รัชกาลฉุงเจิงฮ่องเต้ แผ่นดินเกิดภัยพิบัติทางการยังเก็บภาษีเพิ่มประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เหล่าโจรปล้นชิงทรัพย์ ขันทีโฉดครองเมือง กองกำลังแมนจูทางภาคเหนือยังรุกรานเข้ามา สั่นคลอนต่อบัลลังก์มังกร
รัชกาลฉุงเจิงฮ่องเต้ แผ่นดินเกิดภัยพิบัติทางการยังเก็บภาษีเพิ่มประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เหล่าโจรปล้นชิงทรัพย์ ขันทีโฉดครองเมือง กองกำลังแมนจูทางภาคเหนือยังรุกรานเข้ามา สั่นคลอนต่อบัลลังก์มังกร
ยามบ่าย อากาศร้อนอบอ้าว ชายฉกรรจ์บุคลิกงามสง่าผู้หนึ่งจูงม้าไปผูกกับเสาไม้ข้างเหลาสุราแห่งหนึ่ง เขียนข้อความ "ขายม้า" ลงบนกระดาษ ติดอยู่บนเสาไม้ ตนเองนั่งกอดเข้าที่หน้าประตูเหลาสุราเฝ้ารอคอย
ชายฉกรรจ์ผู้นี้คำ อู๋ซันกุ้ย เป็นรองแม่ทัพใต้บังคับบัญชาของหุงเฉิงโฉว ได้รับคำสั่งให้มาขอกำลังหนุนจากเมืองหลวง แต่เนื่องจากไม่มีทรัพย์สินมาติดสินบน
ทำให้หุงเฉิงโฉวซึ่งควบคุมกองกำลังทหารอยู่จึงยึดยื้อไม่ยอมให้เข้าพบ อู๋ซันกุ้ยได้แต่รอคอยจนกระทั่งข่าวกองทัพแตกพ่าย เมืองที่รักษาไว้ถูกยึด ทำให้อู๋ซันกุ้ยบันดาลโทสะฆ่าคนของเฉาฮั่วฉุนทิ้ง แล้วหลบหนีมา
คนขัดสนเงินทาง ยากที่จะเดินทางไกล อู๋ซันกุ้ยยามอับจนสิ้นหนทาง ได้แต่ขายม้าแลกเงินทองแล้ว
ขณะนั่งคอยพลันได้ยินเสียงฝีเท้าดังสิบสน ดรุณีสาวสะคราญโฉมสองนาง คุ้มกันเกี้ยงหรูหราคันหนึ่งผ่านมา
เกี้ยวหรูหราปล่อยม่านมิดชิด ใช้ชายฉกรรจ์สี่คนแบกหาม เมื่อมองลอดผ่านเกี้ยวเข้าไป เพียงเห็นภายในเกี้ยวนั่งไว้ด้วยเงาร่างอ้อนแอ้นสายหนึ่ง
ขบวนเกี้ยวพอผ่านม้าขาวตัวนั้น สตรีในเกี้ยวพลันสั่งว่า
"เสียวเชี่ยน หยุดเกี้ยว"
ดรุณีงามหน้าเกี้ยวนางหนึ่งรับคำ สั่งให้เกี้ยวหยุดลง เร่งรุดถึงข้างเกี้ยว สอบถามว่า
"องค์หญิง มีเรื่องใด"
สตรีภายในเกี้ยวกล่าวว่า
"ม้าตัวนั้นงามสง่ายิ่ง เจ้าซื้อให้กับเรา"
ที่แท้สตรีในเกี้ยวเป็นองค์หญิงรองของฉุงเจินโจวฮ่องเต้นามเจาเหยินกงจู้ ดรุณีที่หน้าเกี้ยวทั้งสองเป็นนางกำนัลคนสนิทนามเฟยจินเอ๋อและแนเสี่ยวเชี่ยนเอง
แนเสี่ยวเชี่ยนรับคำ เดินถึงข้างกายอู๋ซันกุ้ย ร้องเรียกว่า
"นี่ ท่านใช่คิดขายม้าหรือไม่"
"อู๋ซันกุ้ยเงยหน้ากวาดมองนางแวบหนึ่ง กล่าวว่า
"ม้าของเราตัวนี้ไม่ขายให้กับท่าน"
แนเสี่ยวเชียนงงงันวูบ ถามโพล่งว่า
"เพราะเหตุใด"
"ม้าตัวนี้เป็นสหายเรากำนัลให้ ตอนนี้เราอับจนสิ้นหนทางจึงคิดขายมัน มาตรว่าคิดขายก็ต้องเสาะหานายที่ดีให้"
"มิใช่ข้าพเจ้าต้องการซื้อม้า หากแต่เป็นคนในเกี้ยวต้องการซื้อม้าท่าน"
"นายหญิงของท่านเป็นใคร เราต้องการพบนางค่อยพิจารณาว่าจะขายม้าให้หรือไม่"
เจาเหยินกงจู้ภายใจเกี้ยวได้ยินคำโต้ตอบของทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจน พลันกล่าวว่า
"เสียวเชี่ยน เราได้ยินคำโต้ตอบของพวกเจ้าแล้ว คนผู้นี้โง่งมน่ารักยิ่ง นำมันมาพบเราเถอะ"
แนเสี่ยวเชี่ยนกล่าวกับอู๋ซันกุ้ยว่า
"ตามข้าพเจ้ามา"
พลางหันกายไปก่อน อู๋ซันกุ้ยเพิ่งผุดลุกขึ้น พลันได้ยินเสียงร้อง "ฆ่า" ดาบสองเล่มไขว้จู่โจมมาถึง
อู๋ซันกุ้ยใจหายวาบ ยกมือผลักกระแทกสภาวะดาบเบนเบือน สายตายามกวาดมองเห็นองครักษ์ชุดแดงจำนวนหนึ่งถืออาวุธครบมือฮือโหมมาถึง ดูจากเครื่องแต่งกายแสดงว่าเป็นองครักษ์พิทักษ์ตึกสังกัดเฉาฮั่วฉุน
อู๋ซันกุ้ยฝืนใจต่อสู้รับการกลุ้มรุมจากเหล่าองครักษ์ สักครู่ก็ถูกหัวหน้าองครักษ์ถีบจนเซถลาลงกับพื้น ขณะกัดฟันลุกขึ้น หัวหน้าองครักษ์นั้นก็ชักกระบี่โถมจู่โจมเข้ามา
อู๋ซันกุ้ยอดหยากสิ้นเรี่ยวแรง ได้แต่สลับเท้าถดถอย หัวหน้าองครักษ์กวาดกระบี่ตามติดก็ฟันใส่เท้าอู๋ซันกุ้ย เป็นบาดแผลโลหิตสายหนึ่ง
อู๋ซันกุ้ยรู้สึกปวดแปลบ หัวเข่าอ่อนระทวยไม่สามารถทรงกายสืบไป ล้มฟุบลงบนพื้น
หัวหน้าองครักษ์นั้นตวัดกระบี่ขึ้น หมายปลิดชีวิตอู๋ซันกุ้ยกับมือ
ทันใด เงาร่างอ้อนแอ้นสายหนึ่ง ม้วนตีลังกาเข้ามาดุจนางแอ่นโฉบคลื่น รางไม่ทันตกพื้นก็ยื่นกระบี่ปราดออก เสียงเคร้งเมื่อต้านปะทะสภาวะดาบของหัวหน้าองครักษ์ไว้พอดี
เงาร่างอ้อนแอ้นสายนั้นตวัดกระบี่ต้านปะทะ หยิบยืมพลังปะทะ หงายร่างตีลังกา ทิ้งตัวลงที่หน้าเกี้ยว ยามนั้นค่อยเห็นชัดตาว่า นางคือ เฟยจินเอ๋อเอง
เฟยจินเอ๋อพอทิ้งตัวลงก็ยกกระบี่ตั้งท่า ขณะเดียวกันแนเสี่ยวเชี่ยนก็ชักกระบี่ออกจากฝัก ดาหน้าเข้าหาองครักษ์ชุดแดงเหล่านั้น
อย่าได้ดูแคลนพวกเนางเป็นสตรี ทั้งยังมีกำลังน้อยกว่า ยามอยู่ในวงล้อมขององครักษ์ชุดแดง ยังโลดลิ่วดุจผีเสื้อล้อบุปผา ร่ายรำกระบี่ดั่งสายฟ้าคะนองฝน คุกคามเหล่าองครักษ์ชุดแดงแตกฮือไปคนทิศคนละทาง
เฟยจินเอ๋อสืบเท้าปราด ย่อตัวกวาดกระบี่ใส่ หัวหน้าองครักษ์รีบหงายหน้าตีลังกาหลบเลียง พอยืนหยัดมั่น ต้องร้องว่า
"พวกเนางเป็นคนขององค์หญิงเจาเหยิน พวกเราไป"
ขาดคำนำเหล่าองครักษ์ชุดแดงล่าถอยจากไป
แนเสี่ยวเชี่ยนกวาดตาไปยังอู๋ซันกุ้ยที่สลบไสล ขณะไม่ทราบจัดการอย่างไร พลันเหลือบเห็นคนผู้หนึ่งแบกฟืนมัดผ่านมา ดังนั้นฉุกใจคิด ตวัดกระบี่จ่อใส่คนผู้นั้น บังคับให้มันทิ้งฟืนแบกอู๋ซันกุ้ยกลับวังหลวงไป
ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าใด อู๋ซันกุ้ยค่อยฟื้นสติมา พอลืมตาขึ้น พบว่าตนนอนอยู่บนเตียงนุ่มนิ่มหลังม่านมุ้งแพร สร้างความตื่นตระหนกจนพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง
อู๋ซันกุ้ยก้าวลงจากเตียงพอก้มศีรษะลงค่อยพบว่าตนเองได้รับการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อย พลันได้ยินเสียงผลักประตู ดรุณีสวมชุดเหลืองกับชุดครามเดินเคียงคู่เข้ามา อู๋ซันกุ้ยโพล่งว่า
"เราจดจำท่านออก ท่านเป็นหญิงรับใช้ที่ติดต่อขอซื้อม้าจากเรา"
ดรุณีชุดครามยิ้มกล่าวว่า
"มิผิด ข้าพเจ้าเรียกว่าแนเสี่ยวเชี่ยน"
ดรุณีชุดเหลืองกล่าวเสริม
"ข้าพเจ้าเรียกว่าเฟยจินเอ๋อ"
"เราไฉนอยู่ที่นี่"
"ท่านสิ้นสติอยู่กลางถนน เป็นนายหญิงเราช่วยไว้"
"แต่เราล่วงเกินเฉาฮั่วฉุน เกรงว่าจะชักนำเภทภัยแก่นายเหนือท่าน"
"นายหญิงเรากระทั่งฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ยังกริ่งเกรงนางอยู่หลายส่วน นางเมื่อยื่นมือช่วยเหลือท่าน ท่านก็ไม่ต้องกังวลใจแล้ว"
"ไม่ทราบนายหญิงท่านเป็นใคร โปรดนำเราพบพาน อนุญาตเรากล่าวขอบคุณนาสักคำ"
เฟยจินเอ๋อหัวร่อพลางกล่าว
"ท่านต้องการพบนายหญิงเรา เกรงว่าไม่มีศักดิ์ศรีเพียงพอ"
แนเสี่ยวเชี่ยนกล่าวเสริมขึ้น
"นี่ ท่านยังไม่ได้บอกว่าชื่ออะไร"
"เราเรียกว่าอู๋ซันกุ้ย"
"ดูท่านมีบุคลิกสูงสง่า ไฉนตกต่ำจนเร่ขายม้ากลางถนน"
"กล่าวไปยืดยาวยิ่ง ทุกประการล้วนสืบเนื่องจากเฉาฮั่วฉุน"
"อย่างนั้นท่านรั้งอยู่ที่นี่เถอะ นายหญิงเราชิงชังเฉาฮั่วฉุนที่สุด จะล้างแค้นให้กับท่านเอง"
เฟยจินเอ๋อกล่าวเสริมขึ้น
"รอสักครู่พวกเราจะใช้คนยกอาหารมาให้ท่านรับประทาน นอกจากห้องนี้แล้วท่านอย่าได้วิ่งเพ่นพ่านวุ่นวาย"
กล่าวจบชักชวนกันล่าถอยออกจากห้อง พร้อมกับปิดประตูห้องลง
ฉางผิงกงจู้เบิกตัวจอหงวนโจวซื่อเสี่ยนเข้าพบ
ในห้องหารือความลับสุดยอด โจวซื่อเสี่ยนพอเห็นเครื่องแต่งกายขององค์หญิงฉางผิงก็ลอบคร่ำครวญ
ในใจ เพราะวันนี้องค์หญิงฉางผิงแต่งตัวด้วยชุดที่วาบหวามยิ่งกว่าคราวที่แล้วอีก นางยังคงสวมชุดแพรสีขาวบางเบา ทว่าครั้งนี้ไม่ได้ใส่อะไรไว้ข้างในเลย ยกเว้นกางเกงชั้นในสีขาวตัวเล็กๆ
แลเห็นปทุมถันอวบอูมตูมตั้งดันชุดแพรเนื้อดี เห็นปลายยอดสีชมพูรำไร สร้างความวาบหวิวให้กับโจวซื่อเสี่ยนเป็นอย่างยิ่ง
ฉางผิงกงจู้มองหน้าเขากล่าวว่า
"หุงเฉิงโฉวยอมสวามิภักดิ์กับแมนจูแล้ว สถานการณ์ทางชายแดนเร่งร้อนคับขันท่านทราบเรื่องหรือไม่?"
โจวซื่อเสี่ยนจ้องเขม็งที่ปทุมถันอวบอูมแวบหนึ่ง ก็รีบเงยหน้ารับคำว่า
"ข้าพระองค์ทราบ การศึกที่ชายแดนกลับกลายเป็นเช่นนี้...ล้วนสืบเนื่องจากขันทีโฉดเฉาฮั่วฉุน... มันจงใจหน่วงเหนี่ยวคำสั่งทางทหาร ..เป็น..เหตุให้ทหาร..ชายแดนเสียขวัญ"
โจวซื่อเสี่ยนพูดตะกุกตะกัก เขาไม่อาจหักห้ามสายตาสำรวจเรือนร่างที่น่าหลงใหลข้างหน้าได้ กลิ่นหอมรัญจวนจากร่างขององค์หญิงฉางผิงยิ่งกระตุ้นให้อารมณ์ใคร่ของเขาร้อนแรงขึ้นมา ท่อนควยถึงกับลุกขึ้นตุงเป้ากางเกงขึ้นมาทันที
ฉางผิงกงจู้ลอบจับตาสำรวจโจวซื่อเสี่ยนอยู่ตลอดเวลา เห็นท่อนควยของเขาลุกขึ้นจนกางเกงโป่งพองอย่างชัดเจน ทราบว่าเขาเห็นส่วนสัดของตนเกิดความต้องการตามสัญชาตญานบุรุษหนุ่ม นางมีจุดมุ่งหมายอยู่ในใจจึงแสร้งทำเป็นไม่เห็น กล่าวเสียงเครียดว่า
"วันใดไม่กำจัดเฉาฮั่วฉุน บ้านเมืองยากที่จะมีความสงบสุขได้ ในพื้นที่นครหลวง มันมีหูตาเกลื่อนกลาด หากคิดฆ่ามันนอกจากลอลวงมันออกนอกเมือง"
โจวซื่อเสี่ยนจ้องมองไปที่เป้ากางเกงในอวบอิ่มสมบูรณ์จนเห็นเป็นโคกขององค์หญิงฉางผิง ต้องรู้สึกร้อนรุ่มจนแทบจะอดใจไม่ได้ต้องกล่าวว่า
"องค์หญิง ข้าพระองค์มีเรื่องขอร้อง"
"อะไรหรือ"
"องค์หญิงได้โปรด...สวม...เสื้อคลุมเถอะ... อากาศค่อนข้างเย็น...องค์หญิงไม่แข็งแรง..ข้าพระองค์เกรงว่า..องค์หญิงอาจจะไม่สบาย ทำให้เสียงานใหญ่" เขาพูดตะกุกตะกัก