หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
เช้าตรู่วันต่อมา ชุน 1 และถูกปลุกให้ตื่นโดยครูฝึก
โดยปรกติทั้ง 2 ชุนจะตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อฝึกวรยุทธ์อยู่แล้ว
แต่คราวนี้ชุน 1 ถูกปลุกให้ตื่นเร็วกว่าปรกติของเขาถึง 1 ยาม
( 1 ยาม = 1 ชั่วโมง )
จากนั้นครูฝึกก็ให้เวลานักเรียนฝึกทหารรุ่นใหม่จัดการธุระของตนเองพร้อมทั้งสวมชุดฝึกให้เรียบร้อยแล้วไปรวมตัวกันที่สนามฝึก โดยให้เวลาในการเตรียมตัว ครึ่งยาม รวมถึงการกินข้าวเช้าแบบง่ายๆ ก่อนเริ่มการฝึกช่วงเช้า
เมื่อนักเรียนฝึกทหารมาถึงสนามฝึกแล้ว ครูฝึกก็ทำการสอนการเข้าแถว เช่นการเข้าแถวหน้ากระดาน การเข้าแถวตอนเรียงเดี่ยว การฝึกซ้ายหัน ขวาหัน กลับหลังหันให้กับนักเรียนฝึกทหาร
เพื่อให้นักเรียนฝึกทหารได้ฝึกระเบียบวินัยและความพร้อมเพรียงไปในตัว
การฝึกในครั้งแรกนี้ใช้เวลาไปถึงครึ่งวัน ก่อนที่ครูฝึกจะปล่อยแถวให้นักเรียนฝึกทหารไปกินข้าวเที่ยงยังโรงอาหาร
หัวหน้าครูฝึกได้กล่าวกับนักเรียนฝึกทหารรุ่นใหม่ทั้งหมดว่า
"นักเรียนฝึกทหารทุกนายจงฟัง การฝึกทหารนั้น มิใช่การฝึกเพื่อแข่งขันแย่งชิงอันดับกันเหมือนในสำนักฝึกยุทธ์ทั่วๆไป"
"แต่การฝึกทหารนั้นเป็นการฝึกเพื่อให้นักเรียนฝึกทหารทุกนาย รู้จักการทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ มีความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกันในการปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วง"
"การฝึกทหารจะมิมีการทดสอบจัดอันดับว่าใครเก่งที่สุด แต่ในทุกๆ 3 เดือน ทางครูฝึก จะทำการทดสอบพัฒนาการในด้านร่างกายของพวกเจ้า"
"พวกเจ้าทุกนาย จะต้องเอาชนะขีดความสามารถของตนเอง พวกเจ้าต้องแข่งขันกับตัวเอง มิใช่แข่งขันกับผู้อื่น"
"ในปีแรกนี้ ต่อให้ในกลุ่มของพวกเจ้า มีผู้ที่เคยฝึกวรยุทธ์ในขั้นผสานกายา หรือแม้กระทั่งบางนายอาจจะอยู่ในขั้นผสานลมปราณแล้ว"
"แต่ในระหว่างการฝึกและการทดสอบ พวกเจ้าจะมิได้รับอนุญาตให้ใช้พลังปราณในการสนับสนุนร่างกายมิว่าจะเป็นในกรณีใดๆทั้งสิ้น"
"หากมีผู้ใดผ่าฝืน จะถูกลงโทษอย่างหนัก หรือแม้กระทั่งถูกไล่ออกจากการเป็นนักเรียนฝึกทหาร ตามแต่ละกรณีความผิดที่เกิดขึ้น"
"แต่ทางกองพลทหาร ก็มิได้ห้ามพวกเจ้าผู้มีวรยุทธ์ ในการที่จะพัฒนาพลังปราณและวรยุทธ์ของตนเอง"
"หากเจ้าใช้เวลาว่างหลังการฝึกทหาร ไปฝึกวรยุทธ์ และดูดซับพลังปราณ ตามความสามารถของแต่ละคน พวกเจ้าก็สามารถกระทำได้"
"พวกเจ้าเข้าใจกันแล้วหรือไม่"
"เข้าใจแล้วขอรับ.. !!" นักเรียนฝึกทหารทุกนายรวมถึงชุน 1 ตอบออกมาอย่างพร้อมเพียงด้วยเสียงอันดัง
"เลิกแถวแล้วไปกินข้าวเที่ยงได้"
"รับทราบขอรับ.. !!" แล้วนักเรียนฝึกทหารก็พากันไปกินข้าวที่โรงอาหารกันอย่างพร้อมเพรียง
แล้วเวลาการฝึกช่วงบ่ายก็มาถึง คราวนี้ครูฝึกให้นักเรียนฝึกทหารสวมน้ำหนักถ่วงไว้ที่ข้อมือและข้อเท้าทั้ง 4 จุด จุดละ 1 กีลา
( 1 กีลา = 1 กิโลกรัม )
จากนั้นจึงสั่งให้นักเรียนฝึกทหารรุ่นใหม่ทั้งหมด วิ่งรอบสนามฝึก 100 รอบ
หากห้องนอนไหน มีนักเรียนฝึกทหารวิ่งได้ไม่ครบ 100 รอบ นักเรียนฝึกทหารในห้องนอนนั้นทั้ง 10 คน ก็จะต้องถูกทำโทษร่วมกันทั้งหมด
ดังนั้นห้องที่ 88 ของชุน 1 และห้องหมายเลขอื่นๆ ต่างก็จับกลุ่มวิ่งด้วยกัน เพื่อคอยช่วยเหลือกันหากมีใครคนใดวิ่งไม่ไหว
ถึงแม้ว่าน้ำหนักถ่วงจะหนักเพียงแค่ 1 กีลา รวมกัน 4 จุดก็เพียง 4 กีลา
แต่การที่ถ่วงน้ำหนักแล้ววิ่งไปเรื่อยๆเช่นนี้ ก็จะทำให้ร่างกายรับภาระที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิด จนบางคนอาจจะเหนื่อยล้าจนทนไม่ไหวขึ้นมาได้
แม้ชุน 2 จะออกกำลังการเป็นประจำด้วยการไปแย่งกรรมกรท่าเรือขนสินค้ามาตั้งแต่ยังเด็ก
ชุน 2 ก็ยังมิมั่นใจว่าเขาจะวิ่งได้ถึง 100 รอบหรือไม่ หากมิได้ใช้พลังปราณช่วย
"ชุน 1 การฝึกทหารนี่โหดกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก" ชุน 2 สื่อจิตถึงชุน 1 ที่กำลังเริ่มออกวิ่งไปพร้อมกับกลุ่มห้องที่ 88 อีก 9 คน
"เจ้ายังจำตอนที่เราบุกเข้ายึดค่ายใหญ่ของพวกหุบเขาเถื่อนได้ไหม ตอนนั้นเรารบกับพวกหุบเขาเถื่อนเป็นเวลาถึง 3 ยาม"
"เมื่อการรบจบลง เราแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงเลย แต่พวกพลทหารกลับยังมีเรี่ยวแรงเหลืออยู่"
"คงเป็นเพราะพวกเขาฝึกกันมาเช่นนี้นี่เอง" ชุน 1 กล่าวตอบ
"อืม.. ข้าเห็นด้วย" ชุน 2 มิได้กล่าวอะไรอีก และชุน 1 ก็ยังคงวิ่งต่อไปอย่างมุ่งมั่น