รัชกาลฉุงเจิงฮ่องเต้ แผ่นดินเกิดภัยพิบัติทางการยังเก็บภาษีเพิ่มประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เหล่าโจรปล้นชิงทรัพย์ ขันทีโฉดครองเมือง กองกำลังแมนจูทางภาคเหนือยังรุกรานเข้ามา สั่นคลอนต่อบัลลังก์มังกร
รัชกาลฉุงเจิงฮ่องเต้ แผ่นดินเกิดภัยพิบัติทางการยังเก็บภาษีเพิ่มประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เหล่าโจรปล้นชิงทรัพย์ ขันทีโฉดครองเมือง กองกำลังแมนจูทางภาคเหนือยังรุกรานเข้ามา สั่นคลอนต่อบัลลังก์มังกร
....ที่แท้คนผู้นี้เป็นสตรีปลอมเป็นบุรุษ
นางหันหน้าเข้าหากระจกทองเหลือง หยิบฉวยหวีไม้แปรงผม มุมปากประดับด้วยรวยยิ้มยวนยั่วชนิดหนึ่ง
ตัวเอ่อกุนเดินมาถึงด้านหลังนาง ทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้าง แล้วสวมกอดร่างอ้อนแอ้นไว้ เอื้อมมือไปบีบที่ปทุมถันกลมกลึงทั้งคู่ของนาง บีบคลึงขยำเบาๆ แล้วถามว่า
"ไทเฮา คิดไม่ถึงท่านปลอมเป็นบุรุษ ยังงามคมคายปานนั้น มีน่าเล่าพระเชษฐาฮ่องเต้ ตอนมีชีวิต จึงลุ่มหลงงมงายต่อท่าน"
ที่แท้สตรีนางนี้กลับเป็นพระมเหสีของไท่จังฮ่องเต้ ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์ที่สองแห่งราชวงศ์แมนจู
ในระหว่างทำสงครามชิงแผ่นดินกับไต้เหม็ง ไท่จุงฮ่องเต้สิ้นพระชนม์กระทันหัน ราชโอรสฟุหลินจึงขึ้นครองราชย์สืบแทน แต่เนื่องเพราะยังทรงพระเยาว์ อำนาจบริหารราชการแผ่นดินจึงตกอยู่ในมือตัวเอ่อกุน
ตัวเอ่อกุนเป็นราชโอรสองค์ที่สิบสี่ของนูเอ่อฮาชื่อ มีศักดิ์เป็นพระอาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน พระมเหสีของไท่จุงฮ่องเต้ก็ได้รับแต่งเป็นไทเฮาแห่งแมนจูทั้งที่ยังอยู่ในวัยสวยสด เฉกเช่นกับดอกไม้ที่เบ่งบานเต็มที่
ไทเฮาแมนจูแย้มพระโอษฐ์พริ้มพราย ขยับกายให้ตัวเอ่อกุนลูบคลำทรวงอกได้ถนัด ตรัสถามเสียงอ่อนหวานว่า
"ท่านอ๋องรู้จักพูดจานัก"
ตัวเอ่อกุนคลายมือจากปทุมถันคู่งาม ทอดถอนใจกล่าวว่า
"เมื่อครู่ท่านคงเห็นแล้ว หุงเฉิงโฉวผู้นี้มีนิสัยดื้อดึง พวกเรายังมีหนทางใด"
"นั่นไม่แน่นัก ในความเห็นของเรา คนผู้นี้หาได้คิดใคร่ตายจริงๆ"
ตัวเอ่อกุนส่งเสียงดังอ้อเป็นเชิงถาม ไทเฮาตรัสถามว่า
"ก่อนอื่นเราถามท่าน หุงเฉิงโฉวใช่มีความสำคัญจริงหรือไม่"
"ย่อมแน่นอน หุงเฉิงโฉวเป็นแม่ทัพสำคัญของไต้เหม็ง แม่ทัพที่รักษาการณ์ตามชายแดน หากมิใช่บริวารก็เป็นสหายมัน หากเราสามารถเกลี้ยกล่อมมันยอมสวามิภักดิ์ ก็จะพิชิตแผ่นดินตงง้วนได้โดยไม่ลำบากกินแรง น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดสามารถเกลี้ยกล่อมมันได้"
"เราหากไปหามันด้วยตนเองเล่า"
ตัวเอ่อกุนงงงันวูบ จึงกล่าวด้วยความหมายลึกซึ้ง
"เพียงเราเกรงว่าต้องสูญเสีย ไทเฮาประสบการขาดทุน"
ไทเฮาแย้มพระโอษฐ์ตรัสว่า
"ตอนที่พวกเราไปยังห้องคุมขัง ปรากฏมุสิกตัวหนึ่งปีนป่ายขึ้นไปบนขื่อ ก่อกวนเศษฟางตกลงบนร่างมัน มันก็รีบปัดป่าย คนผู้หนึ่งหากคิดแสวงหาความตายใช่สนใจข้อปลีกย่อยเช่นนี้หรือไม่"
"อืมม มีเหตุผล"
ไทเฮาเอนกายลงพงอกบึกบึนแข็งแรงของตัวเอ่อกุน นิ้วสะกิดไปที่แผงอกไปมา
"หากเรายอมมอบร่างให้กับมัน มีหรือที่มันจะไม่ทุ่มเทรับใช้พวกเรา ฝีมือในเรืองนี้ของเราหรือท่านยังไม่มั่นใจ"
ตัวเอ่อกุนหัวเราะเบาๆ มือลูบคลำไปที่หว่างขานาง
"ฮ่าฮ่า เราหรือจะไม่เชื่อ หากท่านทุ่มเทฝีมือเต็มที่ มีผู้ชายคนไหนจะไม่สยบให้กับส่วนนี้ของไทเฮา" พูดพลางขยับนิ้วไปมาบนเนื้อผ้าอย่างกรุ้มกริ่ม
ไทเฮาหน้าแดงแยกขาออก พร้อมครางเสียงกระเส่า ปล่อยให้นิ้วของตัวเอ่อกุนถูไถไปมา ก็ปัดมือของเขาออก
"พอก่อน เดี๋ยวจะเสียงานใหญ่"
ตัวเอ่อกุนก้มลงหอมที่ซอกคอขาวผ่องของนาง
"เสร็จแล้ว ต้องจับท่านมาเย็ดให้ร้องครางทั้งคืนเลย ตัวร่านน้อย"
ไทเฮาหัวเราะเสียงกระเส่า เหลียวพระพักตร์ไป รับสั่งเรียกนางกำนัลสองนางเข้ามา ตรัสว่า
"จัดเตรียมสุราโสมให้เราป้านหนึ่ง"
วิกาลนั้น ไทเฮาแมนจูผลัดเปลี่ยนเป็นสวมชุดขาวสะอาด แต่งกายเช่นสตรีชาวฮั่น ถือถาดไม้จัดวางป้านสุราและจอกเปล่า ติดตามทหารแมนจูผู้หนึ่งเข้าสู่ห้องคุมขัง
ทหารแมนจูนั้นเปิดประตูห้องหุงเฉิงโฉว ให้นางเข้าไป จากนั้นปิดประตูห้องลง หันกายจากไป
ไทเฮาแมนจูวางถาดลงที่มุมเตียง ย่อพระวรกายคารวะหุงเฉิงโฉว ตรัสว่า
"น้อมพบแม่ทัพหุง"
หุงเฉิงโฉวกวาดมองนางแวบหนึ่ง ถามว่า
"ท่านเป็นใคร"
"ข้าพเจ้าเป็นสตรีชาวตงง้วน นับถือเลื่อมใสในตัวแม่ทัพหุงตลอดมา ดังนั้นติดสินบนทหารที่คุมคุกลงมาพบหน้าแม่ทัพหุงสักครา"
"ที่นี่เป็นที่คุมขังเชลยสำคัญของแมนจู ไหนเลยให้ท่านเข้าออกโดยอิสระได้"
ไทเฮาแมนจูตรัสอย่างยิ้มแย้ม
"ท่านกระทั่งความตายยังไม่กลัว ยังมีเรื่องใดสร้างความตระหนกแก่ท่าน แม่ทัพหุงตัดใจอดอาหารเป็นที่เลื่อมใสของเรายิ่ง เพียงไม่ทราบแม่ทัพหุงมีกำลังขวัญดื่มสุราพิษหรือไม่"
"สุราพิษ"
ไทเฮาแมนจูทรงหยิบฉวยป้านสุรา รินสุราลงในจอกเปล่าประคองส่งถึงเบื้องหน้าหุงเฉิงโฉว ตรัสว่า
"ดื่มสุราพิษต้องใช้ความกล้าหาญอยู่บ้าง แม่ทัพหุงกลัวหรือไม่"
หุงเฉิงโฉวรับจอกมา ยืดคอดื่มสุราลงไป ไทเฮาแมนจูทรงรับจอกเปล่ากลับ รินสุราให้อีกจอกหนึ่ง หุงเฉิงโฉวดื่มตามลงไปจากนั้นขว้างจอกเปล่าทิ้ง กล่าวว่า
"วันนี้เราสามารถพลีชีวิตเพื่อชาติ ก็ไม่มีความอาลัยอาวรณ์อีก"
เอ่ยถึงตอนนี้ รู้สึกร่างร้อนรุ่ม ต้องขยับปกเสื้อคราหนึ่ง
ไทเฮาแมนจูตรัสอย่างยิ้มแย้ม
"แม่ทัพหุงรู้สึกเป็นอย่างไร"
"เราร้อนรุ่มยิ่ง ไม่ทราบไฉนร้อนรุ่มปานนี้"
"คาดว่าฤทธิ์ยากำเริบแล้ว เราจะแก้ปกเสื้อของท่าน ช่วยให้ท่านสบายกว่าเดิม"
พลางยื่นพระดรรชนีเรียวงาม แบะขยายปกเสื้อให้กับหุงเฉิงโฉว
หุงเฉิงโฉวยังมีสติสัมปชัญญะหลงเหลือ พลันยื่นมือปัดป่ายร้องว่า
"ท่านหลีกไป อย่าได้กระทบถูกเรา"
ไทเฮาแมนจูกลอกพระเนตรหยาดเยิ้ม ตรัสว่า
"แม่ทัพหุงเห็นการตายดุจกลับคืนมาตุภูม เป็นที่เลื่อมใสของเรายิ่ง โปรดรับการกราบกรานจากเราสักครา"
พลางย่อพระวรกายกราบคารวะอย่างชดช้อย
หุงเฉิงโฉวรีบยื่นมือประคองนางไว้ พริบตาที่กระทบถูก พลันสะท้านขึ้นดุจสายฟ้าฟาดใส่ ไทเฮาแมนจูฉกฉวยโอกาสซุกพระพักตร์กับอ้อมอกอีกฝ่ายหนึ่ง
หุงเฉิงโฉวรู้สึกร่างร้อนรุ่มดุจมีกองเพลิงเผาผลาญ ต้องโอบร่างอบอุ่นนุ่มนิ่มที่แอบอิงเข้ามาไว้อย่างลืมตัว
ไทเฮาแมนจูจงใจยั่วสวาทหุงเฉิงโฉวเต็มที่ ขยับร่างให้ปกเสื้อเปิดออก เผยเห็นช่วงคอขาวผ่อง เนินอกสร้างรำไร ปรากฏต่อสายตาของแม่ทัพหุง ความต้องการของเขาพลันคุโชนขึ้น
ยื่นมือโอบเอวคอดกิ่วของไทเฮาแมนจูไว้ ซุกไซ้จมูกกับจอนผมนาง ไทเฮาทรงพระสรวลคิกคักอย่างยวนยั่ว ส่ายพระพักตร์หลบไปมา
หุงเฉิงโฉวยิ่นมือกระชากปกเสื้อของไทเฮาแมนจู กระชากจนขาดหลุดรุ่ย เผยเห็นตัวเอี๊ยมสีชมพู จากนั้นโอบกอดรัดนางไว้แนบแน่น บดขยี้ไปที่ริมโอษฐ์แดงชุ่มชื้น ลูบไล้แผ่นหลังเปลือยเปล่า ระดมจูบไปทั่ว มือเคลื่อนไหวปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่เหลือของนาง
ชั่วครู่เดียวเสื้อผ้าของนางก็หลุดลุ่ยไปสิ้น ไทเฮาแมนจูจงใจส่งเสียงครางออกมา หอบหายใจแรง แม่ทัพหุงยิ่งพุ่งพล่นหนักขึ้นใบหน้ากลับกลายเป็นสีแดงก่ำ
รู้สึกหัวใจร้อนรุ่มราวกับถูกไฟเผา ท้องน้อยปวดแปลบราวถูกเข็มแทง ก้มลงซุกหน้าไปที่ทรวงอกอวบอิ่ม มือคว้าไปที่ปทุมถันถันอ่อนหยุ่น บีบขยำอย่างรุนแรงสร้างความเจ็บปวดแก่ไทเฮาแมนจูจนส่งเสียงร้องออกมา แต่ในความเจ็บปวด แฝงความหฤหรรษ์อย่างประหลาด
"แม่ทัพหุง"
ไทเฮาร้องเรียกเสียงสั่นเครือ ดวงตาของนางหยาดเยิ้ม แก้มแดงเรื่อ ลมหายใจกระชั่นถี่ น้ำเสียงแฝงกลิ่นอายยวนยั่ว กระตุ้นสัญชาตญานความใคร่ของหุงเฉิงโฉวให้พลุ่งพล่านยิ่งขึ้น
"นางจิ้งจอก"
หุงเฉิงโฉวร้องเรียกเสียงกระเส่า รู้สึกยิ่งมายิ่งร้อนรุ่ม ตะโบมจูบไปทั่วพระวรกายขาวผ่องของไทเฮาแมนจูอย่างหิวกระหาย แล้วผลักไสนางนอนลง
สายตาจ้องมองปทุมถันกลมกลึง ที่มียอดถันสีชมพูอ่อนๆ เป็นจุกเล็กๆ บริเวณป้านรอบปลายยอดเป็นสีชมพูจางๆกลมกลืนไปกับผิวเนื้อขาวผ่องดูบริสุทธิ์ผิดกับสตรีสามัญชนทั่วไป ที่จริงแล้วไทเฮาแมนจูเองก็แอบภูมิใจกับปทุมถันคู่งามของตัวเองมาก แม้นจะผ่านมือชายมาแล้ว
แต่ก็ยังคงอวบอูมตูมตั้งเป็นก้อนกลมไม่ยานคล้อยแม้แต่น้อย หุงเฉิงโฉวกวาดตาสำรวจเรือนร่างเปล่าเปลือยของนางลงไปถึงเบื้องล่าง ก็เห็นเป็นโหนกเนินที่มีขนสีดำอ่อนนุ่มปกคลุมอยู่ทั่ว
ไทเฮาแมนจูสังเกตุอากัปกิริยาของเขาอยู่จึงแกล้งอุทานเบาๆ ก่อนเอามือมาปกปิดส่วนหวงห้าม กระตุ้นไฟราคะของแม่ทัพหุงให้ฮือโหมขึ้น เขาโถมตัวลง ก้มหน้าใช้ลิ้นเลียเนินอกของไทเฮาแมนจู แล้วอ้าปากขบงับหัวนมสีชมพู เม้มดึงขยี้จนปลายยอดตั้งชันขึ้นมาในทันที
"แม่ทัพหุง. .. อย่า.."
ไทเฮาแมนจูแสร้งร้องห้าม หากแฝงจริตยวนยั่ว
หุงเฉิงโฉวถูกฤทธิ์ยากระตุ้นสวาทไหนเลยสนใจกับคำห้ามปรามของนาง ภายใต้ไฟราคะฮือโหมกลับแสยะยิ้มตวาดด่า
"นางจิ้งจอก ท่านจงใจยั่วสวาทเรา แล้วจะมาบอกให้หยุดอีกหรือ มาเถอะจะเย็ดให้หนำใจเลย" พูดจบก็กระชากร่างนางเข้ามา กอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างบ้าคลั่ง ดูดเฟ้นเต้านมนางอย่างแรง มืออีกข้างก็ขยี้เต้าที่เหลือ พร้อมกับใช้นิ้วบี้หัวนมนางเบาๆ