เมื่อหูชื่อเหวินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นปี1970แล้วเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นรูมเมทของแม่ ความตั้งใจในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะหาสามีใหม่ให้แม่เอง ส่วนพ่อที่ไม่เอาไหนนะเหรอ เตะเขาไปให้ไกลๆเลย!!
เมื่อหูชื่อเหวินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นปี1970แล้วเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นรูมเมทของแม่ ความตั้งใจในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะหาสามีใหม่ให้แม่เอง ส่วนพ่อที่ไม่เอาไหนนะเหรอ เตะเขาไปให้ไกลๆเลย!!
“ไปโรงบ่มสุรา”
เสียงที่คมเข้มชัดเจนของเขาดังขึ้น ทำให้จางหมิงเยี่ยนเกิดอาการตื่นตระหนกจนสั่นไปทั้งตัว หูชื่อเหวินเห็นท่าทางเช่นนั้นของแม่เธอเหมือนกันแต่ไม่ได้คิดมากอะไรนัก หนำซ้ำกลับรู้สึกว่าแม่ของเธอกำลังตัวสั่นจากการได้ยินเสียงของคนที่แอบชอบ
แน่นอนว่าเธอตัดสินใจแล้วว่าจะจับคู่ระหว่างแม่ของเธอกับหยินเหวินกั๋ว
“ได้ครับหัวหน้า! ท่าทางของคุณดูเหมือนจะรีบมาก เกิดอะไรขึ้นที่นั่นหรือ?” เติ้งกวงหรงถามขณะที่เริ่มติดเครื่องรถไถอีกครั้ง
“หูเต๋อหลิน”
หยินเหวินกั๋วเพียงเอ่ยชื่อของคนๆหนึ่งออกมาเท่านั้น
“อ๋อ…”
เติ้งกวงหรงเมื่อได้ยินคำตอบนี้ออกมาก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งในทันที หลังจากนั้นเขาก็ไม่คิดที่จะถามอะไรอีก
อะไรนะ? โรงบ่มสุรา? หูเต๋อหลิน? เดี๋ยวก่อน! นั้นมันพ่อที่แสนเสเพลและไม่เอาไหนของเธอใช่ไหม? ฉันจำได้ว่าตอนที่ยังเด็ก พ่อมักจะเล่าเรื่องราวของตัวเองซึ่งเป็นยุวชนให้ฟังอย่างภาคภูมิใจเสมอ ว่าตนเองในตอนนั้นค่อนข้างเกเรจนใครๆ ก็เอาไม่อยู่ พอแม่ได้ยินทีไร จะเยาะเย้ยพ่อทุกครั้งเช่นกัน
หลังจากได้ยินชื่อของหูเต๋อหลิน จางหมิงเยี่ยนก็เริ่มขมวดคิ้วขึ้นมา สีหน้าของเธอแสดงออกถึงความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด
ดูเหมือนว่าตอนนี้แม่น่าจะรู้จักกับพ่อบ้างแล้ว เขาคงเริ่มก่อกวนแม่จนสร้างความลำบากใจให้ไม่ใช่น้อย
พอนึกขึ้นมาได้ หูชื่อเหวินก็ก้มหน้า พยายามจะหลบซ่อนดวงตาและใบหน้าของตนเองไว้จากผู้คนอย่างเคยชินเมื่อได้รับความอับอาย จากนั้นไม่นานเธอก็จดจำได้ว่าตอนนี้เธอคือหูลี่อิง ไม่ใช่หูชื่อเหวินลูกสาวของหูเต๋อหลินอีกต่อไปแล้ว
เธอจึงเงยหน้ากลับขึ้นมาอีกครั้งทำท่าเหมือนไม่สนใจกับเรื่องที่ได้ยิน แต่ความลำบากใจทำให้เธอกระแอมไอออกมา
หยินเหวินกั๋วจ้องเขม็งเมื่อได้ยินเสียงไอค่อกแค่ก หูชื่อเหวินจึงรีบหันไปทางอื่น แสร้งทำท่ามองชมทิวทัศน์รอบข้าง ไม่กล้าสบตากับเขาสักเท่าไหร่
ช่างน่าอายเหลือเกินที่จู่ๆ ก็มีคนมาจ้องมองแบบนั้น แต่สุดท้ายหูชื่อเหวินตัดสินใจหันหน้ากลับมาส่งยิ้มให้เขา
“ขอบคุณหัวหน้ามากนะคะ สำหรับเรื่องที่พาฉันไปโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ แหะๆ …” หูชื่อเหวินรู้สึกขนลุกเกรียวไปทั้งตัวเมื่อเห็นสายตาของเขา ผู้ชายคนนี้ขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปมตอนที่เขาจ้องมองเธอ
หูชื่อเหวินลองทบทวนความทรงจำอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลยความทรงจำว่างเปล่า เพราะว่าเจ้าของร่างเดิมแม้จะรู้สึกสนอกสนใจในตัวเขาอย่างเปิดเผย แต่ก็ไม่ได้ทำตัวเกินเลยจนสร้างความเสียหายอะไร
แล้วทำไมเขาถึงได้ดูรังเกียจเธอนักเล่า?
หยินเหวินกั๋วมองเธออย่างเย็นชาอีกครั้งก่อนจะหันไปมองทางอื่นด้วยท่าทางยโส
“ไม่เป็นไร”
เขายังรู้สึกขยะแขยงปนรังเกียจผู้หญิงคนนี้ไม่หาย
เธอคนนี้ยังทำตัวเหมือนกับในชาติก่อนไม่เปลี่ยน พยายามเรียกร้องความสนใจจนมากเกินพอดี จนเขาต้องพยายามหลีกเลี่ยงเธออย่างมากในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา
ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่เสวี่ยฉินขอร้องอ้อนวอนเขาท่ามกลางฝนที่ตกหนักเมื่อวานนี้ เขาก็คงไม่มีวันใจอ่อนยอมพาผู้หญิงแบบเธอไปโรงพยาบาล ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอได้มีโอกาสสานสัมพันธ์กับเขาอีกครั้ง
ชาตินี้ชะตากรรมของพี่สาวได้เปลี่ยนไปแล้ว เขาจะไม่มีทางถูกขู่บังคับให้เขาแต่งงานกับเธอได้อีก หลังจากเรื่องนี้จบลงเขาจะกลับไปที่เมืองละทิ้งไร่เซิ่งหยางและจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้อีกตลอดชีวิต!
รถไถขับไปจนถึงหน้าประตูโรงบ่มสุราในสวน ซึ่งในขณะนี้กลุ่มยุวชนกำลังรวมตัวกันบริเวณทางเข้าโรงงานและเอะอะเสียงดัง
“หัวหน้ามาแล้ว!”
ไม่รู้ใครตะโกนขึ้นมา แต่ฝูงชนที่กำลังโวยวายก็เงียบลงในทันที
เมื่อหยินเหวินกั๋วลงจากรถไถ ทุกคนก็หลีกเลี่ยงพากันหลบทางให้เขา เติ้งกวงหรงและหญิงสาวทั้งสามคนก็เดินตามลงมาเช่นกัน
หูชื่อเหวินเห็นผู้ชายสี่คนกำลังยืนสีหน้าไม่สู้ดีอยู่ตรงนั้น หนึ่งในนั้นก็คือพ่อของเธอตอนที่ยังเป็นยุวชน ถึงแม้ว่าใบหน้าเขาจะดูอ่อนเยาว์ลงไปมาก แต่ภาพถ่ายเก่าๆ ในอัลบั้มรูปที่เคยเห็นก็ทำให้เธอจำได้ทันที
หูชื่อเหวินสำรวจการแต่งตัวของหูเต๋อหลินผู้เป็นพ่อ เขาสวมใส่เสื้อที่ติดกระดุมแค่สองเม็ด สวมหมวกคนงานเอียงไปข้างหนึ่ง เขายืนเอียงคอมองด้วยความไม่พอใจ
“หูเต๋อหลิน!” จู่ๆ น้ำเสียงเย็นชาของหยินเหวินกั๋วก็ดังขึ้น สร้างความหวาดกลัวให้แก่หูเต๋อหลินเป็นอย่างมาก
เขายืนตัวตรงแน่วขานรับด้วยเสียงดังอย่างไม่รู้ตัว
“คะ… ครับ!”
หูชื่อเหวินมองไปที่พ่อ เธอทนไม่ได้ที่จะมองเขาตรงๆ ท่าทางแบบนี้ของเขาในชาติก่อนคือการแสดงออกว่ากำลังกลัวมากจนพูดผิดพูดถูก บางครั้งก็พูดไม่ออกเลย
ตอนนี้พอเห็นหยินเหวินกั๋วทำให้เขาแสดงท่าทางแบบนี้ออกมา กลับทำให้เธอรู้สึกโล่งใจ
เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบสายตาไปดูแม่ที่อยู่ข้างๆ สีหน้าของแม่ยังคงขมวดคิ้วมุ่นอยู่อย่างนั้น
แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ชาตินี้หนูจะไม่มีทางให้แม่แต่งงานกับพ่ออีกแล้ว หนูจะไม่ให้พ่อทำเรื่องไม่ดีให้แม่รำคาญใจหรือหดหู่ใจได้อีก
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของชายร่างสูงตรงหน้าสลับกับมองไปที่แม่ของเธอ แม้ว่าทั้งคู่จะตกอยู่ในอารมณ์หงุดหงิด แต่ใบหน้าก็ยังคงความเป็นสาวสวยและหนุ่มหล่อไว้ จนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมอยู่ในใจ ดูสิ! นี่คือใบหน้าของชายหญิงที่เหมาะสมกันมากราวกับกิ่งทองใบหยก!
ไหน..ขอดูหูเต๋อหลินอีกครั้งสิ! อนิจจา!เห็นแล้วช่างน่าเวทนาไม่น้อย ดูเหมือนว่าต้องหาผู้หญิงที่เหมาะสมให้กับพ่อเสียแล้ว
ในความคิดของเธอผู้หญิงที่ดุดันเจ้ากี้เจ้าการเหมือนป้าในชาติที่แล้วเท่านั้นแหละที่จะเหมาะสมกับเขา ต้องเป็นที่สามารถควบคุมเขาได้!
หูชื่อเหวินตัดสินใจแล้วว่าจะต้องวางแผนอย่างรอบคอบเป็นขั้นเป็นตอนเผื่อจะไม่ให้ความผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้น
ในชีวิตนี้เธอก็แค่ต้องการมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมสงบสุขเท่านั้น แม้ว่าในอดีตเธอจะเคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่กลับกลายเป็นโรคกลัวการแต่งงานมากด้วยเช่นกัน
“เกิดปัญหาอะไรขึ้น?”เสียงแข็งกร้าวของชายคนนั้นดังขึ้น
ทุกคนจึงเริ่มทะเลาะและส่งเสียงเอะอะวิวาทกันขึ้นมาอีกครั้ง
“เหล่าหลิว บอกฉันมาสิ!” หยินเหวินกั๋วขมวดคิ้วเมื่อเห็นการทะเลาะวิวาทที่ตรงหน้า เขาหันไปถามกับเหล่าหลิวแทน
เหล่าหลิวยืนขึ้น ใบหน้าเขาแดงก่ำหายใจแรงด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“เมื่อวานนี้เราเห็นว่าฝนทำท่าจะตก จึงได้รีบไปเก็บเชื้อหมัก (โคจิ) ไปไว้ในโรงบ่มสุรา แต่หูเต๋อหลินกับคนอื่นๆ อีกสองสามคนกลับไม่ยอมไปเก็บ พอฝนตกจึงได้เกิดการเสียหายขึ้นมา แล้วทำไมพวกเราต้องมารับผิดชอบความเสียหายร่วมกันกับเขาด้วย?”
“หูเต๋อหลิน! ทำไมเมื่อวานนายถึงเก็บเชื้อหมักไม่ทัน?” หยินเหวินกั๋วหันไปมองหูเต๋อหลินเขาโพล่งถามออกมา อย่างไม่ทันให้พ่อของเธอได้ตั้งตัว หูเต๋อหลินตัวสั่นขึ้นมา
“มะ… เมื่อวาน… คือว่า…” ดวงตาของเขาลอกแล่กไปมา สั่นไหวด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น แต่เขากลับพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
“ในเมื่อนายไม่พูดฉันจะพูดเอง! เมื่อวานพวกเขาไปดื่มเหล้ากันตั้งแต่เที่ยง พึ่งจะกลับมากันเมื่อตอนฝนตก ตอนนั้นฝนก็ตกลงมาหนักแล้ว!” เหล่าหลิวจ้องเขม็งไปที่หูเต๋อหลินและคนที่เหลือ น้ำเสียงของเขาเต็มไปการเหยียดหยาม
“ตะ… แต่ แต่ว่าเมื่อวานไม่มีพยากรณ์อากาศว่า… ”ฝนจะตก… หูเต๋อหลินกลืนคำพูดสองคำสุดท้ายลงคอไป เมื่อเห็นสายตาดุดันเต็มไปด้วยความโกรธเหมือนเสือดาวที่กำลังจะจัดการเหยื่อของหยินเหวินกั๋ว
“สำหรับความเสียหายในครั้งนี้ หูเต๋อหลินและเพื่อนอีกสามคนต้องรับผิดชอบครึ่งหนึ่งของความเสียหาย ส่วนอีกครึ่งหนึ่งคนที่เหลือทั้งหมดก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย!”
“แต่ว่า…” เหล่าหลิวพูดแย้งขึ้นมาอย่างไม่ยอมรับ
“ทำไม? พวกนายทำงานด้วยกันแท้ๆ ทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบและแก้ปัญหาของโรงบ่มสุรา! คิดว่าแบ่งหน้าที่กันชัดเจนแล้วทุกคนจะรับผิดชอบแต่ส่วนของตัวเองงั้นหรือ? อย่าลืมสิว่าของพวกนี้เป็นผลผลิตของประเทศ! พวกนายมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น! ไม่ใช่ว่าจะผลักปัญหากันไปมาแบบนี้!” หยินเหวินกั๋วพูดอย่างเป็นกลาง ซึ่งทั้งหมดที่เขาพูดก็คือความจริงที่ยุติธรรมดีแล้ว
“หัวหน้ากลุ่มอยู่ไหน? ให้เขาไปหานักบัญชีเพื่อดูยอดเงินที่เกิดจากความเสียหายในครั้งนี้ว่ามีเท่าไหร่ จากนั้นก็ร่วมกันรับผิดชอบเหมือนที่ฉันพูดไว้โดยหักจากเงินเดือนของทุกคน!” หลังจากพูดจบเขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆ
“มีใครอยากจะพูดอะไรอีกไหม?”
ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตา “ไม่มีแล้ว..”
"พูดให้ดังขึ้น!"
"ไม่มีแล้วครับ!"
ให้ตายเถอะ นี่มันท่าฝึกทหารชัดๆ ! เขาทั้งทรงพลังและมีอำนาจแข็งแกร่ง! เหมาะสมกับสาวสวยที่อ่อนแอและต้องการคนมาปกป้องอย่างแม่
หูชื่อเหวินอดไม่ได้ที่จะตบมืออยู่ข้างหลังเขาด้วยความภูมิใจ