หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
เมื่อกลุ่มกวาดล้างโจรปล้นแร่ของชุน 2 กลับมาถึงเหมืองแร่เหล็กสีชาด ของตระกูลหลิวแล้ว
ชุน 2 ก็พบกับกลุ่มกวาดล้างของท่านประมุขรุ่นที่ 2 ซึ่งกลับมาถึงเหมืองก่อนหน้านี้ไม่นานนัก
"ท่านประมุขรุ่นที่ 2 ขอรับ เหตุการณ์ทางด้านถ้ำโจร เป็นเช่นไรบ้างขอรับ" ชุน 2 กล่าวถามออกไป
"พวกโจรกลุ่มนั้นตายทั้งหมด การบุกเข้าถ้ำโจรไป ยิงลูกศรหัวระเบิดเปิดทางข้าใส่พวกโจรไป ทำให้พวกโจรมิอาจสามารถต้านทานพวกเราได้"
"ฮ่าๆๆ.. สะใจยิ่งนัก ตั้งแต่พวกมันมาปล้นแร่ พี่น้องในตระกูลหลิวของเราก็ล้มหายตายจากไปถึง 6 คน สมควรแล้ว สมควรแล้ว ฮ่าๆๆ.." ท่านปู่ หัวเราะอย่างสาแก่ใจ และกล่าวออกมา
ท่านประมุขรุ่นที่ 2 จึงกล่าวต่อว่า
"แต่มีบุคคล 2 คน ที่ตายในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย มันทั้ง 2 คือพ่อบ้านของตระกูลลั่วและพ่อบ้านของตระกูลเย่"
ตระกูลเย่คือตระกูลที่ชุน 2 สั่งสอนไป โดยการยัดข้อหาลักทรัพย์ชามข้าว 1 ใบ ให้กับเย่ชิว คุณชายแห่งตระกูลเย่นั่นเอง
"แล้วท่านประมุขรุ่นที่ 2 ได้ถ่ายภาพเคลื่อนไหวไว้เป็นหลักฐานหรือไม่ขอรับ" ชุน 2 กล่าวถาม
"ถ่ายไว้เรียบร้อยแล้ว และข้ายังได้นำศพของพ่อบ้านทั้ง 2 ศพ กลับมาที่เหมืองด้วย"
แล้วบรรดากลุ่มผู้นำของตระกูลหลิว ก็พากันไปดูศพของพ่อบ้านทั้ง 2 คนเพื่อเป็นการยืนยัน
สภาพศพทั้ง 2 ศพ มิได้เละเทะจากแรงระเบิดมากมายนัก จึงทำให้มองออกว่าเป็นพ่อบ้านของตระกูลลั่ว และพ่อบ้านของตระกูลเย่จริงๆ
ชุน 1 จึงกล่าวผ่านชุน 2 ว่า "ท่านปู่ขอรับ เราควรทำการคัดลอกสำเนาภาพเคลื่อนไหวการโจมตีโจรปล้นแร่ทั้ง 2 กลุ่ม"
"ส่งไปให้ท่านนายอำเภอ เพื่อให้ท่านนายอำเภอสั่งการให้สำนักมือปราบดำเนินคดีกับทั้ง 2 ตระกูลขอรับ"
"แล้วศพของพ่อบ้านทั้ง 2 ศพ เราก็ต้องส่งให้กับทางสำนักมือปราบของอำเภออันจง เพื่อใช้เป็นหลักฐานด้วยขอรับ"
ชุน 1 ซึ่งมีประสบการณ์ ในการทำคดีกล่าวออกมา
"พวกเราจะประกาศศึกกับตระกูลลั่วและตระกูลเย่" ท่านประมุขตระกูลหลิว รุ่นที่ 1 กล่าวออกมาเสียงดัง
"พี่น้องตระกูลหลิวของเราล้มตายไปหลายต่อหลายคนแล้ว จากน้ำมือของโจรปล้นแร่พวกนี้"
"ตกลงขอรับ พวกเราจะทำศึกกับพวกมันทั้ง 2 ตระกูล" บรรดากลุ่มผู้นำของตระกูลหลิวต่างพากันรับคำด้วยความโกรธแค้น
พวกเขาสงสัย 2 ตระกูลนี้มานานแล้ว ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังโจรปล้นแร่ แต่ก็ไร้หลักฐาน
เมื่อพ่อบ้านของทั้ง 2 ตระกูลปรากฏตัวในรังโจร
แล้วยังเข้าทำการต่อสู้กับคนของตระกูลหลิวที่บุกเข้าไป เท่านี้หลักฐานก็ชัดเจนเพียงพอแล้วที่จะเริ่มศึก
แร่เหล็กสีชาด เป็นแร่เหล็กคุณภาพระดับต่ำทั่วๆไป มักจะนิยมนำไปหลอมทำเครื่องมือทำการเกษตร เครื่องครัว เครื่องใช้ในบ้านชนิดต่างๆ
พื้นที่ในการขุดทำเหมืองแร่เหล็กสีชาดของอำเภออันจงนี้ มีบริเวณที่กว้างใหญ่
เมื่อ 1 ปีที่แล้ว ขณะที่หลิวชุนยังคงเดินทางกับท่านอาจารย์จ้าว
ทางการของอำเภออันจง ได้มีการแข่งประมูลสัมปทานการทำเหมืองแร่เหล็กสีชาดรอบใหม่ขึ้น
และทางตระกูลหลิวก็ได้รับสัมปทานมาเป็นพื้นที่ 1 ใน 3 ส่วนของพื้นที่ทำเหมืองแร่เหล็กสีชาดทั้งหมด
ในอดีตก่อนหน้านี้สัมปทานทั้งหมด เป็นของตระกูลลั่วและตระกูลเย่ โดยแบ่งพื้นที่ทำเหมืองกันคนละครึ่ง
จึงเสมือนว่าตระกูลหลิวเข้าไปแย่งสัมปทานการขุดเหมือง กับทั้ง 2 ตระกูลนั่นเอง
ในคืนนั้นหลังจากชุน 2 ทำการเดินเคล็ดกลืนเมฆา เพื่อรวมรวมพลังปราณจากหินพลังปราณเสร็จ เขาก็สื่อจิตกับชุน 1 ว่า
"ข้าต้องการอยู่ฝึกฝนในป่านี้อีกสักช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการต่อสู้"
"ในป่านี้มีสัตว์ร้ายมากมายที่จะให้ข้าใช้ฝึกฝนวิชายุทธ์ได้"
"ข้าเห็นด้วย เราต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของเราให้เร็วที่สุด เพื่อรับมือในการทำศึกกับอีก 2 ตระกูล" ชุน 1 สื่อจิตตอบกลับมา
แล้วทั้งคู่ก็นอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลียจากการต่อสู้ที่ผ่านมาในวันนี้
เช้าวันต่อมาชุน 1 ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น วันนี้เขาสวมชุดนักบู๊สีดำของชุน 2 ไม่สวมชุดบัณฑิตเหมือนเช่นปรกติของเขา
หลังจากที่ชุน 1 ทำการฝึกยุทธ์ เป็นเวลา 2 ยาม ตามตารางการฝึกยุทธ์ของท่านอาจารย์จ้าวแล้ว
เขาก็แขวนหน้าไม้ไว้ที่เอวข้างขวาและกระบี่ไว้ที่เอวข้างซ้ายเหมือนเคย
เมื่อเขาออกมาจากกระโจมที่พักเขาก็ให้บรรดานายพรานทั้ง 8 มาพบกับเขา โดยเขากล่าวกับเหล่านายพรานว่า
"ข้าอยากจะขอให้พวกท่านสลับสับเปลี่ยนกันสอนทักษะการใช้ชีวิตในป่า และการเเกะรอยสัตว์ร้ายให้กับข้า โดยที่ข้าจะเพิ่มค่าแรงเป็นกรณีพิเศษให้กับพวกท่าน"
"พวกท่านคิดเห็นเป็นเช่นไรขอรับ"
อนึ่งต้องทราบว่านายพรานทั้ง 8 ที่ตระกูลหลิวจ้างมานั้น เป็นการจ้างมาตลอดทั้งเดือน มิได้จ้างมาเฉพาะการสืบหารังโจรแต่เพียงเท่านั้น
นายพรานเหล่านี้ยังคงต้องออกล่าสัตว์ป่า เพื่อนำมาเป็นอาหารให้กับบรรดาผู้คนในเหมืองด้วย
นายพรานทั้ง 8 มิมีผู้ใดปฏิเสธ นอกจากจะได้เงินเพิ่มแล้ว ยังได้สนิทสนมกับ ท่านผู้ตรวจราชการแห่งมณฑลภาคเหนืออีกด้วย ทุกคนจึงตอบตกลง
เมื่อเจรจาเรียบร้อยแล้ว ชุน 1 ก็แจ้งให้บิดาของเขาทราบว่า เขาจะทำการฝึกฝนวิชายุทธ์ อยู่ในป่ารอบๆเหมืองสักระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งบิดาของหลิวชุน ก็มิได้ห่วงมากมายนัก
เพราะขณะนี้หลิวชุนนั้น เป็นนักยุทธ์ขั้นผสานลมปราณขั้นต้น ระดับที่ 3 แล้ว
และจากที่หลิวชุนบอก หลิวชุนจะบรรลุถึงขั้นผสานลมปราณขั้นกลาง ระดับที่ 4 อันเป็นขั้นเดียวกับบิดา ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
แถมชุน 1 ยังมีลูกศรหัวระเบิดพลังปราณอีก 2 ดอก ที่ยังมิได้ใช้อยู่กับตัว
ส่วนลูกศรหัวระเบิดพลังปราณอีก 3 ดอก ที่เหลือจากการบุกถ้ำรังโจรของกลุ่มท่านประมุขรุ่นที่ 2 นั้น ชุน 1 ยกให้เป็นของตระกูลหลิวไป
แต่ให้ใช้ในยามจำเป็นจริงๆเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรสูกศรหัวระเบิดพลังปราณ ก็ยังคงเป็นยุทธภัณฑ์ทางการทหาร
แล้วชุน 1 ก็ออกเดินทางเข้าป่าไปพร้อมกับนายพรานอีก 1 คน
เมื่อชุน 1 เข้ามาในป่าแล้ว นายพรานคนนั้น ก็ทำการสอนการใช้ชีวิตในป่าอย่างง่ายๆให้กับชุน 1 ก่อน
เช่นการก่อไฟจากเศษไม้แห้งในป่า โดยไม่ใช้เครื่องจุดไฟ การทำเพิงที่พักแบบต่างๆ ทั้งเพิงบนพื้นดินและเพิงบนต้นไม้
ซึ่งชุน 1 ก็เข้าใจดีว่า เขาจะต้องเรียนรู้ทักษะการดำรงค์ชีพในป่า อีกมากมาย กว่าที่เขาจะกลายเป็นนายพรานได้
เย็นนั้นทั้ง 2 คน 1 นายพรานกับอีก 1 นักเรียนพรานฝึกหัด ก็พากันล่ากระต่ายป่ามาเป็นอาหาร โดยการใช้กับดักที่นายพรานสอนให้
แล้วจึงพากันขึ้นนอนยังเพิงพักบนต้นไม้ของใครของมัน โดยที่ชุน 1 ไม่ลืมที่จะเดินเคล็ดกลืนเมฆาเพื่อดูดซับพลังจากหินพลังปราณ
เช้าวันต่อมาชุน 2 ตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เขาทำการฝึกวิชาเพลงหมัดทลายฟ้า เพลงกระบี่ปลายนภา ตลอดจนท่าร่างเคลื่อนไหว ท่าเท้าเหยียบสายลม เป็นเวลา 2 ยาม
( 2 ยาม = 2 ชั่วโมง )
แล้วเขาก็เอ่ยกับนายพรานว่า "ท่านลุงนายพราน ข้าจะหาสัตว์ร้ายได้จากที่ใดขอรับ"
"นายน้อยหลิวชุน ท่านจะหาสัตว์ร้ายไปทำไมหรือขอรับ" นายพรานกล่าวถาม
"ข้าจะใช้พวกมันในการฝึกวิชายุทธ์ของข้า" ชุน 2 กล่าวตอบไป
"อันที่จริงเมื่อวานทางที่เราเดินผ่านมาก็มีร่องรอยของเสือดาวทมิฬ แต่ข้าน้อยมิได้พานายน้อยติดตามมันไปขอรับ เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตราย"
"เอาละ.. ต่อไปท่านพบร่องรอยสัตว์ร้ายขอให้ท่านแจ้งพวกข้าโดยเร็วนะขอรับ"
"ชุน 1 น่ะเป็นนักยิงหน้าไม้ ที่มีฝีมือฉกาจทีเดียว ส่วนวิชายุทธ์ก็มิได้แย่"
"ที่ข้าและชุน 1 เข้ามายังป่าแห่งนี้จุดประสงค์หลักก็คือฝึกฝนฝีมือยุทธ์ให้พัฒนาขึ้น"
"รับทราบขอรับนายน้อย" นายพรานรับคำ แล้วพาชุน 2 ออกไปไล่ล่าเสือดาวทมิฬในทันที
พวกเขาทั้ง 2 คน นำโดยนายพรานตามเกะร่องรอยของเสือดาวทมิฬอยู่ครู่ใหญ่
จึงพบตัวเสือดาวทมิฬ ที่ตัวโตพอๆกับม้าตัวหนึ่ง ที่นอนหลับอยู่บนคบไม้ขนาดใหญ่ เสือดาวทมิฬเป็นสัตว์หากินกลางคืน กลางวันมันจึงนอนหลับพักผ่อน
ชุน 2 ให้นายพรานถอยห่างออกไปยังที่ปลอดภัย แล้วเขาจึงเดินอาดๆ เข้าไปหาเสือดาวทมิฬตัวโตนั้น พร้อมตะโกนออกมาเสียงดังว่า
"ตื่นๆๆ.. เจ้าแมวขี้เซา นี่ตะวันก็โด่งจนจะกลางกบาลอยู่แล้ว มาสู้กับข้าเสียดีๆ"
เจ้าเสือดาวทมิฬ ลืมตาตื่นมาด้วยความงงงวย มันสับสนไปสักครู่ แต่สัญชาติญาณสัตว์ป่าก็ทำให้มันรู้ว่า มีผู้บุกรุก เข้ามาในอาณาเขตของมัน
และผู้บุกรุกนี้ก็จะกลายเป็นเหยื่อ เป็นอาหารของมันในวันนี้
มันไม่รอช้ากระโจนจากคบไม้ ตรงเข้าโจมตีชุน 2 ด้วยความรวดเร็ว พร้อมทั้งกางกรงเล็บอันเเหลมคม
และอ้าปากอวดคมเขี้ยวเต็มปาก หมายขย้ำชุน 2 ให้กลายมาเป็นอาหารของมันในทันที
ชุน 2 มิได้ตื่นตกใจ เขาใช้ท่าเท้าเหยียบสายลม กระโจนตัวหลบการโจมตีของเสือดาวทมิฬตัวนั้น ออกทางด้านซ้าย
แต่ความเร็วของเสือดาวทมิฬ ก็รวดเร็วยิ่งนัก มันตวัดกรงเล็บเข้าข้างลำคอของชุน 2 ด้วยความแม่นยำ
ชุน 2 ไม่สามารถหลบพ้นกรงเล็บนี้ได้ เขาจึงใช้มือซ้ายดึงกระบี่ขึ้นมาทั้งฝัก แล้วใช้ฝักกระบี่เป็นโล่ป้องกันกรงเล็บของเสือดาว
จากนั้นเขาก็ใช้หมัดขวา ต่อยเข้าไปยังกลางหน้าอกของเสือดาว ซึ่งเป็นการต่อยที่ใช้พลังแค่ขั้นผสานกายาเพียงเท่านั้น
อนึ่ง ขั้นผู้ฝึกยุทธ์ จะถ่ายพลังปราณไปยังกล้ามเนื้อได้เพียงเท่านั้น
มิได้ใช้พลังในขั้นผสานลมปราณ ที่จะใช้พลังปราณโจมตีออกจากร่างกายได้
หมัดนั้นของชุน 2 ทำให้เสือดาวทมิฬ ถึงกับกระเด็นถอยกลับไป
แต่สัตว์ร้ายก็คือสัตว์ร้าย เสือดาวทมิฬมันยังคงไม่สิ้นฤทธิ์ลงง่ายๆ มันกระโจนกลับมาหาชุน 2 อีกครั้ง
ครั้งนี้ชุน 2 เตรียมใช้วิชายุทธ์เพลงหมัดทลายฟ้า กระบวนท่าหมัดสะท้านปฐพี เข้ารับมือ
ชุน 2 กระโจนพุ่งเข้าหาเสือดาวทมิฬที่กระโจนเข้ามา ต่างฝ่ายต่างกระโจนสวนกันกลางอากาศ
โดยชุน 2 ได้กระโจนไปอยู่เหนือร่างของเสือดาวทมิฬเพียงเล็กน้อย
แล้วเขาก็ชกหมัดสะท้านปฐพีจากบนลงล่าง
โดนเข้ากลางกบาลของเสือดาวทมิฬอย่างจัง ทำเอาร่างของเสือดาวทมิฬ ถึงกับพุ่งตกลงมาจากกลางอากาศแทบจะเป็นแนวดิ่ง ตกลงมาสู่พื้นดินในทันที
ตู๊ม..!!!! เสียงร่างของเสือดาวทมิฬกระแทกลงพื้น เสียงดังสนั่น
เสือดาวทมิฬนอนสบัดศีรษะของมันไปมาอย่างมึนงง จากนั้นมันจึงลุกขึ้นแล้วเตรียมตัวหนีไปจากชุน 2
ก่อนเสือดาวทมิฬจะหนีไป ชุน 2 ก็กล่าวกับเสือดาวว่า
"พรุ่งนี้ถ้าข้ายังหาคู่ต่อสู้ตัวใหม่ไม่ได้ ข้าจะมาฝึกความเร็วกับเจ้าอีกนะ เจ้าแมวขี้เซา ฮ่าๆๆๆๆ.."
แล้วเสือดาวตัวโตตัวนั้นก็วิ่งหนีเข้าป่าไป ด้วยสมองที่ยังคงมึนงงไม่หาย
ใช่แล้ว.. ชุน 2 มิได้ต้องการฆ่าสัตว์ร้ายต่างๆ เขาต้องการใช้สัตว์ร้ายในการฝึกฝนวิชายุทธ์
เขามิกลัวว่าจะหาเสือดาวตัวนี้ไม่เจอ เพราะนายพรานสามารถตามเกะรอยมันได้
แล้วชุน 2 ก็เดินทางกลับไปฝึกวิชายุทธ์ต่อยังเพิงที่พัก อย่างสบายอารมณ์..