Your Wishlist

ว่าไงคะ ท่านนายพล (บทที่ 35-36 : ปะทะฝีปาก, แขกที่ไม่ได้รับเชิญ (1))

Author: Han Wuji (Akira แปล)

กู้เหนียนจื่อ หญิงสาวอายุ 17 ปีผู้สูญเสียความทรงจำในวัยเด็ก มีเพียงภาพที่ตนเองติดอยู่ในรถที่กำลังลุกไหม้เท่านั้นที่ยังฉายชัดอยู่ในความฝันของเธอ โชคดีที่เธอได้ฮัวเฉาเหิง ทหารหนุ่มผู้มีตำแหน่งพลตรีช่วยชีวิตเอาไว้ ชายหนุ่มถูกกองทัพของจักรวรรดิร้องขอให้เป็นผู้ปกครองของกู้เหนียนจื่อที่มีอายุเพียง 12 ปี และปกปิดประวัติที่แท้จริงของทั้งคู่เอาไว้ แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เธอก็อยู่กับเขานับตั้งแต่นั้นมา เธอใช้ชีวิตด้วยความกลัวและไม่มั่นคงมาตลอด เธอจะรู้สึกปลอดภัยเฉพาะเวลาได้อยู่ใกล้ ๆ ผู้ปกครองหนุ่มเท่านั้น ระหว่างนั้นกองทัพของจักรวรรดิได้ทำการสืบค้นประวัติของหญิงสาว แต่ก็ไม่สามารถค้นหาได้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ตัวตนที่แท้จริงของกู้เหนียนจื่อคือใครกันแน่? เหตุใดเธอจึงถูกลอบทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต?

จำนวนตอน : 2263

บทที่ 35-36 : ปะทะฝีปาก, แขกที่ไม่ได้รับเชิญ (1)

  • 12/10/2564

บทที่ 35 : ปะทะฝีปาก

 

“ฉันบอกเธอแล้วว่าเธอทำได้ อะไรที่มันเป็นของเธอมันก็จะเป็นของเธอ ไม่มีใครเอามันไปจากเธอได้ เธอเป็นเด็กเรียนดีที่สุดในชั้นเรียนของเราเลยนะ!” เหม่ยเสี่ยวเหวินรู้สึกภาคภูมิใจในตัวกู้เหนียนจื่อ เขาอดไม่ได้ที่จะขยี้หัวของเธอเบา ๆ เพราะความหมั่นเขี้ยว   

 

ในเวลานี้หญิงสาวรู้สึกปีติยินดีจนไม่ได้สนใจอีกฝ่ายที่กำลังลูบหัวเธอ ตอนนี้เธอยิ้มกว้างไม่หุบ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความสุข เธอกัดริมฝีปากล่างที่เป็นสีดอกกุหลาบด้วยความตื่นเต้น

 

แต่ระหว่างนั้นเสียงของเฮอจือชูดังผ่านโทรศัพท์ขึ้นมาขัดจังหวะ “พรุ่งนี้เช้า 8 โมง นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเธอ”

 

กู้เหนียนจื่อรีบพยักหน้ารับแล้วตอบว่า “ได้ค่ะ! หนูตกลง! คราวนี้หนูจะไม่สายแน่!”

 

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ตัดสินใจเลือกสถานที่สำหรับการสัมภาษณ์ เมื่อเลือกสถานที่นัดพบแล้ว หญิงสาวก็เดินทางออกจากอาคารผู้เชี่ยวชาญพร้อมกับเหม่ยเสี่ยวเหวินอย่างมีความสุข

 

แล้วหัวหน้าเหม่ยก็ไปส่งเธอกลับหอ แต่คราวนี้เขาไม่ได้ตามเธอเข้าไปข้างในอีก เขาปลดเข็มขัดนิรภัยของเธอแล้วจับมือเธอไว้ “เชิดหน้าเข้าไว้แล้วทำให้ดีที่สุด พรุ่งนี้ฉันจะมารับเธอ”

 

“นายไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นก็ได้ หัวหน้าเหม่ย ฉันนัดสัมภาษณ์ที่ห้องประชุมของแผนกกฎหมาย ฉันรู้ทางไปที่นั่น” กู้เหนียนจื่อก้าวลงจากรถและโบกมือ “แล้วเจอกันนะ หัวหน้าเหม่ย”

 

หญิงสาวกลับไปที่หอพักของเธอ เสียงฝีเท้าดังก้องอยู่ในห้องโถง เธอเปิดประตูห้องก่อนจะตะโกนว่า “ยัยหนูชาเขียวฟ่าง คุณหนูเฉา นางมารน้อย! ฉันกลับมาแล้ว!"

 

“ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น? กินยาแล้วลืมเขย่าขวดหรือไง?” คนที่มีฉายายัยหนูชาเขียวฟ่างยิ้มขณะที่เธอยื่นแก้วน้ำให้อีกฝ่าย “เอ้านี่ ดื่มน้ำอุ่น ๆ สักหน่อย ฤทธิ์ยาจะได้ลดลงง่ายกว่าถ้าเธอละลายมันก่อน”

 

“ยัยหนูชาเขียวของฉัน วันนี้เธอดูน่ารักขึ้นนะ! มาจุ๊บทีมะ!” กู้เหนียนจื่อยื่นหน้าเข้าไปหาเธอ  

 

ฟ่างเหวินซินจุมพิตใบหน้าของอีกคนพร้อมทำเสียงจูบที่เกินจริง จากนั้นก็ลูบแก้มของคนตรงหน้าแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ตอนนี้ก็ใกล้จะเย็นแล้ว ไปแต่งตัวได้แล้วไป หัวหน้าเหม่ยจะเลี้ยงอาหารค่ำเราคืนนี้ สาวน้อย อย่าลืมนะว่าวันนี้เธอเป็นแขก VIP” 

 

พวกเธอมักจะหยอกเล่นกันแบบนี้ในหอพัก ซึ่งรูมเมทอีกสองคนคุ้นเคยกับมันแล้ว ตอนนี้รูมเมทสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเตียงสองชั้นแล้วกัดแอปเปิ้ลชิ้นใหญ่ ในขณะที่ขาเรียวยาวของเธอแกว่งไปมาในอากาศสบาย ๆ ส่วนอีกคนหนึ่งออกไปที่ระเบียงโดยเปิดหูฟังและทำงานวิชาภาษาอังกฤษของเธอ

 

ซึ่งคนที่อยู่ตรงระเบียงคือคุณหนูเฉา

 

เธอยิ้มและโบกมือให้รูมเมทของเธอ “สาวน้อย มานี่เร็ว แฟนเธอยังไม่กลับไป ควรมีคนไปบอกหัวหน้าที่รักของเราให้หยุดทำตัวสมาร์ท อกผายไหล่ผึ่งขนาดนี้! หน้าหล่อ หุ่นเป๊ะ เป๊ะเว่อร์! โอ้ ฉันรู้สึกร้อนมากตอนที่มองเขา! อย่างที่คนเขาพูดกัน ความสง่างามอยู่ที่สายตาของคนมอง!”

 

“คุณหนูเฉา ช่วยหยุดแสดงท่าทีแบบนั้นได้ไหม มันน่าเกลียดมาก ไม่มีใครเขาเอาสำนวนที่เธอพูดมาใช้กับการมองผู้ชายหรอก นางมารน้อยกล่าวพลางเดินออกไปที่ระเบียงแล้วเท้าแขนกับไหล่กู้เหนียนจื่อ โดยมียัยหนูชาเขียวเดินตามหลังพวกเธอมาด้วยท่าทางอารมณ์ดี 

 

ที่ชั้นล่าง ในมุมที่มองเห็นระเบียงห้องของทั้งสี่สาวชัดที่สุด เหม่ยเสี่ยวเหวินเอนหลังพิงกับรถของเขา แล้วมองดูนาฬิกาของตัวเองบ่อย ๆ

 

“สาวน้อย เธอควรพิจารณาเดทกับหัวหน้าอย่างจริงจังได้แล้ว ดูเขาสิ! หุ่นเขาอย่างกับนายแบบ ใบหน้าที่งดงาม และไอคิวที่คู่ควรกับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด นอกจากนี้เขายังเป็นทายาทของครอบครัวที่มีทรัพย์สมบัติมหาศาล และเห็นได้ชัดว่านี่เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด เขาปฏิบัติต่อเธอราวกับเจ้าหญิง เธอจะหาผู้ชายแบบเขาได้จากที่ไหนอีก” หวังจุนหยา เจ้าของฉายานางมารน้อยเพิ่งสาธยายสรรเสริญเหม่ยเสี่ยวเหวินเสร็จ หลังจากนั้นหญิงสาวในชุดขนสัตว์สีขาวก็ปรากฏตัวขึ้นที่ชั้นล่าง เธอเดินไปหาชายหนุ่มและมอบผ้าพันคอที่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ซื้อจากร้านค้าทั่วไปให้เขา

 

"ฮึ! เธอจงใจทำชัด ๆ! นั่นซ่งหรูยวี่! ยัยผู้หญิงหน้าไหว้หลังหลอกที่อยู่ห้อง 2 ใช่ไหม? หน้าด้านจริง ๆ!”

 

จากคนที่มองดูเหตุการณ์ทั้งสี่คนบนระเบียง ตอนนี้สามในสี่คนกำลังระเบิดอารมณ์ออกมา

 

หลังจากพูดจบ นางมารน้อยหยิบกระป๋องเปล่าจากระเบียงโยนมันลงไปที่พื้นแล้วตะโกนว่า ”ซ่งหรูยวี่ ! ปล่อยหัวหน้าห้องเดี๋ยวนี้นะ!”

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินและซ่งหรูยวี่มองขึ้นไปเห็นสี่สาวที่กำลังแออัดกันอยู่บนระเบียงชั้น 5

 

ระหว่างนั้นหญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดที่โดนขัดจังหวะ เธอโกรธจนกัดฟันแน่น แต่เธอไม่ได้ตอบโต้อะไรออกไป แล้วเธอก็ขยับเข้าไปใกล้คนข้าง ๆ มากขึ้น ก่อนจะแสร้งทำหน้าเจ็บปวดให้ดูน่าสงสารที่สุดและพึมพำอย่างเอียงอายว่า “เสี่ยวเหวิน ฉันชอบนาย ฉันจริงจังนะ เราจะเรียนจบในเร็ว ๆ นี้ ถ้าฉันไม่ได้บอกนายว่าฉันรู้สึกยังไงตอนนี้ ฉันจะเสียใจไปตลอดชีวิต”

 

หัวหน้าหนุ่มไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ยิ้มอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่มือของเขายังคงสอดอยู่ในกระเป๋า นอกจากนี้เขาก็ไม่ได้รับผ้าพันคอจากเธอ

 

ในเวลาเดียวกันหญิงสาวสองคนรีบวิ่งลงไปข้างล่างทันที

 

ยัยหนูชาเขียวฟ่างปกติจะเป็นเหมือนแกนนำของกลุ่มมาโดยตลอด ส่วนนางมารน้อยมีฝีปากจัดจ้านเกินใคร เธอไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมใครง่าย ๆ ด้วย ทั้งสองคนวิ่งลงไปข้างล่าง แล้วชี้ไปที่อีกฝ่ายด้วยท่าทางขึงขังทันทีที่ไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายหญิงที่อยู่ข้างล่าง “เธอคิดว่าเธอกำลังพยายามทำอะไรอยู่” นางมารน้อยถาม

 

ซ่งหรูยวี่เงยศีรษะขึ้นและไม่ยอมถอยกลับ “อะไรนะ ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้สารภาพรักกับหัวหน้าห้องหรอกเหรอ? พวกเธอเป็นใครไม่ทราบ? เขาไม่ใช่แฟนของเธอสักหน่อย!”

 

“ซ่งหรูยวี่!” ยัยหนูชาเขียวฟ่างจ้องหน้าเธอ “เขาไม่ใช่หัวหน้าห้องของเธอ! เธออยู่ห้อง 2 เธอไม่มีสิทธิ์มาเรียกเขาว่าหัวหน้า ฉันเดิมพันได้เลยว่าถ้าหัวหน้าห้องของเธอได้รู้เรื่องนี้ เขาคงจะร้องไห้ในการกระทำที่น่าอับอายนี้ ละอายใจบ้างไหมที่พูดแบบนั้นออกมา!”

 

นางมารน้อยดึงผู้หญิงคนนั้นออกมาจากเหม่ยเสี่ยวเหวิน “อย่าไปยืนใกล้เขา เขาไม่ได้สนิทกับเธอ!”

 

ฝ่ายที่ถูกลากออกมาแอบเหลือบมองชายหนุ่ม ตอนนี้เขายังคงมีท่าทีสงบ เหมือนไม่สนใจความโกลาหลตรงหน้าเลย มันยิ่งทำให้เธอหน้ามืดตามัว เธอรู้สึกว่าตัวเองตกหลุมรักเขามากขึ้น เธอหันหลังกลับมาทำหน้าบึ้งใส่คนที่ดึงตัวเธอและพูดด้วยความโกรธ “ยัยนางมารร้าย! เหม่ยเสี่ยวเหวินไม่ได้เป็นแฟนของเธอสักหน่อย! เธอมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้? โอ้ ฉันรู้แล้ว! ฉันพนันได้เลยว่าเธอแอบชอบหัวหน้าห้องของเธอเอง!”

 

ฉายาของหวังจุนหยา คือ ‘นางมารน้อย’ แต่ซ่งหรูยวี่ได้จงใจเปลี่ยนคำเป็น ‘นางมารร้าย’ เพื่อเป็นการดูถูก

 

ตอนนี้เจ้าของฉายารู้สึกโกรธจัด แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา ยัยหนูชาเขียวฟ่างได้ก้าวเข้ามาข้างหน้าเธอพร้อมกับพูดเยาะเย้ยใส่อีกฝ่ายว่า “ทุกคนในคณะของเรารู้ว่าหัวหน้าเหม่ยมีคนที่เขาชอบอยู่แล้ว นี่เธอโง่จริง ๆ หรือแค่แกล้งโง่กันแน่?”

 

“ดูสินี่ใคร! ใช่ ฉันรู้ว่าหัวหน้าเหม่ยกำลังสนใจกู้เหนียนจื่อ เด็กกำพร้าตัวน้อยที่เป็นรูมเมทของพวกเธอ! แต่เธอไม่ได้พูดอะไรเลย ทำไมพวกเธอถึงมาเดือดร้อนแทนเธอล่ะ?”

 

“ว้าย ยัยหน้าด้าน ที่เธอพูดก็ถูกนะ! เธอจะทำทุกอย่างเพื่อขโมยผู้ชายไปจากคนอื่นใช่ไหม!” ฟ่างเหวินซินรู้สึกปรี๊ดแตกเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด และเมื่อถูกต่อว่า ซ่งหรูยวี่ก็กรีดร้องเสียงดัง “จะเอายังไงห้ะ?! ยัยชาเขียวแรด!”

 

“แล้วไง ถึงฉันจะแรด แต่ฉันก็ไม่เคยไปแย่งแฟนเพื่อนหรอกนะ แล้วเธอล่ะ? เธอชอบไปแย่งผู้ชายที่มีเจ้าของแล้วตลอด นั่นเป็นเหตุผลที่ทุกคนเรียกเธอว่าตอแหล!” ยัยหนูชาเขียวฟ่างแก้เผ็ด เธอยังคงยืนเชิดหน้าอย่างสง่างามแม้ว่าตอนนี้เธอจะกำลังถูกผู้หญิงอีกคนด่าทออยู่ 

 

เธอรู้ว่าฉายา 'ยัยหนูชาเขียว' ของเธอนั้นไม่ได้เป็นคำชม แต่เธอจะไม่ยอมให้ใครมาเหยียบย่ำเธอ

 

ซึ่งการโต้เถียงที่เกิดขึ้นนั้นทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยอมใคร ทำให้เกิดการทะเลาะกันเสียงดัง กู้เหนียนจื่อและคุณหนูเฉาที่ยังคงยืนอยู่บนระเบียงสามารถได้ยินทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจน

 

สาวน้อยประจำกลุ่มปิดหน้าของเธอและพูดอย่างสิ้นหวัง “ได้โปรด หยุดเถอะ นี่มันน่าอายมาก!”

 

"เธอจะกลัวอะไร? อีกไม่นานเราก็จะเรียนจบแล้ว เราคงไม่มีโอกาสได้เจอคนส่วนใหญ่ที่นี่อีกแล้ว นี่เป็นโอกาสที่เราจะฉีกหน้ากากและพูดอะไรก็ได้ที่เราอยากพูด ฉันแสดงเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบมาตลอด ฉันต้องรักษาภาพพจน์ไว้ถึง 4 ปี!” เฉาหยุนซานพูดขณะที่มองดูพวกเธอจากระเบียงและเพลิดเพลินกับการทะเลาะวิวาทด้านล่างทุกนาทีพร้อมกับจับกู้เหนียนจื่อไว้แน่นเพื่อป้องกันไม่ให้เธอหลบเข้าไปซ่อนตัวในห้อง

 

ซ่งหรูยวี่รู้สึกอับอายมากกับสิ่งที่ยัยหนูชาเขียวฟ่างพูด แต่เธอไม่สามารถโต้เถียงอะไรได้ ที่จริงเธอไม่อยู่หอร่วมกับรูมเมทของเธอเพราะเธอเคยนอนกับแฟนเก่าของรูมเมททั้งสาม ไม่แปลกใจที่ไม่มีใครออกมาช่วยเธอเลย เธออยู่คนเดียวและกลายเป็นคนไร้ค่า แต่ตอนนี้เธออยู่ในสังเวียนที่เผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ฮอตมากสองคนจากห้อง 1 ซึ่งเธอไม่มีโอกาสเอาชนะได้เลย

 

ในขณะนี้เธอเริ่มหมดหวังมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นฝูงชนที่ทยอยกันมาดูเหตุการณ์มากขึ้น ในที่สุดเธอก็กัดฟันและพูดเสียงดังกับเหม่ยเซียวเหวินว่า “เสี่ยวเหวิน! บอกฉันที ตอนนี้นายมีแฟนหรือยัง! ถ้านายมีแฟนแล้ว ฉันจะไม่ยุ่งกับนาย ฉันจะหายไปจากสายตาของนายทันที! ฉันไม่ใช่คนชอบแย่งแฟนคนอื่น! ฉันไม่รับข้อกล่าวหาที่ไร้เหตุผลพวกนี้!”

 

หัวหน้าห้องหนุ่มค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองรอบ ๆ ก่อนจะมองตรงไปที่กู้เหนียนจื่อซึ่งยังคงเฝ้าดูอยู่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนว่า “กู้เหนียนจื่อ เธอจะเป็นแฟนของฉันไหม” เขาเอ่ยถามพร้อมกับนำดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ออกมาจากรถของเขาและค่อย ๆ คุกเข่าหันหน้าไปทางระเบียงพร้อมยกดอกกุหลาบเข้าหาเธอ  

 

“พวกเขากำลังสารภาพรักกัน!”

 

“ว้าว พวกเขาจะเป็นคู่รักแห่งปี!”

 

“ตกลงๆๆๆๆๆ!”

 

ผู้ชมซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในรุ่นที่กำลัจะสำเร็จการศึกษา พวกเขาปรบมือและเชียร์ออกมาด้วยความตื่นเต้นกับฉากสารภาพรักตรงหน้า

 

บทที่ 36: แขกที่ไม่ได้รับเชิญ (1)

 

ในเวลานี้กู้เหนียนจื่อยืนอยู่บนระเบียงนอกห้องของเธอโดยที่เธอไม่แน่ใจว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินได้เก็บช่อกุหลาบยักษ์ไว้ในรถ เธอเดาว่าการทำอย่างนี้ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า แต่เธอก็ไม่ได้รังเกียจที่ถูกสารภาพรักแบบนี้ ตอนนี้เธอยังคงยืนอยู่บนระเบียงและจู่ ๆ ก็อยากจะแทะเล็บของตัวเองด้วยอาการประหม่ามากขึ้นเรื่อย ๆ ทางด้านคุณหนูเฉาที่อยู่ข้าง ๆ เห็นว่าทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ เธอจึงผลักสาวน้อยกลับเข้าไปในห้องทันทีและโบกมือให้กลุ่มที่ทะเลาะกันด้านล่างก่อนจะตะโกนว่า “หัวหน้าห้อง นายอยากจะเอาชนะใจเหนียนจื่อของเราด้วยดอกกุหลาบแค่ช่อเดียวเนี่ยนะ?! แค่นั้นยังไม่พอหรอก!”

 

เมื่อเห็นคนที่ตนรักถูกผลักเข้าไปในห้อง ชายหนุ่มก็ยืนขึ้นและยกช่อดอกไม้ขึ้นเหมือนนักกีฬาโอลิมปิกเหรียญทอง "นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น! ฉันจะพยายามให้มากขึ้น!”

 

ในที่สุดซ่งหรูยวี่ก็เข้าใจความรู้สึกที่ถูกปฏิเสธ เหม่ยเสี่ยวเหวินสารภาพรักกับกู้เหนียนจื่อต่อหน้าคนมากมายและแม้ว่ากู้เหนียนจื่อจะไม่ตอบรับเขาในทันที แต่เขาถูกมองว่าเป็น 'คนมีเจ้าของ' โดยนักศึกษาในมหาวิทยาลัย C แล้ว

 

ในเวลานี้นางมารน้อยแทบจะหุบยิ้มไม่ได้ เธอเอามือข้างหนึ่งแนบหูของเธอและแสร้งทำเป็นถือไมโครโฟนอีกข้างหนึ่งแล้วหันไปทางซ่งหรูยวี่  “แม่คนเจ้าเล่ห์ นี่เป็นครั้งแรกที่อกหักหรือไง รู้สึกยังไงที่เสนอหน้ามาให้เขาปฏิเสธ? ไหนเล่าให้ฟังหน่อยสิ!”

 

“ไปให้พ้น! ยัยนางมารร้าย!" หญิงสาวผลักอีกฝ่ายออกแล้ววิ่งกลับไปที่หอพักพร้อมสะอื้นไห้

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินมอบดอกกุหลาบให้ยัยหนูชาเขียวฟ่าง “ฝากมอบดอกไม้ให้กับเหนียนจื่อแทนฉันหน่อยนะ”

 

“แน่นอน ยังไงก็ตาม หัวหน้าห้อง อย่าลืมอาหารค่ำคืนนี้ล่ะ!” ฟ่างเหวินซินรับช่อดอกกุหลาบมาแล้วเสยผม

 

ชายหนุ่มคิดถึงการสัมภาษณ์ของกู้เหนียนจื่อในเช้าวันรุ่งขึ้น เขากังวลว่างานปาร์ตี้คืนนี้อาจจะดึกเกินไป มันจะส่งผลต่อการสัมภาษณ์ของเธอ เขาเปิดประตูรถพลางหันไปขอโทษหญิงสาวทั้งสองคน “เอ่อ ฉันขอโทษนะ แต่คืนนี้ฉันไปไม่ได้จริง ๆ ฉันมีธุระกับที่บ้าน พวกเขาโทรหาฉันเมื่อกี้นี้เอง ฉันได้บอกเหนียนจื่อแล้ว แต่พรุ่งนี้…พรุ่งนี้ฉันว่างแน่นอน” เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา “เดี๋ยวฉันจองโต๊ะพรุ่งนี้ให้เลย”

 

ยัยหนูชาเขียวฟ่างและนางมารน้อยส่งสายตาให้กันและหันไปพูดกับหัวหน้าห้องด้วยน้ำเสียงที่แสดงว่าไม่พอใจชัดเจน “หัวหน้า เราสัญญาว่าจะช่วยนายจีบเหนียนจื่อเพราะนายเป็นคนจริงใจ อย่ามาเล่น ๆ กับเธอนะ” เมื่อเช้านี้เขาเพิ่งสัญญาว่าจะพาไปเลี้ยงมื้อค่ำ แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจ ความจริงใจของเขาอยู่ที่ไหน ความประทับใจที่เขาสร้างไว้ให้กู้เหนียนจื่อนั้นกำลังจะมลายหายไปก่อนที่จะได้สานสัมพันธ์อันแสนโรแมนติก

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินรีบอธิบาย “ฉันมีบางอย่างต้องไปจัดการจริง ๆ เหนียนจื่อรู้เรื่องนี้แล้วด้วย ถามเธอดูสิถ้าพวกเธอไม่เชื่อฉัน” เขาต้องการส่งข้อความให้กู้เหนียนจื่อทันทีเพื่อสื่อสารแผนนี้กับเธอ

 

"จริงเหรอ?" ฟ่างเหวินซินมองไปที่หวังจุนหยาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์และถามเธอว่า “เธอเชื่อเขาไหม”

 

คนที่ถูกถามยักไหล่ “เรากลับไปถามเหนียนจื่อก็ได้”

 

หัวหน้าหนุ่มกำลังจ้องโทรศัพท์ของเขา ทันใดนั้นเขาก็มีความคิดใหม่ผุดขึ้นมา “เหนียนจื่อชอบอาหารท้องถิ่นหรืออาหารอื่น ๆ ไหม”

 

ยัยหนูชาเขียวฟ่างส่งกุหลาบเข้าไปในอ้อมแขนของนางมารน้อยและให้อีกคนกลับไปก่อน จากนั้นเธอก็ตอบว่า “เหนียนจื่อชอบไปร้านอาหารท้องถิ่นบ่อย ๆ” คำพูดของเธอบ่งบอกว่าฐานะของเหนียนจื่อทำให้เธอไม่เลือกไปทานร้านอาหารหรูหรา

 

เมื่อได้ยินอยางนั้น มือของเหม่ยเสี่ยวเหวินชะงักไปและความอ่อนโยนก็พองออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ เขาต้องการที่จะทะนุถนอมผู้หญิงคนนั้นให้ดีเพราะเธอมีค่าคู่ควรกับเขา

 

“งั้นไปร้านอาหารเรดแมเนอร์ในเมืองกันเถอะ” ชายหนุ่มรีบค้นหาหมายเลขโทรศัพท์และโทรไปร้านอาหารเรดแมเนอร์ที่เป็นร้านอาหารต่างประเทศที่มีมาช้านานในเมือง C ซึ่งที่นี่เน้นเรื่องรสชาติ ประกอบกับมีประสบการณ์มาอย่างยาวนานและอาหารได้รับการกล่าวขานว่าเหมือนต้นตำหรับมาก แน่นอนว่าราคาก็แพงมากเช่นกัน

 

หญิงสาวยอมเงียบลงเมื่อเธอเห็นว่าอีกฝ่ายจองร้านอาหารไว้เวลา 18:00 น. การทานอาหารในร้านอาหารเรดแมเนอร์เขาน่าจะต้องจ่ายอย่างน้อย 10,000 หยวน “หัวหน้าห้อง มาพูดตรง ๆ กันเถอะ นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เราช่วยนายได้ หลังจากนี้นายต้องทำทุกย่างคนเดียว แม้ว่าตอนนี้เหนียนจื่อยังเด็กอยู่ แต่อย่าล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าเราไม่เตือน”

 

“เหนียนจื่อโชคดีที่มีรูมเมทอย่างเธอสามคน แน่นอนว่าฉันอยากจะแต่งงานกับเธอ” เหม่ยเสี่ยวเหวินกล่าวอย่างจริงจัง

 

อาจเป็นเพราะพวกเธอทั้งสามคนรู้จักผู้ชายคนนี้เป็นอย่างดีในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาและรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา พวกเธอจึงตกลงที่จะช่วยเขาในครั้งนี้

 

ยัยหนูชาเขียวฟ่างหันหลังกลับขึ้นไปชั้นบน และเหม่ยเซียเหวินก็ส่งข้อความหากู้เหนียนจื่ออย่างรวดเร็ว ‘คืนนี้พักผ่อนเยอะ ๆ นะ พรุ่งนี้ฉันจะมารับเธอ ฉันบอกรูมเมทของเธอว่าฉันมีธุระกับที่บ้านและเปลี่ยนไปเลี้ยงมื้อค่ำพรุ่งนี้ อย่าให้ใครรู้นะและอย่าบอกใครเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ของเธอในวันพรุ่งนี้ เธอควรรอจนกว่าจะได้จดหมายตอบรับ’

 

‘อะไรก็เปลี่ยนแปลงได้ก่อนที่เธอจะไปถึงขั้นนั้น’ ประโยคนี้ชายหนุ่มคิดในใจ

 

ถ้าเป็นเมื่อก่อนกู้เหนียนจื่อคงคิดว่าเหม่ยเสี่ยวเหวินกำลังคิดมากเกินไป แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเฟิงอี้ซี เธอจึงรู้สึกว่าควรระมัดระวังมากขึ้น แม้ว่าเธอจะคิดว่ารูมเมทสาวสามคนของเธอไม่เหมือนกับเฟิงอี้ซี แต่โอกาสสุดท้ายของเธอคือวันพรุ่งนี้ และเธอก็ไม่อยากมีปัญหาอีก เธอจะเลี้ยงอาหารค่ำพวกเขาหลังจากสัมภาษณ์เสร็จเพื่อเป็นการขอโทษ ดังนั้นเมื่อนางมารน้อยกลับมาที่หอพักและถามเธอเกี่ยวกับแผนสำหรับคืนพรุ่งนี้ เธอก็ตอบเบา ๆ ว่า “หัวหน้าห้องบอกฉันแล้วว่าเขามีธุระกับที่บ้าน”

 

“มีอะไรหรือเปล่า” หวังจุนหยาผู้มีฉายานางมารน้อยเม้มริมฝีปากของเธอและดึงสาวน้อยลงมานั่งข้าง ๆ ขณะที่เธอถามอีกฝ่ายอย่างจริงจัง “เหนียนจื่อ ดูเหมือนว่าเธอค่อนข้างชอบเหม่ยเสี่ยวเหวินนะ ฉันต้องเตือนเธอในฐานะพี่สาว อย่าหลงระเริงกับพวกผู้ชายขยะมากเกินไป อย่ายกหัวใจของเธอให้กับคนที่ทำดีกับเธอนิด ๆ หน่อย ๆ”

 

กู้เหนียนจื่อรู้สึกวิตกกังวลกับคำพูดเหล่านี้ เธอใช้นิ้วแตะหน้าผากของ นางมารน้อย "พี่สาวที่รักของฉัน เธอเคยเจอเรื่องเจ็บปวดมาก่อนหรือเปล่า ทำไมเธอถึงพูดว่า 'พวกผู้ชายขยะ' ?”

 

“หึ! บอกได้เลยว่าเธอจะต้องทุกข์ใจถ้าเธอไม่ทำตามคำแนะนำของผู้ใหญ่! ฉันมีประสบการณ์มากมายกับผู้ชายและก้าวข้ามไปสู่ระดับ 'ดาวยั่ว' ฉันสามารถเข้าใจสิ่งที่ผู้ชายต้องการได้เพียงแค่ปรายตามองเท่านั้น!” หวังจุนหยาจิ้มที่หน้าผากของสาวตรงหน้า

 

พวกเธอสองคนหัวเราะคิกคักกับเรื่องเมื่อสักครู่ แล้วผ่อนคลายบรรยากาศที่ตึงเครียด จากนั้นพวกเธอก็เปลี่ยนเรื่องคุยและแย่งขนมกินกันกับรูมเมทสาวคนอื่น ๆ เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน กู้เหนียนจื่อก็ล้มตัวนอนบนเตียงเพื่อพักผ่อน พรุ่งนี้เธอต้องตื่นแต่เช้าและรีบไปมหาวิทยาลัย เนื่องจากเมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับ ทำให้เธออยากพักผ่อนให้เต็มที่

 

หลังจากที่เพื่อนของเธอเห็นว่าเธอผล็อยหลับไปแล้ว ทุกคนจึงไม่รบกวนเธอ พวกเธอทำความสะอาดห้องแล้วก็เข้ามุมส่วนตัวของตัวเอง สาวน้อยของกลุ่มนอนอยู่ในหอพักจนถึงกลางดึกก่อนที่เสียงน่ารำคาญของหัวหน้าหอพักดังขึ้นจากอินเตอร์คอมของหอพักเพื่อปลุกเธอ

 

“กู้เหนียนจื่อ ห้อง 518 มีคนมาหาคุณ!”

 

เจ้าของชื่อเด้งตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและรวบผมของเธอให้เป็นหางม้ายุ่ง ๆ ก่อนจะลงไปข้างล่าง ในเวลานี้มีรถเต่าขนาดเล็กจอดอยู่หน้าอาคาร พร้อมกับมีผู้หญิงที่สวยสง่าในชุดเดรสสีเทายืนอยู่ข้างรถ ผิวของเธอเนียนละเอียด ใบหน้าของเธออ่อนโยนสว่างไสวเหมือนดวงจันทร์ เธอมีคิ้วและริมฝีปากที่เข้ากับรูปหน้าและมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ เธอยิ้มให้กู้เหนียนจื่อแล้วพูดขึ้นมาว่า “เธอคือกู้เหนียนจื่อใช่ไหม? ฉันเหวินเฉียวอี้ ผู้ช่วยของศาสตราจารย์เฮอจือชู”

 

ปล. ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เราขอแก้ไขจากประธานรุ่นของเหม่ยเสี่ยวเหวินเป็นหัวหน้าห้องนะคะ และจะทยอยแก้ไขตอนที่ผ่านมาค่ะ

ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป