Your Wishlist

ว่าไงคะ ท่านนายพล (บทที่ 25-26 : นายคิดมากเกินไป, ไม่มีความเป็นส่วนตัว)

Author: Han Wuji (Akira แปล)

กู้เหนียนจื่อ หญิงสาวอายุ 17 ปีผู้สูญเสียความทรงจำในวัยเด็ก มีเพียงภาพที่ตนเองติดอยู่ในรถที่กำลังลุกไหม้เท่านั้นที่ยังฉายชัดอยู่ในความฝันของเธอ โชคดีที่เธอได้ฮัวเฉาเหิง ทหารหนุ่มผู้มีตำแหน่งพลตรีช่วยชีวิตเอาไว้ ชายหนุ่มถูกกองทัพของจักรวรรดิร้องขอให้เป็นผู้ปกครองของกู้เหนียนจื่อที่มีอายุเพียง 12 ปี และปกปิดประวัติที่แท้จริงของทั้งคู่เอาไว้ แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เธอก็อยู่กับเขานับตั้งแต่นั้นมา เธอใช้ชีวิตด้วยความกลัวและไม่มั่นคงมาตลอด เธอจะรู้สึกปลอดภัยเฉพาะเวลาได้อยู่ใกล้ ๆ ผู้ปกครองหนุ่มเท่านั้น ระหว่างนั้นกองทัพของจักรวรรดิได้ทำการสืบค้นประวัติของหญิงสาว แต่ก็ไม่สามารถค้นหาได้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ตัวตนที่แท้จริงของกู้เหนียนจื่อคือใครกันแน่? เหตุใดเธอจึงถูกลอบทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต?

จำนวนตอน : 2263

บทที่ 25-26 : นายคิดมากเกินไป, ไม่มีความเป็นส่วนตัว

  • 24/09/2564

บทที่ 25 : นายคิดมากเกินไป 

 

ฮัวเฉาเหิงเหล่มองพวกเขาขณะที่เขาใส่โทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกง “ทดสอบ? พวกนายจะทำยังไง”

 

“หึ จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ แน่นอนว่าต้องเป็นการไปเจอดาราหนังโป๊ชื่อดังของญี่ปุ่น!” เจี้ยวเลี่ยงจื่อและหยินชือฉงจับมือกันและยักคิ้วอย่างมีเลศนัย “ถ้าเราไม่ 'ทดสอบ' ตัวเองกับดาราหนังโป๊ญี่ปุ่น เราจะรู้ได้ยังไงว่าการฝึกต่อต้านการยั่วยวนของเราได้ผลจริง ๆ แต่เราจะแค่ 'ทดสอบ' เราจะไม่ทำ 'มัน' จริง ๆ”

 

นายพลหนุ่มค่อนข้างมั่นใจว่าชายหนุ่มทั้งสองแค่อยากเห็นดาราหนังโป๊ญี่ปุ่นแสดงสดให้พวกเขาดู

 

หลังจากนั้นฮัวเฉาเหิงก็ละความสนใจไปจากพวกเขา เขาเดินไปที่หน้าต่าง พร้อมถือถ้วยชาในมือและจ้องมองวิวกลางคืนข้างนอก

 

ทิวทัศน์ยามค่ำคืนของโตเกียวนั้นสวยงามมาก แสงไฟจากอาคารสูงระยิบระยับราวกับเพชร แล้วแสงพวกนั้นก็ปะปนกับดวงดาวในท้องฟ้ายามมืดสีน้ำเงินเข้ม ตอนนี้บรรยากาศดูเงียบสงบมาก

 

เมื่อเจี้ยวเลี่ยงจื่อและหยินชือฉงเห็นว่าผู้เป็นเจ้านายไม่ตอบอะไรเลย พวกเขาก็มีสีหน้าผิดหวัง

 

เลขาหนุ่มทั้งสองถอนหายใจและนั่งลงบนโซฟาอย่างห่อเหี่ยวโดยที่แต่ละคนยกกาแฟขึ้นมาดื่มแก้เก้อขณะที่พูดคุยกันด้วยเสียงกระซิบ

 

“ต้าฉง [1] คุณเคยทำกับผู้หญิงหรือเปล่า”

 

“ฉันไม่เคยมีแฟนเลย แม้แต่นอนกับผู้หญิงก็ไม่เคย” หยินชือฉงพ่นลมหายใจ "แล้วนายล่ะ? นายพยายามจีบเจ้าหน้าที่หญิงจากเขต 3 อยู่ใช่ไหม เธอชื่ออะไรนะ”

 

“เอ่อ อย่าพูดถึงเลย ผมสร้างความประทับใจให้เธอไม่ได้และผมเกือบจะพ่ายแพ้แบบหมดรูป” คนถูกถามส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง “เธอมีคนมากมายเข้าแถวรออยู่แล้ว ผมพนันได้เลยว่าคิวจะยาวจากเขต 3 ไปจนถึงเขต 4 แล้วผมจะไปมีโอกาสอะไร”

 

"จริงเหรอ? ฉันไม่เห็นว่าเธอจะน่าดึงดูดสำหรับฉันตรงไหนเลย” ฝ่ายที่ได้ฟังลูบหลังศีรษะของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบายใจ "ฉันอยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไงถ้าทำกับผู้หญิง? จะเป็นยังไงถ้าเราต่อต้านแรงกระตุ้นของเรา และในที่สุดเราก็ไม่เหลือความต้องการทางเพศอีก แม้แต่จะมีอารมณ์ก็ยังไม่ได้ แล้วเราจะมีลูกได้ยังไง? ครอบครัวของฉันมีประวัติยาวนานกวาห้าชั่วอายุคนและพวกเขามีฉันเป็นลูกชายคนเดียว!”

 

ในเวลานั้นฮัวเฉาเหิงหันกลับมา เขาเดินห่างจากหน้าต่างมาวางถ้วยชาลง แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “นายจะยังไม่ตายด้านหรอก นายคิดมากเกินไป”

 

“คิดมากไปเหรอครับ! เจ้านาย คุณรู้ดีว่าการฝึกต่อต้านการยั่วยวนของเราเป็นยังไง เพราะคุณเคยเจอมาแล้ว คุณไม่รู้สึกกังวลเลยจริง ๆ เหรอครับว่าคุณจะตายด้าน! หรือกลัวว่าจะหลั่งเร็ว?”

 

นายพลหนุ่มก้มศีรษะลงจุดบุหรี่แล้วพูดว่า “อย่าคิดมากนักเลย การหมกมุ่นอยู่กับผู้หญิงตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันมันน่าเบื่อ นี่ก็ดึกแล้ว ไปนอนซะ พรุ่งนี้เรามีนัดกัน”

 

“เจ้านาย คุณไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร” เจี้ยวเลี่ยงจื่อพูดอย่างโจ่งแจ้ง เขาได้รวบรวมความกล้าและกำลังโต้เถียงอย่างกระตือรือร้นเพื่อสิทธิในการสืบพันธุ์ระหว่างชายและหญิง “คุณไม่เคยลองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่ามันจะไม่เป็นปัญหา? แล้วใครที่หมกมุ่นอยู่กับผู้หญิง? เราอยู่ในญี่ปุ่น ผมแค่บอกว่าเราอาจจะสืบพันธุ์ไม่ได้!”

 

“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่เคยลอง” คนเป็นเจ้านายเอียงศีรษะถามแล้วสะบัดขี้เถ้าจากบุหรี่ของเขาก่อนจะหันหลังเตรียมจะกลับห้องของเขา ใบหน้าของเขาซึ่งปกติแล้วจะดูเฉยชาเหมือนจะมีสีแดงระเรื่อจาง ๆ ที่แก้มของเขา

 

ดวงตาของผู้เป็นเลขาทั้งสองเกือบจะหลุดออกจากเบ้า พวกเขาตะโกนไล่หลังคนที่กำลังจะหนีทันที “คุณเสียพรหมจรรย์ไปเมื่อไหร่ครับ! ทำไมเราไม่รู้เรื่องนี้!”

 

พวกเขาเป็นเลขาส่วนตัวของท่านนายพลฮัวและพวกเขาติดตามอีกฝ่ายเหมือนเงา ทำไมพวกเขาถึงไม่สังเกตเห็นเหตุการณ์สำคัญในชีวิตส่วนตัวของเขา? พวกเขาล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่! ล้มเหลวมากจริง ๆ!

 

ในตอนนั้นฮัวเฉาเหิงไม่สนใจเสียงตะโกนที่บ้าคลั่งจากเลขาส่วนตัวของเขาในขณะที่เขาเดินกลับไปที่ห้องอย่างสงบ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา และก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ เขาก็กดหมายเลขนั้นไปแล้ว

 

ตื๊ด~  ตื๊ด~

 

"ฮัลโหล นี่ใครคะ?" เสียงหวานและน่ารักของกู้เหนียนจื่อดังขึ้นจากปลายสาย

 

ชายหนุ่มไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตื่นแล้วจริง ๆ เขารวบรวมสติแล้วพูดว่า “เธอทำอะไรอยู่”

 

ในขณะนี้หญิงสาวกำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งในโรงยิม เธอฟังเพลงในหูฟัง เมื่อมีสายเข้าเธอก็กดรับทันทีโดยไม่ได้ดูว่าใครโทรมา หลังจากที่เธอได้ยินเสียงทุ้มของผู้ปกครองหนุ่ม หัวใจของเธอก็แทบระเบิดด้วยความปีติยินดี เธอพูดด้วยน้ำเสียงปนหอบว่า “ฉันกำลังออกกำลังกาย!” แล้วพูดบ่นต่อว่า “ฉันอ้วนขึ้นอีกแล้ว ฉันต้องลดน้ำหนัก!”

 

ฮัวเฉาเหิงลดมือที่ถือบุหรี่ลงในมือขณะที่เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “เธอไม่ได้อ้วน มันจะดีกว่านี้ถ้าเธอมีน้ำมีนวลขึ้น กอดแล้วเต็มมือกว่า”

 

ทันทีที่เขาพูดแบบนั้น ความเงียบแปลก ๆ ก็เกิดขึ้นกับทั้งสองคน

 

ทหารหนุ่มเป็นคนที่ดึงสติกลับมาได้ก่อน เขาดูดบุหรี่ก่อนจะพ่นควันสีขาวออกมา เขาถามอย่างไม่ใส่ใจว่า “ที่รัก เธอยังอยู่หรือเปล่า”

 

กู้เหนียนจื่อพยายามสงบใจตัวเองเพราะอาการขนลุกแปลก ๆ ในเรื่องนี้ เธอพูดช้า ๆ และเน้นทีละคำ “ฮัวเฉา นี่คือเหนียนจื่อ กู้เหนียนจื่อ นี่คุณคิดถึงคนอื่นอยู่หรือเปล่าเนี่ย”

 

เธอรู้จักฮัวเฉาเหิงมา 6 ปีแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินเขาเรียกใครอย่างสนิทสนมว่า ‘ที่รัก’ มาก่อน

 

คนเป็นผู้ปกครองพ่นลมหายใจและเอาบุหรี่ไปเสียบตรงที่เขี่ยบุหรี่ เสียงของเขายังฟังดูไม่แยแสและทุ้มต่ำ "ฉันโทรผิด อย่านอนดึกล่ะ” จากนั้นเขาก็วางสายไป

 

ในขณะเดียวกันหญิงสาวยังคงวิ่งเหยาะ ๆ บนลู่วิ่ง ในใจของเธอเต็มไปด้วยคำถาม ฮัวเฉามีแฟนแล้วเหรอ เธอควรลองถามเฉินหลายเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีไหม?

 

อีกด้านหนึ่ง ฮัวเฉาเหิงรู้สึกร้อนขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากวางสาย เขาจึงเปลี่ยนชุดกีฬาแล้วไปที่โรงยิมของโรงแรม

 

ยิมของโรงแรมชิบะไม่ค่อยพลุกพล่านในตอนกลางคืน

 

ชายชาวญี่ปุ่นหลายคนในชุดเสื้อรัดรูปกำลังพูดคุยกันขณะที่ออกกำลังกายไปด้วย 

 

พวกเขาพูดอย่างรวดเร็วและการแสดงออกของพวกเขาก็เกินจริง

 

เมื่อพวกเขาเห็นฮัวเฉาเหิงเดินเข้ามา พวกเขาก็เข้าใจโดยอัตโนมัติว่าเขาไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น จากนั้นพวกเขาก็ละความสนใจจากชายหนุ่มแล้วไม่สนใจที่จะลดเสียงลงในขณะที่ยังคงพูดคุยกันต่อในสิ่งที่ควรจะเป็นการพูดคุยกันแบบส่วนตัว

 

“เสื้อชั้นในผู้ชายที่ออกมาใหม่ใส่สบายมาก!”

 

“นี่รู้ไหม ฉันใส่มันทุกวันตอนที่ฉันออกไปข้างนอก ฉันจะรู้สึกแปลก ๆ ถ้าไม่ได้ใส่มัน!”

 

ความเข้าใจภาษาญี่ปุ่นของนายพลหนุ่มอยู่แค่ในระดับพื้นฐาน แต่ชุดหูฟังบลูธูทของเขามาพร้อมกับคุณสมบัติการแปลภาษาอัตโนมัติ ดังนั้นเขาจึงได้ยินและเข้าใจทุกคำในการสนทนาเกี่ยวกับเสื้อชั้นในของผู้ชายอย่างชัดเจน

 

หัวข้อสนทนาของคนพวกนั้นทำให้เขาอึ้งไปชั่วครู่ เขาก้าวขึ้นไปบนลู่วิ่งโดยไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรไปรบกวนความสนุกของฝ่ายนั้น ต่อมาเขาเลือกตั้งค่าความเร็วสูงสุดและเริ่มวิ่ง

 

นายพลฮัวขายาวและอกกว้างกำลังวิ่งราวกับเสือชีตาห์ที่ดูโฉบเฉี่ยวและทรงพลังอยู่บนลู่วิ่ง นี่เป็นการแสดงความแข็งแกร่งและความเป็นชายที่น่าเกรงขาม พลังงานดิบของเขาแผ่ออกมาไปทั่วทั้งห้อง

 

ผู้หญิงญี่ปุ่นสองสามคนที่เพิ่งเข้ายิมไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้เลย

 

“โอ้พระเจ้า เขาดูดีสุด ๆ ไปเลย!”

 

ผู้ชายญี่ปุ่นที่ดูอ้อนแอ้นที่พูดถึงเสื้อชั้นในของผู้ชายได้ยินสาว ๆ พวกนั้นแล้วรู้อิจฉาริษยาและขุ่นเคืองในทันที พวกเขาเยาะเย้ยและดูหมิ่นชายหนุ่มร่างสูงเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง

 

“ถ้าวิ่งเร็วขนาดนี้ ทำไมไม่ไปแข่งโอลิมปิกเลยล่ะ”

 

"ขี้อวดว่ะ!"

 

หลังจากที่ฮัวเฉาเหิงวิ่งเสร็จ เขาก้าวลงจากลู่วิ่งแล้วคว้าตัวชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ มาและผลักอีกฝ่ายขึ้นบนลู่วิ่ง จากนั้นเขารัดแขนของชายคนนั้นไว้กับแฮนด์ของลู่วิ่งแล้วเลือกความเร็วสูงสุด เขาตบไหล่อีกคนและพูดภาษาญี่ปุ่นด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “โชคดี”

 

หลังจากนั้นลู่วิ่งก็เริ่มเคลื่อนที่เร็วขึ้นเรื่อย ๆ ตามการตั้งค่า

 

ชายชาวญี่ปุ่นที่ถูกบังคับให้วิ่งกรีดร้องและตะโกนออกมาเสียงดังขณะที่เขาพยายามดิ้นรนเพื่อสับขาให้ทัน แต่ลู่วิ่งเคลื่อนที่เร็วเกินไป ในไม่ช้าเขาก็หายใจไม่ออก แต่แขนของเขาถูกมัดติดกับลู่วิ่งอย่างแน่นหนา เขาหนีไปไหนไม่ได้ ทำให้เขาได้แค่ร้องเสียงแหลมเหมือนหมูโดนเชือด "ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันที!!”

 

เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงยิมที่ยืนอยู่ที่ประตูรีบเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเขา หลังจากมองอย่างสับสนเล็กน้อย พวกเขาก็ ‘ช่วย’ ชายชาวญี่ปุ่นจากลู่วิ่ง แต่ผู้ชายคนนั้นเป็นลมหมดสติไปแล้ว

 

ถึงเวลานี้ทหารหนุ่มก็ออกจากยิมไปนานแล้วและกลับมาอยู่ในห้องของเขาแล้ว

 

ทันทีที่เขาอาบน้ำเสร็จ เขาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาและเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากเฉินหลาย

 

[1] ‘ต้าฉง’ เป็นชื่อเล่นของหยินชือฉง

 

บทที่ 26 : ไม่มีความเป็นส่วนตัว

 

“เจ้านาย เหนียนจื่อตื่นแล้ว อยากคุยกับเธอไหม?”

 

เฉินหลายเพิ่งจัดระเบียบข้อมูลของกู้เหนียนจื่อเสร็จและกำลังบันทึกลงในคอมพิวเตอร์ของเขา ข้อมูลพวกนั้นมันถูกรวบรวมเป็นชุดและอัปโหลดไปยังฐานข้อมูลสำรองในไดรฟ์คลาวด์ของเขา

 

"งั้นเหรอ แต่ตอนนี้ดึกแล้ว” เสียงของฮัวเฉาเหิงฟังดูไม่แยแส เขาคิดว่าเป็นการดีที่สุดที่จะไม่พูดถึงว่าเขาได้พูดคุยกับกู้เหนียนจื่อแล้ว

 

หมอหนุ่มคิดว่าปลายสายคงไม่อยากคุยกับหญิงสาว ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเริ่มรายงานอาการของเธอหลังจากตื่น

 

“พูดก็พูดเถอะ มันบังเอิญมาก ผมเคยคาดการณ์ไว้ว่าวันนี้เธอคงจะตื่น แต่ไม่รู้ว่ากี่โมง หลังจากนั้นหัวหน้าจากชั้นเรียนของเหนียนจื่อก็มาเยี่ยมเธอ ผมปล่อยให้เขาเข้ามาก่อนและไม่นานหลังจากนั้น ผมก็ได้ยินเสียงของเหนียนจื่อ น้ำเสียงเธอฟังดูตื่นเต้นมาก” เขาหัวเราะกับตัวเองก่อนจะพูดต่อว่า “พวกเขามีเคมีที่ดูเข้ากันมาก”

 

คนเป็นผู้ปกครองใช้ผ้าขนหนูผืนใหญ่เช็ดน้ำออกจากผมของเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ฉันไม่มีเวลาฟังเรื่องไร้สาระของนายหรอกนะ”

 

“เรื่องไร้สาระที่ไหนกัน” เฉินหลายพับแขนเสื้อขึ้น แล้วนั่งบนเก้าอี้ล้อเลื่อนในห้องทำงานของเจ้านายและเริ่มหมุนเก้าอี้ “อีกอย่าง ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ!”

 

"ว่ามา"

 

“หัวหน้าชั้นเรียนของเหนียนจื่อสารภาพรักกับเธอ! เขาเป็นชายหนุ่มที่สูงสง่า ดูดี และอ่อนโยนกับเหนียนจื่อมาก เด็กสาวอย่างเหนียนจื่อควรได้รับการเอาใจใส่อย่างอ่อนโยนและถูกทะนุถนอมเหมือนเป็นสมบัติล้ำค่า” ผู้เป็นหมอพูดพลางถอนหายใจ

 

มือของฮัวเฉาเหิงหยุดเช็ดผมทันทีแล้วพยักหน้ารับรู้

 

"นี่จริงจังนะ! เชื่อผมเถอะ หัวหน้าห้องของเธอมีบุคลิกดีมาก เขายอมให้เหนียนจื่อดูโทรศัพท์ของตัวเองด้วย แล้วยังตั้งรูปภาพของเหนียนจื่อเป็นภาพล็อกหน้าจอ แล้ววันนั้เขายังบันทึกลายนิ้วมือของเธอเป็นรหัสผ่านเพื่อปลดล็อกโทรศัพท์ของเขาด้วย หลังจากนั้นเขาบอกว่าเหนียนจื่อสามารถปลดล็อกโทรศัพท์ของเขาได้ตลอดเวลาเพราะเขาไม่มีอะไรจะต้องปิดบังเธอ” เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “เจ้านาย ผมคิดว่าคนนี้เหมาะกับเหนียนจื่อในฐานะคู่ครองที่เหมาะสมกัน”

 

นายพลหนุ่มมองไปที่โทรศัพท์ของเขาและพบว่าเขาได้ตั้งค่ารูปภาพของเหนียนจื่อเป็นหน้าจอล็อกเมื่อนานมาแล้ว จากนั้นเขาปัดหน้าจอเพื่อเปิดอัลบั้มรูปและลบรูปภาพโดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ในทันที เขาได้ลบสิ่งที่เกี่ยวกับหญิงสาวทั้งหมดออกจากโทรศัพท์ของเขา ในขณะที่เฉินหลายยังคงพูดพล่ามเกี่ยวกับบางสิ่ง เขาก็พูดอย่างเฉยเมยว่า “เหนียนจื่อยังไม่ 18 มันยังเร็วไปหน่อยที่จะเริ่มออกเดท แต่ถ้าเธอชอบผู้ชายคนนั้นจริง ๆ ฉันก็จะไม่เข้าไปยุ่ง”

 

ชายหนุ่มลุกขึ้นขณะที่ถูกรบกวนจิตใจอีกครั้ง “ฉันมีเรื่องอื่นต้องจัดการ” พูดจบแล้วเขาก็วางสายทันที

 

ต่อมาทหารหนุ่มโทรหาเจี้ยวเลี่ยงจื่ออย่างใจเย็นและเสียงของเขาเข้มขึ้นทันที “เชื่อมต่อกับโทรศัพท์หัวหน้าห้องของเหนียนจื่อทันทีและลบลายนิ้วมือทั้งหมดออกจากโทรศัพท์เครื่องนั้น จำไว้ว่าให้ลบออกให้หมดและตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่สามารถกู้คืนได้ด้วยซอฟต์แวร์อะไร”

 

ในขณะนั้นแฮ็กเกอร์หนุ่มกำลังนอนอยู่บนเตียง เขาและหยินชือฉงกำลังพยายามหาคำตอบว่าฮีโร่หญิงคนไหนที่ ‘ขโมยความบริสุทธิ์’ ของท่านนายพลไป แล้วเขาก็ตกใจมากกับเสียงเรียกของเจ้านายจนทำให้เกือบตกเตียง

 

"อะไรนะ?! ลายนิ้วมือของเหนียนจื่อถูกบันทึกไว้ในโทรศัพท์ของใครบางคนเหรอครับ?! ทำไมเธอไม่ระวังตัวเลย! ลายนิ้วมือมีความสำคัญมากจะให้คนอื่นได้ยังไง? คน ๆ นั้นสามารถใช้ลายนิ้วมือของเธอได้และเหนียนจื่อจะไม่มีความเป็นส่วนตัวอีกต่อไป พวกเขาสามารถใช้ลายนิ้วมือของเหนียนจื่อทำอะไรก็ได้ แล้วใช้เพื่อมาทำร้ายเธอ! ผมเห็นด้วย เราต้องลบลายนิ้วมือด่วน!” เสียงของเจี้ยวเลี่ยงจื่อฟังดูไม่พอใจและคำพูดของเขาทำให้ฮัวเฉาเหิงเหยียดยิ้มออกมาและแล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว

 

เลขาหนุ่มถอนหายใจและหันไปมองหยินชือฉง "รับทราบครับ" เขาวางสายทันที

 

"เกิดอะไรขึ้น ภารกิจเหรอ?” ผู้เป็นเลขาอีกคนเริ่มมีสีหน้าจริงจัง

 

“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ลายนิ้วมือของเหนียนจื่อถูกบันทึกไว้โดยใครบางคน” เจี้ยวเลี่ยงจื่อแตะคำสั่งบนโทรศัพท์ของเขาและแปลงเป็นเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็กที่มีความสามารถมหาศาล “ต้าฉง หัวหน้าห้องของเหนียนจื่อชื่ออะไรเหรอ? คุณมีเบอร์โทรของเขาไหม”

 

หยินชือฉงดูแลเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับโรงเรียนของกู้เหนียนจื่อ เขาตอบกลับทันทีว่า “เหม่ยเสี่ยวเหวินเหรอ เบอร์โทรของเขาคือ—” เขาส่งต่อหมายเลขโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายและถามด้วยความเป็นห่วงว่า “นายทำได้ไหม? ฉันคิดว่าโทรศัพท์ของเด็กนั่นเป็นของแอปเปิ้ลที่เน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นเลิศ”

 

“เหอะ! อย่าประเมินผมต่ำไปสิ! คติประจำใจของผมคือ: ส่งเบอร์โทรมาให้พี่ แล้วพี่จะขุดประวัติเจ้าของเบอร์โทรให้หมดไส้หมดพุง!” แฮ็กเกอร์หนุ่มเป่ามือของเขาและป้อนหมายเลขโทรศัพท์ของเหม่ยเสี่ยวเหวินลงบนซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน เขากดปุ่มค้นหาและเริ่มหาโทรศัพท์ของเหม่ยเสี่ยวเหวินในเครือข่ายที่กว้างใหญ่

 

ภายในห้องของฮัวเฉาเหิง เขานำโทรศัพท์ติดตัวไปด้วยในขณะที่เขากลับมาที่เตียง เขาคิดว่าหลังจากที่วิ่งเสร็จแล้วจะกลับมานอนที่เตียง แต่ก็มาจบลงด้วยการสูบบุหรี่และตาสว่างอีกครั้ง เขาเลื่อนดูรายชื่อที่อยู่ในโทรศัพท์และหยุดที่ชื่อของกู้เหนียนจื่อสักครู่ก่อนที่จะกดหมายเลขของเธอ

 

ในตอนนี้หญิงสาวออกกำลังกายเสร็จแล้วและอาบน้ำอย่างสดชื่น เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งของตัวเองเพื่อเตรียมบำรุงผิวหน้าด้วยมาส์กตัวดัง เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอก็หันไปมองดูหน้าจอโทรศัพท์และพบว่าเป็นหมายเลขที่ไม่รู้จัก เธอรู้สึกลังเลแต่ก็ยังหยิบขึ้นมารับสาย 

 

“เหนียนจื่อ” เสียงของฮัวเฉาเหิงดังมาจากปลายสาย ใบหน้าของเจ้าของชื่อนั้นสว่างขึ้นราวกับแสงแดดยามเช้า “ฮัวเฉา! ครั้งนี้ไม่ได้โทรผิดอีกใช่ไหม” เธอถามออกมาตรง ๆ

 

“เรียกฉันว่าอา” ชายหนุ่มยืนกรานที่จะแย้งคำพูดของอีกฝ่ายที่ใช้เรียกเขา

 

กู้เหนียนจื่อรู้สึกตกใจ เธอมองโทรศัพท์ของตัวเองแล้วรู้สึกได้ถึงคำสั่งที่เข้มงวด แต่เธอคุ้นเคยกับการเชื่อฟังเขาแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเปลี่ยนคำพูดของเธอ “อา… ฮัว”

 

แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจกับชื่อนี้ แต่ก็ยังดีกว่า 'ฮัวเฉา' ที่ดูสนิทมากเกินไป

 

ผู้ปกครองหนุ่มโยนก้นบุหรี่ทิ้งไป น้ำเสียงของเขายังคงเคร่งขรึม แต่ท่วงทำนองที่ราบรื่นของเสียงของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกอบอุ่น “เหนียนจื่อ ฉันได้ยินจากเฉินหลายว่าเธอป่วยและพลาดการสัมภาษณ์”

 

"ห้ะ? เอ่อ...ใช่” กู้เหนียนจื่อรู้สึกอับอายเล็กน้อย “พี่เฉินบอกคุณเหรอ”

 

“อืม เขาบอกฉันด้วยว่าเธอบันทึกลายนิ้วมือของเธอไว้ในโทรศัพท์ของคนอื่น” เสียงของฮัวเฉาเหิงมักจะน่ากลัวเนื่องจากเสียงที่ทุ้มและก้องกังวาน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจเล็กน้อยกับสิ่งที่เขาพูด แต่ถ้าเขาโกรธจริง ๆ คำพูดของเขาจะเฉียบขาดราวกับใบมีด 

 

ฝ่ายที่ได้ยินคิดว่าตอนนี้ปลายสายอาจจะโกรธ เธอนั่งตัวตรงและพยายามรักษาเสียงให้นิ่ง “มันเป็นความผิดของฉันเอง ฮัวเฉา—ฉันหมายถึงอาฮัว... อย่าเพิ่งอารมณ์เสียเลยนะ ฉันจะขอให้หัวหน้าห้องลบลายนิ้วมือให้ตอนที่ฉันไปเรียนในวันพรุ่งนี้”

 

คนเป็นผู้ปกครองถอนหายใจ เขาตัดสินใจไปแล้ว โดยสั่งให้เจี้ยวเลี่ยงจื่อลบลายนิ้วมือเธอออก  

 

กู้เหนียนจื่อรู้สึกกระวนกระวายเมื่อปลายสายเงียบไปนานมาก

 

ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป