หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
เช้าวันต่อมา เมื่อชุน 1 ตื่นขึ้นเขายังคงฝึกยุทธ์ เป็นเวลา 2 ยาม ตามที่ท่านอาจารย์จ้าวกำหนดไว้ทุกประการ
จากนั้นเขาจึงใช้เครื่องกลสื่อสารระยะใกล้ ติดต่อไปยังท่านเจ้าเมืองสือแห่งเมืองอันซุย
เขาฝากฝังเรื่องของตระกูลลั่วและตระกูลเย่
ให้ท่านเจ้าเมืองสือดำเนินการไปได้เลย หากรวบรวมหลักฐานได้ครบถ้วน
มิต้องรอให้เขากลับไป ร่วมถล่มตระกูลลั่วและตระกูลเย่ กับทางการเมืองอันซุย
ชุน 1 ย่อมแยกแยะลำดับความสำคัญของเรื่องออก
เรื่องของสัทธิมารโลหิต ย่อมสำคัญต่อความมั่นคงของอาณาจักรต้าเหมิงเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนเรื่องของตระกูลลั่วและตระกูลเย่ แม้เขาจะมิได้กลับไปเข้าร่วมในการถล่มทั้ง 2 ตระกูลนี้
ทางสำนักมือปราบและทางทหารของเมืองอันซุย
ก็สามารถที่จะถล่มทั้ง 2 ตระกูล ให้สิ้นสลายหายไปได้อย่างไม่ยากเย็น
จากนั้นชุน 1 ก็เดินไปหาท่านอารองของเขา แล้วกล่าวว่า
"ท่านอารองขอรับ ข้าได้ฝากฝังเรื่องของตระกูลหลิวของพวกเรา ไว้กับท่านเจ้าเมืองอันซุย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอให้ท่านอารองคลายกังวลเรื่องของตระกูลลงได้ขอรับ"
ทั้ง 2 ชุน เดินทางมากับเรือของท่านอ๋องน้อยได้ 2 วันแล้ว
ด้วยความเร็วของเรือรบ วันนี้เรือของท่านอ๋องน้อย ก็เดินทางมาถึงเมืองจิวไห่
อันเป็นเมืองที่อยู่ถัดไปทางทิศใต้ของเมืองอันซุย และมีแม่น้ำอันซุย-จิวไห่ ไหลผ่านเช่นเดียวกัน
ชุน 1 และท่านอารอง ก้าวลงจากเรือรบของท่านอ๋องน้อย เขามองไปรอบๆ เมืองจิวไห่ยังคงคึกคักเหมือนเดิม
5 ปีที่แล้ว เขาทำคดีลักพาตัวคุณชายเฉิน บุตรชายของท่านตุลาการ ณ.เมืองแห่งนี้
แล้วชุน 2 ก็เอ่ยกับท่านอารองของเขาว่า "ท่านอารองขอรับ คราแรกนี้เราจะไปยังเรือนจำ ข้ามีคนที่ต้องไปสืบตามหาที่นั่นขอรับ"
ชุน 1 จึงพาท่านอารอง ไปยังเรือนจำ แล้วเขาก็ขอข้อมูลของนักโทษจางลู่คง โดยใช้ตราประจำตำแหน่งผู้ตรวจราชการแห่งมณฑลภาคเหนือของเขา ในการยืนยันตัวตนและขอข้อมูลของนักโทษ
จางลู่คงนั้นก็คือ โจรที่ลักพาตัวคุณชายเฉิน บุตรชายของท่านตุลาการของเมืองจิวไห่นั่นเอง
จางลู่คงได้ถูกปล่อยตัวจากเรือนจำไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว อันที่จริงโทษของการลักพาตัวนั้นสูงมาก
แต่จางลู่คง ก็ได้รับการลดหย่อนโทษเหลือจำคุกเพียง 2 ปี เนื่องจากจางลู่คงเป็นผู้ให้เบาะแสของการลักลอบขนหินพลังปราณเถื่อนแก่ทางการ
จนทำให้จับกุมและกำจัดกลุ่มมือปราบที่ทุจริตของสำนักมือปราบเมืองจิวไห่ลงไปได้
จางลู่คงลงบันทึกไว้ก่อนออกจากเรือนจำว่า เขาจะไปพักอาศัยอยู่กับเหยาเซียว เจ้าของที่ดินสวนผักที่ถูกกลุ่มมือปราบทุจริตยึดที่ดิน ไปทำเป็นท่าเรือในการขนหินพลังปราณเถื่อน
ได้ข้อมูลดังนั้นชุน 1 ก็พาท่านอารอง เดินทางไปยังหมู่บ้านที่เหยาเซียวอยู่ในทันที
เมื่อมาถึงยังบ้านของเหยาเซียวแล้ว ชุน 1 ก็ได้พบกับเหยาเซียวและจางลู่คง พวกเขาดีใจมากที่ชุน 1 มาหาพวกเขา เพราะหลิวชุนก็ถือได้ว่าเป็นผู้มีพระคุณของพวกเขา
เมื่อกล่าวสอบถามสารทุกข์สุกดิบซึ่งกันและกันแล้ว ชุน 1 ก็กล่าวเข้าเรื่องทันที
"ท่านพี่จาง ที่ข้ามาหาท่านในครั้งนี้ ข้ามาเพื่อขอให้ท่านใช้ความสามารถที่ท่านมี ช่วยข้าตามหาคนผู้หนึ่งนามว่าซูเข่อ เป็นพ่อค้าสมุนไพรอยู่ในเมืองอันซุย"
แล้วชุน 1 ก็เล่าเรื่องราวของพ่อค้าซูให้จางลู่คงฟัง แต่มิได้เอ่ยถึงหลิวกวนว่าผิดพลาดเช่นไร อันเป็นการไว้หน้าหลิวกวน เพราะอย่างไร จางลู่คง ก็ยังคงเป็นคนนอกตระกูล
"ท่านพี่จาง ท่านคิดว่าท่านจะสามารถตามหาตัวพ่อค้าซูให้ข้าได้หรือไม่ขอรับ" ชุน 1 กล่าวถาม
"ในตอนนี้ข้านอกจากจะช่วยท่านลุงเหยาปลูกผักขายแล้ว ข้ายังเป็นนักล่ารับจ้างของสมาคมนักล่า"
"ข้าคิดว่าข้าจะสามารถเเกะรอยตามตัวของพ่อค้าซูได้ขอรับ นายน้อยหลิวชุน" จางลู่คงตอบออกมา
"ดีแล้ว.. ดีแล้ว.. ข้าทราบมาว่าหลังจากที่ท่านพี่จาง ถูกบุตรชายของท่านลุงเหยาช่วยชีวิตไว้ในวัยเด็ก"
"ท่านก็ได้ไปเป็นทหารอยู่หลายปี มีความสามารถ จนได้รับการบรรจุเข้า หน่วยลาดตระเวณเเกะรอยระยะไกลของกองทัพ"
"ความสามารถนี้มิใช่จะมีกันได้ง่ายๆ ต้องฝ่านการฝึกฝนอันยาวนาน ทั้งการเกะรอยในป่าและการเกะรอยในเมือง"
"นายน้อยหลิวชุนอย่ากล่าวชมข้าน้อยเลยขอรับ ข้าน้อยเต็มใจช่วยนายน้อยหลิวชุนอย่างเต็มที่ขอรับ"
"เอาละ.. ส่วนเรื่องเงินค่าจ้าง ข้าจะให้ท่านอารองของข้า เป็นผู้เจรจากับท่านพี่จางเอง"
ชุน 2 โยนเรื่องเงินๆทองๆไปให้ท่านอารอง เป็นผู้เจรจาทำข้อตกลงว่าจ้างในทันที
เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วชุน 1 และท่านอารอง ก็พากันขอตัวกลับไปยังเรือของท่านอ๋องน้อย
วันนี้ชุน 1 คิดจะทำการเตรียมพร้อมสำหรับการสืบหาที่หลบซ่อนของลักธิมารโลหิต โดยการ ปรับแต่ง หน้าไม้รุ่นนกเหยี่ยว 30 ของเขา
พลสรรพวุธทหารผู้หนึ่ง กำลังช่วยชุน 1 ในการปรับปรุงหน้าไม้ อยู่ในห้องคลังอาวุธของเรือ
เรือของท่านอ๋องน้อยที่ใช้เดินทางมาในครั้งนี้ เป็นเรือรบของกองทัพแห่งมณฑลภาคเหนือ
เจ้าหน้าที่ทุกนายบนเรือลำนี้จึงเป็นทหาร และคลังอาวุธของเรือลำนี้ก็มีอุปกรณ์ในการซ่อมบำรุงอาวุธอยู่อย่างครบครัน
"พลสรรพาวุธทหาร ท่านสามารถช่วยข้าปรับปรุงหน้าไม้ของข้าให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นได้หรือไม่ขอรับ" ชุน 1 กล่าวกับพลสรรพาวุธประจำเรือ
"ได้ขอรับ ท่านผู้ตรวจราชการหลิวชุน ท่านอ๋องน้อยได้สั่งการข้าน้อยเอาไว้แล้ว ในเรื่องการปรับปรุงหน้าไม้ของท่านผู้ตรวจราชการหลิว"
"ดีๆๆ.. อย่างนั้นข้าต้องการให้ใช้โครงของหน้าไม้ รุ่นนกเหยี่ยว 30 เหมือนเดิม เพราะข้าฝึกยิงมาจนชินมือแล้ว"
"นอกนั้นข้าอยากจะเปลี่ยนอุปกรณ์ประกอบใหม่ทั้งหมด ให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าของเดิมขอรับ"
"เช่น สายเอ็นหน้าไม้ ลูกรอกหน้าไม้ กลไกหินพลังปราณ ที่ใช้ในการรั้งสายเอ็นหน้าไม้ และขึ้นลำลูกศร เพิ่อให้ยิงต่อเนื่องได้เร็วยิ่งขึ้น"
"ทั้งให้ยิงได้แรงและไกลมากขึ้นกว่าเดิมขอรับ"
"และที่สำคัญข้าอยากให้บรรจุลูกศรได้ 10 ดอก"
"จากแผงบรรจุลูกศร 1 แผง ที่ของเดิมที่บรรจุได้เพียงแค่ 8 ดอก"
"ได้สิขอรับ ท่านผู้ตรวจราชการหลิว ในคลังอาวุธนี้เรามีอุปกรณ์ปรับแต่งอยู่อย่างครบถ้วนแล้วขอรับ"
แล้วพลสรรพาวุธ และชุน 1 ก็ช่วยกัน ปรับแต่ง หน้าไม้รุ่นนกเหยี่ยว 30 ให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม
"ฮ่าๆๆ.. ดีๆๆ.. ต้องขอขอบคุณท่านยิ่งนัก ท่านพลสรรพาวุธทหาร ที่ช่วยปรับแต่งหน้าไม้ของข้าขอรับ ฮ่าๆๆ.." ชุน 1 หัวเราะและกล่าวอย่างอารมณ์ดี
"ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่า หน้าไม้รุ่น อินทรีเวหา 30 ก็แล้วกัน" ชุน 1 เปลี่ยนชื่อให้กับหน้าไม้ของเขาเสียใหม่
"นี่เจ้าอ่อนชุน 1 เจ้ากลับไปหาท่านอารองอีกครั้งสิ"
"ข้าอยากประลองกับขั้นผสานลมปราณขั้นกลาง โดยที่นักยุทธ์ผู้นั้นใช้กำลังภายในประลองกับข้า"
"คงจะมีแต่ท่านอารองเท่านั้นที่จะยอมทำตามคำขอนี้" ชุน 2 สื่อจิตถึง ชุน 1
"อืม.. ข้าเห็นด้วย ครานี้เรามีโอกาศคงต้องปะทะกับพวกลัทธิมารโลหิตเป็นแน่ ต้องเตรียมพร้อมไว้สูงสุด"
"จะหวังพึ่งแต่เพียงลูกศรหัวระเบิดพลังปราณ ก็หาได้ไม่"
"ถ้ายิงมันไม่โดน พวกเราก็คงต้องตกตายไป" ชุน 1 ตอบออกมา
ทั้ง 2 ชุน กำลังเตรียมตัวที่จะลุยเต็มที่แล้ว
เวลาต่อมา ณ.ดาดฟ้าเรือรบ
"เอาละ.. เจ้าทั้ง 2 ท่านจ้าวฟูหยาง ถ่ายทอดวิชายุทธ์ในแนวทางใดมาให้พวกเจ้าบ้าง" ท่านอารองถามทั้ง 2 ชุน
"ของข้าท่านอาจารย์จ้าว ถ่ายทอดววิชายุทธ์เพลงกระบี่ และวิชายุทธ์ท่าร่างการเคลื่อนไหว โดยเน้นให้ข้าต่อสู้ในระยะประชิดขอรับ ท่านอารอง"
ชุน 2 ซึ่งตอนนี้เข้าควบคุมร่างตอบออกมาก่อน
"ส่วนของข้าท่านอาจารย์จ้าว ก็สอนทุกวิชายุทธ์ที่เจ้าชุน 2 ร่ำเรียน แต่เน้นที่วิชายุทธ์ท่าร่างการเคลื่อนไหว ให้ข้าโจมตีจากระยะไกลโดยใช้หน้าไม้"
"หรือในคราจำเป็นก็สามารถหลบหนีเอาตัวรอดได้อย่างรวดเร็วขอรับ" ชุน 1 ตอบคำถามอารองของเขา
"อืม.. เหมาะสมแล้ว เหมาะสมแล้ว ท่านจ้าวฟูหยาง เป็นถึงอดีตจอหงวนบู๊ อันดับที่ 1"
"ย่อมต้องมองศักยภาพของพวกเจ้าทั้ง 2 ออก"
"และถ่ายทอดวิชายุทธ์ให้พวกเจ้าแต่ละคน ได้อย่างเหมาะสม"
"พวกเจ้าทั้ง 2 ช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้ท่านจ้าวฟูหยางเป็นอาจารย์" ท่านอารองกล่าวออกมาเบาๆ