Your Wishlist

ว่าไงคะ ท่านนายพล (บทที่ 47-48 : แอนติบอดี้, วันหยุดสุดสัปดาห์ของการตัดขาดจากโลกภายนอก)

Author: Han Wuji (Akira แปล)

กู้เหนียนจื่อ หญิงสาวอายุ 17 ปีผู้สูญเสียความทรงจำในวัยเด็ก มีเพียงภาพที่ตนเองติดอยู่ในรถที่กำลังลุกไหม้เท่านั้นที่ยังฉายชัดอยู่ในความฝันของเธอ โชคดีที่เธอได้ฮัวเฉาเหิง ทหารหนุ่มผู้มีตำแหน่งพลตรีช่วยชีวิตเอาไว้ ชายหนุ่มถูกกองทัพของจักรวรรดิร้องขอให้เป็นผู้ปกครองของกู้เหนียนจื่อที่มีอายุเพียง 12 ปี และปกปิดประวัติที่แท้จริงของทั้งคู่เอาไว้ แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เธอก็อยู่กับเขานับตั้งแต่นั้นมา เธอใช้ชีวิตด้วยความกลัวและไม่มั่นคงมาตลอด เธอจะรู้สึกปลอดภัยเฉพาะเวลาได้อยู่ใกล้ ๆ ผู้ปกครองหนุ่มเท่านั้น ระหว่างนั้นกองทัพของจักรวรรดิได้ทำการสืบค้นประวัติของหญิงสาว แต่ก็ไม่สามารถค้นหาได้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ตัวตนที่แท้จริงของกู้เหนียนจื่อคือใครกันแน่? เหตุใดเธอจึงถูกลอบทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต?

จำนวนตอน : 2263

บทที่ 47-48 : แอนติบอดี้, วันหยุดสุดสัปดาห์ของการตัดขาดจากโลกภายนอก

  • 02/11/2564

บทที่ 47 : แอนติบอดี้

 

พอเห็นเหม่ยเสี่ยวเหวิน กู้เหนียนจื่อก็ยกกระเป๋าขึ้นเหนือศีรษะและวิ่งไปหาเขา

 

ร่มไม่ใหญ่พอสำหรับสองคน พวกเขาทั้งสองจึงยืนเบียดกันอยู่ใต้ร่มนั้นขณะที่พวกเขาเดินไปยังที่จอดรถนอกห้องสมุด

 

แต่ถ้าดูให้ดี ๆ จะเห็นว่าร่มเอียงไปทางหญิงสาวตลอดทาง ทำให้ตัวชายหนุ่มเปียกโชกไปข้างหนึ่งแล้วในที่สุดง่วงเขาก็ขึ้นรถ

 

“เสี่ยวเหวิน นายมีเสื้อผ้าสำรองในรถของนายไหม? นายควรถอดเสื้อเปียก ๆ นี้ออกก่อน” กู้เหนียนจื่อพูดด้วยความหวังดี

 

คนเราเป็นเพียงมนุษย์ที่ประกอบด้วยเนื้อและเลือด เธอจะไม่สนใจเขาได้ยังไง?

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินดีต่อเธอมาก และเธอก็รู้ดี เธอรู้สึกซาบซึ้งในความจริงใจของเขามาก นั่นทำให้เธอเปลี่ยนวิธีที่เธอพูดกับเขาโดยไม่รู้ตัว

 

เจ้าของชื่อดีใจมากที่ได้ยินหญิงสาวเรียกเขาด้วยชื่อจริง เขายิ้มกว้างและพูดว่า “ไม่ต้องห่วง เสื้อของฉันกันน้ำได้”

 

“งั้นก็ดีแล้ว ฉันไม่อยากให้นายป่วยหลังจากโดนฝนเปียกโชกไปทั้งตัว ฉันคงจะรู้สึกแย่มาก”

 

“โอ้ ถ้าเธอจะมาเยี่ยมฉันเวลาที่ฉันไม่สบาย ฉันก็อยากป่วยอยู่นะ”

 

ใบหน้าของสาวน้อยกลายเป็นสีชมพูเล็กน้อย เธอกระแอมไอ แล้วไม่สนใจคำพูดของอีกคน “ตอนนี้ฝนตกหนักมาก ไปกินข้าวกลางวันที่โรงอาหารกันเถอะ”

 

"โอเค" เหม่ยเสี่ยวเหวินหมุนพวงมาลัยขับรถไปที่โรงอาหาร 3 ของมหาวิทยาลัย C  

 

ตอนแรกเขาวางแผนที่จะพากู้เหนียนจื่อไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านข้างนอกมหาวิทยาลัย แต่เธอคิดถูก แม้ว่าพวกเขาจะมีรถ แต่ฝนยังตกหนัก ซึ่งหมายความว่าการจราจรจะแย่กว่าปกติ

 

พวกเขาเข้าไปในโรงอาหาร ข้างในนั้นมีคู่รักอยู่ทุกหนทุกแห่ง บ้างก็ป้อนอาหารกัน บ้างก็แลกจูบกันหลังทานอาหารเสร็จ ดูเหมือนว่าคู่รักเหล่านี้จะไม่รู้สึกว่าปากของพวกเขาอาจจะมันเกินกว่าจะจูบได้ในตอนนี้…

 

หญิงสาวเคยไม่สนใจคู่รักพวกนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เธอพบว่ามันน่าขยะแขยง เธอเบือนหน้าหนีและจ้องตรงไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ขณะที่เธอเดินตามหัวหน้าห้องไป พวกเขาเลือกนั่งที่ริมหน้าต่างเป็นแบบโต๊ะสองที่นั่ง

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินกล่าวว่า “นั่งเลย ฉันจะไปเอาอาหารของเราเอง”

 

เขาเป็นคนช่างคิดและมีน้ำใจมาก

 

กู้เหนียนจื่อรู้สึกว่าการรับประทานอาหารกลางวันกับเขาที่นี่มันสนุกกว่าอาหารค่ำอิตาลีราคาแพงที่พวกเขาไปกันเมื่อคืนก่อนมาก และนั่นก็แพงกว่า 10,000 หยวน

 

หลังทานอาหารกลางวันเสร็จ เหม่ยเสี่ยวเหวินพาเธอไปที่ห้องสมุด แล้วเขาก็นั่งอยู่กับเธอตลอดบ่าย

 

ทั้งคู่ต่างก็วุ่นอยู่กับการค้นหาเอกสารอ้างอิงสำหรับวิทยานิพนธ์ของตัวเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาเหนื่อยและต้องการพักหายใจ พวกเขาจะเงยหน้าขึ้นมองและยิ้มให้กัน เมื่อวันเวลาผ่านไป ระยะห่างระหว่างพวกเขาค่อย ๆ ลดลงอย่างช้า ๆ

 

ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ชายหนุ่มจะนำอาหารมาให้กู้เหนียนจื่อทุกเช้า แล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็ทานอาหารกลางวันและอาหารเย็นด้วยกันอีก

 

แม้ว่าวันไหนที่เหม่ยเสี่ยวเหวินจะยุ่ง เขาก็ยังโทรหาเธอในช่วงเวลาอาหารสามครั้งต่อวัน เขาบอกเธอทางโทรศัพท์ว่าเขาทำอะไรมาบ้าง และอยากรู้ว่าเธอสบายดีไหม เขายังถามเธอด้วยว่าเธอจะออกไปเที่ยวกับเขาในช่วงสุดสัปดาห์หรือเปล่า

 

จนถึงตอนนี้กู้เหนียนจื่อยังคงรอโทรศัพท์จากฮัวเฉา ตอนนี้เป็นวันศุกร์แล้วและเธอยังไม่ได้รับการตอบกลับจากเขา เธอไม่ต้องการโทรหาเฉินหลายอีกครั้งและยืนยันว่าเขาจะติดตามเรื่องนี้ เพราะเธอรู้สึกเกรงใจที่จะถามหยินชือฉงและเจี้ยวเลี่ยงจื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงรอคอยคำตอบมาตลอดทั้งสัปดาห์ ในบ่ายวันศุกร์ หลังเลิกเรียนวันสุดท้าย เธอพบว่าตัวเองกำลังขอโทษเหม่ยเสี่ยวเหวินที่ตั้งตารอที่จะใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์กับเธอ “เสี่ยวเหวิน สุดสัปดาห์นี้ฉันไปเที่ยวกับนายไม่ได้ พอดีมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น ฉันต้องกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของฉัน”

 

"เอ๊ะ มีเรื่องอะไรเหรอ? ให้ฉันไปกับเธอไหม” เหม่ยเสี่ยวเหวินเพิ่งมีความคืบหน้าในความสัมพันธ์ของเขากับกู้เหนียนจื่อ ดังนั้นเขาจึงไม่เต็มใจที่จะแยกจากเธอในตอนนี้

 

แม้ว่าเขาจะจบการศึกษาในเร็วๆ นี้ และวิทยานิพนธ์ของเขาใกล้จะเสร็จแล้ว นอกจากนี้เขาเป็นคนที่ยุ่งมาก เขายังคงมีหน้าที่รับผิดชอบในฐานะสมาชิกสภานักศึกษา แล้วก็ไม่ใช่แค่งานในคณะของเขาเท่านั้น แต่เขายังมีงานทั่วไปในมหาวิทยาลัยอีกด้วย วัน ๆ หนึ่งเขานอนหลับเพียงสามหรือสี่ชั่วโมงเพื่ออยากหาเวลาอยู่กับคนที่เขารัก

 

ในที่สุดวันนี้ก็เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่รอคอยมานาน ทั้งสองคนสามารถใช้เวลาร่วมกันได้โดยไม่มีอะไรมาขวาง และกู้เหนียนจื่อก็ไม่ได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยด้วย

 

หญิงสาวไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

 

เธอต้องกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ เพราะเฉินหลายบอกให้กลับไป

 

เธอต้องไปตรวจสุขภาพทุกสัปดาห์

 

แม้ว่าเธอจะไม่ได้คิดว่ามีอะไรผิดปกติกับเธอ แต่เฉินหลายเป็นหมอ ถ้าเขาคิดว่าจำเป็นต้องไปตรวจทุกสัปดาห์ เธอจะเถียงอะไรได้?

 

น้ำเสียงของกู้เหนียนจื่อนั้นอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความอบอุ่นขณะที่เธอพูดว่า “พอดีว่าผู้ปกครองต้องการพบฉัน แล้วฉันจะพานายไปพบเขาตอนที่เรามีเวลา”

 

กู้เหนียนจื่อกำลังจะบอกว่าเธอต้องการแนะนำให้เขารู้จักกับพ่อแม่ของเธออย่างนั้นเหรอ?

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินดีใจมากที่ได้ยินเรื่องนี้ เขาพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าพลางพูดว่า “ถ้ามีอะไรโทรหาฉันนะ” จากนั้นเขาก็ถามว่า “เธอมีเงินพอใช้ไหม? บัญชีอาลีเพย์ของเธอคืออะไร? ฉันจะโอนเงินให้เธอ”

 

"อะไรนะ? เอ่อ… ฉันไม่มีบัญชีอาลีเพย์” สาวน้อยพูดตะกุกตะกัก เธอก้มศีรษะลงขณะพูดเพราะรู้สึกผิดและเคอะเขิน

 

ที่จริงเธอมีบัญชีอาลีเพย์  แต่เจี้ยวเลี่ยงจื่อเป็นคนดูแลและควบคุมทุกอย่างเกี่ยวกับบัญชี เขาจะได้รับแจ้งทันทีหากมีการทำธุรกรรม

 

นี่คือเหตุผลที่กู้เหนียนจื่อไม่ต้องการให้บัญชีอาลีเพย์แก่เหม่ยเสี่ยวเหวิน

 

ถ้าเขารู้เกี่ยวกับบัญชีของเธอและโอนเงินให้เธอ ฮัวเฉาจะรู้เรื่องนี้ เธอไม่รู้ว่าฮัวเฉาจะคิดยังไงกับเรื่องนี้…

 

แต่พอหัวหน้าหนุ่มได้ยินอย่างนั้น ความเห็นอกเห็นใจของเขาที่มีต่อสาวน้อยคนนี้ก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

 

ผู้ปกครองของเธอไม่คิดจะเตรียมบัญชีอาลีเพย์ให้กับเธอได้ยังไง นั่นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

 

น่าละอายจริง ๆ!

 

หลังจากนั้นความเงียบงันก็ลอยในอากาศอยู่นานขณะที่เหม่ยเสี่ยวเหวินยุ่งอยู่กับโทรศัพท์ของเขาโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาใช้บัตรธนาคารของตนเองเพื่อลงทะเบียนบัญชีอาลีเพย์ใหม่ให้กับเธอ จากนั้นจึงส่งข้อความถึงหมายเลขบัญชีและรหัสผ่านให้เธอพร้อมกับกล่าวว่า “ฉันอาจจะไม่อยู่ในเมืองช่วงสุดสัปดาห์นี้เหมือนกัน เธอใช้บัญชีนี้ไปก่อนนะ ตอนนี้เธอไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว”

 

กู้เหนียนจื่อ: “…”

 

โทรศัพท์ของเธอยังคงอยู่ในมือระหว่างที่เธอกลับไปยังห้องพักเพื่อจัดของและเตรียมการสำหรับการเดินทางกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ในเขตเฟิงหยาง ยัยหนูชาเขียวฟ่างเห็นว่ากู้เหนียนจื่อกำลังจะกลับบ้าน เธอเอาแขนโอบไหล่อีกคนแล้วถามว่า “เป็นอะไรไป? มีอะไรหรือเปล่า”

 

สาวน้อยมองไปที่ฟ่างเหวินซิน เธอรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ฉลาดเฉลียวเมื่อพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ เธอโชว์โทรศัพท์ให้อีกฝ่ายดู “…นี่คือสิ่งที่รบกวนจิตใจฉัน เหม่ยเสี่ยวเหวินให้บัญชีอาลีเพย์กับฉัน ฉันไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี”

 

ยัยหนูชาเขียวฟ่างโน้มตัวไปดูโทรศัพท์ของเธอ ก่อนจะหัวเราะและตบหลังเธอ “ไม่เลวเลย ดูเหมือนว่าหัวหน้าห้องของเราอาจจะเป็น CEO ที่เจ้ากี้เจ้าการ มีเรื่องผิดใจกันเล็กน้อยเกิดขึ้นและเขาก็ให้บัญชีอาลีเพย์กับเธอแบบนี้! สาวน้อย เก็บบัญชีนี้ไว้ แล้วอย่าลืมซื้อของสักอย่างให้กับพี่สาวของเธอเพื่อเป็นของที่ระลึก”

 

กู้เหนียนจื่อไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้เมื่อได้ยินแบบนี้ เธอส่ายหัวและพูดว่า “ฉันจะไม่ใช้มัน ถ้าฉันต้องการใช้ ฉันจะบอกเหม่ยเสี่ยวเหวินก่อน ฉันไม่มีสิทธิ์ใช้มันหรอก”

 

“สาวน้อยของฉันช่างแสนดีและซื่อสัตย์มากกกกกกก!” ยัยหนูชาเขียวฟ่างเอานิ้วจิ้มที่หน้าผากเธอ ก่อนจะหันหลังไปหยิบกระเป๋าเป้สะพายหลังของเธอ “มา ฉันจะเดินไปส่ง เจอกันอาทิตย์หน้า!"

 

รูมเมทของเธอกลับไปหมดแล้ว กู้เหนียนจื่อเป็นคนสุดท้ายที่กำลังจะกลับบ้าน

 

เธอเรียกแท็กซี่และหลังจากการเดินทางที่คดเคี้ยวไปทั่วเมืองก็มาถึงอพาร์ตเมนต์ดูเพล็กซ์ของเธอ ที่ชั้นบนสุดของอาคารอพาร์ตเมนต์ 28 ชั้น บล็อค C ในเขตเฟิงหยาง ตอนนั้นใกล้จะมืดแล้ว

 

เฉินหลายรออยู่ข้างในแล้ว เมื่อเขาเห็นเธอเข้ามา เขาก็โบกมือให้เธอทันทีและถามว่า “ทำไมเธอถึงใช้เวลานานนัก? มาเถอะ ฉันจะทำการทดสอบหน่อย”

 

หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นเขา “พี่เฉิน ทำไมพี่ถึงมาที่นี่วันนี้? นี่มันยังวันศุกร์อยู่เลย ฉันคิดว่าพี่จะมาพรุ่งนี้เสียอีก”

 

ก่อนหน้านี้หมอหนุ่มใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในสภาพที่ปั่นป่วนสุดขีด

 

การใช้ข้อมูลที่ฮัวเฉาเหิงมอบให้เขา เขาได้ทำการตรวจสอบย้อนกลับกระบวนการผลิตไวรัส แต่เขาไม่สามารถรับประกันได้ว่ายาที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมย้อนกลับนั้นทำงานเหมือนกับยาดั้งเดิมทุกประการ

 

อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถทำตามแบบอย่างของโอดะ มาซาโอะและทดสอบกับผู้หญิงที่มีชีวิต มีลมหายใจ เพื่อนร่วมชาติของเขาได้ลง...

 

ในการเปรียบเทียบข้อมูลทั้งสองชุด เขาได้ค้นพบสิ่งที่น่าสนใจมาก ตัวอย่างเลือดที่เขาได้รับจากกู้เหนียนจื่อดูเหมือนจะมีผลยับยั้งไวรัส

 

สัญญาณทั้งหมดชี้ไปที่ระบบภูมิคุ้มกันของกู้เหนียนจื่อว่ามันกำจัดไวรัสด้วยตัวมันเอง เว้นเสียแต่ว่าเขาจะทำอะไรพลาดไป

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าเธอยังคงมีสุขภาพที่ดีต่อไปหรือประมาณนั้น ก็อาจจะปลอดภัยที่จะสรุปว่าร่างกายของเธอผลิตแอนติบอดี้เอง

 

การสร้างแอนติบอดี้เป็นก้าวสำคัญในการป้องกันอาวุธชีวภาพสังเคราะห์ อย่างเช่น ไวรัสที่มนุษย์สร้างขึ้น

 

เป็นเรื่องปกติที่ร่างกายมนุษย์จะผลิตแอนติบอดี้ต่อต้านไวรัสตามธรรมชาติ แต่นี่ไม่ใช่กรณีสำหรับอาวุธชีวภาพสังเคราะห์ นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ H3aB7 ซึ่งสร้างขึ้นโดยมีเป้าหมายเป็นมนุษย์โดยเฉพาะ เป็นไปไม่ได้เลยที่เป้าหมายของมนุษย์เหล่านี้จะผลิตแอนติบอดี้ที่จำเป็นออกมาได้เอง

 

หากเป้าหมายสามารถสร้างแอนติบอดี้ได้ แสดงว่าการทำงานของไวรัสล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในฐานะอาวุธชีวภาพ

 

ไวรัสสังเคราะห์ของโอดะ มาซาโอะอยู่ในขั้นตอนการปรับแต่งแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนสุดท้ายของการผลิต ซึ่งหมายความว่าไวรัสได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นอาวุธชีวภาพที่ใช้งานได้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าไม่มีร่างกายมนุษย์คนไหนที่จะสามารถผลิตแอนติบอดี้มาต่อต้านมันได้

 

แต่ถึงอย่างนั้นเลือดของกู้เหนียนจื่อก็ผลิตบางสิ่งที่สามารถยับยั้งไวรัสได้ และพวกมันดูเหมือนแอนติบอดี้มาก!

 

บทที่ 48 : วันหยุดสุดสัปดาห์ของการตัดขาดจากโลกภายนอก

 

“มาเร็ว อุปกรณ์ของฉันพร้อมแล้ว ฉันจะอยู่กับเธอช่วงสุดสัปดาห์นี้ และเธอก็ไปไหนไม่ได้ อยู่ที่นี่ให้ฉันตรวจสอบเธอก็พอ” เฉินหลายลากกู้เหนียนจื่อเข้าห้องทำงานของฮัวเฉาเหิงที่วัสดุและอุปกรณ์ของเขาได้รับการติดตั้งและจัดวางในตำแหน่งที่ซับซ้อน

 

หญิงสาวรู้สึกสับสนจากการถูกหมอร่างใหญ่ลากมาและเธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “พี่เฉิน อย่างน้อยพี่ต้องให้ฉันวางของแล้วไปล้างตัวก่อน โอเคไหม? ฉันยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย ฉันหิว"

 

"ข้าวเย็น? ไม่กินได้ไหม ถือว่าเป็นการอดอาหาร” เฉินหลายยังคงเจ้ากี้เจ้าการเธอให้ถอดกระเป๋าเป้สะพายหลังของเธอออกแล้วลากเธอไปนั่งบนเก้าอี้ตรวจ จากนั้นเขาติดชุดอุปกรณ์ไว้บนศีรษะ ข้อมือ และหน้าอกของเธออย่างรวดเร็ว กู้เหนียนจื่อรู้ว่าเขาหมกมุ่นอยู่กับยา แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะกลายเป็นหนูทดลองของเขาในวันหนึ่ง

 

‘ฉันทำอะไรไม่ได้ ฉันแค่ต้องเอนหลังพิงเก้าอี้ตรวจตัวใหญ่ตัวนี้ หลับตาแล้วปล่อยให้เขาตรวจดูฉัน’ สาวน้อยปรงตกแล้วโอนอ่อนผ่อนตามไป

 

หลังจากติดอุปกรณ์ต่าง ๆ กับเธอแล้ว คนเป็นหมอก็เริ่มเจาะเลือดของเธอ ดวงตาของกู้เหนียนจื่อเบิกกว้างขณะที่เธอจ้องมองที่แขนของตัวเองและถามขึ้นทันทีว่า “เอ่อ...ว่างั้นว่างี้นะพี่เฉิน ทำไมแขนของฉันถึงมีเข็มทิ่มเยอะจัง”

 

รอยนั้นไม่ปรากฏชัดในทันที และบางส่วนก็จางหายไปหลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ แต่ดวงตาของกู้เหนียนจื่อสามารถมองเห็นแม้กระทั่งเข็มหมุดที่เล็กที่สุดได้ ก่อนหน้านี้เธอยุ่งกับงานที่มหาวิทยาลัยและรีบอาบน้ำ เธอไม่ได้มองดูร่างกายของตัวเองอย่างระมัดระวังจนถึงตอนนี้

 

เฉินหลายทำหน้าจริงจังในขณะที่เขาพูดว่า “ก็มาจากเลือดทั้งหมดที่ฉันเอาไปตอนที่เธอหมดสติในสัปดาห์นั้น”

 

คนที่ถูกเจาะเลือดพูดไม่ออก เธอจ้องที่หมอหนุ่มนิ่ง ก่อนจะหลับตาและพยายามพักผ่อน แต่คำพูดของเขายังคงดังอยู่ในหัวของเธอ เธอสงสัยว่าทำไมเธอถึงอยู่ในอาการโคม่านานถึงหนึ่งสัปดาห์ ในเมื่อเธอได้รับความทุกข์ทรมานจากยาปลุกเท่านั้น ถ้าเธอไม่เป็นไรจริง ๆ ทำไมเขาถึงต้องเจาะเลือดไปมากขนาดนี้? แล้วทำไมเธอถึงยังพลาดการสอบสัมภาษณ์ประจำสัปดาห์ทั้งที่เธอสบายดีอยู่แล้ว? มันเป็นเพียงยาปลุกธรรมดา ๆ ใช่ไหม?

 

กู้เหนียนจื่อเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก ความคิดเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวของเธอและชี้ไปที่ปัญหาที่ร้ายแรงกว่านั้น เธอลืมตาขึ้นเพื่อมองเฉินหลายที่กำลังยุ่งอยู่กับอุปกรณ์ของเขา และจู่ ๆ ก็ถามขึ้นว่า “ฉันถูกวางยาพิษหรือเปล่า?”

 

เธอถามอย่างคาดไม่ถึงว่าเธอจะพูดเรื่องจริงออกมา แต่เฉินหลายเป็นเจ้าหน้าที่แพทย์ในกองทัพของจักรวรรดิและดำรงตำแหน่งผู้พันอาวุโส เขาระมัดระวังตัวมากกว่าคนส่วนใหญ่ตั้งแต่เริ่มแรก และยังได้ผ่านการฝึกอบรมวิชาชีพอย่างครอบคลุมอีกด้วย การแอบถามข้อมูลของกู้เหนียนจื่อจึงไม่ได้ผลกับเขา

 

คนเป็นหมอส่ายหัวด้วยท่าทางสงบ “แน่นอนว่าเธอไม่ได้ถูกวางยาพิษ มันเป็นเพียงยาปลุกที่มีศักยภาพดีกว่าของทั่วไป ฉันต้องหาข้อมูลทุกอย่างเพื่อทำยาแก้พิษให้เธอ”

 

"จริงเหรอ?" ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้าง ดวงตาคู่สวยดูทั้งไร้เดียงสาและไว้ใจได้ราวกับเด็กน้อยตอนที่เธอมองดูคนพูด

 

เฉินหลายรีบหันศีรษะไปดูเครื่องมือและข้อมูลอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของเธอ เขากังวลว่าเขาจะโพล่งความจริงเมื่อเผชิญกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจ ผลที่ตามมาที่เขาเสี่ยงตายด้วยน้ำมือของฮัวเฉาเหิงนั้นรุนแรงพอที่จะทำให้เขาต้องหุบปากให้สนิท เขาไม่อยากจะถูกกระทืบจนตายและทดลองอยู่ในคุกตลอดชีวิต!

 

"แน่นอน! เพราะงั้นเพื่อขอบคุณฉัน เธอต้องให้ฉันตรวจร่างกายเธอต่อไปเพื่อที่ฉันจะได้ทำการวิจัยยาแก้พิษให้สมบูรณ์แบบ” แว่นตาของคนเป็นหมอเกือบจะเลื่อนลงมาทางจมูกและเขาก็ดันขึ้นก่อนที่จะแสดงท่าทางเคร่งขรึมต่อไป

 

ในที่สุดกู้เหนียนจื่อก็เชื่อคำพูดของเฉินหลาย และถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอนอนบนเก้าอี้ตรวจแล้วพูดอย่างเกียจคร้านว่า “พี่ควรจะบอกฉันตั้งแต่ก่อนหน้านี้ พี่ก็รู้ว่าฉันชอบคิดมาก”

 

“เธอคิดว่ามันคืออะไร”

 

“ฉันคิดว่าฉันถูกวางยาพิษและยังมีพิษอยู่ในร่างกายของฉัน” หญิงสาวหัวเราะคิกคัก เวลาผ่านไปสักพักเธอก็เผลอหลับไปบนเก้าอี้ตรวจอย่างช้า ๆ

 

เป็นเรื่องดีที่เธอหลับไป เฉินหลายได้ฉีดยาให้เธอเพื่อให้เธอหลับสนิทและทำให้เขาสามารถสังเกตการทำงานของร่างกายของเธอต่อไปได้หลังจากนั้นกู้เหนียนจื่อก็หลับใหลไปสองวัน

 

แพทย์หนุ่มโทรหาอี้ซี่ถานให้มาช่วยเขาดูแลสาวน้อย เธอเป็นแพทย์หญิงและบางเรื่องก็สะดวกกว่าเมื่อได้รับความช่วยเหลือจากเธอ

 

ในช่วงเวลานั้นเหม่ยเสี่ยวเหวินโทรหากู้เหนียนจื่อหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่รับสาย เขาเป็นห่วงคนที่เขารักมาก นอกจากนี้เขายังไปที่เขตเฟิงหยาง ซึ่งเธอบอกว่าจะกลับมาที่นี่

 

แต่คราวนี้เขาไม่สามารถแม้แต่จะเข้าไปในบริเวณนี้ได้ ครั้งล่าสุดเขาเข้าไปได้เพราะเฉินหลายบอกกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพื่ออนุญาตให้เขาเข้ามา

 

คราวนี้เฉินหลายไม่ต้องการให้เขามารบกวนการตรวจสอบกู้เหนียนจื่อ และแน่นอนว่าไม่ต้องการให้เขาเข้ามาสร้างความรำคาญ

 

หญิงสาวเพิ่งฟื้นคืนสติในเย็นวันอาทิตย์ เธอลุกขึ้นจากเตียงแล้วเห็นอี้ซี่ถานกำลังจัดเก็บเสื้อผ้า

 

“หมออี้ คุณมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

แพทย์สาวหันไปยิ้มให้เธอ “เธอตื่นแล้วเหรอ! หิวไหม? เฉินหลายสั่งอาหารมาแล้ว เรามากินด้วยกันเถอะ”

 

ทันทีที่อีกฝ่ายพูดถึงอาหาร กู้เหนียนจื่อก็ยกผ้าห่มขึ้นจากเตียง “เอ๊ะ ไหน ๆ ฉันหิวจนจะกินวัวได้ทั้งตัวแล้ว!”

 

“ไม่มีวัว แต่มีหมูแดงตุ๋นล่ะ” เฉินหลายโน้มศีรษะออกมาจากด้านนอกห้องและยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางกระปรี้กระเปร่าของสาวน้อย เขาถูคางของเขาที่เริ่มมีหนวดขึ้นพลางพูดว่า “นี่เป็นอาหารที่ส่งมาจากโรงอาหารของฐาน เธอไม่สามารถหากินได้จากที่อื่นเลยนะ!”

 

หญิงสาวหันไปมองผู้เป็นหมอและวิ่งไปคว้าแขนเขา ก่อนจะเอียงศีรษะด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “พี่เฉิน โรงอาหารในฐานมีหมูแดงตุ๋นด้วยเหรอ? อย่ามาหลอกกันนะ!”

 

“ฮ่าฮ่า เจ้าเด็กโง่ เจ้าเล่ห์มากขึ้นทุกวันเลยนะ!” เฉินหลายคิดรำพึงรำพันถึงอดีตเหมือนคนที่อายุมากขึ้น “พอนึกย้อนกลับไป… ตอนที่ฉันเจอเธอครั้งแรก เธอเป็นเหมือนสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่ขู่ใส่ใครก็ตามที่เธอเห็น มือของฉันยังมีรอยข่วนจากเล็บของเธออยู่เลย!”

 

กู้เหนียนจื่อปิดปากหัวเราะ “ฉันทำอย่างนั้นเหรอ? ฉันจำไม่ได้เลย”

 

ขณะที่ทั้งสองหยอกกันเล่น อี้ซี่ถานได้จัดโต๊ะอาหารเสร็จแล้วและกำลังเรียกพวกเขาให้มาทานอาหาร 

 

สาวน้อยทานอาหารแสนอร่อยจนทานต่อไม่ได้แล้ว ในที่สุดก็วางตะเกียบลง

 

ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วและอี้ซี่ถานยังคงต้องกลับไปที่ฐาน เฉินหลายกังวลว่าเธอจะต้องกลับเพียงลำพังและปรึกษาเรื่องนี้กับกู้เหนียนจื่อ

 

“เหนียนจื่อ ฉันจะกลับไปที่ฐานกับหมออี้ เธอจะอยู่ที่นี่คนเดียวได้ไหม”

 

เขารู้ว่ากู้เหนียนจื่อไม่ค่อยอยู่ที่นี่คนเดียวเพราะเธอมักจะอยู่กับฮัวเฉาเหิง แต่ก่อนหน้านี้เธอก็อยู่คนเดียวได้ เมื่อสัปดาห์ก่อนเฉินหลายออกไปแต่เช้า และเธออยู่ที่นี่คนเดียวหนึ่งคืน แล้วเธอก็กลับไปที่มหาวิทยาลัยในเช้าวันรุ่งขึ้น

 

หญิงสาวรู้สึกว่าเธอควรจะชินกับการอยู่คนเดียวให้เร็วที่สุด ดังนั้นเธอจึงไม่ขอให้หมอหนุ่มอยู่ต่อ มันไม่เหมาะเท่าไหร่ที่อี้ซี่ถานจะกลับไปที่ฐานคนเดียวและที่สำคัญกว่านั้น เธอรู้ว่าเขาแอบมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับแพทย์สาว แต่ไม่มีกล้าที่จะจีบเธอ

 

ในเมื่อเฉินหลายดีต่อกู้เหนียนจื่อ แน่นอนว่าเธอต้องตอบแทนความดีของเขา

 

สาวน้อยขยิบตาให้เขา “ไม่ต้องห่วงฉันหรอกพี่เฉิน กลับไปกับหมออี้เถอะ ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำ”

 

ชายหนุ่มหันไปหาอี้ซี่ถานแล้วบอกว่า “หมออี้ ฉันยังมีเรื่องที่จะพูดคุยกับเธอ เราพูดคุยกันระหว่างทางกลับแล้วกันนะ”

 

“ตกลง ฉันมีเรื่องจะปรึกษากับคุณเหมือนกัน” อี้ซี่ถานลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าแล็ปท็อปของเธอ 

 

ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป