บทที่ 23 : คำสารภาพ
เมื่อนึกย้อนไปในวันนั้นกู้เหนียนจื่อจำได้ว่าเฟิงอี้ซีตบไหล่เธอก่อนที่เธอจะหมดสติ นั่นคือวิธีที่อีกฝ่ายทำร้ายเธอ
มันมีเพียงร่องรอยเล็ก ๆ ที่ทิ่มบนไหล่ของเธอ แต่เธอก็รู้สึกได้
เธอไม่เคยลืมความเจ็บปวดแสนสาหัสและความอับอายที่ตามมา ตอนนั้นเฟิงอี้ซีเกือบจะทำลายชีวิตของเธอจนย่อยยับ
แล้วกู้เหนียนจื่อก็เชื่อมโยงประเด็นต่าง ๆ เข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว เธอเป็นคนที่ทำคะแนนได้สูงสุดในการสอบเข้า แต่พลาดการสัมภาษณ์ เฟิงอี้ซีที่ได้อันดับ 2 ในการสอบจะได้รับประโยชน์ตรงจุดนี้ไป
หญิงสาวได้อโหสิกรรมให้เฟิงอี้ซีแล้ว ใครก็ตามที่เจอเรื่องแบบนี้คงจะโกรธและอยากแก้แค้นให้สาสม แต่สำหรับตอนนี้เธอแค่อยากจะสาปแช่งกับการที่อีกฝ่ายบอกว่าเป็น ‘เพื่อนสนิท’ ของเธอ
เธออาจจะไร้เดียงสา แต่เธอไม่ใช่คนโง่
เหม่ยเสี่ยวเหวินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “ชื่อเสียงของเฟิงอี้ซีได้รับความนิยมมากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เป็นการดีที่สุดที่เธอจะตัดขาดกับเฟิงอี้ซี อย่าปล่อยให้เฟิงอี้ซีลากเธอเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”
“เกิดอะไรขึ้นกับชื่อเสียงของเธอ? นายเพิ่งบอกว่าเธอดังมากไม่ใช่เหรอ?” กู้เหนียนจื่อกะพริบตาแล้วถามด้วยสีหน้างงงวย ขณะที่เธอมองดูเขาอย่างขัดเขิน “หัวหน้า ช่วยพูดออกมาตรง ๆ ได้ไหม ฉันมันก็แค่สาวน้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร”
แต่เหม่ยเสี่ยวเหวินไม่ตอบ
เฉินหลายเฝ้าดูทั้งสองคนด้วยความสนใจ ก่อนที่เขาจะโพล่งออกมาว่า “เหนียนจื่อที่รักของเราอาจจะยังเด็ก แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะตามอะไรไม่ทัน หัวหน้าเหม่ย มีอะไรจะบอกเธอไหม?”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองดูท่าทางเขินอายของหญิงสาวตรงหน้า และด้วยความลำบากใจ ในที่สุดเขาก็ดึงตัวเองกลับมาก่อนที่เขาจะก้มศีรษะลงอย่างวิตกกังวล เขาไม่ไว้ใจตัวเองที่จะมองเข้าไปในดวงตาสดใสและขี้เล่นของเธออีกครั้ง เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรวบรวมความกล้าเพื่อยื่นให้อีกฝ่าย “นี่ ดูเอาเองแล้วกัน”
กู้เหนียนจื่อรับโทรศัพท์มาและพบว่าตัวเองกำลังมองดูรูปตัวเอง เหม่ยเสี่ยวเหวินใช้รูปภาพของเธอเป็นหน้าจอล็อกของเขา เธอกะพริบตาโดยที่ไม่รู้ว่าจะตอบสนองยังไงดี เธอตัดสินใจแสร้งทำเป็นไม่เห็น เธอพยายามปลดล็อกโทรศัพท์อย่างไม่เต็มใจสักสองสามครั้ง แล้วส่งกลับคืนพร้อมรอยยิ้ม “หัวหน้า ฉันปลดล็อกไม่ได้”
โทรศัพท์สามารถปลดล็อกได้ด้วยรหัสผ่านหรือลายนิ้วมือเท่านั้น แน่นอนว่าเธอไม่สามารถปลดล็อกได้
เหม่ยเสี่ยวเหวินยิ้มพลางกดปุ่มโฮม และป้อนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกโทรศัพท์ จากนั้นเขาก็จับมือของเรียวบางของอีกคนและพูดเบา ๆ ว่า “ใส่ลายนิ้วมือของเธอไปด้วย แล้วเธอก็จะปลดล็อกโทรศัพท์ของฉันได้ทุกเมื่อที่ต้องการ”
กู้เหนียนจื่อตกตะลึง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“หัวหน้า โทรศัพท์ของนายควรเป็นของส่วนตัว ฉะ...ฉัน...ฉันไม่อยากล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของนาย” หญิงสาวพยายามดึงมือของเธอออก
แต่หัวหน้าหนุ่มไม่ปล่อยมือเธอ ในขณะที่สายตาของเขาจ้องมองเธออย่างอ่อนโยนแต่ก็แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น “ฉันไม่ต้องการปกปิดอะไรกับเธอ ฉันให้สิทธิ์เธอในความเป็นส่วนตัวของฉันทุกอย่างเลย”
มาถึงตอนนี้กู้เหนียนจื่อที่ไร้เดียงสา ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นและตอนนี้ก็สับสนไปหมด
ไม่เคยมีใครมาสารภาพรักกับเธออย่างโจ่งแจ้งแบบนี้มาก่อน เธอไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันยังไง เธอได้แค่มองไปทางเฉินหลายเพื่อขอความช่วยเหลือ
ดวงตาของคนเป็นหมอหรี่ลงขณะที่เขาหัวเราะและขยิบตาให้เธอ เขาผิวปากและพูดว่า “เหนียนจื่อตัวน้อยที่รักของเรากำลังจะมีแฟนคนแรก! ฉันแน่ใจว่าคุณอาฮัวของเธอจะมีความสุขมากที่ได้ยินเรื่องนี้”
กู้เหนียนจื่อถึงกับเบิ๊ดคำสิเว้า
ในเวลาเดียวกันเหม่ยเสี่ยวเหวินฉวยโอกาสนี้บันทึกลายนิ้วมือของเธอลงในโทรศัพท์ของเขาอย่างรวดเร็วและตั้งค่าเป็นรหัสผ่านสำรอง จากนั้นเขาก็เปิดเว่ยป๋อของเขาและค้นหาข่าวล่าสุดเกี่ยวกับเฟิงอี้ซีให้เธอดู
หญิงสาวรู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนขึ้น จิตใจกำลังสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก แต่ความสนใจของเธอถูกหันเหไปทันทีเมื่อเห็นโพสต์ของเฟิงอี้ซีบนเว่ยป๋อที่กำลังเป็นที่นิยม
เธอรีบอ่านข่าวแบบผ่าน ๆ มุมปากของเธอค่อย ๆ ยกขึ้นขณะที่เธอพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว ใช่ ตอนนี้เธอเป็นคนดังทางอินเทอร์เน็ตในทุกแง่มุมเลย”
กู้เหนียนจื่อรู้ว่าเฟิงอี้ซีไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการที่ตนเองเป็นคนดังในอินเทอร์เน็ต ทุกครั้งที่มีประเด็นเกี่ยวกับเธอ ๆ มักจะพูดเย้ยหยันและดูถูกเหยียดหยามคนอื่น
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เฟิงอี้ซีเป็นรองกู้เหนียนจื่อเสมอ เธอสัมผัสได้ถึงความอิจฉาของเฟิงอี้ซีมาโดยตลอด แต่ความอิจฉาริษยานั้นมักจะเกิดขึ้นระหว่างผู้หญิงด้วยกันเสมอ กู้เหนียนจื่อจึงไม่ได้สนใจมัน แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งความอิจฉานั้นจะทำให้อีกฝ่ายกล้าลงมือทำร้ายเธอ
เหม่ยเสี่ยวเหวินถอนหายใจเบา ๆ “เธอน่าจะรู้ดีกว่าคนอื่น ทำไมเธอถึงไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เธอต้องโทษตัวเองที่ทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตที่เธอเผชิญอยู่ตอนนี้ เธอพร้อมที่จะเข้าเรียนโรงเรียนกฎหมายของมหาวิทยาลัย B ที่ตรงนั้นเป็นของเธอ แต่เธอเป็นคนโยนโอกาสนั้นทิ้งเอง หลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้น เธอถูกไล่ออกและฉันได้ยินมาว่าพวกเขาได้ตัดสินโทษจำคุกเธอและให้ทำงานรับใช้สังคมเป็นเวลา 1 ปี”
ในขณะนั้นกู้เหนียนจื่อคืนโทรศัพท์ให้เขาแล้วยิ้ม ลึกลงไปในใจเธอไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเธอมีความสุขที่ได้รู้ถึงความโชคร้ายของเฟิงอี้ซี “กรรมใดใครก่อกรรมนั้นก็คืนสนอง อย่างที่ฉันพูด เธออยู่คนละชั้นกับเราแล้ว หลังจากนี้ช่วยอย่าเรียกเธอว่าเพื่อนสนิทของฉันอีกเลย เธออ้างว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเสมอ แต่ฉันไม่เคยบอกว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
หัวหน้าหนุ่มพยักหน้า "ฉันรู้ ฉันอยู่ข้างเธอเสมอและฉันจะบอกให้ใครก็ตามที่เข้าใจผิดอย่างแน่นอน” เขาชะงักไปแล้วถามว่า “แล้วฉันล่ะ? ฉันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอหรือเปล่า”
“หัวหน้า นายเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับทุกคนในรุ่นของเรา” หญิงสาวรีบเค้นสมองเพื่อคิดหาคำตอบนี้ และเธอก็ดีใจที่คิดออก
เหม่ยเสี่ยวเหวินเอามือล้วงกระเป๋าแล้วพูดพร้อมกับหัวเราะ “อย่ารีบร้อนที่จะเป็นเพื่อนกับฉัน ฉันอยากเป็นมากกว่าเพื่อน เธอรู้ใช่ไหม”
“โหย คุณหัวหน้าห้องนี่ชอบล้อเล่นจริง ๆ เลย” กู้เหนียนจื่อเปิดกล่องของขวัญที่ฝ่ายมอบให้เพื่อเบี่ยงความสนใจ มันคือชุดราตรีหางปลาสีเขียวที่ทำจากผ้าไหมแท้ของวาเลนติโน่
“หัวหน้า ฉันคงรับของขวัญชิ้นนี้ไม่ได้ มันแพงเกินไป” เธอกล่าวขณะมองดูแบรนด์บนฉลาก เธอรีบใส่ชุดกลับเข้าไปในกล่องแล้วส่งคืนให้เขา
“ไม่ต้องห่วง ชุดนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้นหรอก มันไม่ได้เกินกำลังฉัน” ชายหนุ่มยังคงดื้อรั้นปฏิเสธที่จะนำกล่องของขวัญกลับมา “ถ้าเธอไม่ต้องการ ฉันจะทิ้งมันลงถังขยะ”
หญิงสาวไม่รู้จะพูดอะไรอีกครั้ง
เฉินหลายเหล่มองที่ชุดแล้วหัวเราะ “อืม มันไม่ได้มาจากฤดูกาลนี้ด้วยซ้ำ เสื้อผ้าของฤดูกาลที่แล้วเหมาะกับถังขยะ ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนะ”
เหม่ยเสี่ยวเหวินมองไปที่เฉินหลายด้วยความประหลาดใจ
'เขาสามารถบอกได้ว่าชุดนี้มาจากฤดูกาลที่แล้วเพียงแค่ชำเลืองมองเพียงครั้งเดียว เขาต้องรอบรู้ด้านแฟชั่นดีเป็นพิเศษ' หัวหน้าหนุ่มคิดในใจ
เมื่อหมอหนุ่มพูดอย่างนั้น กู้เหนียนจื่อก็รู้ว่าการปฏิเสธรับของคงจะไม่สุภาพ เธอจึงยิ้มและพูดว่า “มันเป็นชุดราตรีที่น่ารักจริง ๆ และมาจากแบรนด์ดังด้วย น่าเสียดายที่จะทิ้งมันลงถังขยะ ฉันรู้ว่าหัวหน้าแค่ล้อเล่น ฉันจะยอมรับมันไว้ก็ได้ ขอบคุณมากนะ"
เธอจะต้องตอบแทนอีกฝ่ายด้วยของขวัญที่มีมูลค่าเท่ากันเป็นของขวัญรับปริญญาแน่นอน
เวลาต่อมาเฉินหลายเปิดประตูห้องนอนแล้วและยืนอยู่ตรงนั้นด้วยรอยยิ้มพลางมองไปที่เหม่ยเสี่ยวเหวิน เห็นได้ชัดว่าถึงเวลาที่เขาต้องกลับแล้ว
เหม่ยเสี่ยวเหวินรู้ว่าเขาไม่สามารถรั้งอยู่ได้อีกต่อไป เขาถามอย่างไม่เต็มใจว่า “เหนียนจื่อ เธอจะกลับไปเรียนอีกครั้งเมื่อไหร่เหรอ?” เขากล่าวเสริมว่า “ไม่ต้องกังวลกับการสัมภาษณ์ระดับปริญญาโท เฟิงอี้ซีได้คะแนนสูงสุดสำหรับการสัมภาษณ์ แต่ตอนนี้เธอเจอปัญหา ศาสตราจารย์เฮอของมหาวิทยาลัย B จะไม่มีวันรับเธอ ตอนนี้เธอยังมีโอกาสนะ”
กู้เหนียนจื่อเดินไปหาผู้เป็นหัวหน้าห้องเพราะตั้งใจจะไปส่งเขา เธอแค่นหัวเราะก่อนจะพูดว่า “โอกาสอะไร? ฉันดันป่วยในช่วงเวลาสำคัญ ถ้าเธอออกจากการแข่งขัน ผู้สมัครที่มีคะแนนสูงสุดต่อจากนั้นจะเข้ามาแทนที่เธอ ก็แค่นั้น”
ชายหนุ่มเดินออกจากประตูหน้าแล้วหยุดก่อนถึงลิฟต์ เขากล่าวว่า “เฟิงอี้ซีเป็นคนเดียวที่ผ่านการสัมภาษณ์ในวันนั้น คนอื่น ๆ ถูกปฏิเสธไปแล้ว ฉันได้ยินอาจารย์บอกว่าศาสตราจารย์ยังอยู่ที่มหาวิทยาลัยของเราและพวกเขากำลังพยายามให้เขาทำการสัมภาษณ์อีกครั้ง ฉันก็เลยรีบมาบอกเธอ เห็นไหม อะไรที่เป็นของเธอก็ยังเป็นของเธออยู่ ไม่มีใครเอามันไปจากเธอได้”
คำพูดของเหม่ยเสี่ยวเหวินทำให้หญิงสาวมีความสุขมาก เธอยิ้มและพูดเสียงหวานว่า “ขอบคุณสำหรับคำพูดดี ๆ นะหัวหน้า ถ้าฉันกลับไปมหาวิทยาลัยแล้ว ฉันจะตามหาศาสตราจารย์เฮอและลองเสี่ยงดู”
บทที่ 24 : ไม่บอกเขาได้ไหม
หลังจากที่เฝ้าดูเหม่ยเสี่ยวเหวินกลับไป กู้เหนียนจื่อก็รู้ตัวว่าใบหน้าของเธอชาเพราะการฝืนยิ้ม เธอใช้มือลูบแก้มตัวเองและกลอกตาไปมองเฉินหลาย “พี่เฉิน ไม่ช่วยกันเลยนะ”
คนถูกพาดพิงนำอุปกรณ์ของเขาออกมาและลากเธอไปตรวจ เขายิ้มขณะที่พูดว่า “มาว่าฉันได้ยังไง? สุภาพบุรุษที่อยากได้หญิงงามมาครอบครองนั้นเป็นเรื่องปกติมาก เหนียนจื่อของเราสวย ฉลาดและมีความสามารถมาก มันจะแปลกมากกว่าถ้าไม่มีใครมาจีบเธอ”
“ฉันไม่ได้วิเศษวิโสอย่างที่พี่เฉินบอกหรอก” หญิงสาวนั่งต่อหน้าอีกฝ่ายพลางเฝ้าดูเขาแนบอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ากับศีรษะ หน้าอกและแขนของเธอ นี่ถ้าเป็นไปได้ เขาคงจะให้เธอเข้าเครื่อง CT SCAN เพื่อแสกนทั้งตัวไปแล้ว
หมอหนุ่มจ้องไปยังข้อมูลที่แสดงบนอุปกรณ์และถามเธอว่า “เธอรู้สึกเจ็บตรงไหนไหม เวียนหัวหรือเปล่า มีอาการเข่าอ่อนหรือตาลายไหม?"
คนถูกถามส่ายหัว “ฉันรู้สึกสบายดี ไม่เวียนหัว ไม่มีเข่าอ่อน และสายตาก็ปกติ”
เฉินหลายพยักหน้า มือข้างหนึ่งถูคางขณะที่เขาไตร่ตรองถึงอาการปัจจุบันของเธอ
จากข้อมูลที่เขาได้ค้นคว้ามา ใครก็ตามที่เคยได้รับ H3aB7 มันก็เหมือนกับโดนสูบวิญญาณไป โดยพื้นฐานแล้วยานี้ทำให้คนทุ่มเทร่างกายทั้งหมดเพื่อมีเพศสัมพันธ์ ร่างกายของพวกเขาจะอ่อนแอเป็นเวลานานหลังจากนั้น แต่พลังงานอันเหลือล้นของกู้เหนียนจื่อบ่งชี้ว่าเธอแข็งแรงมากและไม่มีปัญหาอะไรเลย
ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มได้รวบรวมข้อมูลจากการตรวจร่างกายประจำปีของหญิงสาวโดยเริ่มจาก 6 ปีที่แล้ว หลังจากนั้นก็ตรวจปีละครั้ง ทุกอย่างเป็นปกติ ดัชนีร่างกายของเธอก็เหมือนกับปีที่แล้ว…
'ไม่สิ' เฉินหลายแย้งกับตัวเอง ดูเหมือนว่าเธอจะมีสุขภาพดีกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย เธอสูงขึ้น 10 เซนติเมตรและน้ำหนักของเธอก็เพิ่มขึ้นตามลำดับ ระดับไขมันในร่างกายของเธอสูงเล็กน้อย แต่แน่นอนว่าเธอไม่อ้วนเพราะโครงสร้างกระดูกของเธอเล็ก แม้ว่าเธอจะอายุยังไม่ถึง 18 ปี แต่รูปร่างของเธอก็ยั่วยวน เธอเป็นคนมีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน เธอมีหุ่นที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ
การเปรียบเทียบสถิติสำคัญของสุขภาพที่แข็งแรงดังกล่าวกับข้อมูลก่อนหน้าที่เขาพบใน H3aB7 เกือบทำให้เขาคิดว่าเขาทำผิดพลาดตรงไหนสักแห่ง กู้เหนียนจื่อดูแข็งแรงเกินไปแม้ว่าเธอจะไม่เคยได้รับ H3aB7 แต่การที่เธอสามารถกระโดดโหยงเหยงไปมาได้หลังจากตื่นจากอาการโคม่า 7 วันก็เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก
สายตาของผู้เป็นหมอขยับไปที่แขนของกู้เหนียนจื่อ นิ้วของเขากระตุกเพราะความอยากที่จะเก็บตัวอย่างเลือดเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อคิดถึงเลือดที่เขาได้รับไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขารู้ว่าการเจาะเลือดเธออีกจะทำให้อีกฝ่ายหมดสติไป เขาไม่อยากเสี่ยงอีกในตอนนี้
นอกจากนี้ถ้าฮัวเฉาเหิงรู้เข้าล่ะก็ เขาอาจจะทำให้ชีวิตของน้อย ๆ ของเฉินหลายน่าสังเวชกว่านี้ เฉินหลายไม่ต้องการให้เจ้านายขุ่นเคืองเขาอย่างแน่นอน เขาเป็นเจ้านายที่ดุถึงขั้นโหดร้ายป่าเถื่อน
หญิงสาวมองไปที่ชายตรงหน้าหลายครั้งและเห็นว่าเขากำลังจ้องมองอุปกรณ์อยู่เงียบ ๆ เธอไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถามด้วยความไม่เต็มใจว่า “พี่เฉิน เกิดอะไรขึ้นกับฉัน…หลังจากที่...”
“หลังจากอะไร” เฉินหลายเบี่ยงเบนความสนใจตัวเองโดยการเตรียมอุปกรณ์ เช็คความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจของอีกฝ่าย ในเวลาเดียวกัน เขาทำตัวเหมือนเครื่องจับเท็จ เขาสามารถบอกได้ว่าเธอกำลังพูดความจริงหรือไม่
“หลังจากที่ฉันหมดสติในวันนั้น?” กู้เหนียนจื่อหน้าแดงและไม่สามารถปกปิดใบหน้าของเธอได้
มันน่าอายจริง ๆ เธอจำได้ว่าวันนั้นเธอโทรหาเฉินหลายเพื่อบอกเขาว่าเธอไม่สบายและรู้สึกแปลก ๆ เหมือนถูกกระตุ้นจนทนไม่ไหว
หมอหนุ่มสบตากู้เหนียนจื่อแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “เหนียนจื่อ เธอจำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่เธอจะหมดสติ”
เขาต้องรู้ก่อนว่าเธอจำได้มากแค่ไหน
เธอกางนิ้วมือที่ปิดใบหน้าไว้พลางมองที่เฉินหลายแล้วตอบด้วยเสียงเบา ๆ “ฉันไปงานวันเกิดของเฟิงอี้ซีใช่ไหม? พี่เฉินช่วยฉันเลือกชุดราตรีด้วย”
“อ่าฮะ แล้วไงต่อ”
“แล้วไงต่อ? ฉันไม่ได้บอกพี่เหรอ จากนั้นฉันก็ไปที่นั่นและเฟิงอี้ซีใช้อะไรบางอย่างแทงฉันที่ไหล่ แล้วฉันก็รู้สึกแปลก ๆ ไปทั้งตัว ฉันรีบไปที่บ้านพักของฮัวเฉาและโทรหาพี่เฉินเพื่อขอความช่วยเหลือ” กู้เหนียนจื่อรู้สึกอายน้อยลงเมื่อเล่าเรื่องทั้งหมดจบในอึดใจเดียว
เธอลดมือที่ปกปิดใบหน้าลง ในตอนนี้แก้มของเธอเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อและดวงตาของเธอมีน้ำใส ๆ คลออยู่
เฉินหลายพยักหน้า น้ำเสียงของเขาดูอ่อนโยนมากขึ้นเหมือนกับหมาป่าเจ้าเล่ห์ที่เกลี้ยกล่อมหนูน้อยหมวกแดง เขาลดเสียงลงแล้วถามว่า “ต่อจากนั้นล่ะ?”
“แล้วฉันก็จำอะไรไม่ได้เลย” หญิงสาวชะงักไปชั่วครู่แล้วถามคำถามที่กวนใจเธอมาตลอดออกมา “พี่เฉิน ฉันโดนยาปลุกเซ็กซ์หรือเปล่า? หลังจากนั้นฉันดีขึ้นได้ยังไง”
เธอไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้าเลย ตอนนี้เธอก้มหน้าลงจนแทบจะติดพื้นและนิ้วของเธอจิ้มลงในดอกไม้ที่ปักอยู่บนเบาะรองนั่ง
ชายหนุ่มเดินไปและเอามือของเธอออกจากเบาะ เขาลูบหัวเธอก่อนจะหัวเราะออกมา “แน่นอน พี่เฉินเก่งขนาดนี้ ฉันช่วยรักษาเธอเอง! ยาปลุกนั้นแค่จิ๊บๆ แค่พี่เฉินช่วยเธอนิด ๆ หน่อย ๆ ก็หายแล้ว! ตอนนี้เธอไม่เป็นอะไรแล้ว รู้สึกดีขึ้นหรือยัง?”
"หือ?" กู้เหนียนจื่อเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ "จริงเหรอ? พี่เฉินรักษาฉัน? พี่...พี่ไม่ได้ให้ฉันทำแบบนั้นกับผู้ชายเหรอ? นิยายหลายเล่มที่ฉันอ่านบอกว่าต้องทำแบบนั้น”
“ไม่แน่นอน” หมอหนุ่มรีบส่ายหัวและตำหนิเธออย่างเข้มงวด “เธอยังเด็ก เหนียนจื่อ เธอห้ามไปอ่านนิยายแบบนั้นอีกนะ การใช้ผู้ชายมารักษายาปลุกเซ็กซ์เป็นเรื่องที่มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะทำ พี่เฉินของเธอเป็นถึงแพทย์ชั้นสูงในกองทัพเลยนะ แน่นอนว่าฉันมีวิธีรักษาคนที่โดนยาปลุกเซ็กซ์ให้หายขาดได้!”
เป็นความจริงที่เฉินหลายมียาแก้พิษที่สอดคล้องกับยาปลุกเซ็กซ์ทั้งหมดในโลก ยกเว้น H3aB7 …
ในเวลานี้ผู้เป็นหมออันชาญฉลาดกัดฟันแน่นและสาบานว่าจะหายาแก้พิษยานี้ให้ได้ เขาไม่เชื่อหรอกว่าโอดะ มาซาโอะนั่นจะสามารถสร้างสารที่มีศักยภาพแบบนั้นได้จริง ๆ ‘ทำไมไอ้สารเลวนั่นไม่ตาย ๆ ไปซะ!’ เขาคิดอย่างกระวนกระวาย
เมื่อเห็นว่าเฉินหลายบอกว่ารักษาเธอโดยใช้ยาแก้พิษด้วยท่าทางที่มั่นใจ หญิงสาวก็รู้สึกดีใจมาก เธอยิ้มกว้างจนตากลมโตกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว
“พี่เฉิน ฉันมีเรื่องจะถามพี่”
“อะไรล่ะ ถามมาสิ"
“เรื่องทั้งหมดของฉันที่โดนวางยา พี่ไม่บอกเรื่องนี้กับฮัวเฉาได้ไหม?” กู้เหนียนจื่อรู้ว่าหมอหนุ่มคนนี้ได้รับความไว้วางใจจากฮัวเฉาเหิงให้ดูแลเธอในขณะที่เขาอยู่นอกเมือง C แต่เธอลืมไปหมดแล้วว่าอีกฝ่ายโทรหาผู้ปกครองของเธอไปแล้ว
เฉินหลายรู้สึกเบิกบานใจและคิดว่ามันง่ายเกินไป เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าผลของยานั้นรุนแรงแค่ไหนและพวกมันทำให้เขาเก็บเรื่องนี้ได้แนบเนียนขึ้น
“ไม่ ฉันจะไม่บอกเขาอย่างแน่นอน! เพราะฉันเบื่อและไม่ว่างพอที่จะไปยุ่งยากกับเขา” เขายิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้น “เราจะสาบานกัน ตีมือกันหน่อย!"
หญิงสาวยกมือไปไฮไฟว์กับเขาอย่างมีความสุข ตอนนี้เธอได้คลายความกังวลใจของเธอไปแล้ว
หลังจากได้คำตอบแล้ว เธอก็รู้สึกว่าท้องของเธอเริ่มประท้วง เธอกำลังหิวโหยและลูบท้องของตัวเอง ขณะที่เธอเดินไปนอนบนโซฟา เธอพูดกับเฉินหลายอย่างอ่อนแรงว่า “พี่เฉิน ฉันหิวแล้ว พี่มีอะไรให้กินไหม?'
"มีสิ รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันจะสั่งเดลิเวอรี่มาให้” ชายหนุ่มยิ้มพลางหยิบโทรศัพท์ออกมาสั่งอาหาร
หลังจากที่เธอได้ทานอาหารแล้ว เธอรู้สึกง่วงและงีบหลับไปตลอดช่วงบ่าย
กู้เหนียนจื่อตื่นขึ้นมาในวันอาทิตย์ นี่เป็นวันที่ 2 นับตั้งแต่ฮัวเฉาเหิงได้พาหยินชือฉงและเจี้ยวเลี่ยงจื่อไปกับเขาที่ญี่ปุ่น เย็นวันอาทิตย์ ทั้งสามคนได้ไปสำรวจสถานที่เสร็จแล้วและกลับไปที่ห้องพักในโรงแรมชิบะเพื่อสรุปสิ่งที่ค้นพบจากวันนั้น หลังจากสรุปข้อมูลเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เริ่มพูดคุยถึงเรื่องต่าง ๆ ไปเรื่อยเปื่อย
ในขณะนั้นเจี้ยวเลี่ยงจื่อและหยินชือฉงได้แลกเปลี่ยนสายตากันและหันไปมองนายพลหนุ่มอย่างเจ้าเล่ห์ “ท่านครับ เราอดทนกับการฝึกการต่อต้านสิ่งล่อใจทางเพศมานานมากแล้ว วันนี้เราควรไปทดสอบผลกันหน่อยดีไหม”
ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00