่ยวเหวินอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเธอ เขาไม่เคยรู้ว่าเสียงของเธอจะหวานขนาดนี้และเขาก็รู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัว

 

แต่ในขณะนั้นกู้เหนียนจื่อจดจ่ออยู่กับผู้ปกครองของเธอ ค่ำคืนนี้ไม่เปลี่ยวเหงาอีกต่อไปและเธอก็ไม่รู้สึกถึงความรู้สึกว่างเปล่าจนทำให้จิตใจหนักหน่วงเหมือนก่อนหน้านี้อีก แน่นอนว่าหญิงสาวรู้ดีว่าความรู้สึกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวฮัวเฉาเหิงเลย นั่นเป็นเพราะเธอรู้ว่าเธอยินยอมมอบใจให้เขา เช่นเดียวกับคนที่อุทิศตนเพื่อศาสนาของพวกเขาและแสดงให้เห็นถึงความศรัทธาที่แน่วแน่ เธอเองก็เหมือนกัน เมื่อพูดถึงอาของเธอ ฮัวเฉาเหิงเป็นเหมือนที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเธอ

 

ผู้ปกครองหนุ่มไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอะไรต่ออีก เขาไม่ใช่คนมีคารมคมคายและไม่ชอบการพูดคุยกันยาว ๆ เขาเหมาะกับการลงมือทำให้เห็นมากว่ามาพูดพร่ำทำเพลง ในเวลานี้เกิดความเงียบงันขึ้น มีแต่เสียงลมหายใจของสาวน้อยที่ดังผ่านชุดหูฟังของเขา และเขาคิดว่าเขาเกือบจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นของเธอแล้วด้วยซ้ำ

 

กู้เหนียนจื่อก็กำลังรู้สึกประหม่าเหมือนกัน ฮัวเฉาเหิงไม่ได้พูดอะไรและเธอก็กลัวเกินกว่าจะหายใจดัง ๆ เธอกลั้นหายใจและอัตราการเต้นของหัวใจก็สูงขึ้น ถ้าเฉินหลายอยู่ที่นี่เพื่อสังเกตสัญญาณชีพจรของเธอ เขาคงบอกว่าร่างกายของเธอเปิดใช้งานกลไกป้องกันตัวเองเพื่อตอบสนองต่อภาวะขาดออกซิเจนหรือคำอธิบายทางการแพทย์ที่ซับซ้อนอื่น ๆ ที่ยาวเป็นหางว่าว

 

ในขณะเดียวกันเหม่ยเสี่ยวเหวินขับรถต่อไปและคิดว่าคนข้างกายวางสายไปแล้วเพราะเธอไม่ได้พูดอะไร เขาถามอย่างเป็นกันเองว่า “นั่นคือผู้ปกครองของเธอเปล่า”

 

ผู้ปกครองหนุ่มได้ยินเสียงของผู้ชายคนอื่นผ่านสายสนทนา เขาจึงเปิดประตูเดินลงบันไดไปพลางถามคำถามง่าย ๆ ว่า “เธออยู่ที่ไหน เธอกำลังอยู่กับใคร?”

 

ฝ่ายที่ถูกถามหายใจออกเบา ๆ และร่างกายที่แข็งทื่อของเธอก็ผ่อนคลายลง เธอเอนหลังพิงเบาะนั่งเพื่อดูไฟถนนส่องผ่านกระจกรถและหัวเราะออกมา “เขาคือเพื่อนร่วมชั้นของฉันเอง หัวหน้าห้องของฉัน ฉันอยู่ในรถของเขาเพราะเขากำลังพาฉันไปส่งที่มหาวิทยาลัย”

 

เมื่อมีคนมาขัดจังหวะ การสนทนาก็ดำเนินไปได้ง่ายขึ้นมาก

 

ฮัวเฉาเหิงถามต่อว่า “อาทิตย์นี้เธอทำอะไรบ้าง”

 

กู้เหนียนจื่อไม่ต้องการวางสายในเร็ว ๆ นี้ เธอจึงบอกเขาอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัย ที่หอพักและแม้กระทั่งกับการสัมภาษณ์ เธอบอกเขาทุกอย่างแบบละเอียดยิบ

 

ปกติเธอเป็นคนพูดจาฉะฉาน ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่อยากเรียนกฎหมาย แล้วชายหนุ่มก็ส่งเสียงตอบรับเป็นระยะเพื่อให้เธอรู้ว่าเขากำลังฟังอยู่ หญิงสาวพูดกับเขาตลอดทางและเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นอีกที พวกเขาก็มาถึงหอพักแล้ว

 

นี่คงได้เวลาวางสายแล้ว กู้เหนียนจื่อรู้สึกว่าความเหงาเริ่มคืบคลานเข้ามาอีกครั้ง

 

คนเป็นผู้ปกครองยังไม่ได้วางสายและเธอก็ไม่สนใจแม้แต่จะพูดราตรีสวัสดิ์กับเหม่ยเสี่ยวเหวินก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในหอพัก เธอกำลังขึ้นบันไดเมื่อฮัวเฉาเหิงถามผ่านทางโทรศัพท์ว่า “เหนียนจื่อ เฉินหลายบอกฉันว่าเธออยากหาแฟน”

 

ทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น แก้มของสาวน้อยก็แดงก่ำ เธอกำลังจะชี้แจงว่าเธอไม่ต้องการหาแฟน แต่มีใครบางคนกำลังไล่จีบเธอต่างหาก ปลายสายพูดต่อก่อนที่เธอจะทันได้เริ่มพูด “เรื่องนั้นฉันไม่มีปัญหา”

 

ดวงตาของกู้เหนียนจื่อหรี่ลงและเธอก็เงียบไปนาน เธอกระแอมไอแล้วพูดว่า “โอเค” ก่อนจะวางสาย เมื่อเธอหยุดเดินแล้วเงยหน้าขึ้น เธอก็พบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าประตูห้องพักของเธอแล้ว

 

ฮัวเฉาเหิงคุยโทรศัพท์กับเธอตลอดทางที่มาที่นี่ เธอแทบจะไม่ได้พูดคุยกับเหม่ยเสี่ยวเหวินตอนอยู่ในรถและปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นคนขับรถ มันหยาบคายมากจริง ๆ เธอคงต้องไปขอบคุณเขาในวันพรุ่งนี้ เธอวางแผนในใจก่อนที่จะกังวลว่าทำให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า

 

หญิงสาวผลักประตูให้เปิดแต่มันไม่เปิดเพราะมันล็อคอยู่ รูมเมทของเธอยังไม่กลับมา จากนั้นเธอหยิบกุญแจออกมาเพื่อเปิดประตูก่อนจะเปิดไฟในห้อง เธอเห็นห้องว่างที่มีเตียงสองชั้น 2 เตียง โต๊ะทำงาน 4 ตัว และโต๊ะเครื่องแป้ง 4 ตัวยังตั้งอยู่เหมือนเดิม ทำให้เธอยิ้มกับความว่างเปล่าตรงหน้า

 

การที่เธอจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์นานหลายวันทำให้เธอคิดได้ จากนี้ไปเธอจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียว กู้เหนียนจื่อวางกระเป๋าเป้สะพายหลังและกระเป๋าเดินทางแล้วเริ่มจัดของ เธออาบน้ำเรียบร้อยแล้วก่อนที่จะออกมาจากอพาร์ตเมนต์ ดังนั้นเธอจึงไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าและมาส์กหน้าก่อนที่จะเปิดแล็ปท็อปเพื่อทำวิทยานิพนธ์ต่อ

 

 

ก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่แอบคุ้มกันกู้เหนียนจื่อได้ติดตามรถของเหม่ยเสี่ยวเหวินมาตลอดทางและยังติดต่อกับระบบสื่อสารของฐาน ก่อนเข้านอน เจี้ยวเลี่ยงจื่อเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบตัวติดตามและพบว่าฮัวเฉาเหิงคุยโทรศัพท์กับกู้เหนียนจื่อตลอดเวลา เขาคลิกเมาส์และแผนที่ภูมิประเทศของเมือง C ก็ปรากฏขึ้นบนจอภาพทันที จุดสีแดงเล็ก ๆ ที่แทนตัวของกู้เหนียนจื่อยังคงเคลื่อนไหวและมาถึงทางเข้ามหาวิทยาลัย C อย่างรวดเร็ว นี่หมายความว่าเธอพูดคุยกับฮัวเฉาเหิงในระหว่างการเดินทางของเธอ

 

"เกิดอะไรขึ้น?" เลขาหนุ่มเคาะเมาส์และพึมพำกับตัวเอง “ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? เกิดอะไรขึ้นกับเหนียนจื่อ?”

 

ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเจี้ยวเลี่ยงจื่อว่าเจ้านายยุ่งแค่ไหนในฐานะเจ้าหน้าที่ระดับสูง แต่เขาที่จัดการกับงานหลายพันอย่างต่อวันได้เสียสละเวลาอันมีค่าในเย็นวันอาทิตย์เพื่อโทรหากู้เหนียนจื่อและพูดคุยกับเธอเกือบครึ่งชั่วโมง ในขณะนี้แฮ็กเกอร์หนุ่มอดไม่ได้ที่จะโทรหาหยินชือฉงและเม้ามอยกับเขา “ต้าฉง มีอะไรเกิดขึ้นกับเหนียนจื่อ?”

 

คนที่ถูกปลุกกำลังมึนงงเมื่ออีกฝ่ายโทรมา ดวงตาของเขายังคงปิดอยู่ "ไม่ ช่วงนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเหนียนจื่อเลยนะ”

 

ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเขาจะไม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง? เขาดูแลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับกู้เหนียนจื่อ หยินชือฉงจำเรื่องนี้ได้หลังจากที่ตื่นขึ้นมาเต็มตา 

 

เจี้ยวเลี่ยงจื่อเกาศีรษะและมองดูจุดสีแดงเล็ก ๆ บนหน้าจอมาถึงทางเข้ามหาวิทยาลัย C สายโทรศัพท์ของฮัวเฉาเหิงระบุว่าเขายังคง ‘อยู่ในสาย’

 

“ทำไมเขาถึงคุยโทรศัพท์กับเธอตลอดเวลา? ตอนนี้ก็ดึกแล้ว เหนียนจื่อน่าจะกำลังเดินทางกลับมหาวิทยาลัย” ชายหนุ่มลูบคางและครุ่นคิด

 

หยินชือฉงเป็นคนดูแลกู้เหนียนจื่อมาหลายปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าดีกว่าเจี้ยวเลี่ยงจื่อด้วยซ้ำว่าเธอมีความสำคัญต่อเจ้านายของเขามากแค่ไหน

 

เลขาหนุ่มหาวและพูดอย่างหมดความอดทน “นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? เหนียนจื่อกำลังจะไปมหาวิทยาลัยตอนดึกและเขากังวลใจ เขาก็เลยอยู่กับเธอตลอดทาง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เขาสามารถระดมความช่วยเหลือได้ทันทีและไม่ต้องรอให้คนอื่นรายงานกลับ”

 

แฮ็กเกอร์หนุ่มไม่ได้คิดแบบนั้น บางสิ่งบางอย่างมันไม่ค่อยสมเหตุสมผล แล้วก็มีความคิดผุดเข้ามาในหัวของเขา แต่เขาระงับมันไว้

 

“ดีแล้ว ผมกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นน่ะ คุณกลับไปนอนเถอะ ผมก็จะเข้านอนแล้วเหมือนกัน” ปกติในฐานมีบุคลากรประจำอยู่แล้ว เขาสามารถนอนได้ 24 ชั่วโมงหากต้องการ

 

ในช่วงดึก ฐานทัพปฏิบัติการพิเศษเมือง C นั้นเงียบสงบ ฮัวเฉาเหิงยืนอยู่ใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนและเงยหน้าขึ้นมองดูหมู่ดาวนับไม่ถ้วน ตอนนี้เขาไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลอีกต่อไป เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและเดินกลับไปที่ห้องของเขาด้วยท่าทางสบาย ๆ

ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป