เมื่อหูชื่อเหวินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นปี1970แล้วเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นรูมเมทของแม่ ความตั้งใจในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะหาสามีใหม่ให้แม่เอง ส่วนพ่อที่ไม่เอาไหนนะเหรอ เตะเขาไปให้ไกลๆเลย!!
เมื่อหูชื่อเหวินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นปี1970แล้วเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นรูมเมทของแม่ ความตั้งใจในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะหาสามีใหม่ให้แม่เอง ส่วนพ่อที่ไม่เอาไหนนะเหรอ เตะเขาไปให้ไกลๆเลย!!
หยินเหวินกั๋วหันมามองเธอ คิ้วทรงดาบของเขาขมวดเข้าหากันแน่น จากนั้นก็จ้องหูชื่อเหวินด้วยดวงตาเย็นชาจนรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงกระดูก คมกริบราวกับลูกธนู!
เอ่อ… ทั้งสองมองจ้องหน้ากันอยู่ชั่วครู่ หูชื่อเหวินเบนสายตาหลบก่อน เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ใช้เท้าเขี่ยทรายเล่นเป็นวงกลมที่พื้น
หยินเหวินกั๋วหัวเราะหึในลำคอ เขาไม่สนใจหญิงสาวอีกต่อไป เขาเดินกลับไปที่รถไถนา ใช้ขายาวๆ ของเขาก้าวขึ้นไปได้อย่างง่ายดาย
คนที่เหลือเดินตามมาติดๆ
หูชื่อเหวินหันกลับไปมองหูเต๋อหลินอีกครั้งแล้วถอนหายใจอย่างปลงตก
พ่อของเธอนิสัยแย่มาก ช่างน่าผิดหวังเหลือเกิน เขาทำตัวเช่นนี้มาตั้งแต่ยังหนุ่มจนกระทั่งเขาเสียชีวิต…
ดูเหมือนว่าเธอจำเป็นจะต้องหาใครสักคนเข้าไปควบคุมชีวิตที่เหลวไหลของพ่อให้ได้!
ระหว่างทางกลับมายังที่พัก หูชื่อเหวินแอบมองแม่ของเธอจางหมิงเยี่ยนและหยินเหวินกั๋วซึ่งนั่งในที่เดิมของตัวเอง แต่ทั้งสองคนไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันเลย
หูชื่อเหวินเริ่มกังวลกับนิสัยขี้อายของแม่ขึ้นมาเสียแล้ว
นั่งใกล้กันขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังไม่ชวนคุยกันอีกละ? นี่เป็นโอกาสทองเชียวนะ
หยินเหวินกั๋วมองจากหางตาเขาเหลือบไปเห็นหูชื่อเหวินมีอาการกระวนกระวาย กวาดตามองไปรอบๆ อย่างเป็นกังวล ทั้งถูมือและเขย่าขาของตัวเองไปมา
มันแน่อยู่แล้วว่าเธอกำลังคิดเรื่องอะไร ช่างโชคดีที่เขาเลือกที่นั่งห่างจากเธอ ในอนาคตเขาจะต้องให้เว้นระยะให้ห่างกับผู้หญิงคนนี้ เธอจะได้ไม่สร้างปัญหาอะไรก็ตามก่อนที่จะกลับเข้าเมือง
“หยุดข้างหน้านี่ล่ะ! ฉันจะลง” หยินเหวินกั๋วพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“เฮ้! แต่มันยังไม่ถึงเลยนะครับหัวหน้า” เติ้งกวงหรงหยุดรถไถแล้วหันไปมองเขาอย่างแปลกใจ
“ฉันมีธุระต้องไปทำ”
หยินเหวินกั๋วใช้ขายาวๆ ของเขาก้าวลงไปลงจากรถไถ อย่างคล่องแคล่ว
เติ้งกวงหรงมองไปรอบๆ หัวหน้าไม่ได้ลงที่หน้าหมู่บ้านและบริเวณนี้ก็ยังอยู่ไกลจากหมู่บ้านมากนัก เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?
หรือว่าเขาต้องการความเป็นส่วนตัว? เขาอาจจะอายเกินไปที่จะพูดต่อหน้าหญิงสาวเหล่านี้หรือเปล่า?
จู่ๆ เติ้งกวงหรงรู้สึกว่าตัวเองได้ล่วงรู้ความลับที่น่ากลัวบางอย่างเข้าให้ ทันทีที่เท้าของหยินเหวินกั๋วแตะพื้นเขาก็รีบขับรถไถออกไปอย่างเร่งรีบทันที
หยินเหวินกั๋ว: “...”
หญิงสาวทั้งสามคน “...”
เวรละ! ตอนนี้เธอรู้สึกแย่มากจนเหมือนอยากจะอาเจียน หูชื่อเหวินพยายามแล้วจริงๆ ที่จะใช้จินตนาการว่ารถไถนาที่โยกไปมาจนหัวเธอสั่นคลอนคือรถสปอร์ตสุดหรู!
เมื่อหูชื่อเหวินลงจากรถไถที่หน้าประตูหอพัก ขาของเธอยังสั่นไม่หาย รวมไปถึงอาการวิงเวียนหูตาลาย
เมื่อเติ้งกวงหรงเห็น เขารู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา
“เอ่อ… สหายหูลี่อิง เมื่อกี้นี้ฉันขับรถเร็วไปหน่อย เธอเป็นอะไรไหม?”
“ไม่… อ่อก… ไม่เป็นไร!” หูชื่อเหวินเดินไปโดยมีหลี่เสวี่ยฉินช่วยพยุงและโบกมือลาให้เติ้งกวงหรง
หลี่เสวี่ยฉินและจางหมิงเหยียนคุ้นเคยกับการนั่งบนรถไถเป็นอย่างดี พวกเธอจึงไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร กลับกันพวกเขาคิดว่าหูลี่อิงยังมีอาการป่วยอยู่อาการเลยไม่ค่อยดี ทั้งสองคนจึงได้ช่วยกันประคองเธอเข้าไปในบ้านอย่างระมัดระวัง
“ลี่อิงเป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นหรือยัง?”
หลังจากเข้าที่พักแล้ว สาวๆ ทั้งสองต่างรุมถามด้วยความเป็นห่วง
หูชื่อเหวินรู้สึกดีขึ้นเธอเงยหน้าขึ้นมอง ทั้งสองคนมีผิวสีอมน้ำผึ้งเป็นสีแทนเล็กน้อย รอยยิ้มของทั้งคู่มีแต่ความจริงใจ ดวงตาฉายแววห่วงใยออกมาอย่างซื่อตรง เรียบง่าย
“ฉันเริ่มดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ขอพักสักวันสองวันนะระหว่างนี้ฉันจะทานยาไปด้วย” เสียงของหูชื่อเหวินแผ่วเบากว่าเดิม เธอนั่งลงโดยมีจางหมิงเหยียนช่วยเหลือ
“เชอะ! คนบางคนก็แค่หาโอกาสขี้เกียจเท่านั้นแหละ งานของเธอเป็นงานง่ายๆ อยู่แล้ว แต่กลับต้องการเวลาพักผ่อน คนอื่นไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออกก็ต้องทำงานหนักสายตัวแทบขาดกันทุกคน!”
น้ำเสียงเยาะเย้ยถากถางดังขึ้น
หูชื่อเหวินอยากรู้ว่าใครเป็นคนพูดเธอจึงหันไปมอง ผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อลายดอกสวมหมวกสานไม้ไผ่ คาดหน้าด้วยผ้าลายดอกจึงเห็นเพียงดวงตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
เฉินซูเฟิน!
ในความทรงจำของหูลี่อิงเจ้าของร่างเดิม เธอคนนี้คือผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับเธออย่างโจ่งแจ้ง
มีบางคนที่ได้รับผลประโยชน์จากเจ้าของร่างเดิมและบางคนก็กลัวที่จะเกิดปัญหาในอนาคตหลังจากที่กลับเข้าเมือง เพราะภูมิหลังของหูลี่อิงแข็งแกร่ง ดังนั้นพวกเธอจึงหลับหูหลับตายกย่องเจ้าของร่างเดิมโดยไม่สนใจอะไร เมื่อเจอเธอก็มักจะใช้คำเยินยอและยกย่องจนเกินจริงเสมอ
หูชื่อเหวินยังไม่หายจากอาการเมารถจึงไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไป
เป็นเพราะด้วยบุคลิกหน้าตาที่โดดเด่นของเจ้าของร่างเดิม ‘หูลี่อิง’ ย่อมเป็นไปได้ที่จะไปขัดหูขัดตาของใครบางคนเข้าเป็นธรรมดา หูชื่อเหวินไม่อยากคิดมาก
เธอจึงล้มตัวลงนอนโดยไม่สนใจเช่นกัน
เมื่อเฉินซูเฟินเห็นเช่นนั้น ก็รู้สึกว่าตัวเองได้ยั่วยุอีกฝ่ายพอสาแก่ใจแล้ว เธอจึงถือจอบเดินออกไปพร้อมกับครวญเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดี
หญิงสาวคนอื่นเองก็เริ่มหยิบเครื่องมือของพวกเธอและเดินออกไปทำงานเช่นกัน
“ลี่อิง อย่าไปใส่ใจเรื่องที่ซูเฟินพูดเมื่อกี้เลยนะ เธอควรพักผ่อนให้มากๆ พวกเราเองก็ได้เวลาที่จะต้องไปทำงานแล้ว คืนนี้หลังจากกลับมาพวกเราจะเอาอาหารเย็นมาให้นะ!” หลังจากหลี่เสวี่ยฉินพูดจบเธอกับจางหมิงเยี่ยนก็เปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบข้าวของแล้วก็ออกไป
ในที่พักรวมใหญ่ หูชื่อเหวินนอนอยู่คนเดียวบนเตียงคัง เธอจึงใช้โอกาสนี้สงบสติอารมณ์ เพื่อเรียบเรียงความทรงจำของหูลี่อิงและเรื่องราวของตนเองอยู่ในใจ
เหมือนกับเรื่องราวที่แม่เคยเล่าให้ฟัง แม่ของเธอกับหูลี่อิงเป็นคนที่มาจากเมืองเดียวกัน พวกเธอเรียนจบมัธยมทั้งคู่จึงมาที่ไร่แห่งนี้ในระยะเวลาที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน
ทั้งสองคนถูกเปรียบเทียบทันทีที่มาถึง แม่ของฉันจางหมิงเยี่ยนไม่ได้มีภูมิหลังที่ดีเท่าไหร่นักเพราะพ่อของเธอ (ตาของหูชื่อเหวิน) ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นเจ้าของที่ดินมีไร่นาให้คนเช่า
จางหมิงเยี่ยนเกิดมาเพียบพร้อมไปด้วย ใบหน้าที่สวยงามและความสามารถหลากหลายด้าน เธอร้องเพลงเก่ง ทำได้ดีทั้งวาดภาพและงานเขียนจึงถูกยกย่องจากเหล่ายุวชนว่าเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถมากคนหนึ่ง
ส่วนหูลี่อิงเจ้าของร่างเดิมนั้นไม่มีอะไรดีเลยนอกจากความสวยและภูมิหลังของครอบครัว พ่อของเธอเป็นเลขาของคณะกรรมการของพรรคเทศบาล เพราะอยากทำตัวเป็นบุคคลตัวอย่าง เจ้าของร่างเดิมจึงไม่ใช้เส้นสาย หลังจากจบการศึกษาจึงยื่นเรื่องขอมาที่ไร่เซิ่งหยางแห่งนี้เพื่อทำงานง่ายๆ
จนถึงตอนนี้ทั้งสองคนก็มาทำงานที่ไร่มาเกือบสี่ปีแล้ว ก็ยังตัดสินกันไม่ได้สักทีว่าระหว่างเธอกับจางหมิงเยี่ยนนั้นใครดีกว่ากัน
หูลี่อิงมั่นใจในตัวเอง เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวของที่บ้านพื้นฐานครอบครัวก็ไม่เลว พ่อแม่ของเธอและพี่ชายอีกสามคนต่างรักใคร่เอ็นดูเธอมาก เธอถูกเอาอกเอาใจจนมีนิสัยเสียมาตั้งแต่เด็กๆ เรียกได้ว่าเป็น ‘โรคเจ้าหญิง’นั่นแหละ
ก่อนหน้านี้พ่อของหูลี่อิงสัญญาว่า หากเธอสะสมประสบการณ์ในไร่สักสองสามปีจะหางานให้เธอในคณะกรรมการเทศบาลเมื่อเธอกลับไป
ดังนั้นในสายตาเจ้าของร่างเดิมจึงคิดว่าตัวเองดีกว่าจางหมิงเยี่ยนในทุกๆ ด้านลูกสาวของอดีตนายทุนจะมาคู่ควรเปรียบเทียบกับเธอได้อย่างไร
จางหมิงเยี่ยนจึงมักถูกขัดแข้งขัดขาและมีการกระจายข่าวลือแปลกๆ จากเจ้าของร่างเดิมเสมอตราบใดที่มีงานเลี้ยงในไร่หรือมีการแสดงอะไรก็แล้วแต่ เธอจะต้องเอาชนะจางหมิงเยี่ยนให้ได้
การเลือกนักร้องนำในครั้งนี้ก็เช่นกัน เดิมทีตำแหน่งนักร้องนำเป็นของเธอ แต่เนื่องจากการเป็นหวัดทำให้เสียงของเธอเกิดแหบขึ้นมา จึงมีคนแนะนำให้เปลี่ยนเอาจางหมิงเยี่ยนมาแสดงแทน หลินเจี่ยผู้รับผิดชอบในการซ้อมการแสดงจึงรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงร้องของจางหมิงเยี่ยน
กลายเป็นเพราะการขัดขวางของหูลี่อิงในหลายครั้งที่ผ่านมาประกอบกับนิสัยขี้อายของจางหมิงเยี่ยนและความไม่สู้คน เธอจึงไม่กล้าต่อกรกับใครหรือพยายามกระเสือกกระสนดิ้นรน จึงไม่มีใครรู้เลยว่าจางหมิงเยี่ยนสามารถร้องเพลงได้ดีมากขนาดนี้
หลังจากรู้ว่าเกิดการเปลี่ยนตัวในการแสดง หูลี่อิงก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟมาก เมื่อกลับไปที่หอพักเธอจึงอารมณ์เสีย อาการป่วยของเธอรุนแรงขึ้น มีไข้สูงติดต่อกันถึงสองวัน จนในที่สุดก็ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล
เมื่อนึกถึงเรื่องที่หูลี่อิงทำลงไป หูชื่อเหวินก็รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ หูลี่อิงคนนี้เป็นผู้หญิงนิสัยไม่ดีเธอไม่ต้องการเห็นใครดีกว่าตัวเอง!
แต่ตอนนี้เธอคือหูลี่อิงแล้ว เธอไม่มีทางปฏิบัติกับจางหมิงเยี่ยนเหมือนเมื่อก่อน ผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของเธอในชาติที่แล้ว
ในเมื่อพระเจ้าจับพลัดจับผลูส่งให้มาเกิดใหม่ในยุคนี้ เธอจะเปลี่ยนชะตากรรมอันเศร้าสลดของแม่ให้จงได้!
นับวันแล้วดูเหมือนอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่คุณตาขอให้ใครบางคนช่วยย้ายแม่กลับเข้าเมือง จากนั้นชะตากรรมที่เลวร้ายของแม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น