บทที่ 29 : ถึงแก่ชีวิต
ก่อนหน้านี้หยินชือฉงได้ติดเข็มที่เล็กมากเป็นพิเศษไว้ที่ปลายร่มกระดาษน้ำมันของเขา
ซึ่งเข็มนั้นมีพิษร้ายแรงที่กองทัพจักรวรรดิพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ
แต่โอดะ มาซาโอะกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศรอบตัว จังหวะที่เขาตื่นเต้นที่สุด เขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่เย็นเฉียบจากน่องของเขา มันแทบจะไม่รู้สึกอะไรและเบากว่ายุงกัด เขาจึงไม่ได้หยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ร่างเตี้ย ๆ ของเขายังคงเต้นรำไปรอบ ๆ ต้นซากุระ
หยินชือฉงหัวเราะและทำตัวไหลลื่นไปตามนักเต้นคนอื่น ๆ ที่หมุนตัวไปสองสามรอบ ในเวลาเดียวกันเขาก็เดินถือร่มออกมาจากฝูงชนไปที่ถนนสายหลัก
เขาเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับหลายคนอยู่รอบ ๆ โอดะ มาซาโอะแอบดูเขาอยู่
แต่ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็ตกตะลึงกับความงามของดอกซากุระที่โปรยลงมา นอกจากนี้โอดะ มาซาโอะยังซ่อนตัวตนที่แท้จริงของเขามานานหลายปีแล้ว เขาไม่เคยทำตัวดึงดูดคนอื่นเลย เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับจึงไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรด้วย เนื่องจากไม่ได้สังเกตว่าโอดะ มาซาโอะตกเป็นเหยื่อแล้ว
ท่ามกลางผู้คนจำนวนมากที่เดินเข้าออกจากอุทยานหลวงแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็น เลขาหนุ่มกลมกลืนไปกับฝูงชนได้อย่างรวดเร็วแล้วเดินออกจากบริเวณสวน มุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล เขากำลังจะไปหาเจ้านายที่นั่น
ถึงเวลานี้ฮัวเฉาเหิงได้กลับไปที่ห้องทดลองของโอดะ มาซาโอะแล้วและจุดไฟเผาเอกสารทั้งหมดเพื่อไม่ทิ้งอะไรไว้นอกจากเถ้าถ่าน สำหรับการทำลายที่นี่เขาได้ติดตั้งระเบิดเวลาในห้องทดลอง แล้วระเบิดเปลวไฟจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
ในขณะเดียวกันใบหน้าของเจี้ยวเลี่ยงจื่อดูเคร่งขรึมมากขึ้นเมื่อเขาดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ผ่านกล้องวงจรปิด เขาลบวิดีโออย่างเงียบ ๆ แล้วจึงตัดสินใจทำอะไรให้ละเอียดยิ่งขึ้นโดยการอัปโหลดไวรัสคอมพิวเตอร์ไปยังอินทราเน็ตของโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล
ไวรัสจะรออยู่ในเครือข่าย มันจะแพร่กระจายผ่านอินทราเน็ตเท่านั้น แล้วมันจะไปลบข้อมูลที่เป็นความลับทั้งหมดพร้อมกัน เมื่อผู้ดูแลระบบเครือข่ายรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นและเริ่มใช้มาตรการฉุกเฉินของพวกเขา ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว
ในเวลาเดียวกันเมื่อหยินชือฉงมาถึงโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล ฮัวเฉาเหิงก็เพิ่งเดินออกมาทางประตูหน้า
ชายหนุ่มทั้งสองได้พบกันแต่ไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ พวกเขาขึ้นแท็กซี่และมุ่งหน้าไปยังสนามบินนานาชาติโตเกียว
เจี้ยวเลี่ยงจื่อซึ่งรับผิดชอบเรื่องการเดินทางด้วยเครื่องบินได้โทรศัพท์คุยกับสายการบินพลเรือนของจักรวรรดิที่สนามบินแล้ว
เนื่องจากพวกเขาจะบินด้วยเครื่องบินพลเรือนลำหนึ่งของจักรวรรดิ พวกเขาจึงได้รับอนุญาตให้เลี่ยงการตรวจสอบเกือบทั้งหมดตอนก่อนขึ้นเครื่องบิน มันเป็นสิทธิพิเศษของพวกเขาในฐานะพลเมืองของจักรวรรดิ
เมื่อฮัวเฉาเหิงและหยินชือฉงมาถึงสนามบิน เจี้ยวเลี่ยงจื่อก็พาพวกเขาไปหาพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินทันที และลงทะเบียนกระเป๋าเป้สะพายหลังของฮัวเฉาเหิงเป็นสัมภาระเช็คอิน นี่คือวิธีที่พวกเขาจะเอาตัวอย่างหลอดทดลองออกนอกประเทศ
นายพลหนุ่มและเลขาของเขาส่งตั๋วโดยสารพิเศษของพวกเขาที่ประตูขึ้นเครื่อง พวกเขาไม่มีกระเป๋าเดินทางติดมาด้วย หลังจากผ่านการรักษาความปลอดภัยที่สนามบินแล้ว ทั้งสามคนก็เดินไปที่ทางเดินวีไอพีอย่างมั่นใจ
“เชิญทางนี้ครับ” ในขณะนี้มีผู้ดูแลยืนอย่างสุภาพอยู่ที่ทางเข้าห้องโดยสาร เขายิ้มขณะที่พาชายหนุ่มทั้งสามเข้าไปข้างใน เขาจัดให้แขกนั่งรออยู่ห้องส่วนตัวในชั้นหนึ่งซึ่งห่างจากผู้โดยสารชั้นหนึ่งคนอื่น ๆ ทั้งหมด
หลังจากนั้นเครื่องบินก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็วแล้ววนกลับเหนือเมืองโตเกียวก่อนที่จะบินไปยังสนามบินนานาชาติของจักรวรรดิในเมือง C
ขณะที่เครื่องบินเพิ่งเข้าสู่น่านฟ้าของประเทศ ในญี่ปุ่น จู่ ๆ ก็เกิดเสียงฟ้าร้องดังสนั่นจากห้องทดลองที่ดูธรรมดาภายในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล เสียงนั้นมาพร้อมกับแสงจ้าจากหน้าต่างห้องทดลอง เมื่อทุกอย่างข้างในระเบิดเป็นเถ้าถ่าน ไฟมหึมาที่ตามมานั้นแผดเผาทุกอย่างจนสิ้น
เวลานั้นเจ้าหน้าที่ห้องทดลองตื่นตระหนกเกินกว่าจะดับไฟได้
เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ โอดะ มาซาโอะ อาจารย์ที่ปรึกษาของพวกเขาที่เป็นถึงพันเอกชาวญี่ปุ่นที่มีตัวตนเป็นความลับสุดยอด จู่ ๆ ก็มีอาการหัวใจวายขณะชื่นชมดอกซากุระ แล้วเขาก็เสียชีวิตระหว่างทางไปโรงพยาบาล
…
ฮัวเฉาเหิงนั่งหลับตาลงบนเก้าอี้อันหรูหราของเขาในห้องโดยสารชั้นหนึ่ง แล้วนวดตาก่อนจะลดมือลงไปกอดอก
ส่วนเจี้ยวเลี่ยงจื่อเฝ้าติดตามข่าวบนอินเตอร์เน็ตของญี่ปุ่นอย่างกระตือรือร้น
ไม่นานข่าวการระเบิดและไฟไหม้ที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียลก็ปรากฏขึ้นบนหน้าแรกของอาซาฮิ ชิมบุน ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวของญี่ปุ่น ข่าวไฟไหม้ห้องทดลองมาพร้อมกับรายงานของเจ้าของห้องทดลองนามโอดะ มาซาโอะที่เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายท่ามกลางบรรยากาศสดใสในการชมดอกซากุระ การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของเขาน่าจะเกิดจากความตื่นเต้นมากเกินไป
แฮ็กเกอร์หนุ่มยกมือขึ้นและดีดนิ้ว เขาหันไปหาเจ้านายซึ่งยังคงหลับตาอยู่และพูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ภารกิจสำเร็จครับท่าน”
นายพลหนุ่มลืมตาก่อนจะเบนสายตามองไปด้านข้าง
เจี้ยวเลี่ยงจื่อดันแท็บเล็ตของเขาไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว “ดูนี่สิครับ…”
ฮัวเฉาเหิงอ่านพาดหัวข่าวบนเว็บไซต์ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวและเย่อหยิ่ง เขาหลับตาลงเพื่อพยายามที่จะนอนหลับ
โอดะ มาซาโอะเป็นคนที่น่ารังเกียจจริง ๆ เขาสมควรตายมากกว่าพันครั้ง แต่แล้วกู้เหนียนจื่อล่ะ? หากว่าโอดะ มาซาโอะเสียชีวิต มันจะมีผลกระทบเชิงลบกับเธอไหม?
เฉินหลายจะสามารถพัฒนาวัคซีนด้วยเอกสารและข้อมูลการวิจัยที่ได้รับหรือไม่ แต่หากยังไม่พอ ฮัวเฉาเหิงจะกลับไปที่ฐานทัพทหารพร้อมกับไวรัสสายพันธุ์นั้น
แต่ถ้าวัคซีนไม่สามารถพัฒนาได้ทันเวลาล่ะ?
สมองของชายหนุ่มเหมือนจะมืดสนิทโดยอัตโนมัติเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้
ในขณะเดียวกันเฉินหลายกลับรู้สึกไม่สบายใจตั้งแต่รับสายเจ้านาย
หลังจากวางสาย สิ่งแรกที่เขาทำคือเช็ดเหงื่อออกจากคิ้ว จากนั้นเขาก็อดนอนทั้งคืนเพื่อศึกษาเอกสารที่ส่งถึงเขา เขาใช้ซอฟต์แวร์แปลภาษาเพื่อแปลเอกสารเป็นภาษาจีนโดยอัตโนมัติ และไม่ลืมสำรองข้อมูลไว้ทุกที่
เอกสารและข้อมูลการวิจัยจากฮัวเฉาเหิงมีรายละเอียดสูงและครอบคลุมพอสมควร นอกจากเอกสารพวกนั้นจะประกอบด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบทางชีวเคมีต่าง ๆ ของไวรัสแล้ว ยังรวมถึงกระบวนการเพาะเลี้ยงไวรัสอีกด้วย ซึ่งเอกสารพวกนี้ทำให้เขาทดลองแบบย้อนกลับได้
งานวิจัยของโอดะ มาซาโอะทำให้วารสารวิชาการชั้นนำอย่างวิทยาศาสตร์และธรรมชาติดูเหมือนเป็นข่าวซุบซิบไร้สาระ ในแวดวงลับสุดยอดอาจเป็นสิ่งพิมพ์ที่คุ้มค่าพอสำหรับการค้นพบงานของเขา แต่แค่นี้มันก็มากเกินพอที่จะคว้ารางวัลโนเบลได้แล้ว
แต่โอดะ มาซาโอะไม่ได้เผยแพร่ผลการวิจัยของเขา เขากลับปิดผนึกพวกมันไว้ในตู้นิรภัยภายในห้องทดลองของเขาแทน
นักวิทยาศาสตร์ที่แท้จริงจะไม่ทำอะไรแบบนั้น พฤติกรรมของเขาดูผิดปกติมาก
แต่ถ้าเขาไม่ใช่ ‘นักวิทยาศาสตร์ตัวจริง’ ล่ะ?
เฉินหลายรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง เขาใช้เวลาทั้งคืนทำงานในสำนักงาน กว่าเขาจะอ่านข้อมูลอาการไม่พึงประสงค์จากยาและการวิเคราะห์เปรียบเทียบเสร็จสิ้น เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว
นี่เป็นเรื่องเร่งด่วนเกี่ยวกับสุขภาพและความปลอดภัยของกู้เหนียนจื่อ ดังนั้นหมอหนุ่มจึงไม่ใส่ใจกับการอ่านเอกสารอย่างละเอียด เขาอ่านผ่าน ๆ แล้วจะหยุดก็ต่อเมื่อเขาเจอสิ่งที่เกี่ยวข้องกับอาการไม่พึงประสงค์จากยา
เขาได้บันทึกรายละเอียดชุดการสังเกตอาการไม่พึงประสงค์จากยาด้วยตัวเองหลังจากที่กู้เหนียนจื่อตกเป็นเหยื่อของยาดังกล่าวและยังได้รับผลจากการตรวจเลือดอย่างครอบคลุมอีกด้วย
เมื่อเขาเปรียบเทียบผลการตรวจกับผลการทดลอง ใบหน้าของเขาก็เคร่งเครียดแล้วมีสีหน้าสับสน
ผลกระทบจากยาของกู้เหนียนจื่อแตกต่างไปจากผู้ทดลองของโอดะ มาซาโอะอย่างสิ้นเชิง
ตามบันทึกของโอดะ มาซาโอะ ผู้หญิงที่อยู่ภายใต้ฤทธิ์ของยาจะไม่เป็นอะไรหลังจากนอนกับผู้ชาย แต่นั่นไม่ได้ป้องกันความเสื่อมของร่างกาย
ผลกระทบของยาทำให้อวัยวะสร้างเม็ดเลือดลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจางที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ตามมาด้วยอาการแทรกซ้อนหลายอย่าง และในที่สุดผู้หญิงทุกคนก็เสียชีวิตจากอาการล้มเหลวของอวัยวะหลายส่วน
แต่เขาไม่ได้เจอสัญญาณของการเสื่อมสภาพใด ๆ ในระบบเม็ดเลือดของกู้เหนียนจื่อ
หรือบางทีเขาอาจจะสิ้นสุดการสังเกตของเขาเร็วเกินไป?
แต่นั่นไม่ใช่คำอธิบาย...
ข้อมูลของโอดะ มาซาโอะแสดงให้เห็นว่าการเสื่อมสภาพเกิดขึ้นภายใน 1 สัปดาห์
เฉินหลายรู้สึกกระสับกระส่ายมากขึ้นแล้วเขาก็เปิดประตูห้องทำงานออกไปทานข้าวเช้า
ที่โถงทางเดิน แพทย์หลายคนรวมตัวกันพูดคุยด้วยน้ำเสียงที่เบา ๆ
อี้ซี่ถานเห็นเขาออกมาจากห้องทำงานจึงเดินมาขวางเขาอย่างรวดเร็ว “หมอเฉิน คุณรู้เรื่องของโอดะ มาซาโอะ นักวิทยาศาสตร์คนนั้นที่คุณชื่นชมมาตลอดหรือยัง? เขาเสียชีวิตกะทันหันจากกล้ามเนื้อหัวใจตาย นอกจากนี้ยังมีไฟไหม้ที่ห้องทดลองของเขาในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียลด้วย ทุกอย่างหายไปหมดเหลือแค่เถ้าถ่าน”
"หา? โอดะ มาซาโอะคนนั้นตายแล้วเหรอ จริงเหรอเนี่ย?" หมอหนุ่มรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ในที่สุดก็มีข่าวที่น่ายินดีเกิดขึ้น!
เขารีบไปดูข่าวบนแท็บเล็ตกับหมอคนอื่น ๆ เมื่อเขาเห็นว่ามีคนจุดไฟเผาห้องทดลองของโอดะ มาซาโอะ เฉินหลายก็เข้าใจทันทีว่าเป็นฝีมือของใคร...
เขาหัวเราะออกมา เวลาผ่านไปไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เขาดีใจที่เห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากฮัวเฉาเหิง เขาถามขณะเดินไปว่า “คุณอยู่ที่ไหน”
“ฉันอยู่ที่สนามบิน เพิ่งลงจากเครื่องบิน” ผู้เป็นเจ้านายถือกระเป๋าเป้สะพายหลังด้วยมือเดียว “นายยังอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของเหนียนจื่อหรือเปล่า”
บทที่ 30 : ทำตามที่ใจเรียกร้อง
“ไม่ ผมกลับมาเมื่อวานนี้ อีกอย่างวันนี้เหนียนจื่อต้องไปมหาวิทยาลัย” เฉินหลายอธิบายอย่างเร่งรีบ “คุณอยากเจอเธอไหม”
คนเป็นเจ้านายส่ายหัว "ไม่จำเป็น เราจะคุยกันที่ฐาน” ในขณะนี้ฝานเจี้ยนยืนตัวตรงอยู่ข้างรถที่จอดอยู่ข้างถนนเพื่อรอฮัวเฉาเหิง เจี้ยวเลี่ยงจื่อและหยินชือฉงขึ้นรถกลับไปที่ฐาน
เฉินหลายจึงไปรอนายพลหนุ่มอยู่ในห้องทำงานของเขา หลังจากที่เขาเดินเข้ามา เขาก็โยนกระเป๋าเป้สะพายหลังให้คนที่รอยู่ทันที “ลองดูว่ามีประโยชน์ไหม”
หมอหนุ่มเปิดกระเป๋าเป้สะพายหลังและหยิบกล่องเล็ก ๆ ออกมา เขาเปิดดูกล่องขวดยาหนึ่งกล่อง หัวใจของเขาเกือบจะวายตายเมื่อเขาเห็นขวดบรรจุของเหลวภายในกล่อง
"เจ้านาย! อะไร…นะ-นี่มันอะไรกันเนี่ย!?”
“สำเนาไวรัสจากโอดะ มาซาโอะ ดูว่านายสามารถศึกษามันกับข้อมูลของเขาเพื่อค้นหาแอนติบอดี้และพัฒนาวัคซีนได้ไหม” ฮัวเฉาเหิงมองไปที่เฉินหลายด้วยสายตาจริงจังซึ่งทำให้อีกฝ่ายผงะไปครู่หนึ่ง
"เข้าใจแล้ว" ผู้เป็นหมอพยักหน้ารับแล้วครุ่นคิดก่อนที่เขาจะตอบอย่างมั่นใจว่า “คุณไม่ต้องกังวลเรื่องเหนียนจื่อ ผมจับตาดูอาการของเธออย่างใกล้ชิด ในตอนนี้ยังไม่มีวี่แววอะไรเลย”
“ในตอนนี้? มันผ่านไปแค่สัปดาห์เดียวเองนะ” ผู้มีตำแหน่งนายพลจะไม่ละเลยแม้ในขณะที่เฉินหลายเฝ้าตรวจสุขภาพของเธอไปแล้ว ๆ พบว่ายังปกติดี “นายรับประกันอนาคตได้ไหมล่ะ”
ชายหนุ่มเหลือบมองฮัวเฉาเหิงและพยายามคาดเดาการแสดงออกของเขา แต่ก็เป็นเหมือนเช่นเคย ท่านนายพลยังมีท่าทีห่างเหินเหมือนเดิม การจะบอกว่าชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่นี่มันยากมากจริง ๆ
“ผมแน่ใจว่าได้ทำการตรวจสอบร่างกายของเหนียนจื่ออย่างละเอียดตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ผมบอกเธอว่าผมได้สร้างยาแก้พิษสำหรับยาปลุกเซ็กซ์ให้และเธอไม่จำเป็นต้องทำ…แบบนั้น… กับผู้ชาย” เฉินหลายพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลงขณะที่เขาวางหลอดทดลองที่มีสำเนาไวรัสที่เจ้านายนำมากลับไปแช่เย็น “นอกจากนี้เหนียนจื่อขอให้ผมไม่บอกคุณเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าเธอถูกวางยา เพราะฉะนั้นโอกาศดี ๆ แบบนี้ อย่าปล่อยให้หลุดมือไป”
ชายหนุ่มร่างสูงไม่ตอบแล้วเอื้อมมือเข้าไปข้างในเสื้อโค้ตของเขาเพื่อเอาไฟแช็คมาจุดบุหรี่และสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่เขาจะสูดควันเข้าไปเฮือกใหญ่
คนเป็นหมอกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองแล้วเปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นเขาเปิดภาพขึ้นมาเทียบกัน 2 ภาพ “อย่ากังวลไปเลยเจ้านาย ผมรู้สึกว่าอาการของเหนียนจื่อดีกว่าคนอื่นมาก ดังนั้นอาการของเหนียนจื่อคงไม่เลวร้ายอย่างที่เราคิด”
ฮัวเฉาเหิงเดินไปยืนอยู่ข้างหลังอีกคน เขามองไปที่จอมอนิเตอร์ ระหว่างที่มือข้างหนึ่งถือบุหรี่และอีกข้างไขว้ด้านหลังของเขาพลางฟังอีกฝ่ายอธิบายไปด้วย
“ด้านซ้ายเป็นภาพข้อมูลจากการทดลองของโอดะ มาซาโอะ ดูนี่สิ สถิติสำคัญทั้งหมดน้อยกว่าสถิติของคนปกติถึงครึ่งหนึ่ง ภาพข้อมูลทางด้านขวาคือผลลัพธ์ของเหนียนจื่อในสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณเห็นไหม เธอมีสุขภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม แม้แต่คนธรรมดาก็ยังไม่มีสถิติที่ดีขนาดนี้”
ดวงตาของฮัวเฉาเหิงจ้องจอมอนิเตอร์ครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังกลับ เขาเดินไปนั่งบนโซฟาตรงหน้าเฉินหลายที่อยู่ติดกับผนังห้อง แล้ววางศอกข้างหนึ่งไว้ที่เท้าแขนของโซฟาและถือบุหรี่ที่คุกรุ่นอยู่ในมือ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็พูดว่า “พัฒนาวัคซีนให้เร็วที่สุด ฉันจะกลับมาตรวจสอบภายใน 3 วัน” แล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินออกไป
"3 วัน?!" เสียงของผู้เป็นหมอดังขึ้น “ท่านครับ ไม่มีใครกำหนดเวลาที่แน่นอนสำหรับการพัฒนาวัคซีนได้หรอกนะ! คุณคิดว่านี่เป็นภารกิจของทหารผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณหรือไง? นี่คือการวิจัยทางวิทยาศาสตร์! ผมพูดถึงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์อยู่นะ!” เฉินหลายจ้องไปที่แผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายและเกือบจะกรีดร้องออกมาด้วยความหงุดหงิด
นายพลหนุ่มออกจากห้องที่เฉินหลายอยู่ และกลับไปที่ห้องพักของตัวเองพอดีกับที่เห็นหยินชือฉงวางโทรศัพท์ลง
ฮัวเฉาเหิงเหลือบมองเลขาหนุ่มที่รายงานเขาอย่างรวดเร็วว่า “ท่านครับ กู้เหนียนจื่อกลับไปมหาวิทยาลัยและถามว่าคุณจะกลับมาเมื่อไหร่”
ชายหนุ่มยกแขนแล้วโยนก้นบุหรี่ มันหมุนคว้างไปในอากาศก่อนที่จะลงในถังขยะอย่างแม่นยำ “ฉันต้องกลับไปที่กองบัญชาการทหาร เลี่ยงจื่อจะมากับฉัน ส่วนนายอยู่ที่นี่ไปก่อน มันจะสะดวกกว่าถ้านายอยู่ใกล้ ๆ ในกรณีที่เหนียนจื่อต้องการความช่วยเหลือ”
"ครับท่าน" หยินชือฉงตอบรับอย่างรวดเร็วและกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองในสำนักงาน เขาเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบตารางเวลาและขมวดคิ้ว “แล้วการสัมภาษณ์ของเหนียนจื่อล่ะครับ?”
“นายไปจัดการซะ” ฮัวเฉาเหิงกล่าวและเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
…
ช่วงเช้าของวันจันทร์ กู้เหนียนจื่อสะพายเป้และกระเป๋าเดินทางใบเล็ก เธอจะเดินทางออกจากเขตเฟิงหยางโดยการเรียกแท็กซี่ แต่แล้วเธอก็เจอหัวหน้าเหม่ยในชุดเทรนช์โค้ทสีเทาอ่อนยาวปานกลาง เขากำลังนั่งพิงรถบิวอิคก์ที่จอดอยู่ข้างถนนตรงทางเข้าเขตและยิ้มให้เธอขณะที่เธอเดินเข้ามาหาเขา
“หัวหน้า?” หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เจออีกฝ่าย “นี่นาย…?”
“ใช่ ฉันรอเธออยู่และอยากจะเซอร์ไพรส์เธอ” เหม่ยเสี่ยวเหวินเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางจากเธอด้วยท่าทางสบาย ๆ “เหนียนจื่อจะเอากระเป๋าเดินทางกลับไปที่หอพักด้วยเหรอ? เธอควรโทรหาฉันก่อนถ้าเธอมีของที่เอาไปด้วยมากขนาดนี้”
กู้เหนียนจื่อเงยหน้าขึ้นมองเขา ภายใต้แสงแดดยามเช้า ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาหล่อเหลาเพียงใด ดวงตาของเขาเป็นประกายจ้าอยู่หลังแว่นตากรอบทองและเสียงของเขาก็อ่อนโยนในขณะที่เขาพูดว่า “เธอมองฉันทำไม? จู่ ๆ ก็จำฉันไม่ได้เหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น…” คนถูกทักส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “นายนี่สมกับเป็นหัวหน้าห้องจริง ๆ ถ้าฉันมีโอกาสได้เรียนชั้นเดียวกับนายอีกครั้ง ฉันจะเลือกนายเป็นหัวหน้าห้องของฉันอย่างแน่นอน”
เหม่ยเสี่ยวเหวินหัวเราะออกมา “เหนียนจื่อ ฉันไม่ได้มารับเธอเพื่อเรียกเสียงคะแนนนะ”
จากนั้นเขายื่นมือไปเปิดประตูให้อีกฝ่าย "เข้าไปสิ"
กู้เหนียนจื่อไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขึ้นไปนั่งในรถ แล้วเธอก็ยิ้มให้เขา “บอกฉันมาซิหัวหน้า นายมีจุดประสงค์อะไร? ต้องดูก่อนว่าฉันจะจ่ายไหวไหม!”
ชายหนุ่มยิ้มขณะเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัยและพูดว่า “เหนียนจื่อ เธอไม่เข้าใจเหรอว่าฉันกำลังตามจีบเธออยู่”
หญิงสาวหน้าแดงระเรื่อทันที “หัวหน้า…นายไม่ควรล้อเล่นเกี่ยวกับเรื่องแบบนั้น”
"ฉันไม่ได้ล้อเล่น ฉันแอบชอบเธอมา 2 ปีแล้ว แต่เธอไม่เคยยอมรับมันเลย ฉันก็เลยตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องสารภาพออกมาตรง ๆ” เหม่ยเสี่ยวเหวินขยิบตาให้เธอก่อนที่เขาจะสตาร์ทรถแล้วเหลือบมองไปที่คนข้าง ๆ
กู้เหนียนจื่อยังอายุไม่ถึง 18 ปี ซึ่งเธออายุน้อยกว่าคนอื่น ๆ ในชั้นเรียน 4-5 ปี เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้วเธอยังเด็กมาก แน่นอนว่าเพื่อนร่วมชั้นทุกคนรู้ว่าเธอยังเด็ก ดังนั้นนักศึกษาชายส่วนใหญ่จึงปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นน้องสาวและดูแลเธออย่างดี แต่ไม่เคยมีใครเข้าหาเธอในฐานะแฟน
ความรู้สึกนี้เป็นเรื่องใหม่และน่าตื่นเต้น ใบหน้าที่สวยหวานและละเอียดอ่อนของเธออดไม่ได้ที่จะแดงขึ้นจนเป็นสีชมพู ภาพนั้นมันทำให้พวงแก้มดูเย้ายวนราวกับลูกพีชสุก
“ทำไมเธอไม่พูดอะไรหน่อยล่ะ เธอไม่เชื่อฉันเหรอ?” หัวหน้าหนุ่มหัวเราะ “เมื่อวานฉันสารภาพกับอาของเธอไปแล้ว แต่เธอยังไม่เชื่อฉันอีกเหรอ?”
ในที่สุดหญิงสาวก็นั่งนิ่งกะพริบตาปริบ ๆ ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นและดูขุ่นมัว “หัวหน้า ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่านายกำลังจีบฉัน”
“เธอไม่รู้จริง ๆ เหรอ? ก่อนหน้านี้ถ้ามีข่าวการฝึกงานในบริษัทขนาดใหญ่ ฉันจะบอกเธอก่อนเสมอ ฉันจะบอกคนอื่นในชั้นเรียนของเราถ้าเธอไม่ต้องการ เธอไม่ชอบวิ่งออกกำลังกายเก็บแต้มตอนเช้า ฉันเลยช่วยเธอ เวลาที่เธอกลับดึกหลังเลิกเรียน ฉันจะเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากห้องเพื่อรอเธอและพาเธอกลับไปส่งที่ทางเข้าหอพักก่อนจะกลับ เธอชอบนอนตื่นสายแล้วไม่ทันกินมื้อเช้าก่อนไปเรียน ฉันเลยซื้อเค้กนมน้ำผึ้งมาให้เธอในช่วงพัก เหนียนจื่อ ที่ฉันบอกเธอทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อให้เธอมาชื่นชมอะไรฉัน แต่นั่นเป็นเพราะว่าเรากำลังจะจบการศึกษา ถ้าเธอยังไม่รู้ว่าฉันชอบเธอและกำลังจีบเธออยู่ แสดงว่าฉันล้มเหลวมากในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง”
ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00