หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
เว่ยกุ้ยฉินปิดประตูด้วยสีหน้าบูดบึ้งและไม่ออกมา หล่อนรู้สึกงุนงงสับสน เด็กสาวผู้น่าสลดหดหู่คนนั้นเรียนรู้เคล็ดลับเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ยิ่งเด็กผู้หญิงอายุมากขึ้นเท่าไร หล่อนก็ยิ่งไม่สามารถควบคุมได้มากขึ้นเท่านั้น
ซูฮั่นหยวนลากกระเป๋าเดินทางของเธอไปที่โรงงาน เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์เลยมีคนมาปฏิบัติหน้าที่น้อย
เธอเดินผ่านพื้นที่การผลิตและตรงไปยังห้องนั่งเล่นด้านหลังโรงงาน ด้านหลังแถวต้นป็อปลาร์มีอาคารสีขาวที่ทรุดโทรมเล็กน้อยตั้งอยู่
ในฤดูหนาวใบไม้จะร่วงหล่นและกิ่งก้านของต้นไม้เปลือยจะทอดเงาเป็นรอยด่างบนผนังสีขาวภายใต้แสงแดด
นี่คือหอพักโรงงานสำหรับคนโสด
หลังจากที่เธอทะลุมิติเข้ามาอยู่ในหนังสือ เธอได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งจากโรงงานชื่อจู้หลิน หล่อนอายุยี่สิบสองปีและมีคิ้วที่งดงามและตาคู่โต หล่อนมีบุคลิกที่ร่าเริงและอบอุ่น ดังนั้นทั้งสองจึงเข้ากันได้เป็นอย่างดี
จู้หลินซึ่งสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเทคนิคอาศัยอยู่ในหอพักของคนโสด
ในทศวรรษที่ 1980 มีผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเทคนิคสองประเภท ประเภทแรกคือผู้ที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่เข้าเรียนในโรงเรียนเทคนิคในภายหลัง และประเภทที่สองคือผู้ที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่เข้าโรงเรียนเทคนิคในภายหลัง ซึ่งเป็นหลักสูตรสองปี
จู้หลินจบการศึกษาระดับมัธยมปลายที่เข้าเรียนในโรงเรียนเทคนิค ต่อมาเธอได้รับมอบหมายให้ทำงานในโรงงานทอผ้าและพักอยู่ในหอพักของคนโสดเป็นเวลาสี่ปี
หอพักของคนโสดสามารถรองรับคนได้สี่คนและเธอเป็นคนเดียวที่มาพักที่นี่ เตียงสามเตียงยังว่างเปล่า ดังนั้นซูฮั่นหยวนจึงมีที่พักเมื่อเธอมาถึง
เธอลากกระเป๋าเดินทางแล้วเคาะประตู เมื่อหญิงสาวเห็นเธอ หล่อนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะต้อนรับเธออย่างอบอุ่น
“ฮั่นหยวน เข้ามาเร็วเข้า!”
“จู้หลิน ฉันทะเลาะกับที่บ้านก็เลยต้องย้ายออกจากบ้านชั่วคราว ให้ฉันอยู่ที่นี่กับเธอก่อนนะ ไว้ฉันจะสมัครเข้าอยู่หอหอพักภายหลัง” ซูฮั่นหยวนเปิดปากอธิบาย
หญิงสาวตอบตกลงด้วยความยินดี “ไม่เป็นไรนะ มีเธออยู่ด้วยฉันจะได้ไม่ต้องเหงาคนเดียว มา! ฉันจะช่วยจัดของให้”
“ขอบคุณนะ! ขอบคุณจริง ๆ ที่ช่วยฉัน!”
ขณะที่จัดข้าวของในตู้เสื้อผ้า ทั้งสองก็พูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง
ซูฮั่นหยวนเข้าใจผู้หญิงคนนี้มากขึ้น หลังจากสำเร็จการศึกษาจู้หลินได้รับมอบหมายให้ทำงานในโรงงานทอฝ้ายของเมืองนี้และหลังจากนั้นก็ย้ายเข้าไปอยู่ในหอพักของคนโสด
เพื่อนร่วมรุ่นของหล่อนซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำงานในโรงงานเดียวกันแต่งงานกันและย้ายออกจากหอพักของคนโสดไปแล้ว เดิมทีจู้หลินวางแผนที่จะแต่งงานในช่วงปลายปีนี้ แต่มีเรื่องเกิดขึ้นทำให้เธอต้องเลิกกับแฟนซึ่งเป็นสาเหตุที่เธอยังคงอยู่ที่นี่
หลังจากอยู่คนเดียวมานาน การมาถึงของอีกฝ่ายทำให้หล่อนค่อนข้างมีความสุข
ซูฮั่นหยวนรีบร้อนออกจากบ้านจึงลืมเอาเครื่องนอนมาด้วย เธอทำได้เพียงรอให้โรงงานอนุมัติใบสมัครที่พักของเธอก่อนจึงจะได้เครื่องนอนของโรงงาน
จู้หลินคิดจะให้เธอยืมเครื่องนอนเสริมซึ่งช่วยให้เธอไม่ต้องลำบากในการกลับบ้านไปอีกครั้ง
หลังจากจัดวางเครื่องนอนแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ไปจัดโต๊ะให้เรียบร้อยและพบว่ามีโต๊ะทั้งหมดสี่ตัวในห้อง เกือบทั้งหมดถูกกองหนังสือของจู้หลินครอบครอง
เธอนั่งลงและพลิกดูหนังสือสองสามเล่มอย่างตั้งใจ บางเล่มเป็นตำราเรียนมัธยมปลายที่มีหนังสือแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษสองสามเล่มปะปนอยู่
“เธอเรียนจบแล้วนี่นา ทำไมถึงยังเก็บหนังสือพวกนี้ไว้อยู่ล่ะ?”
“อืม” จู้หลินตอบด้วยความเขินอายเล็กน้อย “เมื่อก่อนฉันอยากจะเข้ามหาวิทยาลัยเย่ แต่หลังจากเรียนมาได้สักพัก ฉันก็หมดกำลังใจและตัดสินใจที่จะไม่สอบ หนังสือพวกนี้ใช้เงินซื้อมา ฉันจึงทนไม่ได้ที่จะทิ้งมันไปก็เลยยังคงเก็บพวกมันไว้ บางทีฉันกะว่าจะเก็บไว้ให้คนอื่นที่ต้องการใช้ประโยชน์จากหนังสือพวกนี้”
“อย่ายกให้คนอื่นไปเชียวนะ” ซูฮั่นหยวนเอ่ยห้าม “ในเมื่อเธอต้องการเข้ามหาวิทยาลัยเย่ ก็ตั้งใจสอบเข้าให้ได้ แม้ว่าตอนนี้มันจะค่อนข้างยากก็เถอะ แต่เธอจะไม่เสียใจภายหลังแน่นอน เชื่อฉันสิ”