หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
เช้าวันนี้ชุน 1 มิได้ติดตามบิดาและหลิวกวนไปยังบริเวณท่าเรือ เขาให้บิดาและหลิวกวนตัดสินใจเรื่องซื้อที่ดินสร้างโกดังสินค้าให้เช่าของตระกูลหลิว ได้โดยมิต้องบอกกล่าวอะไรแก่เขา
เขามีหน้าที่เพียงประสานกับศิษย์พี่เตีย ในการโอนตั๋วแลกเงินมาซื้อที่ดินเพียงเท่านั้น
บิดาของเขาและหลิวกวนจึงเดินทางไปยังท่าเรือเมืองอันซุยพร้อมกับเจ้าหน้าที่กรมการภาษีและที่ดินอีก 2 คน ที่ท่านเจ้าเมืองสือส่งมาคอยดูแลช่วยเหลือในการซื้อที่ดินในครั้งนี้
เมื่อคณะซื้อที่ดินพากันจากไปแล้ว ชุน 1 ก็ออกเดินทางจากเรือนรับรองของทางการเพื่อไปยังสำนักศึกษาแห่งเมืองอันซุย
ซึ่งเป็นสำนักศึกษา ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอันซุยแห่งนี้
ชุน 1 ใช้เวลาในการเดินทางไม่นานนักเขาก็มาถึงยังสำนักศึกษาแห่งเมืองอันซุย เช้าวันนี้บรรยากาศของสำนักศึกษาคึกคักมาก
เพราะเป็นวันทดสอบความรู้ของผู้ที่ต้องการจะสมัครเข้าเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นระดับต้น
ชุน 1 เกิดความสนใจขึ้นมา ครั้งแรกเขาคิดว่าจะมายังสำนักศึกษา ก็เพื่อจะเข้าไปยังห้องสมุดของที่นี่ เพื่อหาหนังสือที่น่าสนใจมาอ่าน แต่พอเจอเหตุการณ์นี้
เขาก็คิดที่จะลองทดสอบความรู้ของเขาที่ได้ร่ำเรียนมากับท่านอาจารย์จ้าวฟูหยาง ตลอดจนหนังสือต่างๆที่เขานำมาอ่านและศึกษาด้วยตัวเอง ว่าระดับความรู้ของเขานั้นจะผ่านการทดสอบได้หรือไม่
เขาจึงทำการลงชื่อสมัครเข้าทดสอบในครั้งนี้
จากข้อมูลที่เขาได้มาการทดสอบครั้งนี้ จะแบ่งเป็นภาคเช้าและภาคบ่าย
ในภาคเช้าจะทำการทดสอบวิชาการคำนวนตัวเลขและวิชาการปกครอง
ส่วนในภาคบ่ายจะทำการทดสอบวิชาภูมิศาสตร์อผนที่และวิชาตัวบทกฏหมาย
อนึ่งบนดาวจื่อหมิงสีแดงดวงนี้ ในหลายๆราชอาณาจักรก็มีข้อกำหนดที่เหมือนๆกัน
นั่นคือหากไม่ผ่านเกณฑ์การทดสอบด้านบุ๋น ก็จะไม่สามารถเป็นขุนนางฝ่ายปกครองได้
และหากไม่ผ่านเกณฑ์การทดสอบด้านบู๊ ก็จะไม่สามารถเป็นขุนนางฝ่ายทหารหรือมือปราบได้เช่นเดียวกัน
ท่านอาจารย์จ้าวฟูหยางของเขานั้น เป็นได้ทั้งขุนนางฝ่ายบู๊ และขุนนางฝ่ายบุ๋น
คือเริ่มต้นจากการเป็นขุนนางมือปราบ และต่อมาก็ข้ามฟากไปเป็นขุนนางกรมตุลาการ
เมื่อชุน 1 เตรียมอุปกรณ์ในการเข้าทดสอบเรียบร้อยแล้ว เขาก็รอเวลาเข้าทดสอบอย่างเงียบๆ
แล้วศัตรูในทางแคบก็ได้มาพบเจอกัน จินซีซวน นายน้อยของตระกูลจิน ที่ชุน 1 ชัดหมัดเข้าปลายคางจนสลบเหมือดไปเมื่อครั้งอยู่ที่อำเภออันจง ก็ปรากฏตัวขึ้น
จินซีกวนนั้นร่ำเรียนอยู่ในสำนักศึกษานี้มาเป็นระยะเวลา 3 ปีแล้ว
พอเห็นชุน 1 เท่านั้นอารมณ์โกรธของเขาก็พลุ่งพล่านขึ้นมา เขาพาบรรดาสหายร่วมสำนักศึกษาของเขา เข้าไปกล่าวกับชุน 1 ว่า
"ชุน 1 นี่เจ้าคิดที่จะทำการทดสอบเข้าเป็นขุนนางบุ๋นขั้นต้น อย่างนั้นหรือ"
"ฮ่าๆๆ.. อย่างเจ้าน่ะทิ้งการเรียนไปจากสำนักศึกษาของอาจารย์จางในอำเภออันจง เป็นเวลาถึง 5 ปีกว่าแล้ว"
"เจ้าจะเอาวิชาความรู้ใดมาเข้าทดสอบในครั้งนี้ เจ้ารีบกลับตระกูลหลิวของเจ้าไปเถิด อย่ามาทดสอบให้ขายหน้าตระกูลเจ้าเลย ฮ่าๆๆ.."
ชุน 1 ยังคงนิ่งเงียบมิกล่าวคำใดๆออกมา
"นี่เจ้าหูหนวกหรืออย่างไร เจ้าจะเอาความรู้ใดมาทดสอบ ความรู้ด้านการท่องเที่ยวอย่างนั้นหรือ ฮ่าๆๆ.."
"พวกเรามาดูนี่ นี่คือนายน้อยหลิวชุน จากอำเถออันจง เคยอยู่สำนักศึกษาสำนักเดียวกับข้ามาก่อน"
"ความรู้ก็งั้นๆ แล้วยังกล้าเลิกเรียนกลางครันออกไปท่องเที่ยวอีก คราวนี้คิดจะมาทดสอบเป็นขุนนางบุ๋น"
แต่ก็ยังดีที่สหายร่วมสำนักศึกษาของจินซีซวน มิได้กล่าวคำใดๆออกมา ตามที่ผู้เป็นบัณฑิต ย่อมมิดูถูกผู้อื่น
"ฮ่าๆๆ.. ช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย" จินซีซวนยังคงชักชวนสหายร่วมสำนักศึกษาแห่งเมืองอันซุย ให้เยาะเย้ยชุน 1
"จินซีซวนเจ้าเข้าร่วมทดสอบด้วยหรือไม่ ถ้าไม่ก็หุบปากสุนัขของเจ้าไปเสีย" ชุน 1 กล่าวออกมา
"ข้าย่อมต้องเข้าร่วมการทดสอบอยู่แล้ว ตัวข้านั้นไม่ว่าจะอยู่ที่สำนักศึกษาใด ก็เป็นผู้มีความรู้ความสามารถอันโดดเด่นอยู่แล้ว" จินซีซวนกล่าวตอบชุน 1
"งั้นมาพนันกัน" ชุน 1 กล่าวออกมาอีก
"เจ้ากับข้า ถ้าผู้ใดทำการทดสอบได้อันดับที่ต่ำกว่าจะถือว่าเป็นฝ่ายพ่ายเเพ้และต้องจ่ายเงินให้กับผู้ชนะเป็นจำนวน 100 เหรียญเงิน" ชุน 1 กล่าวออกมา
จินซีซวนชะงักไปครู่หนึ่ง เงิน 100 เหรียญเงิน สำหรับชายหนุ่มอายุ 20 ปีอย่างเขา เป็นเงินจำนวนไม่น้อย
"หรือว่าเจ้าไม่มีเงิน" ชุน 1 กล่าวสำทับไปอีก
"เงินนั้นข้าย่อมมี เพียงแต่ เด็กอย่างเจ้าจะมีเงินถึง 100 เหรียญเงินหรือ"
ชุน 1 จึงนำตั๋วแลกเงินจำนวน 100 เหรียญเงินออกมาแสดง
"งั้นก็ดีพวกเรามาทำเอกสารสัญญาในการแข่งพนันครั้งนี้กัน" จินซีซวนมองดูตั๋วแลกเงินของชุน 1 ด้วยความโลภในสายตา
หลังจากทำเอกสารสัญญาของทั้ง 2 ฝ่ายเรียบร้อยเเล้ว
ในเวลาอีกไม่นานการทดสอบเข้าเป็นขุนนางบุ๋นระดับต้นก็เริ่มขึ้น
ชุน 1 ก็เข้าสู่สนามทดสอบด้วยความมุ่งมั่น
ครานี้ข้าจะกินเงินพนันของเจ้าให้หมดเนื้อหมดตัวเลยเจ้าจินซีซวน ชุน 1 คิดในใจอย่างลิงโลด
เรื่องการพนันขันต่อนั้น ชุน 1 ชอบเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว
แล้วการสอบวิชาแรกวิชาคำนวนตัวเลขก็เริ่มขึ้น
ชุน 1 นั่งทำข้อสอบไปอย่างสงบเงียบมิได้มีท่าทีลำบากใจลำบากสมองแต่ประการใด
เพราะโจทย์ที่ท่านอาจารย์จ้าวให้เขาทำการคำนวนตัวเลขนั้นยากกว่าข้อสอบเหล่านี้หลายเท่า
ส่วนวิชาที่ 2 วิชาการปกครอง ชุน 1 แม้เขาจะเพิ่งได้รับตำแหน่งผู้ตรวจราชการมาไม่นาน แต่เขาก็ได้เดินทางไปกับท่านอาจารย์จ้าวในหลายๆที่ ได้พบกับบรรดาขุนนางมากมายทั้งขุนนางฝ่ายบุ๋น และขุนนางฝ่ายบู๊ ในระบบการปกครองของอาณาจักรต้าเหมิงนี้
เขาย่อมรู้ถึงขั้นตอนการบังคับบัญชาและหน้าที่ของแต่ละกรมแต่ละกองเป็นอย่างดี
ในการทดสอบภาคบ่ายอีก 2 วิชานั่นคือวิชาภูมิศาสตร์และวิชาตัวบทกฏหมาย ท่านอาจารย์จ้าวก็เน้นสอนทั้ง 2 วิชานี้ให้กับชุน 1 เป็นพิเศษอยู่แล้ว
จนกระทั่งชุน 1 สามารถเขียนแผนที่ของอาณาจักรต้าเหมิง และอาณาจักรข้างเคียงได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
ส่วนวิชาตัวบทกฏหมายนั้น ท่านอาจารย์จ้าวในฐานะอดีตรองเสนาบดีกรมตุลาการ ย่อมต้องถ่ายทอดความรู้ให้กับชุน 1 มาอย่างเต็มที่
เมื่อการทดสอบจบลง ชุน 1 ก็มิได้พบเจอกับจินซีซวนอีก เขาจึงเดินทางกลับไปยังเรือนรับรองของทางการ
เพื่อรอการติดประกาศผลการทดสอบขุนนางบุ๋นระดับต้น ที่จะประกาศออกมาในวันพรุ่งนี้เวลายาม 16 ( ยาม 16 = บ่าย 4 โมง )