Your Wishlist

ศึกสองนางพญา (ศึกสองนางพญา)

Author: xxx555

รัชกาลฉุงเจิงฮ่องเต้ แผ่นดินเกิดภัยพิบัติ​ทางการยังเก็บภาษีเพิ่มประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เหล่าโจรปล้นชิงทรัพย์ ขันทีโฉดครองเมือง กองกำลังแมนจูทางภาคเหนือยังรุกรานเข้ามา สั่นคลอนต่อบัลลังก์มังกร

จำนวนตอน :

ศึกสองนางพญา

  • 16/04/2568

ในวังเวี้ยหัว บนระเบียงหินอ่อน ฉางผิงกงจู้นั่งดีดพิณอยู่หลังโต๊ะยาว บนโต๊ะยังเผากำยานกระถางนางหนึ่ง

เสียงพิณกังวานอยู่ในอากาศคล้ายไข่มุกร่วงลงบนจานหยก ปานหระหนึ่งดุริยทิพย์จากฟ้าบรรเลงขับกล่อมทุกผู้คนในโลกหล้า

 

พลันปรากฏนางกำนัลนางหนึ่งในชุดบางเบาเดินอกกระเพื่อมขึ้นบันไดศิลา บรรลุดถึงบนระเบียงรายงานว่า

"เรียนองค์หญิง จอหงวนคนใหม่โจมซื่อเสี่ยนรอเข้าพบเป็นเวลานานแล้ว"

 

ฉางผิงกงจู้พลันหยุดมือจากการดีดพิณ เงยหน้าขึ้นสั่งว่า

"เบิกตัวมันเข้ามา"

นางกำนัลถ่ายทอดวาจาออกไป ไม่นานให้หลังโจวซื่อเสี่ยนก็มาถึง เลิกชายเสื้อคุกเข่าเบื้องหน้าฉางผิงกงจู้ กล่าวว่า

"จอหงวนคนใหม่โจวซื่อเสียนน้อมพบองค์หญิงขอองค์หญิงมีอายุพันปี พันๆปี"

 

ฉางผิงกงจู้สี่งให้ลุกขึ้น ค่อยเหลียวหน้าไปยังโจวซื่อเสี่ยน โจวซื่อเสี่ยนพอเงยหน้าขึ้นมองก็ตกตะลึงตาค้าง เห็นฉางผิงกงจู้มีใบหน้างดงามเปี่ยมราศีที่สูงส่ง

 

 แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาคาดคิดไว้แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาตาค้างก็คือ เสื้อผ้าที่องค์หญิงฉางผิงใส่นั่นเอง มันเป็นผ้าแพรบางเบา มองทะลุเข้าไปเห็นผิวเนื้อขาวผ่องรำไร

 

 ตัวเอี๊ยมกระจิริดไม่สามารถปกปิดทรวงอกอวบอิ่มไว้ได้ โดยเฉพาะร่องอกที่เบียดชิดขาวเนียน ช่างละมุนตาเหลือเกิน โจวซื่อเสี่ยนถึงกับใจเต้นระทึก ท่อนเนื้อกลางร่างเริ่มขยับหัวอย่างมีชีวิตชีวาทำท่าจะลุกขึ้นมาในทันที

 

"โอ..องค์หญิงฉางผิงทำไมสวยยวนยั่วน่าเย็ดขนาดนี้ "

โจวซื่อเสี่ยนแอบคิดในใจ คุณธรรมในตัวของเขาพยายามสะกดความต้องการอันเป็นธรรมชาติของผู้ชายไว้อย่างเต็มที่

 

สายตาทั้งสี่ประสานกันแน่วนิ่ง

 

ฉางผิงกงจู้อึ้งไปวูบ จึงยืดกายขึ้นช้าๆ กล่าวว่า

"ท่านโจว คราก่อนสร้างความลำบากแก่ท่าน ท่านคงไม่เคียดขึ้งตำหนิกระมัง"

 

โจวซื่อเสี่ยนเหม่อมองกงจู้อย่างซึมเซา ฉางผิงกงจู้สวมชุดแพรบางเบา ทำให้เห็นทะลุไปถึงชุดชั้นใน ช่างงดงามราวกับเทพธิดาที่ลงมาจากฟากฟ้า

 

 โดยเฉพาะช่วงขาที่เรียวยาวขาวสะอ้านตา เขาต้องพยายามบังคับสายตาไม่ไห้กวาดลงไปมองให้เสียมารยาท รีบน้อมกายตอบทันที

 

"ขอเพียงสามารถรับใช้ชาติบ้านเมือง ข้าพระองค์แม้ตายหมื่นครั้งก็ไม่บ่ายเบียง"

"ท่านโจว วันนี้เราเรียกตัวท่านมายังที่นี่ คิดชักชวนท่านชมดูปรากฏการณ์บนท้องฟ้าสักครา"

 

"เรียนองค์หญิง ข้าพระองค์ไม่มีความรู้ด้านดาราศาสตร์มาก่อน ขอองค์หญิงชี้แนะให้มากไว้"

 

ฉางผิงกงจู้สาวเท้าถึงเชิงระเบียง กล่าวว่า

"ท่านดูท้องฟ้าด้านนั้น"

 

โจวซื่อเสี่ยนกวาดตามองตาม แต่หาได้มองท้องฟ้าไม่ ทั้งนี้เนื่องจากลมกรรโชกเข้าใส่ร่างของทั้งคู่จนเสื้อโบกสะบัดพรึ่บพรั่บ โดยเฉพาะชุดของกงจู้ที่เป็นกระโปรงแพรบางเบาพอโดนลมพัดก็ลู่แนบกับลำตัว เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่งดงาม

 

 โดยเฉพาะรอยกางเกงในตัวน้อยสีขาวที่สะโพกกลมกลึง โดนลมพัดจนกระโปรงแนบติดกับก้มอวบกลมจนเห็นร่องก้นชัดเจน คราวนี้ลำควยของโจวซื่อเสี่ยนถึงกับลุกขึ้นดันเป้าแทบแตก หัวใจของจอหงวนรูปงามปั่นป่วนไปหมด

 

"โอ ถ้าได้เอาควยเข้าไปถูไถกับร่องก้นขององค์หญิงฉางผิงจะมีความสุขแค่ไหนนะ" โจวสื่อเซี่ยน แอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น

 

"ท่านโจว" เสียงฉางผิงกงจู้เรียกทำให้โจวสื่อเซี่ยนตื่นจากภวังค์

องค์หญิงฉางผิดยังเอ่ยต่อไปเหมือนไม่รู้ว่าจอหงวนหนุ่มนั้นแทบไม่ได้ฟังที่นางพูดเลย เอาแต่จ้องมองก้นอวบงอนของนางอย่างเอาเป็นเอาตาย อยากจะเอามือไปรูดลำควยของตัวเองแล้วเอาน้ำไปพ่นใส่เหลือเกิน

 

"ท่านโจวดูให้ชัดเจนกว่านี้ ใต้อาทิตย์มีแสงสีเงินลักษณะคล้ายเกาฑัณฑ์ ตัวคันเกาฑัณฑ์งอขึ้น ตามปูมดาราศาสตร์แสดงว่าขุนนางกังฉินครองเมือง บดบังเจ้าชีวิต นับเป็นลางอัปมงคล

 

โจวสื่อเซี่ยนเริ่มบังคับตัวเองไว้ได้ รีบน้อมกายกล่าวว่า

"องค์หญิง ขอเพียงพวกเราสามารถกำราบเฉาฮั่วฉุน ย่อมสามารถปัดป่ายเมฆหมอกทะมึนเห็นแสงตะวันอีกครา"

 

"มิผิด แต่เฉาฮั่วฉุนมีอิทธิพลกล้าแข็งทุกวัน คิดกำจัดมันหาใช่เรื่องง่ายดายไม่"

โจวซื่อเสี่ยนกล่าวเสียงกังวาน

 

"องค์หญิง ขอเพียงสามารถกอบกู้ภัยพิบัติของแผ่นดิน ฉุดชาวโลกจากห้วงทุกข์เข็ญ แม้ตายจะเป็นไร ขอเพียงองค์หญิงสั่งมาคำเดียว ข้าพระองค์มาตรว่าตายก็ไม่เสียดายชีวิต"

 

"สามารถเห็นพวกท่านเหล่าขุนนางตงฉิน ยินยอมช่วยราชการบ้านเมืองให้กับพระบิดา ต่อให้เราเป็นไรไปก็สามารถนอนอตาหลับได้"

"องค์หญิงไฉนพลันกล่าววาจาอัปมงคลเช่นนี้"

 

ฉางผิงกงจู้กลับมาทรุดนั่งลงที่หน้าโต๊ะพิณ โจวซื่อเสี่ยนลอบระบายลมหายใจ การยืนสนทนากับองค์หญิงในชุดแพรบางเบาแบบนี้ช่างสะกดใจไม่ให้ท่อนเนื้อของเขาลุกขึ้นมาได้ยากเย็นเหลือเกิน

 

องค์หญิงฉางผิงกล่าวว่า

"เราพอถือกำเนิดออกมา ก็ป่วยเป็นโรคโหงวอิมเจาะแมะ ระบบการเต้นของชีพจรผิดแผกจากคนธรรมดา มาตรว่าชมชอบวิชาบู๊ แต่ได้แต่อ่านคัมภีร์วิชาฝีมือ ไม่สามารถฝึกปรือได้"

"องค์หญิง ไฉนฝึกปรือไม่ได้"

 

"เพราะยามทีเราโคจรพลัง จะเกิดความต้องการทางเพศพลุ่งพล่านขึ้นอย่างรุนแรงจนอดไม่ได้ที่จะต้องใช้นิ้วเกี่ยว..." พูดไม่ทันจบก็นึกได้ว่าคำพูดนี้ช่างน่าอายนัก จึงหยุดหน้าแดงซ่านด้ายความอาย เหลือบตามองโจวซื่อเสี่ยนก็หน้าแดงหอบหายใจแรงเช่นกัน ยิ่งทำให้องค์หญิงต้องก้มหน้าหลบตาด้วยความอายมากยิ่งขี้นไปอีก

 

หารู้ไม่ว่าตอนนี้โจวซื่อเสี่ยนลอบร้องครวญครางในใจ ท่อนเอ็นของเขาลุกขึ้นชี้ชัน ช่วยไม่ได้ได้จริงๆ ลองมาฟังผู้หญิงที่งดงามอย่างองค์หญิงฉางผิงบอกว่าใช้นิ้วเกี่ยวหีของตัวเอง ใครจะไปห้ามใจไว้ ดีว่าโจวซื่อเสี่ยนเป็นบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม ไม่งั้นอาจปล้ำองค์หญิงฉางผิงไปแล้วก็ได้

 

ครั้นเห็นองค์หญิงกระดากอายจึงรีบกล่าวขึ้น

"องค์หญิง วิชาแพทย์นครหลวง เฉกเช่นฮูโต๋กลับชาติมาเกิด ขอเพียงผ่านกาลเวลาหนึ่ง พากเพียรบำรุงร่างกาย โรคภัยจะทุเลาเอง"

ฉางผิงกงจู้ระงับใจได้ก็กล่าวช้า

 

"ขอบคุณท่านที่ปลอบโยนเรา แต่เราเล่าเรียนวิชาโหราศาสตร์ตั้งแต่เล็ก เคยคำรนวณอายุขัยของตนเองพบว่าเรามีอายุไม่เกินยี่สิบปี"

 

เอ่ยถึงตอนนี้ ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งร้อน นางกำนัลนางหนึ่งวิ่งกระหืดหระหอบมา กระซิบทีข้างหูฉางผิงกงจู้ว่ากองทัพเสียที่มั่นภูเขาซุงซาน แม่ทัพหุงถูกทหารแมนจูจับเป็นเชลย

 

ฉางผิงกงจู้รับฟังจนหน้าแปรเปลี่ยนไป รีบขอตัวต่อโจวซื่เสี่ยน เข้าเฝ้าฉุงเจินฮ่องเต้ ณ ห้องทรงพระอักษรในบัดดล

 

 

ที่ชายแดนภาคเหนือ ในกระโจมที่มั่นของแมนจู

แม่ทัพไต้เหม็งหุงเฉิงโฉวถูกคุมขังในคุกศิลานั่งอดอาหาร โดยไม่ยอมแตะต้องข้าวแม้สักเม็ดเดียว

วันนี้แม่ทัพแมนจูตัวเอ่อกุนลงมาเกลี้ยกล่อมหุงเฉิงโฉวอีกครา โดยมีบุรุษหนุ่มหน้าตางดงามคมคายร่วมทางมาด้วย

 

ตัวเอ่อกุนกล่าวว่า

"แม่ทัพหุง ฟังว่าหลายวันนี้ท่านไม่ยอมรับประทานอาหาร ซึ่งความจริงท่านไยต้องทรมานตนเองเช่นนี้"

หุงเฉิงโหวนั่งพริ้มตาแน่วนิ่ง หาแยแสตอบคำถามไม่

ตัวเอ่อกุนกลอกตากล่าวต่อ

 

"คำพังเพยมีว่า ผู้ทราบสถานการณ์จึงเป็นวีรบุรุษ อย่าว่าแต่ทหารเหม็งล้วนขาดเขลากลัวตาย ราชสำนักเต็มไปด้วยกังฉินรังแกราษฎร พวกเรากองทัพแมนจูต้องการเปลื้องทุกข์เข็ญ แม่ทัพหุงไยต้องดื้อดึงยืนกรานไป"

 

หุงเฉิงโฉวแค่นเสียงดังเฮอะไม่ตอบคำ ตัวเอ่อกุนพลันกล่าวว่า

"ท่านมีความต้องการอันใด โปรดบอกต่อเราอย่างเต็มที่"

หุงเฉิงโฉวพลันลืมตาขึ้น กล่าวเสียงราบเรียบล

"เราไม่ต้องการอันใด เพียงหวังใคร่ตาย"

 

ตัวเอ่อกุนอึ้งไปวูบ พลันได้ยินเสียงสวบสาบที่เหนือศีรษะ ที่แท้ปรากฏมุสิกตัวหนึ่งปีนป่ายอยู่บนขื่อ ก่อกวนจนเศษฟางฝุ่นละอองร่วงหล่นลงมาพอดีตกลงบนเสื้อผ้าไหล่หุงเฉิงโฉว

 

หุงเฉิงโฉวเงยหน้ามองแวบหนึ่ง ยกมือปัดเศษฟางทีติดอยู่บนเสื้อผ้าคราหนึ่ง

 

บุรุษหนุ่มหน้าตางดงามคมคายที่ร่วมทางมากับตัวเอ่อกุน นับแต่เข้าสู่ห้องคุมขัง ก็ไม่ปริปากกล่าววาจาเพียงจับตาดูหุงเฉิงโฉวตลอดเวลา ยามนั้นพลันกล่าวกับตัวเอ่อกุนว่า

 

"ท่านอ๋อง พวกเราไปกันเถอะ ให้แม่ทัพหุงค่อยๆ ใคร่ครวญให้ดี"

สุ้มเสียงคนผู้นี่กลับสดใสไพเราะ ดุจระฆังเงินก็ปาน

 

ตัวเอ่อกุนทั้งสองหันกายออกจากห้องคุมขัง มาถึงห้องนอนที่ตกแต่งอย่างงดงามหลังหนึ่ง

 

บุรุษหนุ่มหน้าตางดงามคมคายนั้น ทรุดนั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หันหน้าหากระจกทองเหลือง ถอดหมวกจากศีรษะ ผมเผ้านุ่มสลวยดำขลับก็ยาวสยายลงมา

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป