หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
ตอนที่ 2 : โมโหเป็นเหมือนกัน
“ไม่ตกใจจนตายไปเลยล่ะ ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาคุยกับแก!” ซูจิ่งรุ่ยมองน้องสาวราวกับว่าเธอเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา “แกจะเห็นใจคนอื่นหน่อยไม่ได้เหรอไง เป็นผู้หญิงจะทำงานไปทำไม เดี๋ยวแกก็ได้แต่งงานกับครอบครัวดี ๆ แล้ว แกไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ”
เขาพูดว่าไงนะ?
ทำไมเธอฟังแล้วไม่ค่อยรื่นหูเท่าไหร่
ซูฮั่นหยวนเลิกคิ้ว “พูดได้ดี ทำไมพี่ไม่พูดแบบนี้กับหลินจื่อชิวล่ะ บอกให้เธอเลิกสนใจงานของฉันได้แล้ว ยังไงพี่ก็ต้องเลี้ยงดูปูเสื่อเธออย่างดีโดยที่เธอไม่ต้องทำงานเลย”
ซูจิ่งรุ่ยตกตะลึง เขาไม่คิดว่าน้องสาวคนนี้จะมีอารมณ์โกรธเหมือนคนอื่นและยังกล้าเถียงเขากลับด้วยซ้ำ
“ฉันจะพูดว่าไม่ว่าแกจะชอบหรือไม่ชอบ แกต้องลาออกจากงาน! แม่เป็นคนดูแลครอบครัวนี้ แกไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น!”
“นี่!” เธอวางมือบนสะโพกและพูดด้วยเสียงที่คมชัด “ฉันโมโหเป็นเหมือนกันนะ ในเมื่อฉันไม่สามารจัดการเรื่องงานแต่งตัวเองได้ แต่พี่ทำได้งั้นสิ? ฉันจะไม่แต่งงานกับคนที่ฉันไม่ต้องการและจะไม่ลาออกจากงานด้วย!”
เอาซี๊ ดูสิว่านายจะทำอะไรกับฉันได้
“แกคิดว่าตัวเองปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม” เว่ยกุ้ยฉินไม่คิดว่าลูกสาวจะยืนกรานเสียงแข็งปฏิเสธขนาดนี้ “รู้สถานะตัวเองบ้างเถอะ! แต่งงานตามที่แม่บอกซะ แม่จะถือว่าวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าแกยังไม่เชื่อฟังและยังคิดทำลายชีวิตแต่งงานของพี่แกก็ออกจากบ้านหลังนี้ไปซะ ครอบครัวนี้จะไม่ยอมแกอีกแล้ว!”
“ก็ได้ หนูไปก็ได้! ในเมื่อแม่ไม่ต้องการให้หนูอยู่ที่นี่ หนูก็จะไปอยู่หอพักสำหรับเจ้าหน้าที่” อย่าคิดว่าเธอไม่มีที่ไปนะ เธอไม่กลัวตัวเองถูกไล่ออกจากบ้านหรอกนะจะบอกให้
ซูฮั่นหยวนเดินตึง ๆ ไปที่ห้องตัวเอง
เว่ยกุ้ยฉิวพูดออกไปแบบนั้นด้วยความฉุนเฉียวเท่านั้น เธอรู้ว่าลูกสาวคนเล็กมีนิสัยขี้อาย หล่อนจะต้องตัวสั่นด้วยหวาดกลัว ดังนั้นเธอจึงเพียงขู่ให้ลูกสาวยอมจำนนเท่านั้นเอง หลังจากที่เธอลาออกจากงาน เรื่องนี้ก็ถือเป็นอันจบ
ใครจะไปคิดว่าซูฮั่นหยวนจะออกจากบ้านจริง ๆ
“แม่ ดูลูกสาวแม่สิ! มันไม่เคารพแม่เลยสักนิด!” ซูจิ่งรุ่ยได้โอกาสใส่ไฟ เขาแทบทนรอมาไหวให้แม่เอาไม้เรียวฟาดน้องสาวปากดี
“ลูกพูดถูก ถ้าไม่ลงโทษนังเด็กนี่ให้รู้สำนึก อีกหน่อยคงได้ปีนขึ้นไปอยู่บนหัวเราแล้ว” เว่ยกุ้ยฉิวรีบตามไปที่ห้องลูกสาวและยืนอยู่ที่หน้าประตูตะโกนว่า “แกจะออกจากบ้านงั้นเรอะ ถ้ามีความสามารถก็ออกไปเลย รีบเก็บของแล้วรีบออกไปซะ ฉันไม่อยากเสียเงินเพื่อหาข้าวหาน้ำให้แกกินแล้ว เก่งนักก็ออกไปใช้ชีวิตเองซะ”
“แม่ไม่ต้องเร่งหนูหรอก” ซูฮั่นหยวนเอากระเป๋าเดินทางออกมาจากใต้เตียง เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วยัดเสื้อผ้าใส่เข้าไปลวก ๆ เสร็จแล้วก็ลากกระเป๋าออกจากห้อง
ล้อกระเป๋าเดินทางของเธอกลิ้งไปบนพื้นเกิดเสียงดังกึกก้อง เพื่อนบ้านต่างได้ยินความวุ่นวายที่บ้านตระกูลซู พวกเขาจึงออกจากบ้านมารวมตัวกันเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“หยวนหยวน ทำไมหนูถึงลากกระเป๋าเดินทางออกมาในวันหยุดล่ะ”
“ใช่ เกิดอะไรขึ้น ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ”
เพื่อนบ้านต่างถามด้วยความสงสัย
“แม่ไล่หนูออกจากบ้าน” เธอมองเพื่อนบ้านด้วยสีหน้าน่าสงสาร
“ผู้หญิงที่พี่ชายหนูต้องการแต่งงานด้วยอยากได้งาน พวกเขาจึงขอให้หนูสละงานของหนูเพื่อเธอและยังพยายามบังคับให้หนูแต่งงานออกไปอีกด้วย หนูไม่เห็นด้วย แม่เลยไล่หนูออกจากบ้าน คุณลุง คุณป้า แม่สนใจแต่ความสุขของพี่ชายหนูเท่านั้น ไม่เคยสนใชีวิตหรือความตายของหนูเลย!”
ก่อนที่เธอจะจากไป ซูฮั่นหยวนไม่ลืมที่จะลากเว่ยกุ้ยฉิวลงโคลนตม
ใครขอให้พวกเขารังแกเธอแบบนี้กันล่ะ ช่วยไม่ได้
เพื่อนบ้านต่างวิพากษ์วิจารณ์เว่ยกุ้ยฉิว ทั้งคู่เป็นลูกของเธอ แล้วเธอแสดงความลำเอียงแบบนี้ได้อย่างไร?
แม้ว่าเธอจะชอบลูกชายมากกว่าลูกสาว แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะบังคับลูกสาวของตัวเองจนมุม!
เว่ยกุ้ยฉิวห่วงหน้าตาตัวเองเป็นที่สุดและเสียงตัดพ้อน้อยใจของลูกสาวก็ทำเธอเสียหน้าอย่างมาก เธอจึงเร่งเร้าให้ลูกชายของเธอช่วยออกไปห้ามเหตุการณ์นี้ที
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว! ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นสักหน่อย!” ซูจิ่งรุ่ยเดินไปขวางทางน้องสาว กระซิบพูดเสียงเบาว่า “แกทำตัวให้ดีหน่อยไม่ได้เหรอ แม่ห่วงหน้าตัวเองที่สุดแกก็รู้ รีบไปขอโทษแม่ต่อหน้าเพื่อนบ้านซะ บอกว่าแกคิดผิด ไว้เราค่อยพูดเรื่องนี้กันทีหลัง”
ซูฮั่นหยวนยิ้มให้พี่ชายของเธอและลากกระเป๋าเดินทางผ่านเท้าของเขาตรง ๆ “ฝันไปเถอะ”
“แม่งเอ๊ย!” ซูจิ่งรุ่ยเงื้อมือขึ้น
ซูฮั่นหยวนกรีดร้องขณะที่ขดตัวเป็นลูกบอล “พี่อย่าตีฉันเลย ฉันจะไปแล้ว จะไปเดี๋ยวนี้ พอใจหรือยัง”
“ดูสิ นั่นเป็นวิธีที่พี่ชายปฏิบัติต่อน้องสาวของตัวเองอย่างนั้นเหรอ”
“นี่ ทำไมถึงรังแกน้องสาวตัวเองแบบนี้ล่ะ พวกเธอสองคนเป็นพี่น้องกันนะ เธอทำแบบนี้ได้ยังไงซูจิ่งรุ่ย”
“จิ่งรุ่ย เธอไม่ใช่เด็กแล้วนะ อย่าทำตัวไม่สมเป็นผู้ใหญ่แบบนี้สิ”
เมื่อเพื่อนบ้านต่างตำหนิซูจิ่งรุ่ยสำหรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเขา เขาก็รู้สึกโกรธมาก ทว่าเขาไม่มีที่ให้เขาระบายออ
“พี่ชาย ฉันขอโทษจริง ๆ พี่จะรังแกฉันเหมือนปกติฉันก็ไม่เคยโกรธเลย แต่ฉันรักงานของฉันจริง ๆ และฉันไม่อยากแต่งงานกับใครง่าย ๆ ฉันขอโทษจริง ๆ ฉันจะไปแล้ว” ซูฮั่นหยวนทิ้งพี่ชายไว้ข้างหลังขณะที่เธอรีบจากไปทันที
ลานบ้านตระกูลซูเต็มไปด้วยจีนมุง พวกเขาทั้งหมดชี้นิ้วไปที่เว่ยกุ้ยฉิวที่เป็นแม่ไร้หัวใจและไร้ความสามารถในการดูแลลูก