หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
แล้วค่ำคืนแห่งความหวาดระแวง ของทั้งฝ่ายทหาร และฝ่ายหุบเขาเถื่อน ก็ผ่านไป
รุ่งอรุณวันใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น ชุน 2 ตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่ เขาสวมชุดเกราะสีดำของเขา สวมโล่เกราะปลายแขนที่ทำจากโลหะทองอนันต์ไว้ที่ปลายแขนทั้ง 2 ข้าง โดยทาสีดำทับสีทองเอาไว้
ที่เอวด้านซ้ายของเขาแขวนกระบี่ที่ได้รับมาจากท่านอาจารย์จ้าวฟูหยาง
ส่วนที่เอวด้านขวาแขวนหน้าไม้อินทรีเวหา 30 ที่ชุน 1 ปรับแต่งเอาไว้ แต่ยังมิเคยมีโอกาศได้ใช้เลยสักครั้ง
พร้อมด้วยแผงลูกศรอีก 20 แผง หนึ่งแฝงบรรจุลูกศร 10 ดอก
ซึ่งมีทั้งลูกศรหัวเจาะเกราะ และลูกศรหัวระเบิดพลังปราณ
ชุน 2 พร้อมรบเต็มที่แล้ว
การประชุมยุทธการในตอนเช้าตรู่ก็เริ่มขึ้น ในตอนนี้หลิวชุน ได้โอนอำนาจการบังคับบัญชากองพล กลับคืนไปให้ท่านขุนพลอี้ตามเดิมแล้ว
แผนการหลักยังคงเป็นการยึดแนวสันเขาทั้ง 2 ฝั่งของหุบเขา แล้วลำเลียงปืนใหญ่พลังปราณพิสัยไกลและหน้าไม้ยักษ์ ขึ้นไปติดตั้งบนแนวยอดเทือกเขา เพื่อทำการระดมยิงจากที่สูง เข้าใส่ค่ายใหญ่ของพวกหุบเขาเถื่อน
จากการสอบถามตัวประกันทำให้ทางฝ่ายทหารสามารถเขียนแผนที่อาคารต่างๆภายในค่ายออกมาได้อย่างชัดเจน
แต่ก็ยังมีข่าวร้ายที่ได้รู้จากตัวประกันอยู่ด้วย นั่นก็คือ ยังมีตัวประกันผู้หญิงอยู่อีกประมาณ 80 คน ที่พวกหุบเขาเถื่อนจับมาเป็นทาสรับใช้ทำงาน และเป็นนางบำเรอ
ชุน 1 จึงกล่าวในที่ประชุมผ่าน ชุน 2 ว่า
ให้ทำไปทีละขั้นตอน อันดับแรกให้ยึดแนวยอดเทือกเขาทั้ง 2 ฝั่งให้ได้ภายในเวลา 3 ยาม
ส่วนกองกำลังที่ล้อมค่ายใหญ่ ทั้ง 1,300 คน ให้ทำการยิงปืนใหญ่พลังปราณพิสัยกลาง และหน้าไม้หัวระเบิดขนาดกลาง เข้าทำลายกำแพงของค่ายศัตรู
โดยยังมิต้องยิงข้ามเข้าไปในค่ายใหญ่ของศัตรู
เพราะยังไม่แน่ใจว่าตัวประกันที่เป็นผู้หญิง จะถูกจับเอาไว้ที่อาคารใด
ไม่นานก็มีรายงานจากทหารหน่วยพลรบพิเศษเข้ามาว่า เจอปากอุโมงค์หลบหนีที่พวกหุบเขาเถื่อนขุดและอำพรางไว้ 5 อุโมงค์แล้ว และยังจะทำการค้นหาต่อไป
แล้วศึกรบในวันที่ 2 ก็เริ่มต้นขึ้น
ชุน 2 ติดตามท่านขุนพลอี้ ขึ้นไปยังที่สูง เพื่อดูแลภาพรวมของศึกครั้งนี้
ฝ่ายทหารทำการยิงปืนใหญ่ระเบิดพลังปราณพิสัยกลาง และหน้าไม้หัวระเบิดขนาดกลาง เข้าใส่กำเเพงหินของค่ายศัตรู เพื่อเจาะช่องให้ทหารราบบุกเข้าไป
ส่วนพวกศัตรู ก็พยายามยิงปืนใหญ่พิสัยกลางและหน้าไม้หัวระเบิดขนาดกลางออกมาจากกำแพงค่าย
เพื่อเปิดทางให้กำลังพลของพวกมันเคลื่อนกำลังรบจากในค่าย ขึ้นไปช่วยพวกที่อยู่บนแนวสันเทือกเขา
มีกำลังพลรบบางส่วนของพวกมัน เล็ดลอดออกมาจากในค่ายได้ แต่ก็ถูกฝ่ายทหารเข้าโจมตี จนพวกมันต้องถอนกำลังกลับเข้าไปในค่าย
เหตุการณ์เกิดขึ้นแบบนี้ ซ้ำไปซ้ำมา จนกระทั้งเวลา 2 ยามผ่านไป
--รายงานกองบัญชาการ บัดนี้ทางแนวยอดเทือกเขาฝั่งตะวันตก พวกเรายึดพื้นที่เอาไว้ได้หมดแล้วขอรับ--
ชุน 2 หันไปสบตากับท่านขุนพลอี้ ทำหน้าในเชิงขออนุญาต ท่านขุนพลก็พยักหน้าอนุญาต
--กองปืนใหญ่พลังปราณพิสัยไกลและหน้าไม้ยักษ์ พวกเจ้าจะใช้เวลาเท่าไร ในการลำเลียงยุทโธปกรณ์ ขึ้นไปติดตั้งบนยอดแนวเทือกเขา-- ชุน 2 กล่าวแทนชุน 1
-- 1 ยามขอรับ ท่านว่าที่นักกลยุทธ์--
--แล้วทางฝั่งตะวันออกละ สถานะการณ์ เป็นอย่างไรบ้าง--
--อีก ครึ่งยาม ข้าน้อยมั่นใจว่าจะยึดแนวยอดเทือกเขาฝั่งนี้ได้ขอรับ ท่านว่าที่นักกลยุทธ์-- ขุนศึกผู้นำกองกำลังฝั่งตะวันออกตอบกลับมา
--พวกท่านทั้ง 2 ฝั่งรีบดำเนินการ เมื่อติดตั้งปืนใหญ่และหน้าไม้ยักษ์ ทั้ง 2 ฝั่งของหุบเขาเรียบร้อย--
--แล้วให้พวกท่านทิ้งกำลังพลไว้คอยคุ้มกันแนวยอดเทือกเขา และปืนใหญ่เอาไว้ฝั่งละ 100 นาย--
--ส่วนที่เหลืออีกฝั่งละ 200 นาย ให้พวกท่าน นำกำลังพลลงมาช่วยล้อมค่ายใหญ่ของพวกมันเอาไว้ พร้อมทั้งเตรียมตัวบุกเข้าตีค่าย--
--ขอรับ ท่านว่าที่นักกลยุทธ์-- ขุนศึกทั้งจากฝั่งตะวันตก และฝั่งตะวันออกตอบออกมาพร้อมๆกัน
เวลาผ่านไปอีก 3 ยาม ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเที่ยงวัน ฐานปืนใหญ่พลังปราณพิสัยไกล และฐานหน้าไม้ยักษ์ของกองพลทหารได้ทำการติดตั้งอยู่บนแนวเทือกเขาทั้ง 2 ฝั่ง ของหุบเขาเถื่อน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อมองภาพรวมทุกอย่างแล้ว หลิวชุนก็ปรึกษากับท่านขุนพลอี้อยู่สักครู่
จึงมีคำสั่งจากท่านขุนพลอี้ ออกมาว่า
--ทหารทุกนายจงรับคำสั่ง ครั้งนี้เราจะเข้าตีค่ายใหญ่ของพวกศัตรู พวกมันต้องไม่รอดไปได้แม้แต่คนเดียว จนถึงตอนนี้เราสูญเสียพี่น้องทหารหาญไปแล้ว 89 นาย บาดเจ็บอีกหลายนาย--
--ข้ายังยืนยันคำเดิม ถ้าศึกครั้งนี้เราเเพ้ ข้าจะขอตายบนสนามรบแห่งนี้ ไม่ขอกลับไปพบครอบครัวอีก--
--พวกเจ้าทหารทั้งหลาย โดยเฉพาะหัวหมู่ขึ้นไป จงดูแลทหารใต้บังคับบัญชาให้ดี เจ้าต้องตายแทนพวกเขาได้--
--ส่วนทหารใต้บังคับบัญชา พวกเจ้าก็จงดูแลหัวหน้าของพวกเจ้าให้ดีเช่นกัน--
แล้วท่านขุนพลอี้ก็ให้ หลิวชุนใช้เครื่องกลไกสื่อสารทางการทหารต่อจากเขา
--ทุกหน่วยจงฟัง ปืนใหญ่พลังปราณและหน้าไม้ยักษ์ บนแนวเทือกเขา ให้ยิงถล่มภายในค่ายและกำแพงของพวกมันได้เลย--
--โดยเฉพาะอาคารหลักๆ จงทำลายให้ราบ และยิงซ้ำเข้าไป พวกมันมีชั้นใต้ดิน และอุโมงค์-- ชุน 1 กล่าวผ่าน ชุน 2
ไม่มีความสงสัยในคำสั่งทางการทหาร ปืนใหญ่พลังปราณและหน้าไม้ยักษ์ ทำการระดมยิงเข้าสู่ค่ายใหญ่ของพวกหุบเขาเถื่อนในทันที
พลังการทำลายล้างของปืนใหญ่พลังปราณพิสัยไกลบนแนวเทือกเขา แตกต่างจากปืนใหญ่พลังปราณพิสัยกลางมาก
หน้าไม้ยักษ์หัวระเบิดพลังปราณก็เช่นเดียวกัน
อาจจะมี ขุนศึก นายกอง บางคนที่คิดขึ้นมาในใจว่า แล้วพวกตัวประกันที่เป็นผู้หญิงละ มิตายกันหมดหรือ
แต่คำสั่งทางการทหารก็มิอาจขัดขืน พวกเขาคิดแค่ 2 ช่วงลมหายใจ ตามหลักคุณธรรม จากนั้นก็ทำตามคำสั่งโดยเคร่งครัดต่อไป
คำสั่งโจมตี โดยไม่ต้องสนใจตัวประกันนี้ เป็นความคิดของชุน 1 ที่บอกกล่าวกับท่านขุนพลอี้เอง
อย่าลืมว่า ชุน 1 คือนักพนัน การตัดสินใจครั้งนี้ ชุน 1 พนันชีวิตของเขา กับ ชีวิตของตัวประกันหญิง 80 คน
นี่เป็นคำสั่งของ หลิวชุน
หลิวชุนต้องรับผิดชอบ
ชุน 1 ก็คือ ชุน 2
ทั้ง 2 คือ หลิวชุน
นายน้อยหลิวชุน แห่ง ตระกูลหลิว ของอำเภออันจง คนที่มีอายุเพียง 17 ปี
หลิวชุน พร้อมที่จะรับผิด โดยที่โอกาศ รับชอบ มีน้อยมาก
"เมื่อกำแพงแตก ข้าขอคำสั่งจากท่านขุนพลให้ข้านำกำลังเข้ายึดค่ายแห่งนี้ขอรับ" ชุน 2 กล่าว
ท่านขุนพลอี้ นิ่งเงียบไปสักครู่ แล้วจึงกวาดแขนข้างขวา ที่แฝงด้วยพลังปราณ ของนักยุทธ์ขั้นปราณวารีขั้นต้น ระดับที่ 1 ซึ่งสามารถเปิดจุดตันเถียนในร่างกายได้แล้ว มายังร่างของชุน 2
ชุน 2 ที่ใช้ร่างนี้อยู่ ก็มิได้เกรงกลัวอันใด เขาใช้โล่เกราะปลายแขนของเขารับแรงปะทะเอาไว้ แล้วสลับร่างให้ชุน 1 เข้าควบคุมร่าง
ชุน 1 ปลดหน้าไม้อินทรีเวหา 30 ออกจากเอวด้วยความรวดเร็ว และกำลังจะทำการยิงลูกศร เข้าไปยังซอกเล็กๆที่เป็นจุดอ่อน ของชุดเกราะของท่านขุนพลอี้
"เอาละ พอได้แแล้ว" ท่านขุนพลอี้กล่าว
"ลูกศิษย์ของท่านจ้าวฟูหยางนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ"
"ท่านจ้าวฟูหยาง ฝากฝังท่านว่าที่นักกลยุทธ์หลิวเอาไว้กับข้า"
"ข้าจึงต้องทำการทดสอบท่าน"
"ท่านว่าที่นักกลยุทธ์หลิว ท่านนำกองกำลังเข้าบุกตีค่ายได้" ท่านขุนพลอี้กล่าว
"เฮ้อ.. ไปไหนก็ไม่พันมือของท่านอาจารย์"
นี่แสดงว่าหน่วยข่าวกรองที่บอกว่า พวกหุบเขาเถื่อน มีกำลังคนแค่ 500 คน เป็นกลลวงของท่านอาจารย์แน่ๆเลย ท่านอาจารย์ต้องการทดสอบข้า
เฮ้อ.... ชุน 1 บ่นในใจ
เมื่อชุน 2 ออกมาจากกระโจมบัญชาการแล้ว เขาก็บอกกับท่านอารอง และเฉินเป่าว่า
"พวกเราไปลุยกันเถอะ"
"ท่านจ้าวฟูหยาง ทำไมท่านถึงต้องการผลักดันท่านว่าที่นักกลยุทธ์หลิว ขึ้นรวดเร็วขนาดนี้นะขอรับ"
"เขายังอายุไม่ถึง 20 ปีเลย"
ท่านขุนพลอี้ พึมพำออกมาเบาๆ