Your Wishlist

ว่าไงคะ ท่านนายพล (บทที่ 45-46 : เธอโกรธฉันหรือเปล่า?, คำแนะนำ)

Author: Han Wuji (Akira แปล)

กู้เหนียนจื่อ หญิงสาวอายุ 17 ปีผู้สูญเสียความทรงจำในวัยเด็ก มีเพียงภาพที่ตนเองติดอยู่ในรถที่กำลังลุกไหม้เท่านั้นที่ยังฉายชัดอยู่ในความฝันของเธอ โชคดีที่เธอได้ฮัวเฉาเหิง ทหารหนุ่มผู้มีตำแหน่งพลตรีช่วยชีวิตเอาไว้ ชายหนุ่มถูกกองทัพของจักรวรรดิร้องขอให้เป็นผู้ปกครองของกู้เหนียนจื่อที่มีอายุเพียง 12 ปี และปกปิดประวัติที่แท้จริงของทั้งคู่เอาไว้ แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เธอก็อยู่กับเขานับตั้งแต่นั้นมา เธอใช้ชีวิตด้วยความกลัวและไม่มั่นคงมาตลอด เธอจะรู้สึกปลอดภัยเฉพาะเวลาได้อยู่ใกล้ ๆ ผู้ปกครองหนุ่มเท่านั้น ระหว่างนั้นกองทัพของจักรวรรดิได้ทำการสืบค้นประวัติของหญิงสาว แต่ก็ไม่สามารถค้นหาได้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ตัวตนที่แท้จริงของกู้เหนียนจื่อคือใครกันแน่? เหตุใดเธอจึงถูกลอบทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต?

จำนวนตอน : 2263

บทที่ 45-46 : เธอโกรธฉันหรือเปล่า?, คำแนะนำ

  • 29/10/2564

บทที่ 45 : เธอโกรธฉันหรือเปล่า?

 

“นี่หัวหน้าห้องเห็นสาวดีกว่าเพื่อนเหรอ? เอาจริงดิ?! ฉันพนันได้เลยว่านายจะโยนเพื่อนที่ดีที่สุดของนายออกไปนอกหน้าต่างเพื่อแลกกับการเดท!” พี่เบิ้มจงใจแสดงท่าทางเกินจริง เขาลงจากรถแล้วเรอออกมาอย่างเมามาย ก่อนจะเดินโซซัดโซเซกลับไปที่หอพัก 

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินพิงกระโปรงรถของเขา ใต้เงาของไฟถนน ตอนที่เขาโทรหากู้เหนียนจื่อ มุมปากของเขาจะโค้งขึ้นโดยอัตโนมัติ มันอดไม่ได้จริง ๆ เลยให้ตายสิ

 

เขาไม่เคยรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้องเขาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว

 

คราวนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไปเด็ดขาด ถ้าเขาปล่อยเธอไป เขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต

 

หัวหน้าหนุ่มกดเบอร์โทรศัพท์ของกู้เหนียนจื่อ แต่สายกลับถูกปฏิเสธ

 

เขาจ้องที่โทรศัพท์ของตัวเองสักครู่ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองห้องของหญิงสาวที่เขาชอบในอาคารหอพัก ไฟยังคงเปิดอยู่ กู้เหนียนจื่อและรูมเมทสาวของเธอยังคงไม่นอน แต่เธอไม่ยอมรับสายของเขา

 

ดูเหมือนว่า ‘เด็กดี’ ของห้อง 1 จะไม่มีอารมณ์คุยกับเขา

 

เมื่อคิดอย่างนั้นเหม่ยเสี่ยวเหวินก็ระบายยิ้มออกมาและไม่โทรไปอีก

 

เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟ และสูดหายใจเข้า เขาถือบุหรี่ไว้ในมือข้างหนึ่งขณะที่เขาส่งข้อความให้กู้เหนียนจื่อ

 

‘เหนียนจื่อหลับอยู่หรือเปล่า’

 

‘ถ้ายังตื่นอยู่ ลงมาข้างล่างแล้วคุยกันได้ไหม’

 

‘เหนียนจื่อ ฉันคิดถึงเธอมาก เราห่างกันแค่ครึ่งชั่วโมง ฉันก็คิดถึงเธอแล้ว’

 

‘เหนียนจื่อ เธอโกรธฉันหรือเปล่า’

 

‘ถ้าเธอโกรธ ฉันจะชดใช้ให้’

 

‘เหนียนจื่อ มาทำสัญญากันเถอะ เราทะเลาะกันได้ แต่เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนหมดวัน เดี๋ยวพาลจะนอนไม่หลับเอา’

 

‘เหนียนจื่อ ลงมาข้างล่างเถอะนะ ได้โปรด ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะรออยู่ที่นี่ทั้งคืน’

 

ข้อความยังคงถูกส่งไปเรื่อย ๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่กู้เหนียนจื่อจะเพิกเฉยได้ตลอดเวลา

 

และเธอไม่กล้าปิดโทรศัพท์เพราะเธอยังคงรอให้ฮัวเฉาเหิงโทรหาเธอ

 

หญิงสาวเอนกายลงบนเตียง ในมือถือโทรศัพท์หมุนเล่น เมื่อเห็นข้อความยาวเหยียดจากหัวหน้าห้อง เธอก็ถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าต่าง เธอเห็นชายหนุ่มกำลังยืนพิงรถ และเห็นจุดสีแดงเล็ก ๆ กะพริบอยู่ในมือของเขาซึ่งอาจจะเป็นบุหรี่

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอจ้องเขาอยู่เงียบ ๆ โดยไม่อาจละสายตาออกไปได้

 

กู้เหนียนจื่อจ้องไปที่จุดเล็ก ๆ ระหว่างนิ้วของเขาเป็นเวลานาน โทรศัพท์ของเธอถูกถือไว้แน่นในมือของเธอ

 

สีหน้าของสาวน้อยหลบไม่พ้นสายตาของรูมเมทสาว พวกเธอทราบดีว่าเหม่ยเสี่ยวเหวินยังคงรออยู่ที่ชั้นล่าง

 

ยัยหนูชาเขียวฟ่างกำลังมาส์กหน้าอยู่ เธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วกระแอมไอเล็กน้อยและพูดว่า “ฉันกำลังจะสั่งสตาร์บัคส์ มีใครอยากดื่มกาแฟบ้างไหม?”

 

“ฉันเอาด้วย ฉันอยากดื่มลาเต้ ไม่ใส่น้ำตาล” นางมารน้อ กำลังเล่นเว่ยป๋อพลางพูดคุยกับครอบครัวของเธอในเวลาเดียวกัน

 

“ฉันเอาคาปูชิโน่ใส่น้ำตาลและนม” เลดี้เฉานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพื่อเตรียมคดีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกงานของเธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ 

 

ฟ่างเหวินซินเรียกกู้เหนียนจื่อและถามว่า “เหนียนจื่อ เธอเอาอะไรไหม”

 

คนถูกถามหันไปมองเธอแล้วส่ายหัวตอบว่า “นี่สาว ๆ อยากกินกาแฟกันเวลานี้เนี่ยนะ? ไม่อยากนอนพักผ่อนเหรอ ถ้านอนไม่พอจะไม่สวยนะ”

 

“สาวน้อย นี่เธอกำลังพูดกับใคร ฉันเป็นเอลฟ์อมตะไม่มีวันแก่ย่ะ ลาเต้หนึ่งแก้วสำหรับฉันมันก็แค่น้ำเปล่าเท่านั้นแหละ” นางมารน้อยพูดอย่างภาคภูมิใจ แล้วเน้นย้ำคำพูดของเธอด้วยการดีดนิ้ว

 

ยัยหนูชาเขียวฟ่างหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาแล้วโทรสั่งร้านสตาร์บัคส์ในมหาวิทยาลัย “สวัสดีค่ะ ขอคาปูชิโน่สองแก้ว ลาเต้นมสดหนึ่งแก้ว และมัฟฟินหนึ่งกล่องค่ะ”

 

สตาร์บัคส์ในมหาวิทยาลัย C มีประสิทธิภาพในการจัดส่งมาก หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ดูแลหอพักก็ส่งเสียงผ่านอินเตอร์คอม: “ห้อง 518! สตาร์บัคส์!”

 

"มาแล้ว!" ยัยหนูชาเขียวฟ่างลุกขึ้นและกำลังจะออกจากห้อง แต่ก็ถูกกู้เหนียนจื่อหยุดเอาไว้ “นี่จะไม่ถอดแผ่นมมาส์กก่อนลงไปเหรอ ฉันจะไปรับเอง”

 

“ขอบคุณนะยัยน้อง!” หญิงสาวยิ้มพร้อมกับวางเงินลงในมือของอีกฝ่าย 

 

สาวน้อยพยักหน้าและเดินออกไป

 

ฟ่างเหวินซินวิ่งออกไปที่ระเบียง ไม่นานหลังจากนั้น เธอเห็นกู้เหนียนจื่อเดินออกจากอาคารหอพักไปรับกล่องสั่งกลับบ้านขนาดใหญ่จากพนักงานส่งของของสตาร์บัคส์ที่หน้าตาดี เมื่อมาถึงจุดนี้เหม่ยเสี่ยวเหวินก็เดินไปหากู้เหนียนจื่อในขณะที่บุหรี่ยังอยู่ในมือของเขา

 

ด้านบนหอพัก ยัยหนูชาเขียวฟ่างพยักหน้าพลางยกแขนขึ้นกอดอกตนเองด้วยท่าทางสง่างาม “หัวหน้าห้องควรจ่ายค่ากาแฟของเราในคืนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาจะได้กันเมื่อไหร่”

 

เธอเป็นคนสร้างโอกาสให้พวกเขา ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาที่จะตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการรับมันไว้หรือไม่

 

ด้านล่างตรงทางเข้าอาคารหอพัก พนักงานส่งของของสตาร์บัคส์เพิ่งขับรถออกไปหลังจากได้รับเงินจากกู้เหนียนจื่อ ในทางกลับกันเธอพบว่าตัวเองยังยืนนิ่งอยู่เพราะเหม่ยเสี่ยวเหวินเอื้อมมือมาจับแขนของเธอไม่ยอมปล่อย

 

“มีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่า หัวหน้าห้อง?” กู้เหนียนจื่อกพูดอย่างเย็นชา “ฉันต้องกลับไปที่ห้องของฉันแล้ว”

 

“ฉันจะให้เธอกลับห้องได้ยังไง ทั้งที่เธอเป็นแบบนี้” เหม่ยเสี่ยวเหวินโยนบุหรี่ในมือของเขาแล้วยื่นมือไปหยิบกล่องบรรจุของเครื่องดื่มและขนมขนาดใหญ่จากมือของอีกคน แต่มืออีกข้างยังคงจับแขนของเธอขณะที่เขาพาเธอไปที่รถของเขา

 

กู้เหนียนจื่อขัดขืนเล็กน้อย แต่ก่อนที่เธอจะหลุดออกจากมือเขา ชายหนุ่มก็ดึงเธอเข้าไปในเงามืดข้างรถของเขาแล้ว

 

พวกเขากำลังยืนอยู่ในจุดบอด อยู่นอกระยะแสงจากไฟถนน 

 

“เหนียนจื่อ เธอโกรธเหรอ” หัวหน้าหนุ่มวางกล่องสตาร์บัคส์ไว้บนฝากระโปรงรถ แล้วจับมือหญิงสาวมาไว้ตรงหน้าเขาระหว่างที่เขาอธิบายด้วยเสียงที่อ่อนโยน “อ้ายเว่ยหนานเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉันตอนเรียนมัธยม เธอเป็นทอม เราเป็นแค่พี่น้องกัน ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ เธอไม่ได้หึงเว่ยหนานใช่ไหม”

 

สาวน้อยหน้าแดงทันที ไม่ใช่เพราะเธออาย แต่เป็นเพราะเธอโกรธ

 

เธอยังไม่ได้รักเขาเลย เธอจะหึงทำไม!

 

“หัวหน้าห้อง ความสัมพันธ์ของนายกับเพื่อนร่วมชั้นคนนั้นไม่ใช่เรื่องที่ฉันกังวล นายไม่ต้องอธิบายอะไรให้ฉันฟังหรอก” กู้เหนียนจื่อหายใจหอบพลางหันหน้าหนีจากเขา เธอเลือกที่จะจ้องมองไปที่ผีเสื้อกลางคืนที่บินไปมาอยู่ในแสงใต้ไฟถนนแทน

 

“ฉันจะไม่อธิบายได้ยังไง? ฉันชอบเธอและฉันอยากให้เธอเป็นแฟนของฉัน” เหม่ยเสี่ยวเหวินคิดว่าเธอน่ารักแม้ว่าเธอจะกำลังโกรธอยู่ก็ตาม ดวงตากลมโตของเธอกำลังหรี่ลง และริมฝีปากที่อิ่มเอิบขณะนี้ขยายเพราะเธอมุ่ยปากเล็กน้อยแต่ก็ดูเย้ายวนมาก เขาอยากจะจูบเธอจริง ๆ

 

ชายหนุ่มลอบเลียริมฝีปากของเขา ภาพตรงหน้ามันล่อตาล่อใจมาก

 

ในขณะเดียวกันใบหูของกู้เหนียนจื่อก็เป็นสีแดง แต่โชคดีที่อีกฝ่ายไม่เห็นเพราะความมืด

 

“เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉันมาหลายปีแล้ว ถ้าจะมีอะไรระหว่างเราสองคน มันคงจะเกิดขึ้นตั้งนานแล้ว ทำไมถึงต้องรอจนถึงวันนี้?” เหม่ยเสี่ยวเหวินถอนหายใจ “ฉันจริงจังกับเธอ และฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนประเภทที่จะคิดเล็กคิดน้อย แต่เธอฉลาดกว่าเว่ยหนานและสวยกว่า ฉันไม่ได้ตาบอด ทำไมฉันจะต้องเลือกเว่ยหนานแทนที่จะเป็นเธอด้วย? ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีความมั่นใจในตัวเอง แต่อย่างน้อยก็ช่วยเชื่อมั่นในตัวฉันเถอะนะ”

 

“แล้วถ้าฉันไม่ฉลาด หรือสวยกว่านี้ นายจะไม่ชอบฉันเหรอ? นายกำลังจะบอกอย่างนั้นเหรอ?” หญิงสาวยิงคำถามใส่ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างดุเดือดก่อนที่จะมองออกไปทางอื่น 

 

“เหนียนจื่อ เธอเป็นนักศึกษากฎหมาย ทำไมเธอถึงทำตัวเหมือนเด็กน้อยมัธยมปลายแบบนี้ล่ะ? ฉันชอบเธอ เพียงเท่านี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเธอเก่งกว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ ถ้าเธอไม่เชื่อในตัวเอง อย่างน้อยเธอต้องเชื่อว่าฉันมีรสนิยมดี” เหม่ยเสี่ยวเหวินกล่าวขณะที่เขาโน้มตัวเข้าใกล้กู้เหนียนจื่อมากขึ้น

 

เธอรู้สึกว่าเขาเดินเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลานี้ลมหายใจอุ่นของเขาพ่นลงบนใบหน้าของเธอแล้ว

 

หญิงสาวเม้มริมฝีปากของเธอ และบิดแขนของเธออย่างกะทันหันเพื่อหลีกหนีจากหัวหน้าห้องอย่างรวดเร็ว

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินรู้สึกประหลาดใจ เขาจ้องไปที่มือของตัวเองโดยที่ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าแขนนุ่ม ๆ ของอีกคนเลื่อนหลุดจากเงื้อมมือของเขาได้ยังไง มันลื่นราวกับปลาไหล

 

“หัวหน้า ฉันจะกลับห้องแล้ว” กู้เหนียนจื่อพิงกระโปรงรถและหยิบกล่องสตาร์บัคส์ที่สั่งขึ้นมา เธอหัวเราะเบา ๆ พลางพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่โกรธนายหรอก”

 

เธอไม่ได้โกรธ เพียงแต่อับอายกับพฤติกรรมของอ้ายเว่ยหนาน ผู้หญิงคนนั้นทำอาหารค่ำที่ควรจะเป็นการฉลองส่วนตัวระหว่างเพื่อน ๆ พังไม่เป็นท่า แล้วยังมาทำเหมือนว่าเธอเป็นเจ้าของงานต่อหน้ารูมเมทของกู้เหนียนจื่ออีก มันน่าอายมากจริง ๆ!

 

บทที่ 46 : คำแนะนำ

 

“ไม่โกรธจริง ๆ เหรอ?” เหม่ยเสี่ยวเหวินมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวตรงหน้าเพื่อพยายามค้นหาความจริง

 

สายตาของกู้เหนียนจื่อชัดเจน และเธอก็หัวเราะอีกครั้งพร้อมกับเสยผม “ใช่ ฉันจะไม่โกรธคนที่ไม่เกี่ยวกับฉัน นี่ก็ดึกแล้ว หัวหน้ากลับบ้านเถอะ”

 

ชายหนุ่มมองดูนาฬิกาของเขา “ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อนนะ พรุ่งนี้ฉันจะเอาอาหารเช้ามาให้เธอ”

 

หญิงสาวส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ฉันต้องทำงานวิทยานิพนธ์”

 

“ตกลง เธอขึ้นไปก่อน ฉันจะกลับหลังจากที่ฉันเห็นเธอเข้าไปในหอพักแล้ว” หัวหน้าหนุ่มจุดบุหรี่อีกอันแล้วยิ้มให้สาวน้อย เธอดูเหมือนเป็นคนสบาย ๆ แต่จริง ๆ แล้วเอาชนะใจได้ยาก

 

กู้เหนียนจื่อเห็นว่าเธอไม่สามารถโน้มน้าวเขาได้ และไม่รู้จะพูดอะไรอีกก่อนจะหันหลังกลับไปที่หอพัก เธอขึ้นไปชั้นบนแล้วหยิบกาแฟกับมัฟฟินที่รูมเมทของเธอสั่งออกจากกล่องสตาร์บัคส์ขนาดใหญ่แล้ววางบนโต๊ะทำงานของตัวเอง จากนั้นเธอก็เดินไปที่ระเบียงเพื่อมองลงไปชั้นล่าง

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินเงยหน้าขึ้นมองไปที่เธอพลางโบกมือลา ก่อนที่จะกลับขึ้นรถและขับรถออกไป รูมเมทเห็นว่าสาวน้อยของกลุ่มดูผ่อนคลายและร่าเริงเหมือนเดิมแล้ว ดังนั้นพวกเธอทั้งสามจึงรู้ว่าทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันแล้ว พวกเธอไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่จงใจพูดว่า “ช่างเป็นวันที่เหนื่อยจริง ๆ เราควรเข้านอนกันเร็ว ๆ นะ”

 

กู้เหนียนจื่อออกมาหลังจากอาบน้ำและเห็นว่าสาว ๆ สามคนหลับไปหมดแล้ว เธอเช็คโทรศัพท์ของเธอและเห็นว่าฮัวเฉายังไม่โทรกลับ เธอเอาแล็ปท็อปมาไว้บนเตียงและเริ่มเขียนวิทยานิพนธ์ของเธอไม่หยุดจนกระทั่งนาฬิกาบอกเวลาตี 2 เมื่อถึงเวลานั้น ดวงตาของเธอแทบจะปิดอยู่แล้ว ดังนั้นในที่สุดเธอก็ปิดแล็ปท็อปและผล็อยหลับไป เธอวางโทรศัพท์ที่ไม่ได้ปิดเสียงไว้ข้าง ๆ เผื่อว่าฮัวเฉาเหิงโทรมา

 

เธอตื่นขึ้นในตอนเช้าเมื่อดวงอาทิตย์ส่องสว่างแล้ว นางมารน้อยกำลังเล่นโยคะอยู่ที่ระเบียง และเมื่อเธอได้ยินกู้เหนียนจื่อพูดคุยกับยัยหนูชาเขียวฟ่าง เธอจึงพูดว่า “สาวน้อย หัวหน้าห้องเอาอาหารเช้ามาให้เธอ ฉันคิดว่ามันเป็นชุดอาหารเช้าจากฟอร์จูนเทอเรซ”

 

กู้เหนียนจื่อเช็คโทรศัพท์ของเธอและพบว่าไม่มีสายไม่ได้รับหรือข้อความเข้ามา

 

ดูเหมือนว่าฮัวเฉายุ่งมาก หรือบางทีเขาอาจไม่สนใจเรื่องเล็ก ๆ  น้อย ๆ แบบนั้น ความคิดนี้ทำให้หญิงสาวรู้สึกเศร้าใจ แม้ว่าเธอจะเรียกเขาว่าอาฮัว แต่พวกเขาก็ไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเลย  เขาเป็นนายพลที่ทุกคนนับถือ ส่วนเธอเป็นแค่เด็กกำพร้า เธอส่ายหัวและรีบแต่งตัว จากนั้นเธอก็หยิบกระเป๋าแล็ปท็อปของเธอแล้วลงไปข้างล่าง

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับถามว่า “กินข้าวหรือยัง?”

 

“หัวหน้า นายรู้ได้ไงว่าฉันยังไม่ได้กินข้าว เลยเอานี่มาให้” หญิงสาวมองไปที่กล่องอาหารจากฟอร์จูนเทเรซที่อีกฝ่ายถืออยู่ด้วยความสนใจ

 

กล่องอาหารตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกหิวจริง ๆ

 

เมื่อคืนเธอแทบไม่ได้ทานอะไรเลยเพราะความตื่นเต้น หลังจากที่เธอตื่นขึ้นในตอนเช้า ในที่สุดเธอก็รู้ตัวว่าเธอกำลังหิวโหยมาก ๆ 

 

ชายหนุ่มพาเธอไปที่โต๊ะหินอ่อนและนั่งลงที่ริมทะเลสาบเพื่อรับประทานอาหารเช้า ต้นเดือนมีนาคมในเมือง C นั้นอากาศหนาวเย็นเล็กน้อยในตอนเช้า แต่โจ๊กของร้านฟอร์จูนเทอเรซ เกี๊ยวซุปนึ่งสดและเนื้อตุ๋นให้ความอบอุ่นน่ารับประทานจนเธอแทบไม่รู้สึกถึงอากาศที่หนาวเย็น ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว เธอได้ทานชุดอาหารเช้าทั้งหมดเสร็จแล้ว

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินที่ดื่มแค่นมเท่านั้นหัวเราะ “ดูเหมือนว่าเมื่อวานเธอแทบจะไม่ได้กินอะไรเลยจริง ๆ เธอไม่ชอบอาหารอิตาเลียนจากร้านเรดแมเนอร์เหรอ?”

 

กู้เหนียนจื่อยิ้มแล้วตอบว่า “ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบอาหารอิตาเลียน  ฉันแค่ไม่ชอบหัวหอมน่ะ”

 

หัวหน้าหนุ่มคิดย้อนกลับไปและตระหนักว่าเมื่อคืนนี้มีอาหารที่มีหัวหอมอยู่สองสามจาน เขาพยักหน้าแล้วบอกว่า “เดี๋ยวคราวหน้าฉันจะไม่สั่งอะไรที่ใส่หัวหอมให้เธออีก”

 

พวกเขาพูดคุยกันอีกเล็กน้อย จากนั้นก็จัดข้าวของและแยกย้ายกันไป กู้เหนียนจื่อนั่งอยู่ในห้องสมุดตลอดช่วงเช้าและแก้ไขวิทยานิพนธ์ของเธอ เธอปวดคอมากจากการนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน เธอลูบตรงท้ายทอยและสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนนั่งลงตรงหน้าเธอ กู้เหนียนจื่อเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าเป็นศาสตราจารย์เฮอจือชู

 

“ศาสตราจารย์เฮอ?!” หญิงสาวตกใจปนกับแอบดีใจ “คุณมาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดของเราเหรอคะ”

 

เฮอจือชูพยักหน้า เขาสวมเสื้อสูทลำลองสีน้ำเงินกรมท่าที่ทำด้วยผ้าขนสัตว์ จับคู่กับกางเกงที่เข้าชุดกัน เขานั่งตรงข้ามกับเธอ แต่ก็ยังสูงกว่าเธอทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่ ในตอนนั้นเองที่กู้เหนียนจื่อเพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาทั้งสูงและหล่อขนาดไหน แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีกล้ามเหมือนฮัวเฉา แต่เขาก็มีความสปอร์ตที่คล้ายคลึงกัน แล้วผสมผสานกับดวงตาที่เฉียบคมกับท่าทางที่เป็นผู้ใหญ่ เขามีออร่าลึกลับฉายอยู่รอบ ๆ ตัว

 

ขณะที่กู้เหนียนจื่อสังเกตเขา เขาก็ทำแบบเดียวกันกับเธอ ผู้หญิงคนนี้สูงกว่าเด็กผู้หญิงส่วนใหญ่ที่อายุเท่าเธอ และสูงเกือบ 173 เซนติเมตรแล้วก่อนที่จะอายุครบ 18 ปี ผิวของเธอดูสวยใสจนดูโปร่งแสง เมื่อมองจากไกล ๆ ดูเหมือนว่าผิวของเธอจะเรียบเนียนราวกับหินอ่อน และความสวยอันไร้ที่ติยิ่งทำให้เธอน่ามองขึ้นไปอีก ดวงตากลมโตของเธอมีเสน่ห์เป็นพิเศษ สำหรับรูปร่างของเธอ แม้ว่าเธอจะสวมเสื้อกันหนาวผ้าแคชเมียร์สีลาเวนเดอร์ทรงหลวม แต่เขาก็สามารถเห็นได้ว่าสัดส่วนของเธอนั้นเด่นชัดกว่าผู้หญิงทั่วไป เขาหลับตาลงและปิดหนังสือตรงหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก "เธอกำลังเขียนอะไรอยู่?"

 

“วิทยานิพนธ์ของหนูค่ะ” สาวน้อยคิดถึงเรื่องที่ชายหนุ่มจะมาเป็นอาจารย์ของเธอในฤดูใบไม้ผลิหน้า และรู้สึกตื่นเต้นทันทีที่ได้พูดคุยเกี่ยวกับบทคัดย่อสำหรับวิทยานิพนธ์ของเธอ เขาสามารถชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องในบทคัดย่อของเธอได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้เขายังช่วยให้วิทยานิพนธ์ของเธอมีความคืบหน้าไปอีกมาก

 

กู้เหนียนจื่อแก้ไขบทคัดย่อของเธออีกครั้งและถอนหายใจด้วยความชื่นชม “การใช้คำพูดและสำนวนของผู้เชี่ยวชาญนั้นเหนือกว่าคนที่ศึกษามาเป็นสิบ ๆ ปีมากจริง ๆ”

 

เฮอจือชูยืนขึ้น เขาหยิบที่ใส่บัตรบางเฉียบออกจากกระเป๋าของเขาแล้วดึงนามบัตรออกมาวางมันไว้บนโต๊ะ “พยายามเข้า เธอสามารถส่งมาให้ฉันตรวจหลังจากที่เธอทำเสร็จแล้ว และฉันจะช่วยเธอแก้ไขเพิ่มเติม”

 

"ตกลงค่ะ!" หญิงสาวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เธอหยิบนามบัตรของอีกฝ่ายมาด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วเห็นว่ามีอีเมล หมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่สำนักงานของเขาระบุอยู่บนบัตร นอกจากนี้ยังมีที่อยู่ของสำนักงานกฎหมายอีกด้วย

 

กู้เหนียนจื่อมองนามบัตรอย่างระมัดระวัง “ศาสตราจารย์เฮอคะ คุณทำงานพาร์ทไทม์ที่สำนักงานกฎหมายอธิปไตยหรือเปล่าคะ”

 

เฮอจือชูมีท่าทีอ่อนลงเล็กน้อยราวกับกำลังสนุก แต่ไม่นานมันก็จางหายไปในทันที “เปล่า ไม่ใช่พาร์ทไทม์ นั่นคือสำนักงานกฎหมายของฉัน”

 

"จริงเหรอคะ คุณเป็นแบบอย่างสำหรับนักศึกษากฎหมายของเราจริง ๆ!” เธอประหลาดใจและประทับใจมาก เมื่อไหร่เธอจะสามารถเป็นหุ้นส่วนหรือบริหารสำนักงานกฎหมายของเธอเองได้กันนะ?

 

ดูเหมือนว่าศาสตราจารย์หนุ่มจะอ่านใจเธอออก เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “การเป็นหุ้นส่วนไม่ใช่เรื่องยาก ตราบใดที่เธอสามารถพิสูจน์ความสามารถของเธอเองให้คนอื่นรู้ได้”

 

“งั้นหนูขอน้อมรับคำอวยพรของคุณนะคะ” สาวน้อยรู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับคำแนะนำและคำชมดังกล่าวจากเฮอจือชู คนตรงหน้าจะเป็นอาจารย์และหัวหน้าของเธอในอีก 3 ปีข้างหน้า และเรื่องต่าง ๆ จะราบรื่นขึ้นมากถ้าเธออยู่เคียงข้างเขา! ขณะที่เธอมองเขาเดินออกไป โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น

 

เธอปัดหน้าจอโทรศัพท์เพื่อรับสาย “หัวหน้าห้อง มีอะไรเหรอ?”

 

"นี่ก็เที่ยงแล้ว ฉันจะไปรับเธอไปกินข้าว” จากนั้นเขาก็พูดว่า “ตอนนี้ฝนตกด้วย ฉันเอาร่มมาให้เธอแล้ว รอฉันที่ประตูข้างในก่อนนะ”

 

กู้เหนียนจื่อมองออกไปข้างนอกและเห็นว่าฝนเริ่มตกโดยที่เธอไม่รู้ตัว เธอรู้สึกสดชื่นเล็กน้อย เธอจัดของแล้วลงไปชั้นล่างและพบว่าเหวินเฉียวอี้กำลังถือร่มให้เฮอจือชูอย่างตั้งใจ แล้วโน้มตัวเปิดประตูท้ายรถเพื่อให้เขาเข้าไป กู้เหนียนจื่อเดาะลิ้นและคิดว่าเหวินเฉียวอี้ไม่ใช่ผู้ช่วยสอนแต่ชอบทำตัวเป็นแม่บ้านมากกว่า

 

หลังจากนั้นเมอร์ซิเดสเบนซ์สีดำของศาสตราจารย์หนุ่มขับผ่านแอ่งน้ำจนกระเด็นขณะที่ขับออกไปท่ามกลางสายฝน หลายคนที่ยืนอยู่หน้าห้องสมุดรีบก้าวถอยออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำที่กระเด็นมา หนึ่งในนั้นคือเหม่ยเสี่ยวเหวินที่กำลังถือร่มสีเทามาหาเธอ

 

ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป