รัชกาลฉุงเจิงฮ่องเต้ แผ่นดินเกิดภัยพิบัติทางการยังเก็บภาษีเพิ่มประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เหล่าโจรปล้นชิงทรัพย์ ขันทีโฉดครองเมือง กองกำลังแมนจูทางภาคเหนือยังรุกรานเข้ามา สั่นคลอนต่อบัลลังก์มังกร
รัชกาลฉุงเจิงฮ่องเต้ แผ่นดินเกิดภัยพิบัติทางการยังเก็บภาษีเพิ่มประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เหล่าโจรปล้นชิงทรัพย์ ขันทีโฉดครองเมือง กองกำลังแมนจูทางภาคเหนือยังรุกรานเข้ามา สั่นคลอนต่อบัลลังก์มังกร
ดวงตาขององค์หญิงฉางผิงฉายประกายวาวครุ่นคิดในใจ
"จอหงวนผู้นี่ช่างมีคุณธรรมน่าเลื่อมใสนัก เห็นได้ชัดว่าเกิดอารมณ์ความต้องการในตัวเรา แต่สามารถข่มใจไว้ได้ เขาตั้งใจจะบอกให้เราสวมเสื้อผ้าแต่กลัวเราอับอาย กลับสรรหาคำแสดงความเป็นห่วงเราแทน คนผู้นี้เลิศทั้งปัญญา ความกล้าหาญ ไม่มัวเมาในลาภยศ ซ้ำยังสามารถข่มกลั้นราคะในตัวเองได้ นับว่าเป็นวิญญูชนที่แท้จริง ไต้เหม็งได้คนเช่นนี้มาช่วยเหลือนับว่าเป็นวาสนาของพระบิดานัก"
องค์หญิงฉางผิงครุ่นคิดอย่างชื่นชม นางจงใจแต่งกายยั่วยวนโจวซื่อเสี่ยนถึงสองครั้ง เพราะต้องการทดสอบว่าโจวซื่อเสี่ยนจะผ่านด่านราคะได้หรือไม่ ครั้นพบว่าเขาไม่หวั่นไหวต่อเรือนร่างสตรี ทำให้ไว้ใจจอหงวนผู้นี้ได้อย่างเต็มที่ คิดแล้วจึงกล่าวอย่างเฉื่อยชา
"ท่านโจวมีคุณธรรมน่าเลื่อมใสนัก ตอนนี้บ้านเมืองเผชิญวิกฤต ขันทีโฉดครองเมือง เราไหนเลยห่วงใยสุขภาพของตนเอง ท่านโจวเป็นวิญญูชน มีบุคลิกเลิศล้ำ เราท่านอยู่กันสองต่อสอง ท่านโจวยังอ่อนน้อมสำรวมตนนับว่าหาได้ยากยิ่ง พระบิดาได้ท่านมาใช้งาน นับว่าเป็นบุญของไต้เหม็งเราแล้ว"
โจวซื่อเสี่ยนใจหายวาบเหงื่อหลั่งไหลพรั่งพรู ลอบตำหนิตนเองในใจ
"โจวซื่อเสี่ยนเอย เสียทีที่เจ้าร่ำเรียนเป็นถึงจอหงวน องค์หญิงไว้ใจเจ้ายกย่องให้เป็นวิญญูชน แต่เจ้ากลับคิดบัดสีต่อนาง ช่างน่าอายนัก"
คุณธรรมของเขาพอบังเกิด ลำควยทีแข็งชันอยู่ก็ค่อยๆอ่อนตัวลงจนเป็นปกติ องค์หญิงฉางผิงสังกตุเห็นต้องลอบชื่นชมในใจ
โจวซื่อเสี่ยนพอสงบใจได้ปัญญาพลันบังเกิด กล่าวอย่างฉาดฉานว่า
"องค์หญิงชักนำจั่วหวินหลิงซึ่งเป็นยอดฝีมือในสังกัดมันไปแล้ว ขอเพียงพวกเราล่อลวงมันออกจากนครหลวง ข้าพระองค์ขออาสาลอบสังหารมันเอง"
"แต่เฉาฮั่วฉุนฝึกปรือวิชาลมปราณกร้าวแกร่งบริสุทธิ์ มีร่างคงกระพันชาตรี ดาบกระบี่ทั่วไปยากระคายเคืองได้"
"เป็นวิชาพลังทารกบริสุทธิ์"
ฉางผิงกงจู้ผงกศีรษะรับ โจวซื่อเสี่ยนกล่าวต่อ
"แต่ผู้ที่ฝึกวิชาพลังทารกบริสุทธิ์ บนร่างจะมีจุดมรณะแห่งหนึ่ง"
"น่าเสียดายที่พวกเราไม่รู้" ฉางผิงกงจู้กล่าอย่างครุ่นคิด "เรานึกได้วิธีหนึ่ง แต่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากคนสองคน คนหนึ่งพูดจาหว่านล้อมให้เฉาฮั่วฉุนออกจากนครหลวง คนที่สองรับหน้าที่ระเบิดสังหารมัน แต่ผู้ที่จุดสายชนวนต้องตกตายพร้อมกับมัน"
โจวซื่อเสี่ยนอาสาว่า
"องค์หญิง ข้าพระองค์ขอรับหน้าที่นี้ ประกันว่าจะไม่เป็นที่ผิดหวังของท่าน"
ฉางผิงกงจู้จับจ้องมองอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้งกล่าวว่า
"ท่านโจวจงรักภักดีต่อบ้านเมืองจริงๆ"
ภายในห้องเขตอุทยานอบเชย เฟยจินเอ๋อหยิบฉวยกระบี่วิเศษพร้อมฝักเล่มหนึ่งเดินเข้ามาให้แนเสี่ยวเชี่ยนเปิดกล่องแพรใบหนึ่ง จัดวางกระบี่ลงในกล่อง
พลันบังเกิดสุ้มเสียงหนึ่งร้องชมเชยว่า
"กระบี่ที่ดี"
ในเสียงร้อง อู๋ซันกุ้ยเดินกระโผลกกะเผลกออกมา
แนเสี่ยวเชี่ยนลืมตากลมกว้างร้องว่า
"เราเรียกท่านอย่าได้ออกมาวิ่งเพ่นพ่าน"
อู๋ซันกุ้ยกล่าวว่า
"ครั้งนี้เราคิดล่ำลาพวกท่าน"
"เท้าของท่านทุเลาแล้วหรือ"
"ขอบคุณที่ท่านกังวลใจ นับว่าทุเลาเจ็ดแปดส่วนแล้ว เราต้องการพบนายหญิงท่าน เพื่อขอบคุณนางที่ช่วยชีวิต"
"เฮอะ นายหญิงเราหาใชอนุญาตให้แมวสุนัขทั่วไปพบพานได้"
"พวกท่านอย่าได้ดูแคลนเรา เราอู๋ซันกุ้ยรั้งตำแหน่งเสนาธิการชั้นที่หกในสังกัดแม่ทัพหุงเฉิงโฉว"
เฟยจินเอ๋อยิ้มออกมา กล่าวว่า
"พี่เสี่ยวเชี่ยน เสนาธิการชั้นที่หกใหญ่โตใช่หรือไม่"
แนเสี่ยวเชี่ยนรับคำอย่างยิ้มแย้ม ย่อกายคารวะ
"น้อมพบแม่ทัพอู๋"
เฟยจินเอ๋อกล่าวว่า
"ตกลง นายหญิงเราชมดอกไม้ที่อุทยานหลวง ท่านตามเรามา"
อู๋วันกุ้ยเดินตามหลังแนเสี่ยวเชี่ยนทั้งสอง พอผ่านเก๋งพักร้อนแห่งหนึ่ง เห็นเด็กหนุ่มแต่งกายหรูเลิศ สวมมงกุฎจำลองผู้หนึ่ง ถูกสายรัดผ้าผืนหนึ่งมัดติดกับเสาไม่ภายในเก๋ง
อู๋ซันกุ้ยชมดูจนงงงันวูบ วกกายขึ้นเก๋งพักร้อนถามว่า
"เด็กน้อย เจ้าไฉนผูกมัดอยู่ที่นี่"
เด็กหนุ่มนั้นดิ้นรนพลางร้องว่า
"ปล่อยข้าพเจ้า รีบปล่อยข้าพเจ้า"
แนเสี่ยวเชี่ยนพลันเหลียวหน้ามาร้องว่า
"นี่ ท่านไฉนไม่เดินต่อ ท่านมิใช่ต้องการพบนายหญิงเราหรอกหรือ"
"มันที่แท้เป็นใคร"
"เอาเถะ บอกต่อท่าน มันเป็นน้องชายนายหญิงเรา"
"อย่างนั้นไฉนมัดมันไว้ที่นี่"
"มันเหยียบย่ำต้นกล้วยไม้ที่นายหญิงเรารักทีสุดจนแหลกเละ ถอนขนของนกแก้ววชิระตัวหนึ่งไปจนหมดสิ้น นายหญิงเราจึงลงโทษมัน โดยมัดมันไว้ที่นี่"
เด็กหนุ่มนั้นร้องสอดขึ้น
"พวกเจ้าหากไม่ปล่อยเรา เรากราบทูลต่อพระบิดา ถลกหนังพวกเจ้าออกมา"
อู๋ซันกุ้ยทวนคำ "พระบิดา" ซักถามแนเสี่ยวเชียนทั้งสองว่า
"มันที่แท้เป็นใคร"
แนเสี่ยวเชี่ยนอับจนปัญญา ได้แต่กล่าวว่า
"มันเป็นราชโอรสของฮ่องเต้"
อู๋ซันกุ้ยสะท้านด้วยความตระหนก
"มันคือไทจือ(รัชทายาท) อย่างนั้นนายหญิงท่านคือ"
"นายหญิงเราคือองค์หญิงเจาเหยิน"
เฟยจินเอ๋อกล่าวเสริมขึ้น
"ซึ่งความจริง องค์หญิงเราไม่ทราบดีต่อท่านปานใด เมื่อวานเฉาฮั่วฉุนส่งคนมาทวงถามท่านองค์หญิงเพราะเพื่อช่วยท่าน ถึงกับฆ่าคนของเฉาฮั่วฉุน"
"องค์หญิงดีต่อเราปานนี้ เราต้องขอพบนางแน่นอน"
แนเสี่ยวเชี่ยนกล่าวว่า
"ท่านหากต้องการพบนาง ก็สงบใจรั้งอยู่ที่นี่อักสักระยะเวลาหนึ่งเถอะ"
เฟยจินเอ๋อพาอู๋ซันกุ้ยกลับที่พัก แนเสี่ยวเชี่ยนอ้อยอิ่งอยู่บริเวณนั้นครู่หนึ่ง หันไปชำเลืองมองไทจือ แล้วหันหลังกลับ ไทจือพลันร้องเรียกว่า
"เสี่ยวเชี่ยน เจ้าเข้ามานี่"
แนเสี่ยวเชี่ยนเดินเข้าไปตามเสียงเรียกพลางกล่าว
"องค์ชายมีพระประสงค์อะไร"
"เจ้าปล่อยข้า"
"ไม่ได้หรอก หากองค์หญิงเจาเหยินรู้ต้องกริ้วข้าแน่ๆ"
พูดจบทำท่าจะหันกลับ ไทจือพลันเปลี่ยนเสียงน้ำเสียงอ่อนหวานว่า
"พี่เสี่ยวเชี่ยน ปล่อยข้าเถอะ ข้ายืนมาเกือบชั่วยามแล้วเมื่อยเหลือเกิน"
แนเสี่ยวเชี่ยนได้ยินไทจือเรียกตนว่าพี่เสี่ยวเชี่ยนด้วยน้ำเสียงออดอ้อน พลันรู้สึกวาบหวิวแปลกประหลาดต้องหันมาปลอบโยนไทจืออีกครั้ง
"องค์ชายอดทนอีกชั่วครู่ คาดว่าองค์หญิงต้องมาปล่อยท่านในไม่ช้า"
"แต่ข้าจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว พี่เสี่ยวเชี่ยนคนงาม น้ำใจงามช่วยปล่อยข้าด้วยเถิด"
ไทจือเฝ้าออดอ้อนเสียงอ่อนหวาน แนเสี่ยวเชี่ยนใจอ่อนไม่สามารถหักใจฟังได้ ต้องแก้มัดปล่อยไทจือเป็นอิสระ เขาถูกผูกมัดเป็นเวลานานรู้สึกปวดเมื่อย แนเสี่ยวเชี่ยนต้องช่วยประคองกลับเข้าวัง
เหล่าทหารองครักษ์พอเห็นแนเสี่ยวเชี่ยนประคองไทจือก็ลอบหัวร่อในใจ ทราบดีว่าองค์ชายคงก่อกวนเรื่องเหลวไหล จึงถูกลงโทษถึงกับต้องให้คนสนิทขององค์หญิงประคองกลับมา
ครั้นพอส่งถึงห้อง แนเสี่ยวเสี่ยนย่อกายคำนับ ทำท่าว่าจะกลับ ไทจือพลันร้องเรียกว่า
"เดี๋ยวก่อนพี่เสี่ยวเชี่ยน ข้าเหนียวตัวเหลือเกิน ท่านช่วยข้าอาบน้ำเถอะ"
แนเสี่ยวเชี่ยนหน้าแดง นางเคยแต่ปรนนิบัติองค์หญิงเจาเหยินอาบน้ำ ไม่เคยปรนนิบัติเจ้าชายอาบน้ำมาก่อน รู้สึกอับอายต้องกล่าวว่า
"ข้าไม่ถนัด องค์ชายให้นางกำนัลคนอื่นเถอะ"
"โธ่ พี่เสี่ยวเชี่ยน ข้าอยากให้ท่านอาบให้ข้านี่ หรือท่านรังเกียจข้า"
"เปล่า องค์ชายอย่าเข้าใจผิด" แนเสี่ยวเชี่ยนรีบปฎิเสธ
"ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้"
ไม่รอให้แนเสี่ยวเชี่ยนปฎิเสธ รีบสั่งนางกำนัลหน้าห้องให้เรียกบ่าวไพร่ยกถังอาบน้ำเข้ามา
แนเสี่ยวเชี่ยนอับจนปัญญา ต้องช่วยไทจือปลดเปลื้องเสื้อผ้า อย่าเห็นว่าแนเสี่ยวเชี่ยนอายุเกือบยี่สิบปีแล้ว แต่นางเติบโตในวัง รับใช้คลุกคลีกับองค์หญิงเจาเหยินกับเฟยจินเอ๋อมาตลอด ไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายมาก่อน ไทจือแม้อ่อนวัยกว่านาง แต่ก็เป็นเด็กหนุ่มงามสง่า นางอับอายจนหน้าแดงฉาน
ขณะถอดเสื้อผ้าองค์ชายก็เบือนหน้าหนี ไม่กล้ามองเรือนร่างของเขา โดยเฉพาะที่สัดส่วนความเป็นชายนั้น
ไทจือก้าวลงไปในอ่างน้ำ แนเสี่ยวเชี่ยนก็ลอบระบายลมหายใจโล่งอก ร่างกายไทจือแม้เปลือยเปล่าแต่อยู่ในน้ำก็มองเห็นส่วนสำคัญเพียงเลือนราง
ไทจือเอนหลังพิงผนังไม้ด้านหนึ่งในถังหลัยตาพริ้มสบายใจ แนเสี่ยวเชี่ยนก็เดินอ้อมไปด้านหลัง ช่วยเช็ดถูไปตามเรือนร่างของเขา มืออ่อนนุ่มของแนเสี่ยวเชี่ยนยามลูบคลำไปตามเนื้อตัวของยิ่งทำให้ไทจือรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก
แนเสี่ยวเชี่ยนลูบไล้ขัดถูไปถึงแผ่นอกของเขาก็ลูบคลำผ่านหัวนมไปเบาๆ ไทจือพลันกล่าวว่า
"พี่เสี่ยวเชี่ยนท่านขัดถูอย่างนี้ไม่ถนัดนัก มิสู้เปลืองผ้าลงมาอาบน้ำกับข้าเถอะ"
แนเสี่ยวเชี่ยนอุทานดังอา รีบปฎิเสธ