พลายแก้วก็ได้เห็นภาพ นางทองประศรี มารดาของตน กำลังถูกบิดาของตนทำร้าย จริงๆ โดยบิดาของตนเอาทวนเนื้อ แทงเข้าไปในตัวของมารดาตน จนมิดด้ามทุกๆ ครั้ง แถมทุกๆ ครั้งยังมีการกัดฟัน ขบกราม และคำรามเบาๆ ออกมา
พลายแก้วก็ได้เห็นภาพ นางทองประศรี มารดาของตน กำลังถูกบิดาของตนทำร้าย จริงๆ โดยบิดาของตนเอาทวนเนื้อ แทงเข้าไปในตัวของมารดาตน จนมิดด้ามทุกๆ ครั้ง แถมทุกๆ ครั้งยังมีการกัดฟัน ขบกราม และคำรามเบาๆ ออกมา
รีบยกมือขึ้นรูดผ้าแถบรัดอกลงมา เผยให้เห็นสองเต้าอวบใหญ่เต่งตั้ง ที่สะท้อนขึ้นลงตามแรงหอบหายใจของเจ้าของ หัวนมสีน้ำตาลเขม็งชี้ชันพุ่ง บ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าของเป็นอย่างดี พลางหันตัวไปประจันหน้ากับสามเณรพลายแก้ว แล้วแอ่นอกป้อนหัวนมให้สามเณรพลายแก้วได้ดูดกินทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงคนทุบประตูกุฏิดังโครมๆ พลางได้ยินเสียงตะโกน
"สามเณร พลายแก้ว สามเณรพลายแก้ว ไอ้แก้ว มึงรีบๆ ออกมาเปิดประตูให้กูเข้าไปเดี๋ยวนี้นะ"
เสียงตะโกนดังมาจากปากของหลวงปู่คง ซึ่งได้รับแจ้งจากเด็กวัดว่ามีสีกาเข้ามาในกุฏิของสามเณรพลายแก้ว ตั้งนานสองนานไม่ออกมา หลวงปู่คงได้ฟังดังนั้นก็เต้นผาง รีบออกเดินมายังที่กุฏิของสามเณรพลายแก้วทันทีพอมาถึงประตูก็เงี่ยหูฟังเสียงจากประตูกุฏิ เมื่อได้ยินเสียงพร่ำพรอดของสายทองกับสามเณรพลายแก้ว ก็โมโหสุดจะทน ทุบประตูกุฏิแล้วตะโกนให้เปิดทันทีสายทองเมื่อได้ยินดังนั้นก็ตกใจรีบดึงผ้ารัดอกขึ้นมา จัดสไบให้เรียบร้อย แล้วละล่ำละลักบอกสามเณรพลายแก้วว่าจะทำอย่างไรดี สามเณรพลายแก้วก็ตกใจไม่แพ้สายทอง ควยเคยงี้หดไปหมดเลย รีบลุกขึ้นจูงมือสายทองออกมายังหน้าต่าง แล้วกระโดดลงไปที่พื้น แล้วพยักเพยิดให้สายทองโดดตามลงมา
สายทองไม่มีทางเลือกก็รีบกระโดดลงมาที่ตัวสามเณรพลายแก้ว แล้วชักชวนกันวิ่งหนีออกจากวัดป่าเลไลย์ ท่ามกลางเสียงด่าไล่หลังของหลวงปู่คงที่ตะโกนด่าตั้งแต่กุฏิจนถึงหน้าวัด ด้วยความเหน็ดเหนื่อย พร้อมกับโรคลมที่หลวงปู่เป็นอยู่ ทำให้หลวงปู่คงถึงแก่มรณภาพไปในตอนนั้นเองข้างฝ่ายสามเณรพลายแก้วกับสายทอง เมื่อวิ่งหนีจากวัดป่าเลไลย์มาได้สักพักหนึ่ง ก็หยุดหายใจ พอหายเหนื่อยแล้ว สามเณรพลายแก้วก็บอกกับสายทองให้กลับไปบอกกับพิมพิลาไลยว่า ถ้าเขาเรียนวิชาสำเร็จเมื่อไหร่เขาจะรีบไปบอกแม่ให้มาสู่ขอทันที
สายทองได้ฟังดังนั้นก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงรีบเดินดุ่มๆ กลับไปทันที สามเณรพลายแก้วนั่งลงพลางคิดว่าตนเองจะไปอยู่ที่ใดได้ พลางฉุกใจคิดถึงอาจารย์มั่น ผู้ซึ่งมารดาได้เคยเล่าให้ตนฟังถึง ศิษย์ร่วมรุ่นของบิดาที่บวชอยู่ที่วัดแค สามเณรพลายแก้วไม่มีทางเลือกก็จำต้องเดินทางไปยังวัดแค ซึ่งอยู่อีกมุมเมืองหนึ่งของสุพรรณบุรี เมื่อมาถึงยังวัดนี้ ก็ถามเด็กวัดว่าท่านอาจารย์มั่นพักอยู่ที่กุฏิใด เด็กวัดเมื่อเห็นสามเณรพลายแก้วก็รู้สึกเลื่อมใส พลางรีบชักนำมายังกุฏิของอาจารย์มั่นทันทีเมื่อสามเณรพลายแก้วมาถึงยังกุฏิของอาจารย์มั่นแล้ว ก็เข้าไปกราบพลางร้องไห้ บอกกับอาจารย์มั่นว่า ตนเองนั้นคือบุตรของขุนไกรพลพ่าย ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนศิษย์น้องของอาจารย์มั่นนั่นเอง พลางบอกว่าตนเองนั้นออกบวชเพื่อเรียนวิชาอาคมเพื่อจะได้เป็นชายชาตรีที่เก่งอย่างบิดา เมื่อได้ฟังคำเล่าลือว่า อาจารย์มั่น มีวิชาอาคมขลัง ก็เลื่อมใสอยากจะมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์
อาจารย์มั่นได้ฟังคำปดของสามเณรพลายแก้ว ก็รู้สึกซาบซึ้งและสงสารในชะตาของศิษย์รุ่น
กล่าวถึงขุนช้างหัวล้านกบาลใส หลังจากที่พลาดโอกาสสู่ขอพิมพิลาไลย แถมถูกพิมพิลาไลยเสือกไสไล่ส่งจนขนขบวนกลับมาแทบไม่ทันแล้ว แต่ละวันก็เฝ้าทอดถอนใจ นั่งตาลอย เห็นแต่ภาพพิมพิลาไลย มาลอยอยู่ตรงหน้าตลอดเวลา จนไม่เป็นอันทำอะไร จะลุกจะนั่งก็เห็นแต่ภาพของพิมพิลาไลย จนในที่สุดก็คิดแผนได้ ขุนช้างแสนจะดีใจ ลุกขึ้นเต้นรำร้องเพลงจนกระทั่งบ่าวไพร่ต้องมามุงดู เพราะคิดว่าขุนช้างเป็นบ้าไปแล้วด้วยความรัก ขุนช้างหลังจากเต้นรำฮาวาย จนกระทั่งเหนื่อยแล้วก็เห็นบ่าวไพร่มามุงดูตน พร้อมวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นาๆ ก็โกรธ ไล่ตะเพิดพวกบ่าวไพร่จนกระเจิดกระเจิงผ้าผ่อนหลุดลุ่ยเปิดตูดขาวไปตามๆ กัน พอไล่พวกบ่าวจนเหนื่อยก็นั่งลง แล้วตะโกนเรียกบ่าวคนหนึ่งมา แล้วค่อยๆ กระซิบให้งานบ่าวคนนั้น ไปทำงานมา โดยคาดโทษว่าถ้าไม่สำเร็จจะต้องโดนโบยด้วยหวาย เมื่อสั่งความเรียบร้อยแล้ว ขุนช้างก็นั่งลงทำท่ากระหยิ่มยิ้มย่องในใจ พลางนึกถึงพิมพิลาไลยต่อไป
เวลาผ่านไป 2 วัน ขณะที่ขุนช้างกำลังนอนให้บ่าวทุบขา หลังไหล่ให้นั้น บ่าวคนนั้นก็วิ่งกระหืดกระหอบมารายงานข่าว พอได้รับช่าวนี้ ขุนช้างก็รีบตะโกนบอกบ่าวไพร่ให้จัดขบวนอีกครั้ง แล้วรีบยกขบวนออกจากบ้าน พลางมุ่งหน้าไปยังบ้านของนางศรีประจันในทันทีข้างฝ่ายนางศรีประจันนั้น หลังจากที่ได้รับการนำเสนอจากขุนช้างถึงแก้วแหวนเงินทองมากมายมหาศาลนั้น ถึงแม้จะได้รับฟังคำบอกเล่าจากบ่าวว่า ขุนช้างนั้นมีเมียน้อยมากมาย แต่ก็ยังคิดว่าคนที่ร่ำรวยจะมีเมียน้อยหลายคนก็ไม่แปลก ในใจของนางนั้นอยากที่จะได้ทรัพย์สมบัติมาก จนถึงกับยอมได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ขุนช้างมาเป็นเขย พอบ่าววิ่งเข้ามารายงานว่า ขุนช้างยกขบวนขันหมากมาอีกครั้ง นางศรีประจันแสนจะดีใจ
แต่ต้องรักษาฟอร์มไว้ แกล้งทำเป็นเดินมารับขุนช้างที่หน้าเรือน พร้อมกับทำหน้าเฉยๆ ไม่ยินดียินร้ายกับการยกขบวนขันหมากของขุนช้าง
ขุนช้างเมื่อมาถึงยังบ้าน ของนางศรีประจันก็รู้สึกแปลกใจกับท่าทีของนางศรีประจัน ซึ่งผิดไปจากตอนที่มาครั้งที่แล้วหน้ามือเป็นหลังตีน แต่ด้วยความรักมันกระพือในอก ขุนช้างจึงทำหน้าระรื่น แล้วทักทายไป
"สวัสดีครับ คุณน้า วันนี้ผมจะมาสู่ขอน้องพิมพิลาไลยน่ะครับ หวังว่าคุณน้าคงไม่รังเกียจ ส่วนข้อเสนอนั้นยังเหมือนเดิมทุกประการ"
นางศรีประจันก็รู้สึกแปลกใจเช่นกันว่า ขุนช้างไม่น่าจะระรื่นขนาดนี้ ถ้ามีเมียน้อยมาตามจริงก็คงจะไม่กล้าขนาดนี้ มันต้องมีเงื่อนงำ นางคิด แล้วก็ทำหน้าแปลกใจแล้วก็ทักทายตอบว่า
"อือ พ่อช้าง จะมาสู่ขอเหรอ ตอนนี้น้องพิมไม่อยู่หรอก ไว้มาวันหลังละกัน"
"อ๋อ ผมรู้แล้วครับ เพราะผมให้บ่าวมันมาเฝ้าอยู่บ้านคุณน้าตลอด อุ๊บ! ไม่ใช่ครับ บ่าวผมมันเดินผ่านบ้านคุณน้าแล้วมันบังเอิญเห็นน้องพิมเดินไปตลาดแล้วมาเล่าให้ผมฟัง ผมเลยรีบมาคุยกับคุณน้าเป็นการส่วนตัวน่ะครับ" ขุนช้างรู้สึกอยากจะตบปากของตนเองด้วยพลั้งปากเกือบจะเสียแผน ดีที่นางศรีประจันนั้น ใจออกไปอยู่กับหีบสมบัติของขุนช้างที่วางอยู่ด้านหลังขบวน จึงมิได้ฟังคำพูดของขุนช้างมากนักก็ตอบไปว่า
"เอางี้นะ พ่อช้างก็วางของหมั้นหมายฝากน้าไว้ก่อนนะ แล้วน้าจะถามน้องพิมให้นะ แล้วจะส่งบ่าวไปให้คำตอบ จะได้ไม่ต้องขนไปขนมาเสียเวลาไง"
ขุนช้างก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า จริงๆ แล้วนางศรีประจันก็มีใจให้กับตนไม่น้อย รู้สึกดีใจ รีบตอบรับ แล้วตะโกนบอกบ่าวไพร่ให้ยกหีบสมบัติไปบนเรือนของศรีประจัน แล้วรีบลากลับด้วยความอิ่มเอมใจทันที ข้างฝ่ายนางศรีประจันก็กระหยิ่มยิ้มย่องว่าจะได้รับสมบัติจำนวนมากมายจากขุนช้าง ก็บงการให้บ่าวไพร่ยกหีบสมบัติขึ้นไปไว้ในห้องนาง แล้วกอดจูบลูบคลำอย่างมิรู้เบื่อ
พิมพิลาไลย กลับมาจากตลาดเมื่อเดินขึ้นบนเรือน ก็พบกับสายทองที่มีสีหน้าเป็นห่วงกังวล สายทองจูงมือพิมพิลาไลยเข้าห้องของนาง แล้วบอกเล่าเรื่องที่ขุนช้างแอบมาสู่ขอพิมพิลาไลยกับนางศรีประจัน ซึ่งนางศรีประจันก็มีทีท่าว่าจะตกลงด้วย ส่งผลให้พิมพิลาไลยตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อหายตกใจพิมพิลาไลยก็รีบเร่งให้สายทองไปบอกกล่าวเรื่องนี้กับสามเณรพลายแก้วที่วัดแคทันที สายทองเมื่อเห็นพิมพิลาไลยตกใจขนาดนั้นก็ให้เกิดความสงสารจับใจ รีบออกจากเรือนตรงไปยังวัดแคเพื่อแจ้งข่าวให้สามเณรพลายแก้วทราบทันที
ตกดึกคืนนั้น ปรากฏร่างของชายผู้หนึ่งตรงมายังหน้าเรือนของนางศรีประจัน ชายผู้นั้นยกมือขึ้นพนมแล้วตั้งจิตบริกรรมคาถา พลางจิกหัวแม่เท้าลงกับพสุธา กลอนประตูทุกห้องในบ้านของนางศรีประจันก็มีอันหลุดออกจากล็อกทันที แล้วชายผู้นั้นก็เดินขึ้นไปบนเรือนของนางศรีประจันทันที
แน่นอนครับ ไม่ต้องเดากันให้ยาก เขาคือ พลายแก้วนั่นเอง พลายแก้วเมื่อได้ทราบข่าวจากสายทองนั้น
ก็ตกใจเป็นอย่างมาก แล้วก็บอกกับสายทองว่า คืนนี้เขาจะมาหาพิมพิลาไลยขอให้สายทองบอกกับน้องพิม
ว่าไม่ต้องเป็นห่วงเขามีวิธีในการแก้ไขอยู่ พอตกดึกเขาก็เปลื้องจีวรออก ใส่เสื้อผ้าของฆราวาส แล้วรีบออกจากวัดแคมายังบ้านของนางศรีประจันทันทีพลายแก้วเดินตรงไปยังห้องของพิมพิลาไลย