เลย์ลาออกจากคฤหาสน์เมื่อท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูอมส้ม ขณะที่เธอเดินออกจากทางเข้าสวนกุหลาบ ลมเย็นสดชื่นก็พัดมาต้อนรับเลย์ลา
ในมือขวาของเธอกำเหรียญทองไว้แน่น เลย์ลาเดินอย่างภูมิใจ แต่ก้าวที่มั่นใจนั้นไม่ยาวนานนัก คลอดีนกำลังนั่งอยู่ใต้ศาลาที่อยู่ใกล้กับต้นกุหลาบเลื้อยที่กำลังบานเต็มที่ คลอดีนที่กำลังพูดคุยอย่างสนุกสนานกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ ยิ้มอย่างไม่ค่อยเต็มใจเมื่อสายตาของเธอประสานกับเลย์ลา
"ลาก่อน เลย์ลา"
คลอดีนเอ่ยทักทายก่อน หนุ่มๆ ที่นั่งอยู่ข้างคลอดีนต่างหันมามองเลย์ลา โชคดีที่ดยุคเฮอร์ฮาร์ดไม่ได้อยู่ที่นั่น
เลย์ลาโค้งตัวตอบกลับ คลอดีนนั่งนิ่ง ไม่ได้ตอบสนองกลับ
เมื่อพ้นสายตาของคนกลุ่มนี้แล้ว เลย์ลาก็เริ่มออกวิ่ง เธอต้องการหนีจากโลกที่แปลกประหลาดและไม่คุ้นเคยนี้และกลับไปที่กระท่อมของลุงบิลให้เร็วที่สุด แต่เคราะห์ร้ายที่สุดดันเกิดขึ้นในวินาทีสุดท้าย
ตรงเขตแดนระหว่างสวนและทางเดินป่า เลย์ลาล้มลง เหรียญทองกลิ้งไปตามทางเดินหินและชนกับขอบรองเท้าของชายคนหนึ่ง เลย์ลาขมวดคิ้วเมื่อเห็นเหรียญทองหมุนไปมา ชายคนนั้นใช้ปลายรองเท้าเหยียบเหรียญเอาไว้
เลย์ลาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองรองเท้าที่ขัดมันเงา ไล่สายตาขึ้นไป จนกะทั่งมองเห็นใบหน้าของชายคนนั้นซึ่งกำลังจ้องมองเธออยู่จากเบื้องบน ดยุคเฮอร์ฮาร์ด
เลย์ลาสะดุ้งด้วยความตกใจและลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ชุดสีขาวของเธอเปื้อนฝุ่นและเลือดจากเข่าที่ถลอก ดยุคเฝ้าดูเลย์ลาด้วยท่าทีสงบ ริมฝีปากสีแดงของเขาดูเหมือนจะยกขึ้นเล็กน้อย
เลย์ลากัดริมฝีปากและปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าของตัวเอง ขณะที่ดยุคเฮอร์ฮาร์ดก้าวถอยหลังอย่างไม่รีบร้อน เหรียญที่อยู่ใต้เท้าของเขาแวววาวสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเย็น
แม้ว่าเลย์ลาจะอยากปล่อยมันไป เธอก็ย่อตัวลงต่อหน้าดยุค ขณะที่เธอกำลังจะยื่นมือออกไป เธอก็นึกถึงคำพูดของเลดี้แบรนต์ที่พูดทิ้งไว้ ‘ไม่มีอะไรดีไปกว่าสุนัข’ คำพูดเหล่านั้นทิ้งรอยแผลลึกไว้ในใจของเลย์ลา
เลย์ลาหยิบเหรียญขึ้นมาและก้มศีรษะให้ดยุคเฮอร์ฮาร์ดอย่างสุภาพ เธอไม่กล้าเงยหน้าขึ้น สิ่งเดียวที่ทำได้คือก้มศีรษะลงให้ต่ำที่สุดและกลั้นหายใจไว้ แม้ว่าเธอจะรู้สึกเจ็บต้นที่ล้ม แต่ตอนนี้เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไปเมื่อต้องก้มศีรษะให้คนตรงหน้า
หลังจากที่ทำความเคารพดยุคเฮอร์ฮาร์ดแล้ว เลย์ลาก็เริ่มออกวิ่งอีกครั้ง แม้ว่าเธอจะไม่สามารถวิ่งได้เร็วเท่าเดิมเพราะหัวเข่าที่บาดเจ็บ แต่เธอก็ยังคงฝืนขยับขาเปื้อนเลือดของตัวเอง ความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจและไหลขึ้นมาถึงลำคอ
หลังจากวิ่งผ่านทางเดินในป่าและเห็นแสงไฟจากกระท่อม เลย์ลาก็รู้ว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร
มันคือความเศร้า
“หนูให้ค่ะ”
เลย์ลายื่นเหรียญทองให้บิลด้วยท่าทางเคร่งขรึม คิ้วหนาของบิลขมวดเข้าหากันอย่างช้าๆ
“นี่คืออะไร”
“เหรียญทองค่ะ”
“เธอคิดว่าฉันไม่รู้หรือ”
“เลดี้คลอดีนให้หนูมา”
“คลอดีน? อ๋อ เลดี้ตัวน้อยคนนั้นสินะ”
บิลพยักหน้าเหมือนเขารู้จักหล่อนดี
นับตั้งแต่เลย์ลาถูกเรียกไปที่คฤหาสน์ เธอก็ซึมเศร้าลงตลอดสองวันที่ผ่านมา เธอไม่พูดหรือเดินเล่นในป่าและสวนอีก บิลสังเกตเห็นว่าเขาคิดถึงความสดใสในอดีตของเด็กน้อย
โลกเงียบไปด้วยเพราะเด็กน้อยเงียบ และบิลก็ไม่ชอบโลกที่เงียบแบบนี้เท่าไรนัก
“ทำไมเธอถึงอยากให้เงินนี้กับฉันล่ะ?”
บิลโน้มตัวไปที่โต๊ะเล็กน้อย เลย์ลานั่งตัวตรงเผชิญหน้ากับเขา
“เพราะหนูคิดว่ามันมีค่ามาก”
“มันมีค่ามากจริงๆ”
“…แม้ว่าในตอนแรกหนูจะรู้สึกทุกข์ใจที่ได้รับเหรียญนี้ แต่หนูก็ไม่สามารถทิ้งมันไปได้เพราะมันมีค่ามาก ดังนั้นหนูจึงคิดว่าถ้าหนูให้เหรียญนี้กับลุงแทน หนูจะสามารถเริ่มตอบแทนบุญคุณลุงได้บ้าง”
“บ้าจริง”
บิลพึมพำอย่างหุนหัน เลย์ลาสะดุ้งเล็กน้อยแต่ไม่สนใจคำสบถของเขา
ตั้งแต่เด็กหญิงมาถึงอาร์วิส บิลกังวลว่าพวกคนชั้นสูงจะทำร้ายจิตใจอันเปราะบางของเด็กหญิง เขากลัวว่าคนชั้นสูงเหล่านั้นจะรังแกเด็กหญิงเพราะสถานะที่ต่ำกว่าของหล่อน สำหรับบิล คนชั้นสูงก็เหมือนกันหมด
หยิ่งยโส หยาบคาย และชอบเหยียดหยาม
แม้ว่าบิลจะกลัวว่าเขาอาจทำให้เด็กน้อยร้องไห้หากเขาถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่คฤหาสน์ แต่เขาก็สามารถคาดเดาได้ว่าเด็กน้อยถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายแค่ไหนที่นั่น
“เลย์ลา”
เลย์ลาที่พยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ตามวัยยิ้มแป้นเมื่อเขาเรียกชื่อเธอ
“ในเมื่อเธอหาเงินได้เอง ก็เก็บไว้เถอะ”
“เงินที่หนูหาได้เอง?”
“ใช่ มันคือเงินที่เธอได้จากการทำงาน การรับใช้คนชั้นสูงที่เบื่อพวกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เธอก็ทำได้ ดังนั้นเธอสามารถอ้างสิทธิ์ในรางวัลของเธอได้อย่างมั่นใจ”
เลย์ลาขมวดคิ้วด้วยความสับสน ขณะที่บิลมองดูเด็กน้อยที่กำลังครุ่นคิด เขาก็ยกแก้วเบียร์หนาๆ ในมือขึ้นดื่มจนหมด
“จริงหรือคะ?”
เลย์ลาเอียงหัวขณะเคาะเหรียญทอง
“ใช่แล้ว”
บิลเช็ดเบียร์ที่เลอะบนหนวดเคราของเขาด้วยแขนเสื้อ
เงินที่หนูหาได้เอง
ใบหน้าของเลย์ลาค่อยๆ สว่างขึ้น
“ยินดีต้อนรับสู่โลกของผู้ใหญ่ เลย์ลา”
บิลหั่นเนื้อชิ้นใหญ่และวางบนจานของเด็กน้อย
“ผู้ใหญ่? หนูเนี่ยนะ?”
“ถ้าเธอหาเงินได้เอง เธอก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ และนั่นคือสิ่งที่เธอทำ”
“แต่หนูหาเงินได้แค่เหรียญทองเดียวเอง
“มีคนแก่หลายคนที่ยังหาเงินไม่ได้สักเหรียญเดียวในโลกนี้เลยนะ ดังนั้นเธอเริ่มต้นได้ดีมากแล้ว เพราะเธอเริ่มต้นได้ดี เธอจะต้องโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีแน่ๆ”
บิลวางขนมปังและผักอบลงบนจานของเลย์ลาเป็นกอง
“ลุงคะ มันเยอะเกินไป”
ดวงตาของเลย์ลาเบิกกว้างเมื่อเห็นอาหารจำนวนมากในจานของตัวเอง
“เธอกินน้อยเหมือนนกมาหลายวันแล้ว กินเยอะๆ หน่อย”
“แต่…”
“รู้ใช่ไหมว่าฉันชอบเด็กที่กินเยอะเหมือนวัว”
เลย์ลาหัวเราะออกมา
“ลุงคะ ถ้าหนูกินเก่ง หนูจะตัวโตกว่านี้มากใช่ไหมคะ”
“ก็น่าจะอย่างนั้นนะ ทำไมล่ะ มีใครรังแกเธอเพราะตัวเตี้ยงั้นหรือ”
“ไม่เชิงค่ะ แต่หนูคิดว่าหนูดูเด็กเกินไป มันทำให้หนูไม่สบายใจ”
ก็เพราะเธอยังเป็นเด็กอยู่น่ะสิ บิลหยุดตัวเองไม่ให้พูดความจริงที่ชัดเจนนี้ออกมา
เลย์ลาเริ่มหั่นเนื้อในจานอย่างคล่องแคล่ว
สำหรับบิล ดูเหมือนว่าเลย์ลาจะโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ร่างกายของเด็กน้อยไม่ผอมเหมือนแท่งเหล็กอีกต่อไป เธอสวยขึ้นมาก โครงร่างเล็กและบอบบางเหมือนนก ทำให้เธอไม่น่าจะเติบโตเป็นคนที่มีร่างกายใหญ่โต มีแต่จะเติบโตเป็นหญิงสาวงดงามมากผู้หนึ่ง
บิลประหลาดใจเมื่อเขาพบว่าตัวเองกำลังชื่นชมความงามของเลย์ลาและส่ายหัวเพื่อดึงสติกลับมา
สำหรับผู้หญิงที่ฐานะยากจน ความงามก็ไม่ต่างจากยาพิษ พวกเธอมักจะต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ นั่นคือเหตุผลที่บิลตัดสินใจที่จะส่งเด็กน้อยไปยังสถานที่ที่เขาสามารถไว้ใจได้ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ใช่สถานที่ที่เขาเชื่อใจได้ทั้งหมด เพราะเขาเชื่อว่ามันเป็นที่ที่เหมาะในการทำลายชีวิตเด็กเสียมากกว่า
โลกที่ชั่วร้าย มนุษย์ที่ชั่วร้าย
บิลดื่มเบียร์ที่เหลือจนหมดขณะที่สาปแช่งชื่อของผู้ที่ทิ้งเด็กไว้ในความดูแลของเขา เป็นการยากที่จะเข้าใจว่าทำไมความกังวลเหล่านี้จึงฝังอยู่ในชีวิตของบิล เรมเมอร์ เขาปรารถนาวันเวลาที่ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้จะกลับมาอีกครั้ง
“ลุงคะ ถ้าหนูหาเงินได้ หนูก็ไม่ต้องอายที่จะใช้มันใช่ไหมคะ?”
เลย์ลาถามขณะที่เคี้ยวอาหารอย่างละเอียด
“แน่นอน ทำไมล่ะ เธออยากได้อะไรหรือ”
“สมุดของหนูหมดแล้วค่ะ หนูอยากซื้อใหม่”
“เอาเลย”
“หนูซื้อดินสอสีด้วยได้ไหมคะ”
“แน่นอน”
“ลุงอยากได้อะไรไหมคะ”
“ทำไมล่ะ เธอคิดจะซื้ออะไรให้ฉันด้วยหรือ”
“ใช่ค่ะ”
“ถ้าฉันขออะไรที่แพงล่ะ”
ใบหน้าของเลย์ลาจริงจังขึ้น ทุกครั้งที่เด็กหญิงเอาจริงเอาจัง ดวงตาของเธอจะเข้มและกว้างขึ้น ซึ่งทำให้เธอดูสวยยิ่งขึ้น
บิลหัวเราะเสียงดังขณะที่เขาเติมน้ำแอปเปิ้ลลงในแก้วของเด็กน้อย
เลย์ลายกแก้วขึ้นและส่งสัญญาณให้บิลชนแก้วกับเธอ บิลยินดีที่จะชนแก้วของเขากับแก้วของเด็กน้อยที่ยื่นออกมา แล้วเลย์ลาก็ดื่มน้ำแอปเปิ้ลหมดแก้วในครั้งเดียว
บิลเริ่มกังวลว่าเด็กน้อยอาจจะเริ่มเลียนแบบพฤติกรรมการดื่มของเขา
เขาส่ายหัวกับความคิดที่ว่าเลย์ลาจะกลายเป็นขี้เมา
ฉันจะยอมให้วันนี้วันเดียวเท่านั้นนะเด็กน้อย
บิลโน้มน้าวตัวเอง
วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ และในช่วงเวลานั้น บิลคิดถึงเหตุผลที่เขาไม่สามารถเลี้ยงดูเลย์ลาได้และสงสัยว่าจะส่งเด็กคนนี้ไปที่ไหนดี
เลย์ลา เด็กน้อยที่น่ารักและยุ่งยากวุ่นวายซึ่งปรากฏตัวในชีวิตของเขาอย่างกะทันหัน
ในช่วงเวลาที่บิลยังคงสงสัยไม่สิ้นสุด เลย์ลาก็เติบโตขึ้นทุกวัน
เสื้อผ้าใหม่ที่บิลซื้อให้เลย์ลากลายเป็นสั้นมากจนเผยให้เห็นน่องสีขาวนวลของเธอ ห้องที่เหมือนคลังสินค้าที่เคยถูกจัดไว้สำหรับให้เลย์ลาอาศัยชั่วคราวก็แปรเปลี่ยนไปเป็นห้องของผู้หญิงเต็มตัว เด็กน้อยที่เคยกระโดดโลดเต้นไปตามเส้นทางในป่า บัดนี้เติบโตเป็นสาวน้อยที่ก้าวเดินอย่างนุ่มนวลราวกับลอยบนผิวน้ำ
บิลนั่งอยู่บนเก้าอี้ใต้ระเบียงมองเลย์ลาด้วยสีหน้างุนงง หญิงสาวที่ถือกระเช้าหวายเต็มไปด้วยราสเบอร์รี่กำลังโบกมือให้เขา
“ลุงคะ วันนี้กลับมาเร็วจัง”
เลย์ลาวิ่งมาหาเขาอย่างเบาๆ ราวกับกำลังเต้น ผมบลอนด์ที่น่าดึงดูดของเธอที่ถูกรวบเป็นเปียเส้นเดียวสั่นไหวใต้ขอบหมวกฟางใบกว้าง แก้มแดงทั้งสองของเธอสดใสเหมือนดอกกุหลาบพันธุ์ใหม่ที่บิลเพิ่งปลูก
“เข้าไปในป่าอีกแล้วสินะ”
“ใช่ค่ะ วันนี้เก็บได้เยอะเลยว่าไหมคะ”
เลย์ลายกตะกร้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
“พรุ่งนี้หนูจะไปเก็บอีก หนูวางแผนจะทำแยมราสเบอร์รี่เยอะๆ”
“เธอจะเปิดธุรกิจหรือไง”
“นั่นก็ไม่เลวเหมือนกันค่ะ”
เลย์ลายิ้มสดใสขณะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ บิล บิลสังเกตเห็นทันทีว่ามีเก้าอี้สองตัวบนระเบียง และไม่ใช่แค่เก้าอี้สองตัว ก่อนที่เขาจะรู้ตัว เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดในกระท่อมถูกจัดเตรียมสำหรับสองคน ถึงแม้ว่าบิลยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับเลย์ลา
เลย์ลาวางตะกร้าลงบนพื้นและค้นหาลูกพีชป่าจากในนั้น เธอยื่นลูกพีชให้บิล บิลรับลูกพีชมาอย่างเป็นธรรมชาติ แบ่งครึ่งแล้วส่งส่วนที่ดูดีให้เลย์ลา
ทั้งสองนั่งเคียงข้างกันและชมป่าไปพร้อมกับกินลูกพีช เสียงใบไม้ที่พัดผ่านท้องฟ้าสดใสทำให้จิตใจเบิกบาน และเสียงนกร้องจากที่ไกลๆ ใสแจ๋วเหมือนเสียงของเลย์ลา
“อีกครั้งที่ฤดูร้อนมาเยือน”
บิลพึมพำโดยไม่รู้ตัว เลย์ลายิ้มเงียบๆ และถอดหมวกออกก่อนจะเหยียดแขนอย่างเกียจคร้าน เมื่อบิลเห็นกระเป๋าหนังเก่าๆ ที่ยาวลงไปถึงใต้เข่าของเลย์ลา เขาหัวเราะเสียงดัง กระเป๋าใบนั้นเป็นของขวัญชิ้นแรกที่เขาให้เธอในปีที่เธอมาถึง
“เธอคิดจะใช้เจ้าของเก่าจนกว่าจะสึกหรอเลยหรือไง”
“หนูชอบมันเพราะมันสบายดีค่ะ มันยังมีประโยชน์อยู่”
เลย์ลายกกระเป๋าขึ้นแล้วเขย่าแรงๆ บิลสามารถเดาเสียงกระทบกันได้อย่างง่ายดาย มันคือกล่องดินสอดีบุก มีดพก สมุดโน้ตเก่าๆ และขนนกกับกลีบดอกไม้สวยๆ หลายกลีบ ในบางแง่มุม เธอก็ยังไม่เปลี่ยนไปมากนัก
วันนี้เป็นเย็นธรรมดาวันหนึ่ง
บิลสับฟืนขณะที่เลย์ลานำผ้าที่แห้งออกมาและจัดระเบียบให้เรียบร้อย ขณะที่เธอเตรียมอาหารเย็นอย่างคล่องแคล่ว เธอก็ไม่ลืมให้อาหารไก่และแพะ เมื่อทั้งสองนั่งประจันหน้ากันจากฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ ดวงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว
“พรุ่งนี้ไคล์จะมาหาค่ะ พวกเราจะติวหนังสือด้วยกันแล้วก็ทานข้าวเย็นด้วยกัน ตกลงไหมคะ”
เลย์ลาถามขณะที่วางจานอาหารที่มีกลิ่นหอมเย้ายวนลงบนโต๊ะ
"ทำไมไอ้เด็กนั่นถึงชอบมากินข้าวบ้านฉันนักนะ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีพ่อที่รวยจะตายคอยเลี้ยงอยู่แล้ว"
"ถึงลุงจะพูดแบบนั้น แต่หนูรู้ว่าลุงชอบเขา”
"โชคร้ายจริงๆ"
บิลพ่นลมออกจมูกอย่างไม่พอใจ เลย์ลาหัวเราะเบาๆ ขณะที่วางแก้วเบียร์ที่เติมไม่เต็มแก้วตรงหน้าบิล
"อะไรเนี่ย ทำไมไม่เต็มแก้วล่ะ"
"ลุงควรลดการดื่มเพื่อสุขภาพบ้าง"
"ไอ้เด็กตะกละนั่นบอกเธอมาสินะ"
"ลุงคะ!"
"เจ้าหนุ่มไม่ได้เรื่องนั่น"
บิลบ่นพึมพำ แต่เขาก็ไม่ได้โต้แย้งคำพูดของเลย์ลา
ค่ำคืนดำเนินไปพร้อมกับมื้อเย็นที่อบอุ่น เลย์ลาอาบน้ำอย่างสบายใจหลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้วจึงกลับไปที่ห้องของเธอ แม้ว่าเธอจะง่วง แต่เธอก็ตัดสินใจเปิดโคมไฟและนั่งลงที่โต๊ะ การสอบใกล้เข้ามาแล้ว และความสุขในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนของเธอก็ขึ้นอยู่กับผลสอบนั้น
เสียงนกร้องในยามค่ำคืนถูกพัดพาไปตามสายลม เสียงดินสอที่ขีดเขียนลงบนกระดาษก้องอยู่ในห้อง
เลย์ลาที่ตั้งใจเรียนมาเป็นเวลานาน ปล่อยดินสอหลุดมือไป ไม่สามารถทนต่อความเมื่อยล้าของสายตาและอาการปวดศีรษะเบาๆ ที่เข้ามาได้ สายตาของเธอที่ไม่ค่อยดีตั้งแต่แรก ดูเหมือนจะแย่ลงกว่าเดิม ตั้งแต่เธอยังเด็ก เธอต้องหรี่ตาเพื่อมองเห็นให้ชัดเจน
เลย์ลาดับไฟและล้มตัวลงนอนบนเตียง เธอเกือบจะบรรลุเป้าหมายในการสั่งตัดแว่นตาสำหรับเธอแล้ว
แยมราสเบอร์รี่ยี่สิบขวด ไม่สิ ควรจะเป็นสามสิบขวดดีไหมนะ?
ไม่ว่าจะยังไง มันก็ไม่ไกลเกินเอื้อมเกินไปนัก
แม้ว่าเธอจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยบอกกับลุงบิล แต่เธอกลัวว่าจะเป็นการเพิ่มภาระให้เขา เขาได้มอบหลายสิ่งหลายอย่างให้เธอมากมายจนเธอไม่สามารถตอบแทนได้หมดแล้ว
เมื่อเขาประกาศว่าจะส่งเลย์ลาไปโรงเรียน ผู้คนส่วนใหญ่ต่างหัวเราะเยาะเขา พวกเขาบอกว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะให้การศึกษากับเด็กกำพร้า พวกเขาบอกว่าเมื่อโตขึ้นเธอก็คงต้องกลายเป็นสาวใช้ของตระกูลเฮอร์ฮาร์ด แต่บิลยืนกรานในคำพูดของเขา เขาพูดกับเธอทุกวันว่า "เลย์ลา เธอจะโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้แน่ๆ"
อาการปวดหัวของเลย์ลาเริ่มบรรเทาลงเมื่อเธอหลับตา เธอพยายามที่จะนอนหลับ แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ จิตใจของเธอก็ยิ่งกระจ่างชัดขึ้น ในคืนเช่นนี้ ความคิดประหลาดๆ เริ่มเข้ามาเติมเต็มจิตใจที่ว่างเปล่าของเธอเหมือนเช่นปกติ
การกลับมาของนก แผนการสำหรับฤดูร้อนนี้ และผู้ต้องสงสัยในนวนิยายลึกลับที่น่าสนใจในหนังสือพิมพ์รายวัน และดยุคเฮอร์ฮาร์ด
เมื่อชื่อเขาเข้ามาในความคิด เลย์ลาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ท่ามกลางความมืดมิดที่คุ้นเคย เธอสามารถมองเห็นทิวทัศน์นอกหน้าต่างได้
กิ่งไม้ที่ไหวโยกเล็กน้อย ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ส่องแสงอยู่เหนือกิ่งไม้เหล่านั้น ดวงจันทร์และดวงดาว
เธอจ้องมองแสงสีขาวที่พร่ามัวจากระยะไกล เผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
ดยุคซึ่งจบการศึกษาจากวิทยาลัยได้รับการแต่งตั้งเป็นนายทหารหลังจากสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนทหารหลวงตามประเพณีของตระกูล เขาไม่ได้กลับมาเยือนที่ดินนี้หลายปีแล้วเพราะถูกส่งไปประจำการที่ชายแดนต่างประเทศ ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขสำหรับทั้งเลย์ลาและนกในป่า
แต่ในฤดูร้อนนี้ เขากำลังจะกลับมา
เจ้าแห่งอาร์วิส ดยุคเฮอร์ฮาร์ด
และนี่ก็เป็นจุดสิ้นสุดของเลย์ลาในวัย 12 ปี
ตอนนี้ดยุคกลับมาแล้ว และเลย์ลาก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว เรื่องราวที่แท้จริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น