Your Wishlist

ว่าไงคะ ท่านนายพล (บทที่ 29-30 : ถึงแก่ชีวิต, ทำตามที่ใจเรียกร้อง)

Author: Han Wuji (Akira แปล)

กู้เหนียนจื่อ หญิงสาวอายุ 17 ปีผู้สูญเสียความทรงจำในวัยเด็ก มีเพียงภาพที่ตนเองติดอยู่ในรถที่กำลังลุกไหม้เท่านั้นที่ยังฉายชัดอยู่ในความฝันของเธอ โชคดีที่เธอได้ฮัวเฉาเหิง ทหารหนุ่มผู้มีตำแหน่งพลตรีช่วยชีวิตเอาไว้ ชายหนุ่มถูกกองทัพของจักรวรรดิร้องขอให้เป็นผู้ปกครองของกู้เหนียนจื่อที่มีอายุเพียง 12 ปี และปกปิดประวัติที่แท้จริงของทั้งคู่เอาไว้ แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เธอก็อยู่กับเขานับตั้งแต่นั้นมา เธอใช้ชีวิตด้วยความกลัวและไม่มั่นคงมาตลอด เธอจะรู้สึกปลอดภัยเฉพาะเวลาได้อยู่ใกล้ ๆ ผู้ปกครองหนุ่มเท่านั้น ระหว่างนั้นกองทัพของจักรวรรดิได้ทำการสืบค้นประวัติของหญิงสาว แต่ก็ไม่สามารถค้นหาได้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ตัวตนที่แท้จริงของกู้เหนียนจื่อคือใครกันแน่? เหตุใดเธอจึงถูกลอบทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต?

จำนวนตอน : 2263

บทที่ 29-30 : ถึงแก่ชีวิต, ทำตามที่ใจเรียกร้อง

  • 01/10/2564

บทที่ 29 : ถึงแก่ชีวิต

 

ก่อนหน้านี้หยินชือฉงได้ติดเข็มที่เล็กมากเป็นพิเศษไว้ที่ปลายร่มกระดาษน้ำมันของเขา

 

ซึ่งเข็มนั้นมีพิษร้ายแรงที่กองทัพจักรวรรดิพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ

 

แต่โอดะ มาซาโอะกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศรอบตัว จังหวะที่เขาตื่นเต้นที่สุด เขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่เย็นเฉียบจากน่องของเขา มันแทบจะไม่รู้สึกอะไรและเบากว่ายุงกัด เขาจึงไม่ได้หยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ร่างเตี้ย ๆ ของเขายังคงเต้นรำไปรอบ ๆ ต้นซากุระ

 

หยินชือฉงหัวเราะและทำตัวไหลลื่นไปตามนักเต้นคนอื่น ๆ ที่หมุนตัวไปสองสามรอบ ในเวลาเดียวกันเขาก็เดินถือร่มออกมาจากฝูงชนไปที่ถนนสายหลัก

 

เขาเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับหลายคนอยู่รอบ ๆ โอดะ มาซาโอะแอบดูเขาอยู่

 

แต่ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็ตกตะลึงกับความงามของดอกซากุระที่โปรยลงมา นอกจากนี้โอดะ มาซาโอะยังซ่อนตัวตนที่แท้จริงของเขามานานหลายปีแล้ว เขาไม่เคยทำตัวดึงดูดคนอื่นเลย เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับจึงไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรด้วย เนื่องจากไม่ได้สังเกตว่าโอดะ มาซาโอะตกเป็นเหยื่อแล้ว

 

ท่ามกลางผู้คนจำนวนมากที่เดินเข้าออกจากอุทยานหลวงแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็น เลขาหนุ่มกลมกลืนไปกับฝูงชนได้อย่างรวดเร็วแล้วเดินออกจากบริเวณสวน มุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล เขากำลังจะไปหาเจ้านายที่นั่น

 

ถึงเวลานี้ฮัวเฉาเหิงได้กลับไปที่ห้องทดลองของโอดะ มาซาโอะแล้วและจุดไฟเผาเอกสารทั้งหมดเพื่อไม่ทิ้งอะไรไว้นอกจากเถ้าถ่าน สำหรับการทำลายที่นี่เขาได้ติดตั้งระเบิดเวลาในห้องทดลอง แล้วระเบิดเปลวไฟจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

 

ในขณะเดียวกันใบหน้าของเจี้ยวเลี่ยงจื่อดูเคร่งขรึมมากขึ้นเมื่อเขาดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ผ่านกล้องวงจรปิด เขาลบวิดีโออย่างเงียบ ๆ แล้วจึงตัดสินใจทำอะไรให้ละเอียดยิ่งขึ้นโดยการอัปโหลดไวรัสคอมพิวเตอร์ไปยังอินทราเน็ตของโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล

 

ไวรัสจะรออยู่ในเครือข่าย มันจะแพร่กระจายผ่านอินทราเน็ตเท่านั้น แล้วมันจะไปลบข้อมูลที่เป็นความลับทั้งหมดพร้อมกัน เมื่อผู้ดูแลระบบเครือข่ายรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นและเริ่มใช้มาตรการฉุกเฉินของพวกเขา ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว

 

ในเวลาเดียวกันเมื่อหยินชือฉงมาถึงโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล ฮัวเฉาเหิงก็เพิ่งเดินออกมาทางประตูหน้า

 

ชายหนุ่มทั้งสองได้พบกันแต่ไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ พวกเขาขึ้นแท็กซี่และมุ่งหน้าไปยังสนามบินนานาชาติโตเกียว

 

เจี้ยวเลี่ยงจื่อซึ่งรับผิดชอบเรื่องการเดินทางด้วยเครื่องบินได้โทรศัพท์คุยกับสายการบินพลเรือนของจักรวรรดิที่สนามบินแล้ว

 

เนื่องจากพวกเขาจะบินด้วยเครื่องบินพลเรือนลำหนึ่งของจักรวรรดิ พวกเขาจึงได้รับอนุญาตให้เลี่ยงการตรวจสอบเกือบทั้งหมดตอนก่อนขึ้นเครื่องบิน มันเป็นสิทธิพิเศษของพวกเขาในฐานะพลเมืองของจักรวรรดิ

 

เมื่อฮัวเฉาเหิงและหยินชือฉงมาถึงสนามบิน เจี้ยวเลี่ยงจื่อก็พาพวกเขาไปหาพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินทันที และลงทะเบียนกระเป๋าเป้สะพายหลังของฮัวเฉาเหิงเป็นสัมภาระเช็คอิน นี่คือวิธีที่พวกเขาจะเอาตัวอย่างหลอดทดลองออกนอกประเทศ

 

นายพลหนุ่มและเลขาของเขาส่งตั๋วโดยสารพิเศษของพวกเขาที่ประตูขึ้นเครื่อง พวกเขาไม่มีกระเป๋าเดินทางติดมาด้วย หลังจากผ่านการรักษาความปลอดภัยที่สนามบินแล้ว ทั้งสามคนก็เดินไปที่ทางเดินวีไอพีอย่างมั่นใจ

 

“เชิญทางนี้ครับ” ในขณะนี้มีผู้ดูแลยืนอย่างสุภาพอยู่ที่ทางเข้าห้องโดยสาร เขายิ้มขณะที่พาชายหนุ่มทั้งสามเข้าไปข้างใน เขาจัดให้แขกนั่งรออยู่ห้องส่วนตัวในชั้นหนึ่งซึ่งห่างจากผู้โดยสารชั้นหนึ่งคนอื่น ๆ ทั้งหมด

 

หลังจากนั้นเครื่องบินก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็วแล้ววนกลับเหนือเมืองโตเกียวก่อนที่จะบินไปยังสนามบินนานาชาติของจักรวรรดิในเมือง C 

 

ขณะที่เครื่องบินเพิ่งเข้าสู่น่านฟ้าของประเทศ ในญี่ปุ่น จู่ ๆ ก็เกิดเสียงฟ้าร้องดังสนั่นจากห้องทดลองที่ดูธรรมดาภายในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล เสียงนั้นมาพร้อมกับแสงจ้าจากหน้าต่างห้องทดลอง เมื่อทุกอย่างข้างในระเบิดเป็นเถ้าถ่าน ไฟมหึมาที่ตามมานั้นแผดเผาทุกอย่างจนสิ้น 

 

เวลานั้นเจ้าหน้าที่ห้องทดลองตื่นตระหนกเกินกว่าจะดับไฟได้

 

เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ โอดะ มาซาโอะ อาจารย์ที่ปรึกษาของพวกเขาที่เป็นถึงพันเอกชาวญี่ปุ่นที่มีตัวตนเป็นความลับสุดยอด จู่ ๆ ก็มีอาการหัวใจวายขณะชื่นชมดอกซากุระ แล้วเขาก็เสียชีวิตระหว่างทางไปโรงพยาบาล

 

 

ฮัวเฉาเหิงนั่งหลับตาลงบนเก้าอี้อันหรูหราของเขาในห้องโดยสารชั้นหนึ่ง แล้วนวดตาก่อนจะลดมือลงไปกอดอก

 

ส่วนเจี้ยวเลี่ยงจื่อเฝ้าติดตามข่าวบนอินเตอร์เน็ตของญี่ปุ่นอย่างกระตือรือร้น

 

ไม่นานข่าวการระเบิดและไฟไหม้ที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียลก็ปรากฏขึ้นบนหน้าแรกของอาซาฮิ ชิมบุน ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวของญี่ปุ่น ข่าวไฟไหม้ห้องทดลองมาพร้อมกับรายงานของเจ้าของห้องทดลองนามโอดะ มาซาโอะที่เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายท่ามกลางบรรยากาศสดใสในการชมดอกซากุระ การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของเขาน่าจะเกิดจากความตื่นเต้นมากเกินไป

 

แฮ็กเกอร์หนุ่มยกมือขึ้นและดีดนิ้ว เขาหันไปหาเจ้านายซึ่งยังคงหลับตาอยู่และพูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ภารกิจสำเร็จครับท่าน”

 

นายพลหนุ่มลืมตาก่อนจะเบนสายตามองไปด้านข้าง

 

เจี้ยวเลี่ยงจื่อดันแท็บเล็ตของเขาไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว “ดูนี่สิครับ…”

 

ฮัวเฉาเหิงอ่านพาดหัวข่าวบนเว็บไซต์ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวและเย่อหยิ่ง เขาหลับตาลงเพื่อพยายามที่จะนอนหลับ

 

โอดะ มาซาโอะเป็นคนที่น่ารังเกียจจริง ๆ เขาสมควรตายมากกว่าพันครั้ง แต่แล้วกู้เหนียนจื่อล่ะ? หากว่าโอดะ มาซาโอะเสียชีวิต มันจะมีผลกระทบเชิงลบกับเธอไหม?

 

เฉินหลายจะสามารถพัฒนาวัคซีนด้วยเอกสารและข้อมูลการวิจัยที่ได้รับหรือไม่ แต่หากยังไม่พอ ฮัวเฉาเหิงจะกลับไปที่ฐานทัพทหารพร้อมกับไวรัสสายพันธุ์นั้น

 

แต่ถ้าวัคซีนไม่สามารถพัฒนาได้ทันเวลาล่ะ?

 

สมองของชายหนุ่มเหมือนจะมืดสนิทโดยอัตโนมัติเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้

 

ในขณะเดียวกันเฉินหลายกลับรู้สึกไม่สบายใจตั้งแต่รับสายเจ้านาย

 

หลังจากวางสาย สิ่งแรกที่เขาทำคือเช็ดเหงื่อออกจากคิ้ว จากนั้นเขาก็อดนอนทั้งคืนเพื่อศึกษาเอกสารที่ส่งถึงเขา เขาใช้ซอฟต์แวร์แปลภาษาเพื่อแปลเอกสารเป็นภาษาจีนโดยอัตโนมัติ และไม่ลืมสำรองข้อมูลไว้ทุกที่

 

เอกสารและข้อมูลการวิจัยจากฮัวเฉาเหิงมีรายละเอียดสูงและครอบคลุมพอสมควร นอกจากเอกสารพวกนั้นจะประกอบด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบทางชีวเคมีต่าง ๆ ของไวรัสแล้ว ยังรวมถึงกระบวนการเพาะเลี้ยงไวรัสอีกด้วย ซึ่งเอกสารพวกนี้ทำให้เขาทดลองแบบย้อนกลับได้

 

งานวิจัยของโอดะ มาซาโอะทำให้วารสารวิชาการชั้นนำอย่างวิทยาศาสตร์และธรรมชาติดูเหมือนเป็นข่าวซุบซิบไร้สาระ ในแวดวงลับสุดยอดอาจเป็นสิ่งพิมพ์ที่คุ้มค่าพอสำหรับการค้นพบงานของเขา แต่แค่นี้มันก็มากเกินพอที่จะคว้ารางวัลโนเบลได้แล้ว

 

แต่โอดะ มาซาโอะไม่ได้เผยแพร่ผลการวิจัยของเขา เขากลับปิดผนึกพวกมันไว้ในตู้นิรภัยภายในห้องทดลองของเขาแทน

 

นักวิทยาศาสตร์ที่แท้จริงจะไม่ทำอะไรแบบนั้น พฤติกรรมของเขาดูผิดปกติมาก 

 

แต่ถ้าเขาไม่ใช่ ‘นักวิทยาศาสตร์ตัวจริง’ ล่ะ?

 

เฉินหลายรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง เขาใช้เวลาทั้งคืนทำงานในสำนักงาน กว่าเขาจะอ่านข้อมูลอาการไม่พึงประสงค์จากยาและการวิเคราะห์เปรียบเทียบเสร็จสิ้น เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว

 

นี่เป็นเรื่องเร่งด่วนเกี่ยวกับสุขภาพและความปลอดภัยของกู้เหนียนจื่อ ดังนั้นหมอหนุ่มจึงไม่ใส่ใจกับการอ่านเอกสารอย่างละเอียด เขาอ่านผ่าน ๆ แล้วจะหยุดก็ต่อเมื่อเขาเจอสิ่งที่เกี่ยวข้องกับอาการไม่พึงประสงค์จากยา

 

เขาได้บันทึกรายละเอียดชุดการสังเกตอาการไม่พึงประสงค์จากยาด้วยตัวเองหลังจากที่กู้เหนียนจื่อตกเป็นเหยื่อของยาดังกล่าวและยังได้รับผลจากการตรวจเลือดอย่างครอบคลุมอีกด้วย

 

เมื่อเขาเปรียบเทียบผลการตรวจกับผลการทดลอง ใบหน้าของเขาก็เคร่งเครียดแล้วมีสีหน้าสับสน

 

ผลกระทบจากยาของกู้เหนียนจื่อแตกต่างไปจากผู้ทดลองของโอดะ มาซาโอะอย่างสิ้นเชิง

 

ตามบันทึกของโอดะ มาซาโอะ ผู้หญิงที่อยู่ภายใต้ฤทธิ์ของยาจะไม่เป็นอะไรหลังจากนอนกับผู้ชาย แต่นั่นไม่ได้ป้องกันความเสื่อมของร่างกาย

 

ผลกระทบของยาทำให้อวัยวะสร้างเม็ดเลือดลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจางที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ตามมาด้วยอาการแทรกซ้อนหลายอย่าง และในที่สุดผู้หญิงทุกคนก็เสียชีวิตจากอาการล้มเหลวของอวัยวะหลายส่วน

 

แต่เขาไม่ได้เจอสัญญาณของการเสื่อมสภาพใด ๆ ในระบบเม็ดเลือดของกู้เหนียนจื่อ

 

หรือบางทีเขาอาจจะสิ้นสุดการสังเกตของเขาเร็วเกินไป?

 

แต่นั่นไม่ใช่คำอธิบาย...

 

ข้อมูลของโอดะ มาซาโอะแสดงให้เห็นว่าการเสื่อมสภาพเกิดขึ้นภายใน  1 สัปดาห์

 

เฉินหลายรู้สึกกระสับกระส่ายมากขึ้นแล้วเขาก็เปิดประตูห้องทำงานออกไปทานข้าวเช้า

 

ที่โถงทางเดิน แพทย์หลายคนรวมตัวกันพูดคุยด้วยน้ำเสียงที่เบา ๆ

 

อี้ซี่ถานเห็นเขาออกมาจากห้องทำงานจึงเดินมาขวางเขาอย่างรวดเร็ว “หมอเฉิน คุณรู้เรื่องของโอดะ มาซาโอะ นักวิทยาศาสตร์คนนั้นที่คุณชื่นชมมาตลอดหรือยัง? เขาเสียชีวิตกะทันหันจากกล้ามเนื้อหัวใจตาย นอกจากนี้ยังมีไฟไหม้ที่ห้องทดลองของเขาในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียลด้วย ทุกอย่างหายไปหมดเหลือแค่เถ้าถ่าน”

 

"หา? โอดะ มาซาโอะคนนั้นตายแล้วเหรอ จริงเหรอเนี่ย?" หมอหนุ่มรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ในที่สุดก็มีข่าวที่น่ายินดีเกิดขึ้น!

 

เขารีบไปดูข่าวบนแท็บเล็ตกับหมอคนอื่น ๆ เมื่อเขาเห็นว่ามีคนจุดไฟเผาห้องทดลองของโอดะ มาซาโอะ เฉินหลายก็เข้าใจทันทีว่าเป็นฝีมือของใคร...

 

เขาหัวเราะออกมา เวลาผ่านไปไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เขาดีใจที่เห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากฮัวเฉาเหิง เขาถามขณะเดินไปว่า “คุณอยู่ที่ไหน”

 

“ฉันอยู่ที่สนามบิน เพิ่งลงจากเครื่องบิน” ผู้เป็นเจ้านายถือกระเป๋าเป้สะพายหลังด้วยมือเดียว “นายยังอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของเหนียนจื่อหรือเปล่า” 

 

บทที่ 30 : ทำตามที่ใจเรียกร้อง 

 

“ไม่ ผมกลับมาเมื่อวานนี้ อีกอย่างวันนี้เหนียนจื่อต้องไปมหาวิทยาลัย” เฉินหลายอธิบายอย่างเร่งรีบ “คุณอยากเจอเธอไหม”

 

คนเป็นเจ้านายส่ายหัว "ไม่จำเป็น เราจะคุยกันที่ฐาน” ในขณะนี้ฝานเจี้ยนยืนตัวตรงอยู่ข้างรถที่จอดอยู่ข้างถนนเพื่อรอฮัวเฉาเหิง เจี้ยวเลี่ยงจื่อและหยินชือฉงขึ้นรถกลับไปที่ฐาน

 

เฉินหลายจึงไปรอนายพลหนุ่มอยู่ในห้องทำงานของเขา หลังจากที่เขาเดินเข้ามา เขาก็โยนกระเป๋าเป้สะพายหลังให้คนที่รอยู่ทันที “ลองดูว่ามีประโยชน์ไหม”

 

หมอหนุ่มเปิดกระเป๋าเป้สะพายหลังและหยิบกล่องเล็ก ๆ ออกมา เขาเปิดดูกล่องขวดยาหนึ่งกล่อง หัวใจของเขาเกือบจะวายตายเมื่อเขาเห็นขวดบรรจุของเหลวภายในกล่อง 

 

"เจ้านาย! อะไร…นะ-นี่มันอะไรกันเนี่ย!?”

 

“สำเนาไวรัสจากโอดะ มาซาโอะ ดูว่านายสามารถศึกษามันกับข้อมูลของเขาเพื่อค้นหาแอนติบอดี้และพัฒนาวัคซีนได้ไหม” ฮัวเฉาเหิงมองไปที่เฉินหลายด้วยสายตาจริงจังซึ่งทำให้อีกฝ่ายผงะไปครู่หนึ่ง

 

"เข้าใจแล้ว" ผู้เป็นหมอพยักหน้ารับแล้วครุ่นคิดก่อนที่เขาจะตอบอย่างมั่นใจว่า “คุณไม่ต้องกังวลเรื่องเหนียนจื่อ ผมจับตาดูอาการของเธออย่างใกล้ชิด ในตอนนี้ยังไม่มีวี่แววอะไรเลย”   

 

“ในตอนนี้? มันผ่านไปแค่สัปดาห์เดียวเองนะ” ผู้มีตำแหน่งนายพลจะไม่ละเลยแม้ในขณะที่เฉินหลายเฝ้าตรวจสุขภาพของเธอไปแล้ว ๆ พบว่ายังปกติดี “นายรับประกันอนาคตได้ไหมล่ะ”

 

ชายหนุ่มเหลือบมองฮัวเฉาเหิงและพยายามคาดเดาการแสดงออกของเขา แต่ก็เป็นเหมือนเช่นเคย ท่านนายพลยังมีท่าทีห่างเหินเหมือนเดิม การจะบอกว่าชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่นี่มันยากมากจริง ๆ

 

“ผมแน่ใจว่าได้ทำการตรวจสอบร่างกายของเหนียนจื่ออย่างละเอียดตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ผมบอกเธอว่าผมได้สร้างยาแก้พิษสำหรับยาปลุกเซ็กซ์ให้และเธอไม่จำเป็นต้องทำ…แบบนั้น… กับผู้ชาย” เฉินหลายพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลงขณะที่เขาวางหลอดทดลองที่มีสำเนาไวรัสที่เจ้านายนำมากลับไปแช่เย็น “นอกจากนี้เหนียนจื่อขอให้ผมไม่บอกคุณเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าเธอถูกวางยา เพราะฉะนั้นโอกาศดี ๆ แบบนี้ อย่าปล่อยให้หลุดมือไป” 

 

ชายหนุ่มร่างสูงไม่ตอบแล้วเอื้อมมือเข้าไปข้างในเสื้อโค้ตของเขาเพื่อเอาไฟแช็คมาจุดบุหรี่และสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่เขาจะสูดควันเข้าไปเฮือกใหญ่

 

คนเป็นหมอกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองแล้วเปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นเขาเปิดภาพขึ้นมาเทียบกัน 2 ภาพ “อย่ากังวลไปเลยเจ้านาย ผมรู้สึกว่าอาการของเหนียนจื่อดีกว่าคนอื่นมาก ดังนั้นอาการของเหนียนจื่อคงไม่เลวร้ายอย่างที่เราคิด”

 

ฮัวเฉาเหิงเดินไปยืนอยู่ข้างหลังอีกคน เขามองไปที่จอมอนิเตอร์ ระหว่างที่มือข้างหนึ่งถือบุหรี่และอีกข้างไขว้ด้านหลังของเขาพลางฟังอีกฝ่ายอธิบายไปด้วย

 

“ด้านซ้ายเป็นภาพข้อมูลจากการทดลองของโอดะ มาซาโอะ ดูนี่สิ สถิติสำคัญทั้งหมดน้อยกว่าสถิติของคนปกติถึงครึ่งหนึ่ง ภาพข้อมูลทางด้านขวาคือผลลัพธ์ของเหนียนจื่อในสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณเห็นไหม เธอมีสุขภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม แม้แต่คนธรรมดาก็ยังไม่มีสถิติที่ดีขนาดนี้”

 

ดวงตาของฮัวเฉาเหิงจ้องจอมอนิเตอร์ครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังกลับ เขาเดินไปนั่งบนโซฟาตรงหน้าเฉินหลายที่อยู่ติดกับผนังห้อง แล้ววางศอกข้างหนึ่งไว้ที่เท้าแขนของโซฟาและถือบุหรี่ที่คุกรุ่นอยู่ในมือ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็พูดว่า “พัฒนาวัคซีนให้เร็วที่สุด ฉันจะกลับมาตรวจสอบภายใน 3 วัน” แล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินออกไป

 

"3 วัน?!" เสียงของผู้เป็นหมอดังขึ้น “ท่านครับ ไม่มีใครกำหนดเวลาที่แน่นอนสำหรับการพัฒนาวัคซีนได้หรอกนะ! คุณคิดว่านี่เป็นภารกิจของทหารผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณหรือไง? นี่คือการวิจัยทางวิทยาศาสตร์! ผมพูดถึงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์อยู่นะ!” เฉินหลายจ้องไปที่แผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายและเกือบจะกรีดร้องออกมาด้วยความหงุดหงิด

 

นายพลหนุ่มออกจากห้องที่เฉินหลายอยู่ และกลับไปที่ห้องพักของตัวเองพอดีกับที่เห็นหยินชือฉงวางโทรศัพท์ลง

 

ฮัวเฉาเหิงเหลือบมองเลขาหนุ่มที่รายงานเขาอย่างรวดเร็วว่า “ท่านครับ กู้เหนียนจื่อกลับไปมหาวิทยาลัยและถามว่าคุณจะกลับมาเมื่อไหร่”

 

ชายหนุ่มยกแขนแล้วโยนก้นบุหรี่ มันหมุนคว้างไปในอากาศก่อนที่จะลงในถังขยะอย่างแม่นยำ “ฉันต้องกลับไปที่กองบัญชาการทหาร เลี่ยงจื่อจะมากับฉัน ส่วนนายอยู่ที่นี่ไปก่อน มันจะสะดวกกว่าถ้านายอยู่ใกล้ ๆ ในกรณีที่เหนียนจื่อต้องการความช่วยเหลือ”

 

"ครับท่าน" หยินชือฉงตอบรับอย่างรวดเร็วและกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองในสำนักงาน เขาเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบตารางเวลาและขมวดคิ้ว “แล้วการสัมภาษณ์ของเหนียนจื่อล่ะครับ?”

 

“นายไปจัดการซะ” ฮัวเฉาเหิงกล่าวและเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง

 

 

ช่วงเช้าของวันจันทร์ กู้เหนียนจื่อสะพายเป้และกระเป๋าเดินทางใบเล็ก เธอจะเดินทางออกจากเขตเฟิงหยางโดยการเรียกแท็กซี่ แต่แล้วเธอก็เจอหัวหน้าเหม่ยในชุดเทรนช์โค้ทสีเทาอ่อนยาวปานกลาง เขากำลังนั่งพิงรถบิวอิคก์ที่จอดอยู่ข้างถนนตรงทางเข้าเขตและยิ้มให้เธอขณะที่เธอเดินเข้ามาหาเขา

 

“หัวหน้า?” หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เจออีกฝ่าย “นี่นาย…?”

 

“ใช่ ฉันรอเธออยู่และอยากจะเซอร์ไพรส์เธอ” เหม่ยเสี่ยวเหวินเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางจากเธอด้วยท่าทางสบาย ๆ “เหนียนจื่อจะเอากระเป๋าเดินทางกลับไปที่หอพักด้วยเหรอ? เธอควรโทรหาฉันก่อนถ้าเธอมีของที่เอาไปด้วยมากขนาดนี้”

 

กู้เหนียนจื่อเงยหน้าขึ้นมองเขา ภายใต้แสงแดดยามเช้า ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาหล่อเหลาเพียงใด ดวงตาของเขาเป็นประกายจ้าอยู่หลังแว่นตากรอบทองและเสียงของเขาก็อ่อนโยนในขณะที่เขาพูดว่า “เธอมองฉันทำไม? จู่ ๆ ก็จำฉันไม่ได้เหรอ”

 

“ไม่ใช่อย่างนั้น…” คนถูกทักส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “นายนี่สมกับเป็นหัวหน้าห้องจริง ๆ ถ้าฉันมีโอกาสได้เรียนชั้นเดียวกับนายอีกครั้ง ฉันจะเลือกนายเป็นหัวหน้าห้องของฉันอย่างแน่นอน”

 

เหม่ยเสี่ยวเหวินหัวเราะออกมา “เหนียนจื่อ ฉันไม่ได้มารับเธอเพื่อเรียกเสียงคะแนนนะ”

 

จากนั้นเขายื่นมือไปเปิดประตูให้อีกฝ่าย "เข้าไปสิ"

 

กู้เหนียนจื่อไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขึ้นไปนั่งในรถ แล้วเธอก็ยิ้มให้เขา “บอกฉันมาซิหัวหน้า นายมีจุดประสงค์อะไร? ต้องดูก่อนว่าฉันจะจ่ายไหวไหม!”

 

ชายหนุ่มยิ้มขณะเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัยและพูดว่า “เหนียนจื่อ เธอไม่เข้าใจเหรอว่าฉันกำลังตามจีบเธออยู่”

 

หญิงสาวหน้าแดงระเรื่อทันที “หัวหน้า…นายไม่ควรล้อเล่นเกี่ยวกับเรื่องแบบนั้น”

 

"ฉันไม่ได้ล้อเล่น ฉันแอบชอบเธอมา 2 ปีแล้ว แต่เธอไม่เคยยอมรับมันเลย ฉันก็เลยตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องสารภาพออกมาตรง ๆ” เหม่ยเสี่ยวเหวินขยิบตาให้เธอก่อนที่เขาจะสตาร์ทรถแล้วเหลือบมองไปที่คนข้าง ๆ

 

กู้เหนียนจื่อยังอายุไม่ถึง 18 ปี ซึ่งเธออายุน้อยกว่าคนอื่น ๆ ในชั้นเรียน 4-5 ปี เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้วเธอยังเด็กมาก แน่นอนว่าเพื่อนร่วมชั้นทุกคนรู้ว่าเธอยังเด็ก ดังนั้นนักศึกษาชายส่วนใหญ่จึงปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นน้องสาวและดูแลเธออย่างดี แต่ไม่เคยมีใครเข้าหาเธอในฐานะแฟน

 

ความรู้สึกนี้เป็นเรื่องใหม่และน่าตื่นเต้น ใบหน้าที่สวยหวานและละเอียดอ่อนของเธออดไม่ได้ที่จะแดงขึ้นจนเป็นสีชมพู ภาพนั้นมันทำให้พวงแก้มดูเย้ายวนราวกับลูกพีชสุก

 

“ทำไมเธอไม่พูดอะไรหน่อยล่ะ เธอไม่เชื่อฉันเหรอ?” หัวหน้าหนุ่มหัวเราะ “เมื่อวานฉันสารภาพกับอาของเธอไปแล้ว แต่เธอยังไม่เชื่อฉันอีกเหรอ?”

 

ในที่สุดหญิงสาวก็นั่งนิ่งกะพริบตาปริบ ๆ ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นและดูขุ่นมัว “หัวหน้า ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่านายกำลังจีบฉัน”  

 

“เธอไม่รู้จริง ๆ เหรอ? ก่อนหน้านี้ถ้ามีข่าวการฝึกงานในบริษัทขนาดใหญ่  ฉันจะบอกเธอก่อนเสมอ ฉันจะบอกคนอื่นในชั้นเรียนของเราถ้าเธอไม่ต้องการ เธอไม่ชอบวิ่งออกกำลังกายเก็บแต้มตอนเช้า ฉันเลยช่วยเธอ เวลาที่เธอกลับดึกหลังเลิกเรียน ฉันจะเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากห้องเพื่อรอเธอและพาเธอกลับไปส่งที่ทางเข้าหอพักก่อนจะกลับ เธอชอบนอนตื่นสายแล้วไม่ทันกินมื้อเช้าก่อนไปเรียน ฉันเลยซื้อเค้กนมน้ำผึ้งมาให้เธอในช่วงพัก เหนียนจื่อ ที่ฉันบอกเธอทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อให้เธอมาชื่นชมอะไรฉัน แต่นั่นเป็นเพราะว่าเรากำลังจะจบการศึกษา ถ้าเธอยังไม่รู้ว่าฉันชอบเธอและกำลังจีบเธออยู่ แสดงว่าฉันล้มเหลวมากในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง”

 

ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป