Your Wishlist

ว่าไงคะ ท่านนายพล (บทที่ 37-38 : แขกที่ไม่ได้รับเชิญ (2), การสัมภาษณ์ (1))

Author: Han Wuji (Akira แปล)

กู้เหนียนจื่อ หญิงสาวอายุ 17 ปีผู้สูญเสียความทรงจำในวัยเด็ก มีเพียงภาพที่ตนเองติดอยู่ในรถที่กำลังลุกไหม้เท่านั้นที่ยังฉายชัดอยู่ในความฝันของเธอ โชคดีที่เธอได้ฮัวเฉาเหิง ทหารหนุ่มผู้มีตำแหน่งพลตรีช่วยชีวิตเอาไว้ ชายหนุ่มถูกกองทัพของจักรวรรดิร้องขอให้เป็นผู้ปกครองของกู้เหนียนจื่อที่มีอายุเพียง 12 ปี และปกปิดประวัติที่แท้จริงของทั้งคู่เอาไว้ แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เธอก็อยู่กับเขานับตั้งแต่นั้นมา เธอใช้ชีวิตด้วยความกลัวและไม่มั่นคงมาตลอด เธอจะรู้สึกปลอดภัยเฉพาะเวลาได้อยู่ใกล้ ๆ ผู้ปกครองหนุ่มเท่านั้น ระหว่างนั้นกองทัพของจักรวรรดิได้ทำการสืบค้นประวัติของหญิงสาว แต่ก็ไม่สามารถค้นหาได้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ตัวตนที่แท้จริงของกู้เหนียนจื่อคือใครกันแน่? เหตุใดเธอจึงถูกลอบทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต?

จำนวนตอน : 2263

บทที่ 37-38 : แขกที่ไม่ได้รับเชิญ (2), การสัมภาษณ์ (1)

  • 15/10/2564

บทที่ 37 : แขกที่ไม่ได้รับเชิญ (2)

 

“ผู้ช่วยศาสตราจารย์เฮอจือชู?” หัวใจของกู้เหนียนจื่อกระตุกวูบ "มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?"

 

เธอเพิ่งจะได้รับโอกาสในการสัมภาษณ์กับศาสตราจารย์เฮอจือชูในเช้าวันรุ่งขึ้น มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นหรือเปล่า?

 

"เธอมีเวลาไหม? ไปดื่มกัน” เหวินเฉียวอี้พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย 

 

แววตาของเธออบอุ่น และเธอมองไปที่กู้เหนียนจื่อด้วยความสนใจ เธอหันหลังเปิดประตูรถเพื่อเชิญคนตรงหน้าให้เข้าไปในรถ

 

หญิงสาวหรี่ตามองผู้ช่วยศาสตราจารย์ เธอจำได้ว่าเห็นผู้หญิงคนนี้ในตอนเช้า

 

ตอนที่กู้เหนียนจื่อโทรหาเฮอจือชู สาวสวยคนนี้ได้ออกมาจากห้องข้าง ๆ เธอเฝ้าดูอีกฝ่ายเคาะประตูห้องของเขาและเข้าไปด้านในห้อง

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินบอกเธอว่าเฮอจือชูมีผู้ช่วยสอน

 

เขาหมายถึงผู้หญิงคนนี้เหรอ?

 

ผู้ช่วยสาวต้องการอะไรจากเธอกันแน่?

 

สิ่งสำคัญที่สุดของกู้เหนียนจื่อในตอนนี้คือการสัมภาษณ์ตอนแปดโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เธอจะต้องมีสติและสมาธิกับการสัมภาษณ์มาก

 

หญิงสาวปฏิเสธคำเชิญของเธออย่างสุภาพโดยพูดว่า “ผู้ช่วยเหวินคะ ถ้าคุณมีอะไรจะพูด ช่วยพูดตอนนี้ได้ไหมคะ พรุ่งนี้หนูมีสัมภาษณ์ และหนูต้องการทบทวนบทสัมภาษณ์อีกครั้ง ก่อนที่หนูจะเข้านอนในคืนนี้”

 

ในความเป็นจริง นักศึกษาชั้นแนวหน้าอย่างกู้เหนียนจื่อได้เตรียมพร้อมสำหรับการสัมภาษณ์แล้ว มีเพียงนักศึกษาที่มีผลการเรียนระดับปานกลางจนถึงต่ำเท่านั้นที่จะต้องอ่านบทสัมภาษณ์อีกครั้งก่อนการสัมภาษณ์จะเริ่มขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น

 

เหวินเฉียวอี้มองเธอด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจึงยิ้มและพูดว่า “แต่ฉันมีเรื่องที่จะบอกเธอเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ของเธอในวันพรุ่งนี้”

 

"จริงเหรอคะ ศาสตราจารย์เขาส่งคุณมาเหรอ?” สาวน้อยหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาและค้นหาเบอร์โทรของเฮอจือชู “หนูขอโทรถามเขาก่อนนะคะ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร”

 

ผู้ช่วยสาวรีบหยุดเธอด้วยรอยยิ้มที่แข็งกระด้างบนใบหน้าของเธอเล็กน้อย “ที่รัก ทำไมเธอถึงสงสัยในตัวฉันนัก? ฉันมาที่นี่เพื่อให้คำแนะนำเธอ คิดว่าฉันมาที่นี่เพื่อทำร้ายเธอเหรอ?”

 

ปลายนิ้วของกู้เหนียนจื่อเลื่อนผ่านโทรศัพท์ของเธออย่างลับ ๆ เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนเหมือนนางฟ้าตัวน้อย “ไม่ค่ะ อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ ผู้ช่วยเหวิน เราแทบไม่รู้จักกันเลย มีเหตุผลอะไรที่คุณจะต้องทำร้ายหนู ในเมื่อหนูแทบจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับคุณ นั่นเป็นความคิดที่บ้ามากและหนูไม่เคยคิดอย่างนั้น”

 

“แต่เธอปฏิเสธที่จะดื่มกับฉัน และรีบโทรเช็คกับศาสตราจารย์เฮอ เธอไม่เชื่อฉัน ใคร ๆ ก็คงจะคิดแบบนั้น” เหวินเฉียวอี้ถอนหายใจและส่ายหัวขณะที่เธอมองไปที่หญิงสาวตรงหน้า "ถ้าหากว่ามันไม่มีประโยชน์ล่ะ ต่อให้เธอพยายามแค่ไหน สุดท้ายก็ไร้ค่า"

 

สิ่งที่กู้เหนียนจื่อไม่อยากให้เกิดขึ้นในตอนนี้คือการที่ใครสักคนมาดับความหวังเล็ก ๆ ของเธอ

 

ใบหน้าของสาวน้อยหม่นหมองลง “หนูไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ ถ้ามีกำแพงอยู่ตรงหน้า หนูก็จะทุบมันต่อไป จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยอมแพ้ ดังนั้นแม้ว่าทุกอย่างจะไร้ค่า หนูก็ไม่อยากได้ยินจากคุณ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ คุณจะว่าหนูยังไงก็ตามสบายเลยหลังจากที่หนูทุบกำแพงนั้นจนกระดูกหนูแตกละเอียดแล้ว”

 

“แต่ฉันรู้สึกถูกชะตาเธอตั้งแต่วินาทีที่ฉันสบตากับเธอ ฉันชอบบุคลิกและจิตวิญญาณของเธอ และฉันไม่ต้องการให้เธอได้รับบาดเจ็บ” น้ำเสียงของผู้ช่วยสาวเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ “เหนียนจื่อ— ฉันขอเรียกเธอว่าเหนียนจื่อได้ไหม”

 

ฝ่ายที่ถูกร้องขอยักไหล่ "ได้ค่ะ ถ้าคุณต้องการ"

 

“เหนียนจื่อ เธอเป็นคนมีความสามารถมาก ฉันรู้ว่าเธอจะกลายเป็นทนายความหญิงที่เก่งที่สุดในโลก สักวันหนึ่งอนาคตของเธอจะสดใส เธอจะประสบความสำเร็จในเส้นทางข้างหน้าอีกมากมาย”

 

“ขอบคุณค่ะ หนูก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” กู้เหนียนจื่อกล่าวด้วยความมั่นใจอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ลึกลงไปในจิตใจ เธอพยายามคิดว่าผู้หญิงคนนี้กำลังจะต้องการอะไร

 

“โอ้ว ไม่คิดจะถ่อมตัวเลยเหรอ” เหวินเฉียวอี้เลิกคิ้ว “แต่เธอไม่เข้าใจ วันนี้เธอทำให้ศาสตราจารย์เฮอโกรธ ฉันทำงานกับเขามาหลายปีแล้ว และฉันไม่เคยเห็นใครกล้าต่อต้านเขาแบบนี้ เธอเป็นคนแรก ฉันมาที่นี่เพื่อเตือนเธอเท่านั้น ในเมื่อเธอทำให้เขารู้สึกแย่ มันไม่สำคัญว่าเธอจะพยายามมากแค่ไหน เธอจะไม่สามารถเปลี่ยนใจเขาได้ เขาอาจเสนอโอกาสให้เธอศึกษาต่อ แต่เธอจะไม่มีอนาคต คงจะถูกกดไว้เลยด้วยซ้ำ ในเวลานี้เธอยังมีทางเลือกอื่นอยู่ ทำไมยังยืนกรานที่จะเลือกเส้นทางที่มันลำบากนักล่ะ? เธอกำลังขับรถเขาหาหน้าผาอยู่นะ”

 

กู้เหนียนจื่อขมวดคิ้วกับสิ่งที่ได้ยิน เธอกำลังรู้สึกไม่ค่อยปลื้มกับคำเปรียบเปรยของอีกฝ่าย เธอถือโทรศัพท์ในมือแน่นแล้วกอดอกด้วยความมั่นใจและดื้อรั้น “ผู้ช่วยเหวิน คุณกำลังจะบอกว่าศาสตราจารย์เฮอเขาเป็นคนหน้าซื่อใจคด หรือว่าเขาเป็นคนโกหกเหรอคะ?”

 

“อะไรทำให้เธอคิดแบบนั้น” คนถูกยิงคำถามทำหน้าเหมือนคนที่เพิ่งถูกตบหน้า “ศาสตราจารย์เขาเป็นสุภาพบุรุษผู้ดี ทำไมเธอถึงกล้ามาถามว่าเขาเป็นคนหน้าซื่อใจคด”

 

“ถ้าเขาเป็นอย่างที่คุณพูด และไม่ใช่คนที่จะมาทำร้ายใครเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หนูไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงมาหาหนูตอนนี้” หญิงสาวตอบ

 

“ฉันแค่บอกเธอว่าอย่ายึดติดกับการเป็นนักศึกษาของศาสตราจารย์เฮอ เธอไปทำให้เขาโกรธแล้ว! ถ้าเธอเลือกให้เขาเป็นที่ปรึกษา เธอจะไม่มีอนาคต ไม่เชื่อฉันเหรอ? ไปถามรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยเลย ดูว่ามีกี่คนที่รอดไปได้จริง ๆ”

 

กู้เหนียนจื่อหัวเราะเบา ๆ ขณะที่เธอเริ่มเท้าเอวอย่างหมดความอดทน “คุณพูดวกไปวนมา แต่โดยพื้นฐานแล้วสิ่งที่คุณพยายามจะบอกใบ้ก็คือ ศาสตราจารย์เขาเป็นคนหลงตัวเองที่ขี้น้อยใจ แล้วก็คิดเล็กคิดน้อยจนไม่ปล่อยคนที่ลองดีกับเขาไปแน่ ๆ หนูไม่รู้จริง ๆ ว่าหนูทำอะไรไปบ้างเพื่อให้สมควรได้รับความสนใจจากคุณ ทำไมคุณถึงมาพูดใส่ร้ายนายจ้างของคุณให้หนูฟังเพื่ออนาคตของหนูด้วย”

 

“เธอไม่เชื่อฉันใช่ไหม” เหวินเฉียวอี้จ้องมองคนตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี

 

“คุณไม่ได้ให้เหตุผลที่หนูจะไว้ใจคุณได้” หญิงสาวกล่าวโดยไม่ลังเล “คุณรู้จักศาสตราจารย์เฮอมากกว่าที่คุณรู้จักหนูมาก และคุณก็อาจจะสนิทกับเขามากกว่าใคร ๆ แต่ดูเหมือนคุณจะไม่สนใจภาพลักษณ์ของเขาเท่าไหร่ การที่คุณพูดมาแบบนั้น คุณกำลังหมายความว่าเขาไม่มีเกียรติและอาจเป็นคนเลวทราม คุณแทบไม่รู้จักหนู แต่คุณทำตัวเห็นอกเห็นใจและกังวลเกี่ยวกับอนาคตของหนู ผู้ช่วยเหวิน ได้โปรดยกโทษให้หนูด้วยนะคะที่หนูแสดงท่าทีไม่สุภาพ แต่หนูไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมคุณถึงมาทำอะไรแบบนี้”

 

“ถ้าอย่างนั้น ฉันไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว ฉันแค่ไม่อยากเห็นคนที่มีศักยภาพมากอย่างเธอทำลายอนาคตของตัวเอง” ผู้ช่วยสาวเดินกลับไปที่รถของเธอ “ถ้าไม่อยากดื่มกับฉันก็ไม่เป็นไร ฉันพูดไปหมดแล้ว” ด้วยเหตุนี้เธอจึงสตาร์ทรถและขับออกไป

 

กู้เหนียนจื่อจ้องมองที่ด้านหลังของรถและพ่นลมหายใจ “เรื่องบ้าอะไรเนี่ย!” เธอยืนอยู่ข้างนอกอีกสักพักก่อนจะเดินกลับห้องของเธอ

 

ตอนนี้รูมเมทสาวทั้ง 3 คนของเธอออกไปข้างนอก และกู้เหนียนจื่อรู้ว่าพวกเธอจะกลับมาตอนไม่กี่นาทีก่อนที่ไฟหอพักจะถูกปิด

 

สำหรับยัยหนูชาเขียวฟ่างที่ได้รับการยอมรับให้เข้าศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษาที่โรงเรียนรัฐศาสตร์และกฎหมายที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงของประเทศแล้ว ตอนนี้เธอเลยยุ่งอยู่กับการสร้างคอนเนชั่นกับพวกรุ่นพี่ที่นั่น ส่วนคุณหนูเฉาได้เข้าทำงานในสำนักงานกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดของเมืองและกำลังเตรียมตัวสำหรับการสอบเนติบัณฑิต คนสุดท้ายนางมารน้อยกำลังจะย้ายไปอยู่ที่เมืองหลวงของประเทศเหมือนกันเพราะเธอจะทำงานในแผนกกฎหมายของธุรกิจครอบครัวของเธอ

 

และแล้ววันรับปริญญาก็มาถึง ทุกคนต่างยุ่งกับการปูทางไปสู่สิ่งที่อยู่นอกเหนือการสำเร็จการศึกษา

 

ปัจจุบันรูมเมทสาวทั้ง 4 มีเวลาพูดไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกันก่อนที่จะแยกย้ายกันไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน

 

กู้เหนียนจื่อกำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง เธอได้คิดหาสาเหตุหลายประการที่ทำให้เหวินเฉียวอี้มาหาเธออย่างกะทันหันในคืนนี้ แต่ดูเหมือนไม่มีเหตุผลใด

 

โชคดีที่เธอเตรียมพร้อมไว้แล้ว เธอได้แอบบันทึกการสนทนาของพวกเธอและบันทึกไว้ในโทรศัพท์ของเธอ

 

เพื่อความปลอดภัย เธอยังได้อัปโหลดสำเนาของการบันทึกไปยังคอมพิวเตอร์ในอพาร์ตเมนต์ของเขตเฟิงหยาง

 

ในสถานที่แห่งหนึ่ง เหวินเฉียวอี้กำลังนั่งอยู่ในห้องของเธอ เธอเองก็ใช้โทรศัพท์และโอนบันทึกการสนทนากับกู้เหนียนจื่อไปยังคอมพิวเตอร์ของตนเอง ซึ่งกู้เหนียนจื่อไม่ใช่คนเดียวที่คิดว่าจะบันทึกการสนทนาของพวกเธอในวันนี้

 

ที่จริงแล้วสิ่งที่เธอทำไปทั้งหมดคือการตรวจสอบจุดประสงค์ที่แท้จริงของกู้เหนียนจื่อ

 

แล้วการบันทึกสนทนาก็เริ่มเล่นผ่านลำโพงแล็ปท็อปของผู้ช่วยสาว

 

เธอนั่งบนโซฟาและฟังการสนทนาอย่างตั้งใจ เธอส่ายหัว หลับตาลง และถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

 

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว

 

บทที่ 38 : การสัมภาษณ์ (1)

 

แม้ว่ากู้เหนียนจื่อจะพยายามเตือนตัวเองว่าอย่าใส่ใจคำพูดของผู้ช่วยสอนเหวินเฉียวอี้ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกหวั่นไหวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ เธอกลัวจะพลาดการสัมภาษณ์อีกและเช็คนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์หลายครั้ง เนื่องจากเริ่มหวาดระแวงว่าจะลืมตั้งนาฬิกาปลุก หากเธอพลาดโอกาสไปสัมภาษณ์อีกครั้ง เธอจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว หลังจากนั้นเธอก็บังคับตัวเองให้นับแกะและผล็อยหลับไปหลังจากนับไปถึง 300 ตัว

 

คืนนั้นจู่ ๆ เธอก็ฝันเห็นภาพท้องฟ้าสีครามและเมฆสีขาวฟูฟ่องก่อนที่พระอาทิตย์จะส่องแสงและสายลมอ่อน ๆ พัดโชยมา ทันใดนั้นเครื่องบินที่ตัวเครื่องมีสัญลักษณ์ระบุไว้ว่า 'MH210' สีแดงพุ่งลงมาจากท้องฟ้า

 

วินาทีถัดมา ภาพตัดกลับเข้าไปในรถที่กำลังลุกไหม้อีกครั้ง เธอหันกลับมามองข้างหลัง หน้าต่างด้านหลังแตกเป็นเสี่ยง ๆ เหลือเพียงช่องหน้าต่างรถและเศษกระจกสีจาง ๆ กระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง เมื่อมองผ่านช่องหน้าต่าง เธอเห็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ผสมกับควันหนาทึบ ภาพเบื้องหลังพร่ามัว เธอเห็นชายคนหนึ่งกรีดร้องเรียกเธออย่างแผ่วเบาและพยายามเข้ามาใกล้ แต่เขาก็ถูกหลายคนรั้งตัวไว้ ดวงตาของเธอเบิกกว้างขณะที่เธอพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่จู่ ๆ ก็มีกลุ่มควันหนาทึบปกคลุมเธอและทำให้ดวงตาของเธอพร่าเลือน เธอกะพริบตาอย่างรวดเร็วเพื่อมองภาพให้ชัดอีกครั้ง แต่ไฟที่กระจกหลังก็แรงขึ้น เปลวเพลิงลุกลามเข้ามาใกล้ ควันหนาทึบเกือบทำให้เธอหายใจไม่ออกและบดบังทัศนวิสัยของสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกรถไปจนหมด

 

คราวนี้เธอหันศีรษะอีกครั้งและในไม่ช้าก็เห็นใบหน้านิ่ง ๆ ของฮัวเฉาเหิงระหว่างที่เขาเปิดประตูรีบเข้ามาช่วยเธอ ความร้อนแรงของเปลวไฟที่สัมผัสผิวหนังของเธอปลุกเธอให้ตื่นขึ้น ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นนั่ง เมื่อเปิดโทรศัพท์ดู เธอเห็นว่าตอนนี้เพิ่งจะตี 3 ในหอพักยังมืดสนิท ได้ยินแค่เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของรูมเมทของเธอ 

 

เตียงของหญิงสาวอยู่ชั้นล่างริมหน้าต่าง ทำให้แสงสีเหลืองของไฟถนนข้างหอพักจำนวนหนึ่งส่องผ่านม่านเข้ามา เวลายามค่ำคืนจึงไม่มืดสนิท 

 

ในขณะนี้เธอกำลังคิดเกี่ยวกับความฝันพร้อมกับนวดขมับของตัวเอง

 

‘คราวนี้เห็นเพิ่มอีกนิดหน่อยแฮะ’

 

ครั้งนี้มีชายอีกคนหนึ่งที่ดูสนิทกับเธอเพิ่มเข้ามา น่าเสียดายที่ภาพเบลอจนเธอไม่สามารถเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน หรือว่าร่างนั้นอาจจะเป็นพ่อของเธอ? เขาดูราวกับว่ากำลังจะเป็นบ้าตอนที่เขากรีดร้องและพยายามจะรีบวิ่งมาหาเธอ

 

‘อ่า เมื่อไหร่ฉันจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนเกิดอุบัติเหตุได้นะ?’

 

'แล้วตอนนี้พ่อกับแม่อยู่ไหน ฉันคิดถึงพวกท่านจริง ๆ' กู้เหนียนจื่ออดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึม อารมณ์ที่รุนแรงจากความฝันทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวดด้วยความเศร้าและเสียใจอย่างสุดซึ้ง

 

การคิดถึงพ่อแม่ของเธอค่อย ๆ คลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการสอบสัมภาษณ์ของเธอ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน พวกเขาจะต้องรักเธอมากแน่ ๆ ริมฝีปากของเธอยังคงฝืนยิ้มแล้วค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง

 

เธอตื่นขึ้นในครั้งต่อไปเป็นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกข้างหมอนของเธอ ทันทีที่มันดัง เธอก็รีบปิดเครื่องและรีบลุกขึ้นจากเตียง ตอนนี้เป็นเวลา 7 โมงเช้าแล้ว อีกสามคนในห้องยังหลับสนิท ไม่มีใครได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกของเธอ

 

กู้เหนียนจื่อสวมชุดเดรสไปล้างหน้าในห้องน้ำ เธอแปรงผมและทำกิจวัตรการดูแลผิวให้เสร็จก่อนที่จะคว้ากระเป๋าเป้ลงไปข้างล่าง

 

ในขณะนี้เหม่ยเสี่ยวเหวินกำลังรออยู่ในรถที่จอดไว้ฝั่งตรงข้ามถนนหอพัก เขารีบเปิดประตูออกไปเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินออกมา “เหนียนจื่อ เธอกินข้าวเช้าหรือยัง”

 

คนถูกถามส่ายหัว “ฉันจะกินหลังจากสัมภาษณ์เสร็จ” เธอมีนัดสัมภาษณ์ตอน 8 โมงและจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ดังนั้นเธอจึงคิดว่าจะทานข้าวหลังจากทำภารกิจสำคัญให้เสร็จก่อน

 

ชายหนุ่มดูเหมือนจะคาดการณ์ไว้แล้วว่าเธอจะบอกแบบนี้ เพราะเขายื่นถุงกระดาษให้เธอหลังจากที่เธอนั่งอยู่ในรถ “กินนี่ไปก่อน มันคือนมถั่วเหลืองสดกับเสี่ยวหลงเปา”

 

ความรอบคอบของหัวหน้าห้องทำให้หญิงสาวปฏิเสธไม่ได้ เธอจึงนั่งหน้าแดงพลางรับถุงกระดาษมาจากเขาและพูดเบา ๆ ว่า "ขอบคุณนะ" ก่อนที่จะทานอาหารคำเล็ก ๆ

 

พอมาถึงตึกคณะนิติศาสตร์ เธอก็จัดการมื้อเช้าเสร็จพอดี

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินส่งขวดน้ำแร่และหมากฝรั่งให้เธอ กู้เหนียนจื่อเปิดขวดดื่มน้ำ จากนั้นก็เคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อทำให้ลมหายใจของเธอหอมสดชื่น

 

เธอลงจากรถเข้าไปในอาคารเวลา 7:45 น. แล้วพอถึงเวลา 7:50 น. เธอไปรอที่หน้าห้องประชุมแล้ว

 

5 นาทีต่อมา ชายหนุ่มสวมชุดสูทสีกรมท่าที่ทำจากขนสัตว์อย่างดี และเนคไทลายตารางสีน้ำเงินซีดเดินมาจากปลายอีกด้านของทางเดินอย่างไม่เร่งรีบ เขามีรูปร่างที่ดี ด้วยไหล่กว้างและเอวที่เพรียว ทำให้โดยรวมแล้วเขาดูมีสเน่ห์มาก ตอนนี้มือข้างหนึ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกง แล้วอีกมือถือแฟ้ม ขณะที่เขาเดินไปหากู้เหนียนจื่อด้วยท่วงท่าที่สง่างาม แล้วพูดด้วยเสียงที่เป็นทางการว่า “เธอคือกู้เหนียนจื่อหรือเปล่า?”

 

เฮอจือชูมีผิวขาว ผมสีดำเงางามที่ปัดแนบไปกับหน้าผาก บดบังดวงตารูปอัลมอนด์ที่สวยงามข้างหนึ่งซึ่งมองมาที่เธออย่างใกล้ชิด ขนตาที่ยาวตรงของเขาเห็นได้ชัดเจนเมื่อเขากะพริบตา จมูกเชิดรั้นและริมฝีปากบางของเขาทำให้เขาดูค่อนข้างเข้าถึงยาก ตรงกันข้ามกับดวงตาที่อ่อนโยนของเขาอย่างสิ้นเชิง เขามีเสน่ห์ที่ลึกลับและความเป็นมืออาชีพแฝงอยู่ในทุกอริยาบทจริง ๆ

 

คนที่ถูกทักลุกยืนขึ้นทันที “ศาสตราจารย์เฮอจือชู?” เธอเคยเห็นรูปถ่ายของเขาบนเว็บไซต์ของโรงเรียนกฎหมายฮาร์วาร์ดและสามารถจำเขาได้ทันที

 

“เข้าไปข้างในกัน” ศาสตราจารย์หนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเปิดประตูห้องประชุมและเดินเข้าไปก่อน ตอนนี้เสียงของเขาไพเราะกว่าเสียงในโทรศัพท์เมื่อวานนี้มาก อาจเป็นเพราะพวกเขาได้พบหน้ากัน 

 

จากนั้นกู้เหนียนจื่อเดินตามหลังเขาเข้าไปในห้องและปิดประตู

 

“นั่งลงสิ ทำตัวตามสบาย การสัมภาษณ์ครั้งนี้จะเป็นการพูดคุยทั่วไป” เฮอจือชูนั่งอยู่ตรงโต๊ะทรงวงรีที่อยู่ใกล้หน้าต่างมากที่สุด เขายื่นมือไปยังที่นั่งตรงข้ามเขาและบอกให้อีกฝ่ายนั่งลง

 

หญิงสาวได้เลือกชุดสูทผ้าขนสัตว์สีเทาควันบุหรี่และสวมรองเท้าส้นสูงมาสัมภาษณ์ครั้งนี้ด้วย มันทำให้เธอดูผอมเพรียวสง่างาม และที่สำคัญที่สุดคือภาพลักษณ์ของเธอจะดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ซึ่งตอนนี้เธอยังเด็กและไม่อยากถูกดูถูก

 

ชายหนุ่มพลิกเปิดเอกสารในมือพร้อมกับข้อมูลของผู้ที่มาสัมภาษณ์ รวมถึงใบสมัคร ใบรับรองผลการเรียน ประวัติย่อและจดหมายแนะนำ สิ่งเหล่านี้จำเป็นสำหรับการสมัครเข้าเรียนมาก

 

“ก่อนอื่น บอกฉันทีว่าทำไมเธอถึงสมัครมาเป็นนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของฉัน” เฮอจือชูเงยหน้าขึ้นถาม

 

คำถามนี้เป็นคำถามง่าย ๆ เพื่อเริ่มต้นการสนทนา โดยพื้นฐานแล้วเป็นคำถามสัมภาษณ์มาตรฐานและกู้เหนียนจื่อได้เตรียมไว้แล้ว

 

เธอเริ่มด้วยการแสดงความชื่นชมต่อศาสตราจารย์หนุ่มและยกย่องความสำเร็จอันน่าประทับใจของเขา แต่แล้วเธอก็เปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว “ศาสตราจารย์เฮอประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ปกติคุณเป็นที่ปรึกษาให้กับนักศึกษาปริญญาเอกเท่านั้น หนูคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จนกระทั่งถึงเวลาที่หนูต้องเลือกสอบเข้าระดับบัณฑิตศึกษา แล้วได้เห็นว่าคุณกำลังรับสมัครตำแหน่งนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา หนูมีความสุขมากและรีบสมัครเข้าที่นี่ทันทีค่ะ”

 

เฮอจือชูยิ้มจาง ๆ และก้มศีรษะลงเพื่อเขียนข้อความสองสามบรรทัดในแฟ้ม จากนั้นเขาก็พลิกดูประวัติย่อของกู้เหนียนจื่อ “เธอผ่านการทดสอบความสามารถพิเศษของประเทศเมื่ออายุ 15 ปี และอยู่ในระดับนักศึกษาปริญญาตรีปีที่ 3 แล้ว เมื่อพิจารณาจากเกรดแล้ว เธอสามารถสมัครเรียนคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัย B ได้อย่างง่ายดาย ทำไมเธอถึงเลือกมหาวิทยาลัย C?”

 

ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป