บทที่ 43 : แขกผู้มาเยือนโดยไม่ได้คาดคิด
ตอนอายุ 13 ปี กู้เหนียนจื่อได้บินไปสกอตแลนด์ในวันหยุดกับฮัวเฉาเหิง ขณะอยู่ที่นั่น เธอได้ทานปลาและมันฝรั่งทอดที่ร้านแคโรไลน์ ทาเวิร์นที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมือง
เธอหลงรักมันและไม่เคยลืมรสชาตินั้นเลย เธอลุ่มหลงถึงขั้นเรียนทำอาหารเองหลังจากกลับมาจากสกอตแลนด์ แต่ในที่สุดเฉินหลายก็สั่งห้ามไม่ให้ทำอาหารจานนี้ เพราะน้ำมันเยิ้มเกินไป มันไม่ดีต่อสุขภาพและอ้วนเกินไป…
เมื่อได้ยินอาหารที่หญิงสาวต้องการสั่ง สายตาของเหม่ยเสี่ยวเหวินก็ยิ่งแสดงความเห็นอกเห็นใจมากขึ้น
สำหรับเขาแล้ว ฟิชแอนด์ชิปส์เป็นเพียงแค่อาหารจานด่วนแบบเดียวกับที่แมคโดนัลด์และเคเอฟซี มันไม่คุ้มที่จะเสิร์ฟในร้านอาหารหรู ๆ และใครตามที่มีเงินหรือมีฐานะทางสังคมจะไม่เลือกทานอะไรแบบนั้น
“…ฉันคิดว่าเธอควรสั่งแบบคนอื่น ๆ ดีกว่า” หัวหน้าหนุ่มบีบมือกู้เหนียนจื่อเบา ๆ ขณะที่เขาพูดกับพนักงานเสิร์ฟสาวที่ยืนอยู่ที่ประตูว่า “ขอหัวหอมทอดกับปลาหมึกทอดอีก 2 ที่ด้วยครับ”
แต่กู้เหนียนจื่อไม่ชอบหัวหอมกับปลาหมึก...
แต่ก่อนที่เธอจะคัดค้าน พนักงานเสิร์ฟก็เสิร์ฟอาหารแล้ว ตอนนี้เธอไม่สามารถพูดอะไรได้มากนัก ดังนั้นเธอจึงก้มหน้าทานอาหารอย่างสุภาพ มันง่ายสำหรับเธอที่จะแสร้งทำเป็นชอบอาหารพวกนี้
ในเวลานี้คนอื่น ๆ ในโต๊ะกำลังทานอาหารอย่างมีความสุข โดยที่กู้เหนียนจื่อทำเพียงจิบชานมของเธอแล้วยิ้มให้ทุกคน
หลังจากทานอาหารเรียกน้ำย่อยเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาของจานหลัก
คืนนี้พวกเขากำลังทานอาหารอิตาลี ซึ่งหมายความว่าอาหารถูกเสิร์ฟบนจานแต่ละจานแบบตะวันตก
ทุกคนมีจานอาหารของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องให้ใครลุกมาตักอาหารแบ่งให้ใคร
เหม่ยเสี่ยวเหวินสั่งอาหารสองจานสำหรับกู้เหนียนจื่อ นั่นก็คือ เนื้อลูกวัวมิลานีส ปรุงรสด้วยหัวหอมและใบกระวาน และปลาค็อดย่างในซอสมะเขือเทศ
ในจานหลักหญิงสาวแอบซ่อนหัวหอมไว้ข้างหนึ่ง แล้วหั่นเนื้อชิ้นเล็ก ๆ เข้าปากเพื่อลิ้มรส
“เหนียนจื่อ ขอแสดงความยินดีกับการเข้าเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย B!” หัวหน้าหนุ่มยิ้มพร้อมกับยกแก้วไวน์มอสกาโต้ ดัสติ ไวน์ขาวหวานจากอิตาลีไปทางกู้เหนียนจื่อ
"อะไรกัน? สาวน้อยได้รับจดหมายตอบรับแล้วเหรอ?! เมื่อไหร่?!" นางมารน้อยกล่าวด้วยความประหลาดใจและมีความสุข เธอยกแก้วขึ้นตรงหน้าเธอทันที
ปริมาณแอลกอฮอล์สำหรับไวน์มอสกาโต้ ดัสติมีเพียง 5.5% มันเป็นเหมือนเครื่องดื่มอัดลมมากกว่าเพราะมันแทบจะไม่มีคุณสมบัติเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหม่ยเสี่ยวเหวินเลือกไวน์ชนิดนี้เพราะเขาต้องขับรถกลับ
“เมื่อเช้านี้เอง ศาสตราจารย์เฮอส่งจดหมายตอบรับมาให้ฉันทันทีหลังจากการสัมภาษณ์ ตอนนี้มันเป็นแค่อีเมล เขาบอกว่าฉันจะได้รับจดหมายอย่างเป็นทางการภายใน 3 วัน” ผู้ที่สอบสัมภาษณ์ผ่านกล่าวอย่างมีความสุขขณะที่เธอยกแก้วขึ้น
ในเวลานี้เธอเหมือนลอยอยู่เหนือดวงจันทร์
นี่เป็นหนึ่งในความปรารถนาอันแรงกล้าที่สุดของเธอที่จะศึกษากฎหมายที่มหาวิทยาลัย B กับศาสตราจารย์เฮอจือชู
"ทำได้ดีมาก!" ยัยหนูชาเขียวฟ่างเองก็ยกแก้วของเธอขึ้น เธอยิ้มอย่างสง่างามแล้วพูดว่า “ตอนที่เธอพลาดการสัมภาษณ์เพราะเธอป่วย ฉันเกือบตายเพราะอาการคลื่นไส้ตอนที่รู้ว่าเฟิงอี้ซีจากหอพักตรงข้ามได้ตำแหน่งไป ขอบคุณพระเจ้าที่เธอมีปัญหา ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องเรียนจบโดยที่รู้ว่าเฟิงอี้ซีได้รับการยอมรับในโรงเรียนกฎหมายมหาวิทยาลัย B นั่นจะเป็นตราบาปของความทรงจำในช่วงมหาวิทยาลัยของฉันเลย”
กู้เหนียนจื่อกังวลว่ารูมเมทของเธอจะโกรธเธอที่ปิดบังเรื่องการสัมภาษณ์ไว้เป็นความลับ
แต่รูมเมทของเธอไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย หญิงสาวทั้งสามคนยิ้มและหัวเราะเพื่อแสดงความยินดีกับเธอ
ความจริงแล้วเธอไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย เธอคิดมากไปเอง
กู้เหนียนจื่อกำลังยิ้มกว้างจนตอนนี้ริมฝีปากของเธอดูเหมือนจะโค้งขึ้นอยู่ตลอดเวลา เธอยกแก้วขึ้นแล้วชนแก้วกับเพื่อน ๆ กันอย่างสนุกสนาน
หลังจากนั้นทุกคนก็กระดกไวน์ในแก้วจนหมดแทบจะในทันที แล้วบรรยากาศก็ผ่อนคลายลง
เหม่ยเสี่ยวเหวินเติมไวน์ใส่แก้วของกู้เหนียนจื่ออย่างระมัดระวังโดยไม่ให้มากเกินไป
ช่วงเวลาต่อมาทุกคนพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงที่รื่นเริง แล้วดื่มด่ำไปกับบรรยากาศหรูหราที่ร้านอาหารเรดแมเนอร์
ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มันฟังดูขัดจังหวะมากกว่าปกติ
เหม่ยเสี่ยวเหวินขมวดคิ้วขณะที่เขามองโทรศัพท์ของตัวเอง มันเป็นสายเรียกเข้าจากอ้ายเว่ยหนาน ตอนนี้เขาไม่อยากรับสาย เขาจึงกดวางสายไป
แต่อีกฝ่ายส่งข้อความมาทันทีว่า “หัวหน้าห้อง ฉันอยู่หน้าทางเข้าร้านอาหารเรดแมเนอร์”
“…” ชายหนุ่มเงียบไปทันที
เขาใส่โทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเขา จากนั้นก็ยืนขึ้นและพูดกับกู้เหนียนจื่อว่า “ฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย เธอกินไปก่อนเลยนะ ไม่ต้องรอฉัน” เขาตบไหล่พี่เบิ้มและบอกว่า “ช่วยฉันสร้างความบันเทิงให้สาว ๆ ด้วยล่ะ เดี๋ยวฉันรีบกลับมา"
หลังจากเหม่ยเสี่ยวเหวินเดินออกไป นางมารน้อยซึ่งนั่งอยู่ข้างกู้เหนียนจื่อจิบไวน์ของเธอแล้วถามว่า “หัวหน้าห้องออกไปไหนซะล่ะ?”
“ดูเหมือนว่าเขาจะมีธุระ มีคนโทรหาเขาน่ะ” สาวน้อยไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงพยายามตอบแบบอ้อม ๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย “นางมารน้อย ฉันได้ยินมาว่าเธอจะกลับไปที่เมืองหลวงหลังจากเรียนจบแล้ว”
“ใช่ ครอบครัวของฉันก็ถามถึงเรื่องนี้” หวังจุนหยากำลังทานไก่พาเมซานและสลัดที่ทำจากผักกาดหอม พริกหยวกและปลาหมึก เธอผสมชีสที่หั่นละเอียดลงในซอสมะเขือเทศ ก่อนทาซอสบนอกไก่ เสร็จแล้วก็หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ส่งเข้าปากแล้วเคี้ยวช้า ๆ เพื่อเพลิดเพลินกับมัน
ชีสเข้มข้นและซอสมะเขือเทศสดผสมให้เข้ากัน รสชาติออกจะหนักขึ้นเล็กน้อยบนเพดานปาก ไวน์ขาวที่มีเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ต่ำเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมมื้ออาหารของเธอให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
ยัยหนูชาเขียวฟ่างทานพาสต้าปลาหมึกสองสามคำ จากนั้นก็หยุดและจ้องมองไปที่ประตูด้วยสายตาว่างเปล่าพลางดื่มไวน์ขาวของเธอ ความคิดของเธอกำลังล่องลอยไปที่อื่น
จนกระทั่งเหม่ยเสี่ยวเหวินเดินนำหญิงสาวที่หน้าตาดีและรูปร่างปานกลางเข้ามาในห้องแล้วยิ้ม ก่อนจะกระแอมไอเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยนัยสำคัญว่า “หัวหน้าห้อง ที่จริงแล้วนายกำลังยุ่งอยู่กับการไปรับสาวสวยนี่เอง”
หัวหน้าหนุ่มดึงเก้าอี้ออกมาให้อ้ายเว่ยหนานนั่งและแนะนำเธอกับเพื่อน ๆ ของเขา “นี่คืออ้ายเว่ยหนาน เพื่อนร่วมชั้นของฉันตั้งแต่สมัยมัธยม เธอเป็นนักศึกษากฎหมายที่มหาวิทยาลัย Z”
จากนั้นเขาก็ทำแบบเดียวกันกับเพื่อนร่วมชั้นของเขา “นี่คือเพื่อนร่วมชั้นของฉัน เธอรู้จักพี่เบิ้มอยู่แล้ว ส่วนคนอื่น ๆ คือ… ฟ่างเหวินซิน เฉาหยุนซาน หวังจุนหยาและกู้เหนียนจื่อ”
เหม่ยเสี่ยวเหวินกำลังจะแนะนำชื่อเล่นของพวกเธอ แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจแนะนำพวกเธอด้วยชื่อจริงดีกว่า
อ้ายเว่ยหนานไม่ลังเลที่จะรินไวน์ให้ตัวเอง เธอพูดราวกับเป็นเจ้าภาพในคืนนี้ว่า “ขอโทษนะที่มาสาย ฉันจะดื่มไวน์สามแก้วเพื่อเป็นการลงโทษเอง ตามสบายเลยนะ เสี่ยวเหวินนี่ใจดีกับเพื่อนของเขาจริง ๆ ไม่ต้องอาย เชิญตามสบายเลย” เมื่อพูดจบประโยคแล้ว เธอก็ยกแก้วดื่มในคราวเดียว จากนั้นจึงพูดซ้ำด้วยไวน์อีกสองแก้ว เธอทำตัวราวกับว่าทุกคนที่โต๊ะเป็นแขกของเธอ
รูมเมทของกู้เหนียนจื่อเป็นผู้หญิงที่ฉลาดหลักแหลม พวกเธอเข้าใจทันทีว่าผู้มาใหม่รายนี้พยายามจะยืนยันตำแหน่งของเธออย่างละเอียด ...
ยัยหนูชาเขียวฟ่างหัวเราะเบา ๆ ขณะที่เธอคิดกับตัวเองเงียบ ๆ ‘ดูยัยคนนี้สิ อ้ายเว่ยหนานที่ทำตัวโง่ ๆ ต่อหน้าเราผู้เชี่ยวชาญตัวจริง เอาเถอะ อุบายของเธอนั้นหยาบและไม่ซับซ้อน ฉันเลิกใช้มันตั้งแต่เรียนจบมัธยมแล้วเหอะ!’
เธอหมุนแก้วไวน์ในมือแล้วพูดช้า ๆ ว่า “การดื่มไวน์สามแก้วนี้ ‘ไม่มีโทษ’ เป็นพิเศษหรอกนะ มันควรจะเป็นสาเกสามถ้วยสิถึงจะถูก”
นางมารน้อยพูดเสริมทันที "ใช่แล้ว! ถ้าคุณอ้ายจริงใจจริง ๆ คุณควรดื่มสาเกสามแก้ว!”
“โอ้ว ฉันชอบ! ขอพูดตรง ๆ นะ หัวหน้าห้องเชิญคุณมาทานอาหารค่ำที่นี่หรือเปล่า” คุณหนูเฉายิ้มอย่างงดงามแล้วยกแก้วของเธอเองขึ้นมา
อ้ายเว่ยหนานจ้องสามสาวเขม็งด้วยความประหลาดใจ เธอส่ายหัวและตอบว่า “หัวหน้าห้องไม่รู้ว่าฉันจะมาที่เมือง C วันนี้ ทำไมเขาถึงต้องเชิญฉันล่ะ”
เฉาหยุนซานวางแก้วไวน์ของเธอลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดังเล็กน้อย แต่น้ำเสียงของเธอฟังดูเบาและสบาย “ในกรณีนั้น การ ‘ลงโทษ’ ตัวเองทั้งหมดนี้ไร้สาระมาก คุณทำเหมือนว่าเรานั่งรอคุณอยู่ที่นี่ หน้าของคุณคงหนาเท่าก้นแก้วไวน์แก้วนี้”
หญิงสาวที่ถูกพาดพิงหน้าแดง เธอมองไปที่เหม่ยเสี่ยวเหวินพร้อมกัดริมฝีปากและพูดว่า “หัวหน้าห้อง…”
ชายหนุ่มยิ้มขณะที่เขาพยายามคลายความตึงเครียด “สาว ๆ พวกนี้ชอบแหย่แบบนี้ตลอดแหละ ถึงพวกเธอจะปากร้ายแต่ก็เป็นคนใจดีนะ จริง ๆ แล้วพวกเธอแค่ล้อเธอเล่นน่ะ”
บทที่ 44 : บรรยากาศที่ตึงเครียด
“ใช่ เราชอบเล่นมุกตลก” นางมารน้อยยิ้มจอมปลอมก่อนจะทานอาหารของเธอต่อ
ยัยหนูชาเขียวฟ่างและคุณหนูเฉาชำเลืองมองหน้ากัน จากนั้นก็มองไปที่กู้เหนียนจื่อที่นั่งอยู่ตรงข้ามพวกเธอ
สาวน้อยของกลุ่มไม่ได้มีปฏิกิริยามากนัก มุมริมฝีปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อยระหว่างที่มองพวกเธอคุยกันและขยิบตาให้พวกเธอ
ฟ่างเหวินซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและบ่นกับเฉาหยุนซาน “ฉันคิดว่าเราสามคนเพิ่งเล่นเป็นขันที”
“ขันที? ขันทีอะไร?” พี่เบิ้มเงยหน้าขึ้นเมื่อเขาช่วยอ้ายเว่ยหนานจัดช้อนส้อมและจานของเธอเสร็จ
“จะอะไรล่ะ? คนเป็นจักรพรรดิไม่กังวลอะไรเลย แต่ขันทีกังวลแทบตาย” นางมารน้อยเหลือบมองกู้เหนียนจื่อที่เปรียบเสมือนกับเป็นจักรพรรดิอย่างผิดหวังแล้วขูดช้อนส้อมของเธอบนจานผีเสื้อโบนไชน่าเคลือบทองอย่างแรง
เธอควรจะเป็นดาวเด่นในคืนนี้! เธอจะปล่อยให้ผู้หญิงที่โผล่มาจากที่ไหนไม่รู้มาแย่งความสนใจไปได้ยังไง? นางมารน้อยขบกรามอย่างกระวนกระวายขณะที่เธอเฝ้าดูอ้ายเว่ยหนานที่จู่ ๆ ก็บุกมาถึงที่นี่
ความจริงแล้วกู้เหนียนจื่อรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่เธอยังไม่ได้ตกลงคบกับเหม่ยเสี่ยวเหวินอย่างเป็นทางการ เธอมีสิทธิ์อะไรไปห้ามไม่ให้ผู้หญิงคนอื่นมาจีบเขา?
หัวหน้าห้องแอบยิ้มให้กู้เหนียนจื่อที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของเขา แล้วพูดอย่างสนิทสนมว่า “วันนี้เหนียนจื่อสอบเข้าเรียนในคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัย B ในฐานะนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาได้สำเร็จ เราก็เลยมาเฉลิมฉลองให้กับเธอ”
“หัวหน้าห้องเป็นคนที่เฉลิมฉลองให้กับเธอ เราแค่ถูกเชิญมา” คุณหนูเฉาให้ความสำคัญกับตำแหน่งและสถานะเหนือทุกสิ่ง คำขวัญของเธอคือ ‘ถ้าชื่อไม่ถูกต้อง คำนั้นจะไม่เป็นจริง’
"ถูกต้อง! นายเพิ่งประกาศว่าจะจีบเหนียนจื่อต่อหน้าเราเมื่อวานนี้ ทำไมตอนนี้นายเป็นใบ้ไปซะอย่างนั้นล่ะ หรือว่าแค่จีบเล่น ๆ” นางมารน้อยมักจะใช้ความงามของเธอทำตามใจชอบ เธอไม่ขัดเกลาคำพูดของเธอและไม่สนใจว่าคนจะอับอายขายหน้าหรือไม่
“หวังจุนหยา!” เหม่ยเสี่ยวเหวินเลิกคิ้วและพูดชื่อเต็มของอีกฝ่ายด้วยความโกรธ “ช่วยพูดดี ๆ ต่อหน้าคนอื่นหน่อยได้ไหม? เหนียนจื่อไม่ยอมให้ฉันจีบ เธอพูดแบบนั้นไม่กลัวว่าทำให้เหนียนจื่อเสียความมั่นใจเหรอ?"
ในที่สุดรูมเมทสาวของกู้เหนียนจื่อก็ผ่อนคลายการแสดงออกเมื่อหัวหน้าห้องทำเหมือนว่าอ้ายเว่ยหนานเป็น ‘คนนอก’ จากคำพูดประโยคนั้น
ดวงตาของแขกผู้ไม่ได้รับเชิญตั้งแต่แรกหม่นหมองลงครู่หนึ่ง และในชั่วพริบตาเธอก็เข้าใจว่าทำไมรูมเมทสามคนของกู้เหนียนจื่อถึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอ วินาทีต่อมาเธอหัวเราะแล้วพูดว่า "อาจจะมีความเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า? ฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับหัวหน้าห้องมา 6 ปีแล้ว เราเป็นเพื่อนและพี่น้องกันจริง ๆ ความสุขของเขาก็คือความสุขของฉัน”
ขณะที่พูดเธอถือแก้วและยืนขึ้น เธอเดินไปหากู้เหนียนจื่อแล้วอวยพรให้กับอีกฝ่ายว่า “คุณคือกู้เหนียนจื่อใช่ไหม? คนที่หัวหน้าห้องของเราสนใจสินะ ช่างเป็นสาวน้อยที่ตัวเล็กและสวยอะไรอย่างนี้! อย่ากลัวไปเลย คุณมาบอกเราได้เลยถ้าเขาทำตัวไม่ดีกับคุณ ฉันจะสั่งสอนเขาให้คุณเอง! เขา..” อ้ายเว่ยหนานมองไปที่เหม่ยเสี่ยวเหวินและพูดออกมาว่า “เขาเป็นคนโรแมนติก เขาดีกับทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เขาชอบ”
ชายหนุ่มฟังคำพูดของเพื่อนสาวและพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เว่ยหนาน เธอเมาแล้วเหรอ เธอไม่ได้คออ่อนขนาดนั้นใช่ไหม ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้น?”
“หัวหน้าห้อง ฉันแค่พูดความจริงเท่านั้น ฉันต้องให้กู้เหนียนจื่อรู้ด้านดีของนาย! ผู้หญิงคงโชคดีที่ได้อยู่กับผู้ชายแบบนาย เหนียนจื่อตัวน้อย ฉันคิดว่าคุณเป็นคนโชคดีมาก สำหรับฉัน อย่าสนใจฉันเลย อย่ามองฉันเป็นผู้หญิง ฉันเป็นทอมบอยตัวจริง!”
“แต่มันมีเส้นคั่นบาง ๆ ระหว่างทอมบอยกับผู้หญิงตอแหลอยู่นะ” ยัยหนูชาเขียวฟ่างหัวเราะคิกคักด้วยความรังเกียจ แล้วพูดกระทบอ้ายเว่ยหนานอย่างแรง
หญิงสาวที่ถูกพาดพิงระงับความโกรธของเธอและแสร้งทำเป็นว่าเธอไม่ได้ยินอะไร เธอวางแก้วลงและหันหน้าเข้าหาเหม่ยเสี่ยวเหวิน “หัวหน้าห้อง วันนี้ฉันมาขอบคุณเป็นพิเศษที่ให้ฉันยืมเงิน 150,000 หยวน ฉันกลับมาที่เมือง C เพื่อนำเงินไปให้ครอบครัวของฉัน และพวกเขาต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วน เชิญพวกนายสนุกกันต่อได้เลย ฉันต้องไปแล้ว”
หัวหน้าหนุ่มยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า “ให้ฉันขับรถไปส่งนะ เพราะตอนนี้มันดึกมากแล้ว ผู้หญิงไปคนเดียวไม่ปลอดภัย”
“หัวหน้าห้อง เธอเป็นทอมบอย ไม่ใช่ผู้หญิง ทำไมมันจะไม่ปลอดภัย” ยัยหนูชาเขียวฟ่างใช้ผ้าเช็ดปากเช็ดริมฝีปากของเธอด้วยท่าทางเรียบร้อยพลางแสดงความคิดเห็นที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ดวงตาของเธอเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด “คุณมาเพื่อเอาเงินเองเหรอ? ฮ่าๆๆ มีใครไม่ใช้การโอนเงินผ่านธนาคารออนไลน์ในยุคนี้บ้าง? คุณอยากให้ฉันสอนวิธีการใช้อาลีเพย์หรือวีแชทเพย์ไหม? คุณจะได้ไม่ต้องถ่อมาถึงที่นี่เพื่อมาเอาเงิน”
คำพูดของเธอเหมือนเป็นการตบหน้าอ้ายเว่ยหนานอย่างแรง หญิงสาวหัวเราะด้วยความอับอาย เหม่ยเสี่ยวเหวินนั่งลงอย่างช้า ๆ ในขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสาวด้วยสายตาขอโทษ “กลับถึงบ้านแล้วโทรหาฉันด้วยล่ะ”
อ้ายเว่ยหนานพยักหน้าและโบกมือ “ขอให้มีความสุขกับมื้อค่ำของนาย ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
หลังจากที่เธอเดินออกไป บรรยากาศยังคงตึงเครียดเหมือนเดิม แม้แต่พี่เบิ้มที่มักจะชอบอยู่ต่อหน้าผู้หญิงสวย ๆ ยังไม่สามารถทำอะไรได้ อาหารค่ำคืนนี้จึงจบลงด้วยความไม่ลงรอยกัน
เหม่ยเสี่ยวเหวินขับรถพากู้เหนียนจื่อและรูมเมทของเธอไปที่หอพัก เขาต้องการคุยกับกู้เหนียนจื่อตามลำพัง แต่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นอีกครั้ง เขาหยิบมันออกมาและเห็นว่าเป็นอ้ายเว่ยหนาน เขาจึงรับสายทันที
“เว่ยหนาน เธอกลับถึงบ้านแล้วเหรอ? ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม?”
กู้เหนียนจื่อหันกลับมามองเขา แต่ไม่ได้รอให้เขารั้งตัวไว้ เธอกลับไปที่หอพักพร้อมกับรูมเมทสาวของเธอ หลังจากที่พวกเธอเข้าไปในห้อง นางมารน้อยก็สาปแช่งอ้ายเว่ยหนานทันที “ฉันรู้ทันยัยนั่นตั้งแต่เห็นไกล ๆ แล้ว!”
ยัยหนูชาเขียวฟ่างวางแขนบนไหล่ของสาวน้อยของกลุ่มและพูดกับเธอว่า “อย่าไปใส่ใจเลย ผู้ชายทุกคนก็เป็นแบบนั้นแหละ ฉันคบผู้ชายทุกประเภทมาหลายปีแล้ว พวกเขาซ่อนอะไรจากฉันไม่ได้หรอก”
กู้เหนียนจื่อระเบิดเสียงหัวเราะและกอดฟ่างเหวินซินเพื่อเป็นการตอบแทน เธอเอนศีรษะไปซบไหล่เพื่อนแล้วพูดว่า “ฉันดีใจนะที่มีเธอเป็นเพื่อน แต่เธอต้องรักษาชื่อเสียงของเธอเอาไว้ในฐานะผู้หญิงที่ไม่เคยยอมให้ผู้ชายได้สิ่งที่ดีที่สุดไปจากเธอ แม่กระต่าย!”
“กู้เหนียนจื่อ คนทรยศ! เธอกล้าแกล้งฉันเหรอ อย่าอวดดีนักสิ!” ยัยหนูชาเขียวฟ่างตบก้นอีกฝ่ายรัว ๆ
สาวน้อยหัวเราะคิกคักขณะที่เธอกระโจนไปทางเพื่อนสาวพื่อบีบแก้มของเธอ “ยัยหนูชาเขียวฟ่าง ผู้ชายจะโชคดีแค่ไหนถ้าเขาได้จูบเธอ? ดูสิผิวของเธอนุ่มแค่ไหน ฉันเกือบจะบีบน้ำออกจากแก้มเธอได้แล้ว”
"จริงเหรอ? ไหน ๆ ขอลองบีบบ้างสิ!" นางมารน้อยและคุณหนูเฉาก็เข้ามาบีบแก้มของยัยหนูชาเขียวฟ่างด้วย แล้งเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นในห้องพักขจัดความรู้สึกไม่สบายใจก่อนหน้านี้ไปจนหมด
ในเวลานั้นเหม่ยเสี่ยวเหวินไม่รู้ว่ากู้เหนียนจื่อลงจากรถไปนานแล้วหลังจากที่เขาวางสาย พี่เบิ้มเอนตัวลงที่เบาะหลังและพูดขึ้นมาว่า “หัวหน้าห้อง นายชอบกู้เหนียนจื่อจริง ๆ เหรอ?”
คนถูกถามพยักหน้า “ถ้าฉันไม่ชอบเธอจริง ๆ แล้วฉันจะตามจีบเธอไปทำไม? ฉันไม่ได้ชอบที่เงินหรือสถานะของเธอ แต่เป็นบุคลิกและความสามารถที่น่าทึ่งของเธอต่างหาก”
เล่ยเฉียงเชิงหันไปมองที่หอพักหญิง “ก็จริง ขอให้โชคดีนะหัวหน้า! แม้ว่ากู้เหนียนจื่อจะไม่มีครอบครัวที่คอยสนับสนุนเธอ แต่อนาคตของเธอก็ไปได้ไกลเพราะความเฉลียวฉลาดของเธอเอง เธอจะเป็นแฟนที่คู่ควรและน่าภาคภูมิใจ”
“นายมักจะพูดพล่ามและทำเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ แต่จริง ๆ แล้วนายก็พูดอะไรดี ๆ เป็นเหมือนกันนี่” เหม่ยเสี่ยวเหวินยิ้มในขณะที่เขาส่ายหัวและผลักเพื่อนออกจากรถ “นายกลับไปก่อน ฉันยังต้องคุยกับเหนียนจื่อ”
ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00