บทที่ 27 : ซ่อนตัวอยู่ในเมือง
กู้เหนียนจื่อจ้องไปที่โทรศัพท์ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กระแอมไอก่อนจะเรียกเขาด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ “…อาฮัว…”
นี่เขาคิดว่าเธอเป็นคนอื่นอีกแล้วหรือเปล่า?
“อืม อย่านอนดึกนักล่ะ” ฮัวเฉาเหิงวางสาย ในที่สุดเขาก็สามารถนอนหลับได้อย่างสงบสุข
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น นายพลหนุ่มและผู้ใต้บังคับบัญชาเช็คเอาท์จากโรงแรมชิบะ พร้อมเป้สะพายหลังก่อนที่จะแยกกันไปคนละทาง พวกเขาแต่ละคนมีเป้าหมายของตัวเอง
ผู้เป็นเจ้านายมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล
เจี้ยวเลี่ยงจื่อตรงไปยังสนามบินนานาชาติโตเกียว เขาจะรับผิดชอบด้านการขนส่งของภารกิจ
หยินชือฉงเดินทางไปที่อุทยานหลวงแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็น เพื่อเฝ้าสังเกตโอดะ มาซาโอะ เขาต้องทำให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่กลับไปห้องทดลองของเขาในทันทีที่พวกเขาเริ่มแผนการ
วันนี้เป็นวันที่ดอกซากุระบานในโตเกียว ตามการคาดการณ์ ดอกซากุระในอุทยานหลวงแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็นจะบานสะพรั่งในวันนี้
แม้ว่าวันนี้จะเป็นเช้าวันจันทร์ แต่ในอุทยานหลวงก็มีคนอยู่จนแน่นขนัด เพราะทุกคนต่างอยากเห็นดอกซากุระบานครั้งแรกในรอบปี
ต้นซากุระที่สวยงามที่สุดหลายต้นมีครอบครัวขนาดใหญ่นั่งปิคนิคอยู่ใต้ต้นไม้ บางครอบครัวก็กระจายตัวกันอยู่รอบ ๆ
หยินชือฉงได้จองจุดพิเศษกับกลุ่มทัวร์ที่พาไปยังอุทยานหลวงแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็น
ทหารหนุ่มทั้งสามคนได้รับการฝึกอบรมพิเศษและเป็นผู้เชี่ยวชาญในการปลอมตัวขณะปฏิบัติภารกิจของพวกเขาในที่สาธารณะ
ถ้าไม่มีใครรู้จักหยินชือฉงมาก่อน เขาจะดูเหมือนนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ในประเทศ
เขาก้มหน้าลงขยับหมวกแก๊ปสีแดงที่ปักตัวอักษรและตราสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเขาอยู่ในกลุ่มของทัวร์นั้น แล้วสวมแว่นเดินตามหัวหน้าทัวร์ไป
ซึ่งวันนี้โอดะ มาซาโอะมาที่อุทยานหลวงแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็นเพื่อชมดอกซากุระบานตามที่เขาคาด
เป้าหมายของเขาเป็นนักวิชาการที่หมกมุ่นอยู่กับชีวการแพทย์ ซึ่งระดับความหมกมุ่นของเขาเทียบได้กับของเฉินหลาย
เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องทดลองของเขา และเป็นคนรักสันโดษมากกว่าเฉินหลายหลายเท่า
นอกจากนี้ชายคนนั้นยังไม่มีครอบครัว ไม่มีญาติ ไม่มีเพื่อน ทรัพย์สินบนโลกเพียงอย่างเดียวของเขาคืออุปกรณ์ห้องทดลองและงานวิจัยของเขา
แต่นอกจากการทำงานแล้ว เขามักจะไปอุทยานหลวงแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็นปีละหนึ่งครั้งเพื่อที่จะชมดอกซากุระบาน
ในขณะเดียวกันฮัวเฉาเหิงไปที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียลเมื่อวันก่อนเพื่อทำการตรวจสอบ เขาค้นพบว่าระบบรักษาความปลอดภัยของห้องทดลองของโอดะ มาซาโอะไม่ได้ซับซ้อนเป็นพิเศษ การบุกเข้ามานั้นง่ายมาก แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือตัวเจ้าของห้องทดลองเอง
เขาใช้ชีวิตอยู่ในห้องทดลองเกือบทุกวันและแทบจะตลอดเวลา
ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดค้นวิธีการต่าง ๆ ขึ้นมาสองสามวิธี แต่ทั้งหมดนั้นล้วนแต่จะทำให้โอดะ มาซาโอะหลุดมือไปและหลังจากนั้นเขาจะระวังตัวมากขึ้น
จากนั้นพวกเขาก็ค้นพบโดยบังเอิญว่าเป้าหมายกำลังจะออกจากห้องทดลองของเขาและไปที่อุทยานหลวงแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็นในวันรุ่งขึ้นเพื่อชมดอกซากุระ
โชคเข้าข้างพวกเขาจริง ๆ
หลังจากได้รู้เรื่องนี้ พวกเขาก็กลับไปที่โรงแรมเพื่อวางแผน แล้วแยกย้ายกันไปปฏิบัติภารกิจในวันถัดไป
เมื่อหยินชือฉงมาถึงที่อุทยานหลวงแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็น ฮัวเฉาเหิงก็เพิ่งมาถึงที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล
“ท่านครับ ผมกำลังจับตาดูโอดะ มาซาโอะ เขานั่งอยู่ใต้ต้นซากุระกับลูกศิษย์ของเขา” เลขาหนุ่มสวมชุดหูฟังของเขาแล้วรายงานสถานการณ์ขณะเดินไปด้วย แต่สำหรับคนทั่วไป เขาดูเหมือนกำลังฟังเพลงอยู่ ซึ่งเขาแต่งตัวเหมือนนักท่องเที่ยวรอบตัวเขา
ขณะนี้นายพลหนุ่มเพิ่งออกมาจากห้องเล็ก ๆ ถัดจากห้องทดลองของโอดะ มาซาโอะ
เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวและแว่นตาพิเศษ พร้อมสวมหน้ากากผ่าตัดสีฟ้าอ่อนปิดใบหน้าของเขา แล้วแขวนบัตรเข้าห้องทดลองที่เจี้ยวเลี่ยงจื่อเตรียมให้ไว้ที่คอ
ก่อนหน้านี้เลขาของเขาสามารถแฮ็กเข้าสู่ระบบความปลอดภัยของห้องทดลองของโอดะ มาซาโอะได้ในคืนก่อน และปลอมแปลงบาร์โค้ดบัตรเข้าห้องให้เจ้านาย
แน่นอนว่าในการแฮ็กข้อมูลบนอินทราเน็ตของห้องทดลองนั้น พวกเขาไม่พบข้อมูลการทดลองอะไรเกี่ยวกับ H3aB7
เฉินหลายบอกพวกเขาแล้วว่าอย่าหวังว่าจะพบอะไรในนั้น ครั้งหนึ่งเขาเคยหมกมุ่นอยู่กับยานี้ และทำทุกอย่างที่เขาคิดได้เพื่อให้ได้ข้อมูลการวิจัยมา แต่ก็ไร้ประโยชน์ ทั้งหมดที่เขาหามาได้นั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ที่โอดะ มาซาโอะตีพิมพ์ในวารสารวิชาการที่มีชื่อเสียง
ดูเหมือนว่านักวิจัยคนนี้จะไม่แชร์หรือเก็บข้อมูลอะไรไว้บนอินเทอร์เน็ต เพราะเขาไม่ไว้วางใจในความปลอดภัย ดังนั้นเขาจึงเก็บเอกสารที่สำคัญที่สุดของเขาไว้ในกระดาษ และไม่เคยอัปโหลดไปยังเครือข่าย
ถ้าไม่ใช่เพราะกู้เหนียนจื่อตกเป็นเหยื่อ ฮัวเฉาเหิงคงไม่มาญี่ปุ่นด้วยตัวเอง เขามาที่นี่เพราะต้องการข้อมูลการวิจัยทั้งหมดที่มีอยู่ รวมถึงสูตร H3aB7 เผื่อในกรณีที่มีบางอย่างที่แย่กว่านั้นรอเธออยู่
ชายหนุ่มเดินไปตามทางเดินของห้องทดลองโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น
ซึ่งทุกคนรอบตัวเขาแต่งตัวเหมือนเขา ห้องทดลองของโอดะ มาซาโอะอยู่ในอาคารเดียวกันกับแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล
เขาเลี้ยวเข้าไปที่มุมหนึ่งแล้วพบประตูห้องทดลองของโอดะ มาซาโอะที่ดูเรียบง่ายไม่เตะตาใคร
มันไม่ได้ดูเหมือนห้องทดลองที่สำคัญหรือมีค่ามากเลย
แต่เขาคงตัดสินใจอะไรจากภายนอกไม่ได้ เพราะนั่นอาจเป็นอุบายที่ชาญฉลาดก็ได้
การซ่อนตัวในที่โล่งในบางครั้งอาจได้ผลมากกว่าการกลบอยู่ในหลุมลึกเสียอีก
เมื่อสังเกตว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนี้ ฮัวเฉาเหิงจึงหยิบบัตรขึ้นมาแล้วรูดมันเพื่อเปิดเข้าไปในห้องทดลอง ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
หลังจากที่เขาเข้าไปข้างในแล้ว เขาก็ล็อคประตูตามหลังเขาทันที แล้วแตะลำโพงบนหูฟังของเขา ก่อนจะเคาะเสียงยาวสามครั้ง ตามด้วยเคาะสั้น ๆ สองครั้ง
อีกด้านหนึ่งของการเชื่อมต่อ เจี้ยวเลี่ยงจื่อเข้าใจว่าเจ้านายของเขาได้เข้าไปในห้องทดลองแล้ว เขาจึงเข้าควบคุมกล้องวงจรปิดภายในห้องของโอดะ มาซาโอะทันที
ชายคนนั้นอาจเก็บข้อมูลการทดลองทั้งหมดของเขาแบบออฟไลน์ แต่ก็ไม่สามารถทำได้สำหรับแหล่งจ่ายไฟของห้องทดลองเพราะเครื่องปรับอากาศส่วนกลางและกล้องวงจรปิดทั้งหมดในห้องนี้เชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าส่วนกลางของโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียลและควบคุมโดยแผนกรักษาความปลอดภัย
ไม่นานนักเสียงบี๊บยาวสามครั้งก็ดังขึ้นที่หูฟังของนายพลหนุ่ม ตามด้วยเสียงบี๊บสั้น ๆ นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเจี้ยวเลี่ยงจื่อได้ควบคุมกล้องวงจรปิดสำเร็จ
เมื่อกล้องวงจรปิดถูกบุกรุก และไม่มีใครอื่นในห้องทดลองตอนนี้ ชายหนุ่มที่ปลอมตัวเข้ามาในห้องจึงสามารถค้นหาข้อมูลที่เขาต้องการอย่างเปิดเผยได้แล้ว
เขามองไปรอบ ๆ และในที่สุดก็พบตู้เซฟในห้องทำงานเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านในสุดของห้องทดลองของโอดะ มาซาโอะ ตู้เซฟมีเบาะแสที่มีแนวโน้มว่าจะเกี่ยวข้องกับ H3aB7
รหัสผ่านสำหรับตู้เซฟนั้นถอดได้ไม่ยาก ฮัวเฉาเหิงเคยผ่านการฝึกอบรมเรื่องการถอดรหัสผ่านมาก่อน มันง่ายสำหรับเขามาก
เขาถอดรหัสผ่านแล้วเปิดตู้เซฟออก ก่อนจะเห็นกองเอกสารและกล่องหลอดทดลองที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ ทหารหนุ่มอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าได้รับชัยชนะ
แต่พอสังเกตดี ๆ เขาเห็นเซ็นเซอร์อินฟราเรดอยู่ภายในตู้เซฟ เขาไม่สามารถเข้าไปหยิบเอกสารได้โดยไม่ถูกสัญญาณเตือนภัย
นายพลหนุ่มเงยหน้าขึ้นและมองตรงไปที่กล้องวงจรปิด
คนที่กำลังมองกล้องคือเจี้ยวเลี่ยงจื่อ เขาเข้าใจความหมายของเจ้านายในทันที และตัดการจ่ายไฟไปยังเซ็นเซอร์อินฟราเรดของตู้เซฟ
เมื่อไฟดับลงแล้ว ฮัวเฉาเหิงก็เอื้อมมือเข้าไปดึงกองเอกสารและกล่องหลอดทดลองออกมาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้า แล้ววางแทนที่เอกสารพวกนั้นด้วยกองกระดาษเปล่าที่มีขนาดและน้ำหนักเท่ากัน
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ชายหนุ่มร่างสูงก็ออกจากห้องทดลองทันทีและเดินไปที่ห้องน้ำห้องหนึ่งในอาคาร เขาถอดแว่นตาออกแล้วแทนที่ด้วยแว่นตาที่เป็นเหมือนเครื่องสแกนขนาดย่อม หลังจากนั้นเขาก็เริ่มสแกนเอกสารทั้งหมดอย่างรวดเร็ว แล้วส่งตรงไปยังสำนักงานของเฉินหลายในฐานทัพเมือง C ผ่านดาวเทียมเข้ารหัสพิเศษของจักรวรรดิ
เจี้ยวเลี่ยงจื่อจึงฉวยโอกาสนี้เชื่อมต่อกล้องวงจรปิดเข้ากับฟีดวิดีโอปกติอย่างรวดเร็ว ในแผนกรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล จอภาพเฝ้าระวังพบห้องทดลองที่สะอาดสะอ้าน ไม่มีสิ่งใดที่ดูผิดปกติ
ย้อนกลับไปที่เมือง C ภายในฐานทัพหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เฉินหลายเพิ่งกลับมาที่สำนักงานของเขา
เขาเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อที่จะเริ่มทำงาน และเห็นไฟล์ที่เข้ารหัสที่มีลำดับความสำคัญสูงจำนวนหนึ่งถูกส่งมาให้เขาทันที
หมอหนุ่มจึงกดยอมรับและเปิดเอกสารฉบับแรก เขาอ่านเพียงไม่กี่หน้าก่อนที่ร่างกายของเขาจะแข็งทื่อราวกับเป็นอัมพาต
เหงื่อไหลออกจากตัวเขาเหมือนสายฝน ดวงตากลมโตของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดหมายเลขส่วนตัวของฮัวเฉาเหิง ฟันของเขาไม่หยุดกระทบกัน ในเวลานี้เขามองหาโลกทั้งใบราวกับว่าเขาเสียสติไปแล้ว
ตอนที่นายพลหนุ่มรับโทรศัพท์จากเฉินหลาย เขาเกือบจะสแกนเอกสารเสร็จแล้ว
ขณะรับสายเขาได้บรรจุหลอดทดลองอย่างระมัดระวังในกล่องตะกั่วที่หุ้มฉนวนความร้อน จากนั้นเขาก็ใส่ไว้ในกระเป๋าเป้ของเขา พลางถามปลายสายว่า “มันคืออะไร?”
“ผมเพิ่งดูเอกสารที่คุณส่งมาให้ผม H3aB7… H3aB7 ไม่ใช่ยากระตุ้นทางเพศ แต่เป็น… เห็นได้ชัดว่าเป็นไวรัส!”
ฮัวเฉาเหิงชะงักไปทันที “…นายพูดว่าอะไรนะ?"
เสียงของเขาเบาราวกับวัตถุโลหะหนักที่จมลงสู่ทะเลลึกอย่างช้า ๆ มันทำให้รู้สึกหายใจไม่ออก
“ผมยังไม่ได้ดูอย่างละเอียด แต่ผมรับรองได้ว่านี่ไม่ใช่ยาปลุกเซ็กซ์ธรรมดา โครงสร้างทางเคมีของมันคือไวรัสร้ายแรง มันเป็นนักฆ่าเงียบที่สามารถฆ่าได้แบบไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเลย!” เฉินหลายพูดด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
บทที่ 28 : ไม่ดิ้นรนต่อสู้ก็ตาย
“แม่งเอ๊ย! ไม่น่าแปลกใจที่ผมทำยาแก้พิษไม่ได้! ยาแก้พิษทำอะไรกับไวรัสไม่ได้! มีเพียงวัคซีนเท่านั้นที่ต่อสู้กับไวรัสได้!” เฉินหลายสบถดังขึ้นในห้องทำงานของเขา
เมื่อได้ยินที่ปลายสายพูด ฮัวเฉาเหิงก็หลับตาลง ปกติแล้วเขาจะต้องสงบสติอารมณ์ไว้ให้ได้ในเวลาฉุกเฉิน แต่ในช่วงเวลานี้เขารู้สึกเหมือนกับว่าถูกคำพูดนั้นตอกลงไปกลางใจ เขาไม่สงสัยในคำพูดของเฉินหลาย และไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดเกินจริง เฉินหลายเป็นแพทย์ที่ฉลาดที่สุดในประเทศและสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกในสาขาวิชาทฤษฎีอาวุธชีวภาพของไวรัส เฉินหลายมีประสบการณ์สูงสุดไม่ว่าจะเป็นไวรัสธรรมชาติหรือไวรัสสังเคราะห์
ติ๊ง!
เครื่องสแกนส่งเสียงบ่งบอกว่าเสร็จสิ้นการถ่ายโอนการสแกนทั้งหมด ในขณะที่สมองของนายพลหนุ่มกำลังทำงานหนัก เขาต้องคิดเรื่องการเปลี่ยนแผน คงไม่มีใครคิดว่าเรื่องนี้จะร้ายแรงขนาดนี้
ในเวลาเดียวกันหมอหนุ่มเปิดไฟล์สุดท้ายที่ถูกส่งมาให้ในทันที ด้วยความช่วยเหลือของซอฟต์แวร์แปลอัตโนมัติบนคอมพิวเตอร์ เขาอ่านข้อมูลที่มีชื่อว่า 'การเปรียบเทียบประสิทธิภาพ' ชุดสุดท้ายจบลงอย่างรวดเร็ว ไม่นานใบหน้าของเขาที่ซีดอยู่แล้วก็ยิ่งซีดลงไปอีก แม้แต่ริมฝีปากของเขาก็เช่นกัน
เขาถอนหายใจและพูดกับเจ้านายว่า “ประสิทธิภาพของไวรัสนี้น่าประหลาดมาก จากข้อมูล 'การเปรียบเทียบประสิทธิภาพ' ชุดสุดท้าย ใครก็ตามที่ได้รับไวรัสนี้จะเสียชีวิตภายในครึ่งปีถึงหนึ่งปีหลังจากนี้”
เฉินหลายหยุดดูข้อมูลก่อนจะอธิบายเพิ่มเติมว่า “คนพวกนี้เป็นผู้หญิงชาวจีนทั้งหมด พวกเธอทุกคนเสียชีวิตจากความเจ็บป่วย แต่มันเกิดจากโรคทั่วไป จากรายงานไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ อาวุธชีวภาพประเภทนี้มีประสิทธิภาพคล้ายนักฆ่าที่มองไม่เห็น”
สีหน้าของฮัวเฉาเหิงดูเคร่งเครียดมากขึ้นระหว่างที่เขาปรับแว่นตาของตัวเอง เขาถามด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “แล้วทำไม H3aB7 ถึงกลายเป็นยาปลุกเซ็กซ์ชั้นยอด?”
“องค์ประกอบของยาปลุกเซ็กซ์น่าจะเป็นผลข้างเคียงที่ค้นพบตอนที่พวกเขากำลังศึกษาไวรัส สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ทั่วไปในประวัติศาสตร์ของการพัฒนายา ยาเม็ดสีน้ำเงินเล็ก ๆ ที่ชื่อว่ายาไวอากร้าเป็นยาปลุกเซ็กซ์สำหรับผู้ชายได้ถูกพัฒนาไปเป็นยามหัศจรรย์ในการรักษาความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรืออาการเจ็บหน้าอกที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ แต่นักวิจัยพบว่ามันทำให้เกิดการแข็งตัวของอวัยวะเพศและเพิ่มศักยภาพของผู้ชายเป็นพิเศษ มันทำงานได้ดียิ่งขึ้นในฐานะยากระตุ้นทางเพศมากกว่าการรักษาภาวะแทรกซ้อนของโรคหัวใจและความดันโลหิต เพราะงั้นมันเลยกลายเป็นสิ่งที่เรารู้จักในปัจจุบันที่ชื่อไวอากร้าแทน” เฉินหลายถอนหายใจก่อนจะพูดต่อว่า “ผมเดาว่า H3aB7 นี้ได้รับการพัฒนาเหมือนกับไวอากร้า คนที่ได้รับยานี้จะมีผลข้างเคียง แถมไวรัสยังอำพรางตัวเองเอาไว้ได้เมื่อพวกเขากำลังทดสอบปริมาณไวรัสในระหว่างการทดลองทางการแพทย์”
นี่เป็นเรื่องบังเอิญอย่างยิ่งที่พวกเขาได้เปิดเผยแผนการสมรู้ร่วมคิดครั้งใหญ่นี้ ผู้เป็นหมอรู้สึกหนาวสั่นทันทีเมื่อคิดถึงเรื่องดังกล่าว แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาเคยสนใจ H3aB7 มาก ผู้คนที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมเชื่อว่ามันเป็นยาปลุกเซ็กซ์เหมือนยาอื่น ๆ มีคนไม่มากที่ให้ความสนใจกับสารประกอบที่อยู่ในตัวยานี้ แม้ว่าเฉินหลายจะอยากรู้อยากเห็นอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องมา
ถ้ากู้เหนียนจื่อไม่ได้ถูกวางยา ฮัวเฉาเหิงคงไม่พาเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สุดในกองกำลังปฏิบัติการพิเศษเดินทางไปญี่ปุ่นด้วยตนเองเพื่อหาข้อมูลเบื้องต้นจากโอดะ มาซาโอะ
หากไม่มีข้อมูลเบื้องต้น พวกเขาจะไม่มีทางรู้เลยว่านักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นพวกนี้ทำถึงขนาดมุ่งเป้ามาที่พลเมืองของประเทศพวกเขาด้วยไวรัสเฉพาะทาง แล้วนายพลหนุ่มก็เป็นคนเดียวที่สามารถเข้าถึงทรัพยากรและโอกาสที่จำเป็นในการจัดการภารกิจนี้ แม้ว่าจะดูเหมือนมีเพียงสามคนเท่านั้นที่เข้าร่วม แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากบุคลากรมากกว่า 1,000 คนที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง
เมื่อได้ยินที่เฉินหลายพูด ชายหนุ่มก็เงียบไปเป็นเวลานาน
หมอหนุ่มรู้สึกกังวลและพูดขึ้นมาว่า "เจ้านาย! ตั้งใจฟังนะ นี่คือไวรัส! แต่เรายังไม่รู้ว่ามันเป็นไวรัสประเภทไหน มันรุกล้ำและทำลายระบบคุ้มกันของร่างกายจนพังยับเยิน! ถ้าเราสร้างวัคซีนไม่ได้ ไม่ใช่แค่ชีวิตของเหนียนจื่อที่จะถูกคุกคาม แต่ผู้หญิงทุกคนในประเทศก็สามารถตกเป็นเป้าหมายของไวรัสนี้ได้!”
หัวใจของฮัวเฉาเหิงกระตุกไป ราวกับว่ามันถูกลิ่มตอกลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“นายพัฒนาวัคซีนได้หรือเปล่า ถ้าฉันเอาข้อมูลทั้งหมดและสำเนาไวรัสไปให้นาย”
“ตามทฤษฎีแล้ว นั่นไม่น่าจะเป็นปัญหา—” แต่ก่อนที่เฉินหลายจะพูดจบประโยค คนเป็นเจ้านายก็วางสายไปแล้ว
ในขณะนี้เขาได้ตัดสินใจแล้ว
เมื่อพิจารณาว่าโอดะ มาซาโอะปกปิดสถานะของเขา กองทัพญี่ปุ่นเชื่อว่าพวกเขามี H3aB7 อยู่ในมือ นอกจากนี้ยังมี CIA และ MI6 ที่พยายามตรวจสอบโอดะ มาซาโอะ ฮัวเฉาเหิงจึงสรุปว่าไม่มีอะไรมาแทนที่ชายคนนี้ในการพัฒนาไวรัสนี้ได้อีก
ในด้านเทคโนโลยีชั้นสูง คนที่มีทักษะเฉพาะทางมักจะมีค่ามากที่สุดเสมอ การสูญเสียความสามารถดังกล่าวอาจทำให้บางอุตสาหกรรมถดถอยไป 50 ปีหรือหายไปโดยสิ้นเชิง และเขาคิดว่าโอดะ มาซาโอะอาจไม่จำเป็นถ้าเฉินหลายสามารถพัฒนาวัคซีนได้
ผู้มีตำแหน่งพลตรีโอนสายหาหยินชือฉง “สถานการณ์เปลี่ยน เป้าหมายต้องถูกกำจัด”
ตอนนี้เลขาหนุ่มถือร่มกระดาษน้ำมันแล้วนั่งทานข้าวปั้นญี่ปุ่นอย่างสบายอารมณ์อยู่ใต้ต้นซากุระ เมื่อเขาได้รับคำสั่งการ ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที ก่อนที่เขาจะตอบกลับว่า “รับทราบ”
ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยปฏิบัติการกองกำลังพิเศษและยังเป็นเลขาส่วนตัวของฮัวเฉาเหิง เขาคุ้นเคยกับคำสั่งสั้น ๆ และไม่เคยตั้งคำถามกับผู้บังคับบัญชาของเขาเลยสักครั้ง เขาแค่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งให้สำเร็จลุล่วงเท่านั้น!
การปฏิบัติตามกฎระเบียบเป็นหน้าที่ของทหารทุกคนอยู่แล้วด้วย
เบื้องหน้าเขาคือต้นไม้ที่ปกคลุมไปด้วยดอกซากุระสีชมพูอ่อน กิ่งก้านที่เรียวพลิ้วไหวไปกับสายลมที่พัดโชยมา พวกมันดูราวกับกิ่งไม้ที่เต็มไปด้วยหิมะ และเมื่อมีลมพัดมา อุทยานหลวงแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็นก็ดูเหมือนถูกฝนซากุระตกใส่
แล้วมีท้องฟ้าแจ่มใสเป็นฉากหลังที่สวยงาม ในทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้ คนญี่ปุ่นจำนวนมากอดไม่ได้ที่จะเต้นระบำอยู่ใต้ต้นไม้พร้อมเปิดดนตรีไพเราะควบคู่ไปกับกลีบดอกไม้ที่ล่องลอย ทำให้ฉากนี้งดงามเกินบรรยาย
แต่หยินชือฉงไม่รู้สึกผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย หากฮัวเฉาเหิงสั่งให้กำจัดโอดะ มาซาโอะทันที แสดงว่ามีบางอย่างผิดปกติมาก
เขาหุบร่มกระดาษน้ำมันแล้วลูบปลายหัวร่ม เขาได้ทาพิษที่มีพิษร้ายแรงที่จักรวรรดิพัฒนามาเป็นพิเศษไว้ตรงปลาย ซึ่งพิษชนิดนี้มันไม่มีสีและไม่มีกลิ่น ทันทีที่ฉีดเข้าไปในร่างกาย มันจะเข้าสู่กระแสเลือดและไหลเวียนไปยังหัวใจ ทำให้คนที่ได้รับพิษเสียชีวิตทันที แต่เมื่อถูกชันสูตร สิ่งที่ปรากฏก็คือคนตายมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจล้มเหลว ไม่มีการรักษาพยาบาลที่จะช่วยเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายได้
ชายหนุ่มยืนขึ้นแล้วถือร่มขณะที่เขาค่อย ๆ เดินไปตามทางเดินที่โรยด้วยดอกไม้ไปหาเป้าหมายที่กำลังชมดอกซากุระอย่างเบิกบานใจ ตอนนี้เขาร้องเล่นเต้นรำกับลูกศิษย์ระดับบัณฑิตศึกษาใต้ต้นซากุระ
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขและน่าตื่นเต้นที่สุดของปี อุทยานหลวงแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็นได้กลายเป็นที่อึกทึกมากขึ้น ผู้คนต่างก็หลั่งไหลกันเข้ามามากขึ้น จนในที่สุดฝูงชนก็ก่อตัวขึ้น
ในกลุ่มผู้คนที่กำลังสนุกสนานรื่นเริงอยู่ใต้ต้นไม้ใกล้ ๆ มีคนที่เคลื่อนไหวเร็วเกินไปจนสะดุดกับพื้นขรุขระแล้วล้มลง และคน ๆ นี้ได้ชนเข้ากับหยินชือฉงซึ่งบังเอิญเดินผ่านมา เขาจึงใช้แรงผลักจากเหตุการณ์นี้เซไปข้างหน้าแล้วล้มไปทางโอดะ มาซาโอะ จากนั้นเขาก็แอบเอาร่มที่เขาใช้แทนไม้เท้าแทงไปที่น่องของโอดะ มาซาโอะเบา ๆ
ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00