พิชิตศัตรูสิ้น สยบใต้หล้า เจียงฮ่าวเริ่มต้นจากศิลปะการต่อสู้สู่วิถีเซียนด้วยพรสวรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด!
พิชิตศัตรูสิ้น สยบใต้หล้า เจียงฮ่าวเริ่มต้นจากศิลปะการต่อสู้สู่วิถีเซียนด้วยพรสวรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด!
บทที่ 4 พรสวรรค์อันน่าสะพรึงกลัว!
จ้าวเฮยถ่ากำลังสอนศิษย์ชั้นในหลายคนอยู่ภายในห้องฝึกยุทธ
ในสำนักเฮยถ่า มีเพียงศิษย์ชั้นในเท่านั้นที่จะได้รับคำแนะนำจากจ้าวเฮยถ่าอยู่เป็นประจำ
ส่วนศิษย์ชั้นนอกหรือลูกศิษย์ทั่วไปของสำนัก มักจะได้รับการสอนจากศิษย์ที่จ้าวเฮยถ่ามอบหมายให้เป็นผู้ฝึกสอนซึ่งเขาเองไม่ได้สอนศิษย์เหล่านั้นโดยตรง
"ท่านอาจารย์"
เจียงฮ่าวมาถึงห้องฝึกยุทธและได้เห็นศิษย์พี่น้องหลายคนกำลังฝึกวิชา
"เจียงฮ่าว เจ้าฝึกวิชาบ่มเพาะสายเลือดธารามาตลอดทั้งบ่ายคงจะรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวสินะ? นั่นน่ะเป็นเรื่องปกติ ทุกคนที่ได้ฝึกครั้งแรกต่างก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น"
"แต่เจ้าอย่าเพิ่งได้ยอมแพ้ไป เจ้าจะต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและต้องกลับไปฝึกฝนต่อเมื่อเจ้ามีเวลา"
"กระดูกของเจ้านั้นดังถึงสิบสามครั้ง ถือว่าเจ้ามีกระดูกที่ไม่เลว ดังนั้นหากฝึกฝนไปเรื่อยๆอีกไม่กี่วันเจ้าก็น่าจะบ่มเพาะเลือดได้สำเร็จ"
จ้าวเฮยถ่าเห็นว่าเจียงฮ่าวเหงื่อท่วมตัว หอบหายใจ คงอาจเป็นเพราะพยายามฝึกฝนมาอย่างหนัก
ใครก็ตามที่ฝึกวิชาบ่มเพาะเลือดครั้งแรก ต่างก็จะรู้สึกไม่คุ้นเคยและปวดเมื่อยไปทั้งตัว
แต่เขาเองก็ไม่อยากให้เจียงฮ่าวท้อแท้เพียงเพราะความเจ็บปวด ดังนั้นจึงให้กำลังใจเจียงฮ่าวไป
"ท่านอาจารย์ ข้ารู้ว่าเหมือนข้าจะบ่มเพาะเลือดสำเร็จแล้ว..."
เจียงฮ่าวรู้ว่าอาจารย์ของเขากำลังเข้าใจผิด ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาตรงๆ
….
ห้องฝึกยุทธที่เมื่อครู่ยังมีเสียงดัง ตอนนี้กลับเงียบสงัด
เหล่าศิษย์พี่ที่กำลังฝึกซ้อมและประลองยุทธ ต่างหันมามองเจียงฮ่าวด้วยความตกใจ
สีหน้าของพวกเต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างมาก
เมื่อกี้นี้พวกเขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม?
เจียงฮ่าวบ่มเพาะเลือดสำเร็จแล้วงั้นหรือ?
นี่มันผ่านไปนานแค่ไหนกัน?
แค่สามชั่วยามเองไม่ใช่หรือ?
"ฟุ่บ!"
จ้าวเฮยถ่าลุกขึ้นทันที เขาจ้องมองไปที่เจียงฮ่าวด้วยสายตาเป็นประกายและเสียงสั่นเล็กน้อย "เจียงฮ่าว เจ้าว่าอะไรนะ? เจ้าบ่มเพาะเลือดสำเร็จแล้วงั้นรึ?"
เจียงฮ่าวเห็นปฏิกิริยาของทุกคนจึงรู้ทันทีว่าการที่เขาบ่มเพาะเลือดสำเร็จด้วยเวลาเพียงเท่านี้คงจะเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก
"ท่านอาจารย์ ท่านลองตรวจดูให้ข้าก็ได้ แม้แต่ข้าเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน..."
พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์
เจียงฮ่าวจึงให้จ้าวเฮยถ่าตรวจสอบด้วยตัวเองไปเลยดีกว่า
"ถ้าอย่างนั้น เจ้าลองเคลื่อนเลือดลมปราณของเจ้าให้ข้าดูที"
จ้าวเฮยถ่าจับมือเจียงฮ่าว
เจียงฮ่าวเริ่มทำการเคลื่อนเลือดลมปราณ
เมื่อเลือดลมปราณเคลื่อนที่ เลือดลมปราณในร่างกายเขาก็เริ่มเหมือนแม่น้ำสายใหญ่ที่ส่งเสียงดัง "ครืน ครืน" อย่างต่อเนื่อง
จริงๆแล้วเสียงนั้นเบามาก หากไม่ตั้งใจฟังก็แทบจะไม่ได้ยิน
แต่ห้องฝึกยุทธในตอนนี้เงียบมาก ดังนั้นทุกคนจึงต่างได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน
"เลือดลมปราณที่เหมือนกระแสน้ำไหลเชี่ยวราวกับแม่น้ำใหญ่ เจ้าบ่มเพาะสายเลือดได้แล้วจริงๆ"
"นอกจากนี้ เลือดลมปราณของเจ้า...มันยังทรงพลังมากอีกด้วย!"
"เพียงแค่สามชั่วยาม เลือดลมปราณที่บ่มเพาะได้ก็แข็งแกร่งขนาดนี้แล้วงั้นรึ? ดูเหมือนว่าร่างกายของศิษย์น้องจะแข็งแรงและกินยาบำรุงมาเยอะตั้งแต่เด็กเป็นแน่"
"แน่นอนอยู่แล้ว ศิษย์น้องเป็นนายน้อยของตระกูลเจียง ด้วยฐานะของตระกูลเจียง การบ่มเพาะร่างกายให้แข็งแกร่งขนาดนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก"
"แต่นี่มันก็น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ข้าจำได้ว่าศิษย์พี่ที่สามยังต้องใช้เวลาถึงสองวันในการบ่มเพาะเลือดจนสำเร็จได้ ซึ่งนั่นถือว่าเป็นสถิติที่เร็วที่สุดในบรรดาพวกเราแล้ว แต่ศิษย์น้อง…กลับใช้เวลาเพียงแค่สามชั่วยามงั้นรึ?”
"พรสวรรค์ของศิษย์น้องช่างเกินจินตนาการจริงๆ ครั้งนี้สำนักเราได้ยอดศิษย์เข้ามาเพิ่มแล้ว..."
เหล่าศิษย์ชั้นในต่างตกใจและตื่นเต้น
ซึ่งรวมเจียงฮ่าวแล้ว ศิษย์ชั้นในของสำนักเฮยถ่ามีเพียงแค่เก้าคนเท่านั้น
จริงๆแล้วภายในสำนักเองก็ไม่ได้มีการแข่งขันอะไรมากนัก
เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่า ด้วยฐานะของเจียงฮ่าวคง เขาไม่ได้หยุดแค่ที่สำนักเฮยถ่าเท่านั้น
แต่ยิ่งเจียงฮ่าวมีพรสวรรค์มากเท่าไหร่ อนาคตของเขาก็ยิ่งสูงส่งและยิ่งเป็นผลดีต่อพวกเขามากขึ้นเท่านั้น
เพราะพวกเขาก็ถือว่าเป็ศิษย์พี่ของเจียงฮ่าว!
"ฮ่าๆๆ ๆในที่สุดข้าก็ได้พบกับมณีอันล้ำค่าเข้าให้แล้ว!"
จ้าวเฮยถ่าเองก็ดีใจมาก
"เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ พวกเจ้ากลับไปได้ส่วนเจียงฮ่าวจะต้องอยู่กับข้าต่อ"
เหล่าศิษย์ที่ได้ยินดังนั้นจึงรู้ทันทีว่าอาจารย์จะ "ติวเข้ม" ให้กับเจียงฮ่าว
แต่นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
เพราะพวกเขาก็เคยผ่านสถานการณ์แบบนี้มาก่อน
ดังนั้นพวกเขาจึงแสดงความยินดีกับเจียงฮ่าวแล้วออกจากสำนักไป
ไม่นานหลังจากนั้น ในห้องฝึกยุทธก็เหลือเพียงเจียงฮ่าวและจ้าวเฮยถ่า
จ้าวเฮยถ่าจ้องมองไปที่เจียงฮ่าวและถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "เจียงฮ่าว เจ้าเคลื่อนเลือดลมปราณไปได้กี่รอบแล้วในห้องฝึก?"
"เก้ารอบขอรับ"
"เคลื่อนได้เก้ารอบก็ถือว่าก้าวเข้าสู่ขั้นหลอมเลือดชั้นที่หนึ่งแล้ว ไม่แปลกใจจริงๆที่เลือดลมปราณของเจ้าจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้..."
จ้าวเฮยถ่าครุ่นคิด
การบ่มเพาะเลือดได้ภายในหนึ่งวันก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนอื่นที่ทำแบบนี้ได้
แต่การที่บ่มเพาะเลือดได้ภายในหนึ่งวันแล้วยังเคลื่อนได้เก้ารอบเพื่อก้าวเข้าสู่ขั้นหลอมเลือดชั้นที่หนึ่งนั้นไม่เหมือนกัน
มันเป็นคนละเรื่องกันเลย
ยิ่งไปกว่านั้น เจียงฮ่าวเองก็ยังไม่ได้ไปถึงขีดจำกัด
"เจียงฮ่าว เจ้าเคลื่อนเลือดลมปราณอยู่ที่นี้ก่อน ข้าจะให้คนไปแจ้งท่านเจียงว่าวันนี้เป็นวันแรกที่เจ้าฝึกยุทธ ดังนั้นข้าจะดูแลเจ้าและเจ้าอาจจะต้องกลับช้าสักหน่อย"
"จงจำไว้ ใช้พลังทั้งหมดในการเคลื่อนเลือดลมปราณของเจ้าจนกว่าร่างกายของเจ้าจะทนไม่ไหว ข้าจะดูว่าขีดจำกัดของเจ้านั้นอยู่ที่เท่าไหร่!"
จ้าวเฮยถ่าให้ศิษย์คนอื่นกลับไปก็เพื่อดูขีดจำกัดของเจียงฮ่าว
"ขอรับท่านอาจารย์"
เจียงฮ่าวจึงเริ่มเคลื่อนเลือดลมปราณต่อ
หนึ่งรอบ สองรอบ สามรอบ สี่รอบ ห้ารอบ...
เวลาค่อยๆผ่านไปทีละน้อย
ผ่านไปเกือบสองชั่วยาม ในที่สุดเจียงฮ่าวหยุดลง
เขารู้สึกว่าทั้งร่างกายจนไปถึงแม้แต่ปลายนิ้วของเขาไม่สามารถขยับได้อีกต่อไป
เจียงฮ่าวลงไปนอนหอบหายใจอยู่พักใหญ่บนพื้น
"ท่านอาจารย์…ถึงขีดจำกัดของศิษย์แล้วขอรับ"
"เจ้าเคลื่อนไปได้กี่รอบงั้นรึ?"
"ศิษย์เคลื่อนไปได้อีกประมาณสิบเอ็ดรอบขอรับ"
เจียงฮ่าวตอบไปตามความจริง
"สิบเอ็ดรอบรึ... ถ้ารวมกับเก้ารอบก่อนหน้าก็เท่ากับยี่สิบรอบ!"
จ้าวเฮยถ่าตกใจ
ยี่สิบรอบ!
นี่มันมากเกินไปแล้ว!
นักศิลปะการต่อสู้ขั้นหลอมเลือดที่มีพรสวรรค์ธรรมดา พวกเขาสามารถเคลื่อนเลือดลมปราณได้สองถึงสามครั้งต่อวันเท่านั้น
แต่เจียงฮ่าวล่ะ?
เขาสามารถเคลื่อนเลือดลมปราณได้ถึงยี่สิบรอบซึ่งมากกว่าคนทั่วไปถึงเจ็ดเท่า!
"เจียงฮ่าว เรื่องที่เจ้าเคลื่อนเลือดลมปราณได้ถึงยี่สิบรอบต่อวัน เจ้าอย่าได้เอาไปบอกใครเด็ดขาด!"
“ทำไมหรือขอรับ?"
เจียงฮ่าวสงสัยมาก
"เจียงฮ่าว เจ้านั้นยังเด็กเกินไปและยังไม่รู้ถึงความร้ายกาจของจิตใจมนุษย์ เอาเป็นว่าเจ้าจงฟังคำของข้าเอาไว้ก็พอ"
"คนทั่วไปที่ฝึกยุทธ วันหนึ่งจะเคลื่อนเลือดลมปราณได้แค่สองถึงสามรอบ ส่วนคนที่มีพรสวรรค์ขึ้นมาจะเคลื่อนเลือดลมปราณห้าถึงหกครั้ง แม้แต่ทู่ฝูเทียนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักใหญ่หลายแห่ง ก็ยังเคลื่อนเลือดลมปราณได้เพียงเก้ารอบต่อวันเท่านั้น"
"แต่เจ้ากลับเคลื่อนเลือดลมปราณได้ถึงยี่สิบรอบต่อวันโดยที่ยังไม่ได้ใช้น้ำยาแช่ตัวด้วยซ้ำ หากเจ้าใช้น้ำยาแช่ตัวด้วย จำนวนรอบที่เจ้าเคลื่อนเลือดลมปราณได้ก็จะเพิ่มขึ้นอีก การเคลื่อนเลือดลมปราณแต่ละรอบจะทำให้เลือดลมปราณของเจ้าเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่า ความเร็วในการเพิ่มเลือดลมปราณของเจ้าอย่างน้อยก็มากกว่าทู่ฝูเทียนถึงสองเท่า!"
"ด้วยพรสวรรค์เช่นนี้ เจ้าเองก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะแม้ว่าจะอยู่ในสำนักหวงเทียนแล้วก็ตาม!"
แววตาของเจียงฮ่าวเริ่มเป็นประกาย
"ท่านอาจารย์ แล้วศิษย์จะได้เข้าสำนักหวงเทียนไหมขอรับ?"
เป้าหมายของเจียงฮ่าวนั้นคือการเข้าร่วมกับสำนักหวงเทียนมาโดยตลอด
จ้าวเฮยถ่าเองก็รู้เรื่องนี้ดี
ดังนั้น จ้าวเฮยถ่าจึงไม่ได้โกหกอะไรกับเขา
"ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า แน่นอนว่าเจ้าสามารถเข้าสำนักหวงเทียนได้"
"แต่ตอนนี้เจ้ายังเด็กเกินไปและเพิ่งเข้าสู่ขั้นหลอมเลือด การได้เข้าสำนักหวงเทียนตอนนี้เจ้าก็ได้เป็นแค่ศิษย์ชั้นนอกและไม่ได้รับทรัพยากรด้านการฝึกฝนอะไรมากนัก"
"เจ้าควรจะอยู่ที่สำนักเฮยถ่าอย่างสบายใจไปก่อน เพราะเจ้าเองก็มีข้าคอยสั่งสอนอย่างใกล้ชิด แน่นอนว่ามันดีกว่าไปอยู่เป็นศิษย์ชั้นนอกของสำนักหวงเทียนมาก รอจนเจ้าเข้าสู่ขั้นหลอมจิตได้เสียก่อนแล้วข้าจะใช้สิทธิ์ในการแนะนำเพื่อส่งเจ้าไปที่สำนักหวงเทียน และให้เจ้าได้เป็นศิษย์ชั้นในได้โดยตรง!"
"เพราะมีเพียงศิษย์ชั้นในเท่านั้นที่ถือได้ว่าเป็นศิษย์ที่แท้จริงของสำนักหวงเทียน!"
เจียงฮ่าวครุ่นคิด
เขารู้ว่าบรรพบุรุษของจ้าวเฮยถ่าเคยเป็นผู้มีตำแหน่งสูงในสำนักหวงเทียน จึงรู้เรื่องราวของสำนักหวงเทียนเป็นอย่างดี
ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
"ข้าเช่นนั้น ศิษย์จะทำตามที่อาจารย์จัดการขอรับ"
"จริงสิ ข้ามีสูตรน้ำยาแช่ตัวอยู่สูตรหนึ่ง เจ้าจงนำกลับไปให้ท่านเจียงจัดการแช่ตัวให้เจ้าทุกวันด้วย สมุนไพรในสูตรนี้มีราคาแพงมาก แต่ข้าคิดว่าตระกูลเจียงของเจ้านั้นคงไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องนี้"
"นอกจากนี้ เจ้าสามารถเสริมพลังด้วยอาหารบำรุงอย่างเช่น โสมร้อยปี ก็ได้ หากเจ้าไม่เสียดายเงิน ยิ่งกินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี"
"ขั้นหลอมเลือดนั้นถือว่าเป็นขั้นในการสร้างพื้นฐานและเน้นไปที่การบำรุงเลือดลมปราณ ยิ่งเลือดลมปราณแข็งแกร่งก็ยิ่งดี และการแช่ตัวกับการทานอาหารบำรุงต่างๆก็ล้วนช่วยเพิ่มพลังเลือดลมปราณของเจ้าได้ทั้งสิ้น"
เจียงฮ่าวรับสูตรน้ำยาแช่ตัวมา
สูตรแบบนี้จริงๆแล้วมันมีค่ามาก
แต่จ้าวเฮยถ่ามอบให้เจียงฮ่าวก็เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และศิษย์
"ขอบคุณมากขอรับท่านอาจารย์"
เจียงฮ่าวถือสูตรน้ำยาแช่ตัวแล้วออกไปจากสำนัก
ด้านนอกสำนัก มีสาวใช้ชื่อตู้เจวียนกำลังรอเขาอยู่แล้ว
เจียงฮ่าวพยายามฝืนตัวเองเอาไว้ขณะที่ยังอยู่ในสำนัก และตอนนี้เมื่อเขาได้เห็นตู้เจวียน เจียงฮ่าวจึงทรุดตัวลงทันทีและล้มลงในอ้อมกอดของตู้เจวียน
เขาในตอนนี้ไม่อยากขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
"รีบนำสูตรน้ำยาแช่ตัวนี้ไปให้พ่อบ้านเตรียมน้ำยาแช่ตัวให้ข้าที"
"ค่ะ นายน้อย"
ตู้เจวียนรีบอุ้มเจียงฮ่าวขึ้นรถม้าและมุ่งหน้ากลับสู่จวนตระกูลเจียงอย่างรวดเร็ว…