หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
ตอนที่ 92: ว่าที่พี่สะใภ้ในอนาคต
ขณะที่ซูฮั่นหยวนรู้สึกหงุดหงิดใจ หลินจื่อชิวก็เดินเข้ามาพร้อมกับกล่องอาหารและรอยยิ้ม หล่อนนั่งลงข้างๆ ซูฮั่นหยวนอย่างเป็นธรรมชาติและทักทายอย่างอ่อนโยน
"หยวนหยวน ใช่เธอจริงๆ ด้วย"
ใครกันที่เรียกเธอว่าหยวนหยวนในโรงงาน?
ซูฮั่นหยวนเงยหน้าขึ้นมองหลินจื่อชิว แปลกใจเล็กน้อยก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าซูจิ่งรุ่ยต้องเสียสละอย่างมากเพื่อให้หล่อนได้งานนี้ ดูเหมือนว่าข้อมูลจากพี่สะใภ้ของเธอจะถูกต้อง หลินจื่อชิวได้เข้าทำงานในโรงงานแล้วจริงๆ
"อ๋อ เธอนี่เอง" ท่าทีของซูฮั่นหยวนไม่เย็นชาและไม่อ่อนหวานเกินไป "เธอทำงานที่ไหนล่ะ"
"แผนกขนส่งน่ะ"
"ตำแหน่งดีนี่นา ดีกว่าไปทำงานในโรงงานผลิตเยอะเลย"
"ใช่" หลินจื่อชิวยังคงยิ้มอยู่ "งานนี้ดีมาก ฉันจะรักษามันอย่างดี แล้วฉันก็ดีใจมากเลยนะที่ได้ทำงานในโรงงานเดียวกับหยวนหยวน"
"อย่างนั้นหรือ?" ซูฮั่นหยวนหัวเราะแห้ง ๆ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่เห็นด้วยกับคำพูดของหลินจื่อชิว
"ใครหรือครับ" โจวหนิงไค่ถามขึ้นเมื่อเห็นหลินจื่อชิว เพราะว่าเธอเป็นเพื่อนของซูฮั่นหยวน เขาจึงแสดงความสนใจมากขึ้น "สวัสดีครับ ผมโจวหนิงไค่จากแผนกเทคนิค คุณเป็นเพื่อนของซูฮั่นหยวนหรือครับ"
หลินจื่อชิวมองโจวหนิงไค่ใกล้ๆ และแน่นอนว่าตัวจริงนั้นหล่อกว่าภาพในรายงานโรงงานมาก แถมยังมีอารมณ์ละเมียดละไมแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ชายหนุ่มที่เป็นถึงเจ้าหน้าที่ตำแหน่งสูงในหมู่พนักงานธรรมดาแบบนี้ช่างโดดเด่นอย่างมาก
หลินจื่อชิวมองรอยยิ้มอ่อนโยนในดวงตาของเขาและกำลังจะตอบ แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของซูฮั่นหยวนพูดขึ้นมา
“ว่าที่พี่สะใภ้ของฉันเองค่ะ”
สีหน้าของหลินจื่อชิวแข็งค้างไปชั่วขณะ
“อ้อ! อย่างนี้นี่เอง สวัสดีครับ” โจวหนิงไค่ทักทายเธออย่างสุภาพ แล้วจึงหันมาหาซูฮั่นหยวน “พี่สะใภ้ของคุณดูเด็กพอๆ กับคุ๊เลยนะครับ”
“พี่ชายคนที่สามกับฉันอายุห่างกันแค่สองปีเองค่ะ” ซูฮั่นหยวนยิ้มกว้าง “ว่าที่พี่สะใภ้จะแก่ได้ยังไงล่ะคะ จริงไหม?”
หลินจื่อชิวยิ้มรับแต่ดูเหมือนจะยิ้มอย่างฝืนๆ
“เอ๊ะ?” ซูฮั่นหยวนสังเกตเห็นว่ารอยยิ้มนั้นดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ จึงถามไปแม้จะรู้คำตอบอยู่แล้วก็ตาม “พี่สะใภ้ ทำไมหน้าตาดูไม่ดีเลยล่ะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร” หลินจื่อชิวก้มหน้าเปิดกล่องอาหารออก แล้วพูดด้วยท่าทางเรียบร้อย “บางทีอาจเป็นเพราะยังไม่ได้ทานมื้อกลางวัน น้ำตาลในเลือดเลยต่ำไปหน่อยน่ะ”
“อืม งั้นก็ดีแล้ว” ซูฮั่นหยวนพูดจบก็รีบก้มหน้ากินเนื้อไม่กี่ชิ้นที่เหลือในจานอย่างรวดเร็ว จากนั้นเก็บกล่องอาหารกลางวัน “คุณโจว พี่สะใภ้ ฉันไปก่อนนะคะ เชิญทานกันตามสบายเลยค่ะ”
“เดี๋ยว!” หลินจื่อชิวรีบเรียกเธอไว้ “หยวนหยวน ฉันกับพี่ชายเธอยังไม่ได้แต่งงานกันเลย เรียกฉันแบบนั้นคงไม่เหมาะ สู้เรียกฉันว่าชิวเอ๋อร์หรือไม่ก็ชื่อฉันเฉยๆ ก็ได้”
“ทำไมล่ะ? สำหรับฉัน เธอก็คือว่าที่พี่สะใภ้ของฉันมาตลอดนะ ยังไงเธอก็หมั้นหมายกับพี่ชายฉันแล้ว แถมเขาเองก็เป็นคนฝากงานให้เธออีกต่างหาก ฉันเลยถือว่าเธอเป็นคนในครอบครัวฉันแล้ว จริงไหมล่ะคะ พี่สะใภ้”
“แต่ถ้าเธอรู้สึกไม่สบายใจ ฉันก็จะเรียกชื่อเธอก็ได้” พูดจบซูฮั่นหยวนก็ยิ้ม “ฉันไปก่อนนะ หลินจื่อชิว อย่าลืมฝากความคิดถึงถึงครอบครัวของฉันด้วยล่ะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็ไม่เหลียวมองทั้งสองคนอีกเลย แล้วหันหลังเดินไปล้างกล่องอาหารกลางวัน
ในขณะที่เดินไป ซูฮั่นหยวนคิดว่า “ซูจิ่งรุ่ย นายนี่มันไร้หัวใจจริงๆ!” นายเคยทำให้ฉันผิดหวัง แต่ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมแพ้หรอก
วันนี้เธอเรียกหลินจื่อชิวว่า ‘พี่สะใภ้’ ต่อหน้าโจวหนิงไค่ เพราะในเนื้อเรื่องต้นฉบับ หลินจื่อชิวกับโจวหนิงไค่ลงเอยกันในตอนท้าย ปล่อยให้ซูจิ่งรุ่ยกลายเป็นคนที่ต้องทิ้งความฝันไป
เธอไม่รู้ว่าครั้งนี้หลินจื่อชิวกับโจวหนิงไค่จะจบลงเหมือนเดิมหรือเปล่า แต่สิ่งที่เธอทำก็เพื่อเปิดเผยตัวตนของหลินจื่อชิวต่อหน้าโจวหนิงไค่ ถ้าทั้งสองคนยังสามารถคบกันได้จนถึงที่สุดก็คงเป็นเพราะโชคชะตาแล้วล่ะ ซูจิ่งรุ่ยคงถูกกำหนดให้เป็นตัวประกอบที่ต้องพ่ายแพ้โดยแท้จริง
ตอนที่ 93 ฉันจะช่วย
ถ้าทั้งคู่ไม่ได้ลงเอยกันจริงๆ งั้นหลินจื่อชิวก็คงจะได้ใช้ชีวิตดีๆ กับซูจิ่งรุ่ยแทน
ซูฮั่นหยวนรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในจุดที่ยากลำบากที่จะตัดสินใจ เพราะเธอไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ กับทั้งซูจิ่งรุ่ยและหลินจื่อชิว ครั้งนี้เธอไม่ได้คิดที่จะช่วยใครหรือทำลายความสัมพันธ์ของใคร แค่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ แล้วดูว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปทางไหน
"เฮ้อ..." โจวหนิงไค่รู้สึกเสียดายที่ซูฮั่นหยวนจากไปแบบนั้น เขายังมีอะไรอีกมากมายที่อยากจะพูดกับเธอ
"ขอโทษด้วยค่ะ เธอเป็นคนแบบนั้นเอง” หลินจื่อชิวกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ
"ไม่เป็นไรครับ" โจวหนิงไค่กำลังจะเก็บกล่องข้าวและลุกออกไป แต่ก็พลันนึกขึ้นได้ว่าหลินจื่อชิวคือว่าที่พี่สะใภ้ของซูฮั่นหยวน เขาจึงคิดว่าการพูดคุยกับอีกฝ่ายน่าจะทำให้ได้รู้จักกับซูฮั่นหยวนมากขึ้น
"คุณโจว" หลินจื่อชิวเงยหน้าขึ้นยิ้ม "พวกเราอ่านรายงานโรงงานวันนี้กันหมดแล้ว ในรายงานมีเรื่องเกี่ยวกับคุณด้วยนะคะ! สาวๆ ในแผนกขนส่งของเราต่างก็ชื่นชมกันใหญ่ บอกว่าคุณโจวหนุ่มแน่นและอนาคตไกล!"
"ผมก็แค่ทำให้พวกคุณหัวเราะกันเท่านั้นแหละครับ" โจวหนิงไค่รู้สึกมีความสุขที่ได้รับคำชม ใครล่ะจะไม่อยากฟังคำพูดดีๆ จากคนอื่น? ไม่ว่าใครก็ตามที่ถูกชมก็คงรู้สึกยินดีใจทั้งนั้น
"แฟนของคุณโจวคงจะต้องเป็นผู้หญิงที่โดดเด่นมากๆ แน่ๆ เลยใช่ไหมคะ?" หลินจื่อชิวถามเชิงอ้อมๆ
"ที่ไหนกันล่ะ" โจวหนิงไค่ยิ้มกว้าง "ผมยังไม่มีแฟนเลยครับ ผมยังโสดอยู่"
"อย่างนี้นี่เอง คนที่โดดเด่นอย่างคุณโจวคงไม่ขาดแคลนผู้หญิงแน่นอนค่ะ ฉันสังเกตเห็นว่าคุณไม่เหมือนคนอื่นๆ ในโรงงาน คุณมีรัศมีโดดเด่นและพิเศษมากไม่เหมือนใคร" หลินจื่อชิวชมเชยอย่างเกินจริง แต่ท่าทางของหล่อนก็ยังคงนิ่งสงบ ดูเป็นธรรมชาติ
นี่เป็นครั้งแรกที่โจวหนิงไค่ได้รับคำชมแบบนี้จากผู้หญิง จึงรู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง แต่ก่อนตอนที่เขาออกไปกับลู่เฟยฟานและจินเฉิน เขามักเป็นแค่เงาประกอบเท่านั้น ในสายตาของสาวๆ ทุกคนมีแต่สองคนนั้น ไม่มีเขาเลย
"ไม่ถึงขนาดที่คุณพูดหรอกครับ" โจวหนิงไค่เกาศีรษะ รู้สึกเขินๆ "หลิน... หลินจื่อชิว ใช่ไหมครับ? คุณคิดว่าผู้หญิงหลายคนจะชอบคนแบบผมไหม"
"แน่นอนค่ะ! คุณไม่รู้หรือคะว่าคุณคือคนที่น่าภาคภูมิใจของโรงงานนี้เลย!" หลินจื่อชิวตอบอย่างมั่นใจ
"งั้นบอกผมหน่อยสิ...คุณคิดว่าซูฮั่นหยวนจะชอบผมไหม" โจวหนิงไค่เผยความคิดชัดเจนว่าเขาต้องการจะสานสัมพันธ์กับซูฮั่นหยวนผ่านหลินจื่อชิว
ช้อนของหลินจื่อชิวหยุดไปเล็กน้อย แต่เธอก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า "ฉันคิดว่าน่าจะชอบนะคะ"
"งั้น...ผมขอรบกวนคุณช่วยพูดคุยกับเธอบ่อยๆ หรือไม่ก็ช่วยพูดดีๆ เกี่ยวกับผมหน่อยได้ไหมครับ?" โจวหนิงไค่พูดพร้อมมองหลินจื่อชิวด้วยความคาดหวัง
หลินจื่อชิวเคี้ยวอาหารในปากช้าๆ และยิ้ม "ตกลงค่ะ แต่คุณต้องจำไว้ว่า ต้องคอยติดสินบนฉันเป็นระยะๆ ด้วยนะคะไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนเพื่อที่จะเปิดใจฮั่นหยวน คุณต้องรู้ไว้ว่า ถึงแม้ภายนอกเธอจะดูสดใสร่าเริง แต่จริงๆ แล้ว เธอเป็นคนเงียบขรึมอยู่ลึกๆ"
"ได้เลย ได้เลย" โจวหนิงไค่ที่กำลังหนักใจว่าจะเข้าถึงตัวซูฮั่นหยวนได้ยังไง ก็คลี่ยิ้มอย่างดีใจที่หลินจื่อชิวเสนอให้ความช่วยเหลือ เพราะเขารู้สึกได้ชัดเจนว่าซูฮั่นหยวนไม่อยากยุ่งกับเขาเท่าไรนัก
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมซูฮั่นหยวนถึงไม่อยากพูดคุยกับเขา แต่เขาก็รู้ว่า สายตาของซูฮั่นหยวนไม่ได้มีความสนใจหรือชื่นชมแบบที่ผู้หญิงคนอื่นมองเขาเลย
“งั้นตกลงตามนี้นะคะ” หลินจื่อชิวเม้มริมฝีปากและพูด "ฉันจะช่วยคุณเอง"
"ขอบคุณมากนะครับ!" โจวหนิงไค่เก็บกล่องข้าวแล้วลุกขึ้นเตรียมตัวไป ก่อนจากเขาก็พูดว่า "ไว้เราค่อยติดต่อกันครับ"
ตอนที่ 94 รางวัล
“ได้ค่ะ” หลินจื่อชิวส่งยิ้มและพยักหน้า
ขณะนั้น ซูฮั่นหยวนกลับไปพักผ่อนที่หอพักโดยที่ไม่รู้เลยว่าโจวหนิงไค่และหลินจื่อชิวได้ตกลงอะไรกันไว้ลับหลังเธออย่างรวดเร็ว
หลังจากที่รายงานของโรงงานถูกตีพิมพ์ ผลตอบรับก็ดีมาก ทำให้ผู้จัดการโรงงานจางพึงพอใจกับงานนี้เป็นอย่างมาก และเมื่อผู้นำเมืองมาเยี่ยมชมโรงงาน นอกจากผู้จัดการโรงงานแล้ว หนิ่วหงเซี่ย หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ ก็มาร่วมต้อนรับด้วย
ซูฮั่นหยวนก็ได้รับผลประโยชน์จากการทำงานในครั้งนี้ จึงถูกหนิ่วหงเซี่ยพาตัวไปด้วย เมื่อผู้นำมาเยี่ยมชมและตรวจสอบ ก็มักจะให้คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะในการพัฒนา และเมื่อทำได้ดี ก็จะมีการชื่นชมและให้รางวัล
เรื่องแบบนี้สามารถถูกบันทึกไว้เป็นรายงาน และต่อมาก็จะกลายเป็นเกียรติประวัติของโรงงาน
ซูฮั่นหยวนตามคณะผู้นำไป หยุดบันทึกและเดินตามเพื่อจดจำประเด็นสำคัญในคำพูดของผู้นำ และถ่ายภาพเป็นครั้งคราวเพื่อบันทึกเหตุการณ์
หลังจากการตรวจสอบ ผู้นำรู้สึกพอใจมากกับการทำงานในโรงงาน และผู้จัดการโรงงานจางก็ได้รับคำชมเชยในระดับเมือง
เมื่อผู้จัดการโรงงานกลับมาที่โรงงาน เขาใช้เวลาขับรถเพียงไม่กี่นาทีในการถ่ายทอดจิตวิญญาณของเมืองและวางเป้าหมายที่ดียิ่งขึ้นสำหรับปีใหม่ที่จะมาถึง
เนื่องจากซูฮั่นหยวนแสดงผลงานได้ยอดเยี่ยม หนิ่วหงเซี่ยจึงได้รับคำชมในปีนี้ ซูฮั่นหยวนเองก็ได้รับคำชมจากผู้นำเช่นกัน เนื่องจากผลงานที่ดีในรายงานของโรงงาน และยังได้รับรางวัลเป็นเงินสดจำนวน 20 หยวน
ส่วนเรื่องที่เธอทะเลาะกับเฉียวซาซ่า ถึงแม้ว่าเธอจะต้องถูกลงโทษ แต่เนื่องจากเหตุการณ์นี้ไม่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงใด ๆ เรื่องราวจึงถูกระงับไว้ เธอจึงไม่ถูกลงโทษ แต่ในทางกลับกัน เฉียวซาซ่ากลับถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกลงบันทึกต่อสาธารณะ อีกทั้งยังไม่สามารถได้รับรางวัลใด ๆ ได้เป็นเวลาสองปีติดต่อกัน
ถึงกระนั้น เฉียวซาซ่าก็ยังคงรู้สึกโล่งใจที่ไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นและเธอไม่ได้ถูกไล่ออก เพราะถ้าถูกไล่ออกไปจริง ๆ การหางานที่มั่นคงแบบนี้คงเป็นเรื่องยากมาก
หลังจากการตรวจสอบของผู้นำเมืองก็เกือบจะสิ้นเดือนแล้ว เทศกาลตรุษจีนของปีนี้มาค่อนข้างช้า ประมาณช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ดังนั้น การหยุดพักประจำปีจะต้องรอจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์
อย่างไรก็ตาม เด็ก ๆ ในโรงเรียนจะมีการสอบปลายภาคในช่วงปลายเดือนมกราคม และผลการสอบจะออกในอีกไม่กี่วัน ซูฮั่นหยวนยังคงค่อนข้างใส่ใจเกี่ยวกับการสอบครั้งนี้ เพราะเธอเองก็อยากทราบว่าผลการเรียนของเด็ก ๆ ที่เธอติวพิเศษให้นั้นจะออกมาเป็นอย่างไร
หลังจากเลิกงาน เธอกำลังจะไปที่โรงอาหารเพื่อรับอาหาร แต่ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
"สวัสดีค่ะ"
“เสี่ยวซู นี่ผมเอง ผู้จัดการโรงงานจาง” เสียงของจางหงดังมาจากโทรศัพท์ พร้อมกับน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยินดี "เย็นนี้ไม่ต้องกินข้าวที่โรงงานแล้วนะ คุณนั่งรถเมล์มาที่บ้านผมแทน"
ซูฮั่นหยวนถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าจางหงจะรู้ถึงความรู้สึกของเธอ เขาพูดต่อว่า “คืออย่างนี้ ผลสอบของลูกชายผมออกมาแล้ว คะแนนภาษาอังกฤษของเขาเพิ่มขึ้นตั้ง 30 คะแนน! ตอนนี้เขาอยู่ในอันดับที่เจ็ดของห้อง ขยับขึ้นมา 21 อันดับจากเทอมที่แล้ว ครอบครัวผมดีใจมาก ผมเองก็ดีใจมากเหมือนกัน ดังนั้น ผมเลยอยากเชิญคุณมาทานข้าวเย็นที่บ้านผมเย็นนี้”
ซูฮั่นหยวนรู้สึกดีใจมากเมื่อได้ยินที่ผู้จัดการโรงงานพูดเช่นนั้น เธอจึงรู้สึกยินดีที่จะไปร่วมทานอาหารมื้อเย็นด้วยความยินดี จึงตอบตกลงอย่างรวดเร็ว "ดีค่ะ งั้นเดี๋ยวฉันจะไปที่บ้านของคุณตอนนี้ จะได้ช่วยคุณย่าจางด้วย"
"ดี ๆ รีบมาเร็ว ๆ ล่ะ
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ซูฮั่นหยวนก็กลับไปที่หอพักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า และบอกกับจู้หลินและเส้าหยูให้ทราบ ทั้งสองคนรู้สึกยินดีไปกับเธอด้วย และก็เตือนให้เธอกลับมาที่หอพักให้เร็วหน่อยหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องไม่ดีอีก
ซูฮั่นหยวนออกจากโรงงาน ก็พบกับซูจิ่งรุ่ยที่กำลังยืนรอใครบางคนอยู่ที่หน้าทางเข้าโรงงานพอดี