หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
“ห๊ะ?” เว่ยกุ้ยฉินถอยหลังอย่างตื่นตระหนก เธอคงล้มลงพื้นไปแล้วถ้าซูจิ่งเหิงไม่จับเธอไว้
หูฟังวางอยู่รอบคอของจินเฉินในขณะที่เขาออกไปเหมือนกับลมพายุ
ซูฮั่นหยวนรีบตามไปทันที
เธอเห็นเขายืนอยู่ข้างโต๊ะพยาบาลในแผนกฉุกเฉินและกำลังโทรศัพท์อยู่ “รีบส่งคนมาสักสองสามคนเถอะ! คนไข้อายุประมาณห้าสิบกว่าปี มีแผลทะลุในทางเดินอาหารเฉียบพลัน ทำให้เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบ และอยู่ในอาการวิกฤต!”
เธอค่อย ๆ ผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินเขาจัดการเรื่องการผ่าตัด
ไม่นานซูต้าเจียงก็ถูกส่งเข้าห้องผ่าตัด ครอบครัวของเขารออย่างกระวนกระวายในโถงทางเดิน
เว่ยกุ้ยฉินกังวลจนน้ำตาไหล ซูจิ่งรุ่ยโอบกอดและปลอบโยนแม่อย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรหรอก พ่อจะต้องไม่เป็นไรแน่นอน! สวรรค์จะต้องอวยพรให้เรา แม่อย่ากังวลไปเลย”
ซูจิ่งเหิง พี่ชายคนโตนั่งยอง ๆ บนพื้นอย่างเงียบ ๆ ดวงตาของเขาจ้องตรงไปที่ห้องผ่าตัด ไม่มีใครบอกได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ซูฮั่นหยวนเหงื่อท่วมตัว เธอต้องการสูดอากาศจึงเดินออกไป ขณะที่เดินผ่านแผนกพยาบาล เธอได้ยินหญิงสาวสองสามคนกำลังคุยกัน
“หมอจินทำงานอย่างหนักมาสามสิบหกชั่วโมงแล้ว ตอนนี้เขาต้องเข้าห้องผ่าตัดอีกแล้ว คนเหล็กยังทนไม่ได้เลยใช่ไหม”
“ใช่ เขาทำงานยุ่งตั้งแต่เมื่อคืนจนไม่ได้กินอาหารเช้าด้วยซ้ำ”
“แต่...คุณหมอหล่อมากเลยนะเธอว่าไหม โดยเฉพาะมือของเขา…”
นี่มันอะไรกัน? ซูฮั่นหยวนถึงกับหลุดขำเล็กน้อย
“ฉันหลงเขาเข้าแล้ว! เขาถือเป็นอัจฉริยะทางการแพทย์เลยไม่ใช่เหรอ? อายุแค่ยี่สิบห้าเอง แต่เขากลับประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ที่คนธรรมดาทั่วไปทำไม่ได้!”
“ได้ยินมาว่าเขาเก่งมากตอนที่ไปเรียนเมืองนอก…”
จินเฉิน อายุ 25 ปี กลับมาจากเรียนเมืองนอก...
ดวงตาของซูฮั่นหยวนเป็นประกาย ดูเหมือนเธอจะรู้ว่าคุณหมอจินคนนี้เป็นใคร!
หมออัจฉริยะคนนี้ถูกกล่าวถึงในนิยายในฐานะคนที่เป็นทำการผ่าตัดให้กับเจ้าของร่างเดิม หลังจากที่เธอแต่งงานกับโจวจื้อหยวน เธอต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกทำร้ายบ่อยครั้ง เขาไม่อนุญาตให้เธอคุยกับคนแปลกหน้าเลย ในฤดูร้อนนอกจากใบหน้าของเธอแล้ว เขาไม่อนุญาตให้เธอเปิดเผยผิวหนังของเธอแม้แต่น้อย
เมื่อเธอตั้งครรภ์ โจวจื้อหยวนตีเธอจนเธออาเจียนเป็นเลือดเพียงเพราะเธอเดินทางกลับบ้านพร้อมกับพี่เขย เธอซี่โครงหักสี่ซี่ ม้ามแตก และแท้งลูก
ตอนที่เธอถูกหามส่งโรงพยาบาล เธอรู้สึกเจ็บปวดเหมือนคนกำลังจะตาย
หมอที่ทำการผ่าตัดเธอคือหมอคนนี้ จินเฉิน
ซูฮั่นหยวนจำบทสนทนาสั้น ๆ ได้อย่างเลือนลาง
เจ้าของร่างเดิม: “อย่าช่วยฉันเลย ปล่อยให้ฉันตายไปเถอะ ฉันเจ็บจนไม่อยากอยู่แล้ว....”
จินเฉิน: “อย่ายอมแพ้ ทุกอย่างยังเป็นไปได้ถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่ อดทนไว้!”
ซูฮั่นหยวนชอบเขาตอนที่ได้อ่านคำอธิบายของตัวละครตัวนี้ในนิยาย เขาไม่ได้ปรากฏตัวบ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่ปรากฏตัว เขาจะปรากฏตัวด้วยท่าทางสงบและมีสติ ด้วยทักษะการผ่าตัดที่ยอดเยี่ยม เขาสามารถช่วยชีวิตคนไข้จากประตูแห่งความตายได้
เหตุผลที่เขาสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ตั้งแต่อายุยังน้อยก็เพราะว่าเขามีปู่ที่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนผู้ที่ราวกับเป็นสมบัติของชาติ นอกจากนี้เขายังมีพ่อที่เป็นแพทย์ทหารที่เก่งกาจอีกด้วย เขาคงได้รับยีนที่ยอดเยี่ยมมา ประกอบกับการทำงานหนักที่เขาทุ่มเท เขาจึงสามารถบรรลุความสำเร็จดังกล่าวได้
ถ้าหากเขาเป็นคนรักษาพ่อของเธอ เธอก็วางใจได้แล้ว
คราวนี้ซูฮั่นหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งใจอย่างแท้จริง ขณะที่รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเธอ
หลังจากผ่าตัดไปไม่กี่ชั่วโมง ซูต้าเจียงก็ถูกเข็นออกจากห้องผ่าตัด
การผ่าตัดประสบความสำเร็จ ตราบใดที่ไม่มีการติดเชื้อในภายหลัง ชีวิตของเขาจะไม่ตกอยู่ในอันตราย
ครอบครัวซูถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพาซูต้าเจียงไปที่ห้องผู้ป่วย
จินเฉินถอดชุดผ่าตัดออกแล้วเปลี่ยนกลับมาใส่เสื้อคลุมสีขาว ผ่านไปกว่าสี่สิบชั่วโมงแล้วที่เขาไม่ได้นอนเลย ใต้ตาสองข้างดำคล้ำเนื่องจากอดนอน
เมื่อเขากลับมาถึงห้องทำงานของแพทย์ เขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้า