Your Wishlist

เทพเซียนไร้ลักษณ์ (ตระกูลหลิว รุ่นที่ 3) (บทที่ 48 ฝึกฝนในป่า เสือดาวทมิฬ)

Author: geesan

หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน

จำนวนตอน :

บทที่ 48 ฝึกฝนในป่า เสือดาวทมิฬ

  • 13/02/2567

   เมื่อกลุ่มกวาดล้างโจรปล้นแร่ของชุน 2 กลับมาถึงเหมืองแร่เหล็กสีชาด ของตระกูลหลิวแล้ว 

 

   ชุน 2 ก็พบกับกลุ่มกวาดล้างของท่านประมุขรุ่นที่ 2 ซึ่งกลับมาถึงเหมืองก่อนหน้านี้ไม่นานนัก

 

 

 

   "ท่านประมุขรุ่นที่ 2 ขอรับ เหตุการณ์ทางด้านถ้ำโจร เป็นเช่นไรบ้างขอรับ" ชุน 2 กล่าวถามออกไป

 

 

 

   "พวกโจรกลุ่มนั้นตายทั้งหมด การบุกเข้าถ้ำโจรไป ยิงลูกศรหัวระเบิดเปิดทางข้าใส่พวกโจรไป ทำให้พวกโจรมิอาจสามารถต้านทานพวกเราได้"

 

 

 

   "ฮ่าๆๆ.. สะใจยิ่งนัก ตั้งแต่พวกมันมาปล้นแร่ พี่น้องในตระกูลหลิวของเราก็ล้มหายตายจากไปถึง 6 คน สมควรแล้ว สมควรแล้ว ฮ่าๆๆ.." ท่านปู่ หัวเราะอย่างสาแก่ใจ และกล่าวออกมา

 

 

 

   ท่านประมุขรุ่นที่ 2 จึงกล่าวต่อว่า

 

   

 

   "แต่มีบุคคล 2 คน ที่ตายในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย มันทั้ง 2 คือพ่อบ้านของตระกูลลั่วและพ่อบ้านของตระกูลเย่"

 

 

 

   ตระกูลเย่คือตระกูลที่ชุน 2 สั่งสอนไป โดยการยัดข้อหาลักทรัพย์ชามข้าว 1 ใบ ให้กับเย่ชิว คุณชายแห่งตระกูลเย่นั่นเอง

 

 

 

   "แล้วท่านประมุขรุ่นที่ 2 ได้ถ่ายภาพเคลื่อนไหวไว้เป็นหลักฐานหรือไม่ขอรับ" ชุน 2 กล่าวถาม

 

   "ถ่ายไว้เรียบร้อยแล้ว และข้ายังได้นำศพของพ่อบ้านทั้ง 2 ศพ กลับมาที่เหมืองด้วย"

 

 

 

   แล้วบรรดากลุ่มผู้นำของตระกูลหลิว ก็พากันไปดูศพของพ่อบ้านทั้ง 2 คนเพื่อเป็นการยืนยัน

 

   สภาพศพทั้ง 2 ศพ มิได้เละเทะจากแรงระเบิดมากมายนัก จึงทำให้มองออกว่าเป็นพ่อบ้านของตระกูลลั่ว และพ่อบ้านของตระกูลเย่จริงๆ

 

 

 

   ชุน 1 จึงกล่าวผ่านชุน 2 ว่า "ท่านปู่ขอรับ เราควรทำการคัดลอกสำเนาภาพเคลื่อนไหวการโจมตีโจรปล้นแร่ทั้ง 2 กลุ่ม"

 

 

 

   "ส่งไปให้ท่านนายอำเภอ เพื่อให้ท่านนายอำเภอสั่งการให้สำนักมือปราบดำเนินคดีกับทั้ง 2 ตระกูลขอรับ"

 

 

 

   "แล้วศพของพ่อบ้านทั้ง 2 ศพ เราก็ต้องส่งให้กับทางสำนักมือปราบของอำเภออันจง เพื่อใช้เป็นหลักฐานด้วยขอรับ"

 

   ชุน 1 ซึ่งมีประสบการณ์ ในการทำคดีกล่าวออกมา

 

 

 

 

 

 

 

   "พวกเราจะประกาศศึกกับตระกูลลั่วและตระกูลเย่" ท่านประมุขตระกูลหลิว รุ่นที่ 1 กล่าวออกมาเสียงดัง

 

 

 

   "พี่น้องตระกูลหลิวของเราล้มตายไปหลายต่อหลายคนแล้ว จากน้ำมือของโจรปล้นแร่พวกนี้"

 

  

 

 

 

   "ตกลงขอรับ พวกเราจะทำศึกกับพวกมันทั้ง 2 ตระกูล" บรรดากลุ่มผู้นำของตระกูลหลิวต่างพากันรับคำด้วยความโกรธแค้น

 

 

 

   พวกเขาสงสัย 2 ตระกูลนี้มานานแล้ว ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังโจรปล้นแร่ แต่ก็ไร้หลักฐาน

 

 

 

   เมื่อพ่อบ้านของทั้ง 2 ตระกูลปรากฏตัวในรังโจร

 

 

 

   แล้วยังเข้าทำการต่อสู้กับคนของตระกูลหลิวที่บุกเข้าไป เท่านี้หลักฐานก็ชัดเจนเพียงพอแล้วที่จะเริ่มศึก

 

 

 

 

 

   แร่เหล็กสีชาด เป็นแร่เหล็กคุณภาพระดับต่ำทั่วๆไป มักจะนิยมนำไปหลอมทำเครื่องมือทำการเกษตร เครื่องครัว เครื่องใช้ในบ้านชนิดต่างๆ

 

 

 

   พื้นที่ในการขุดทำเหมืองแร่เหล็กสีชาดของอำเภออันจงนี้ มีบริเวณที่กว้างใหญ่

 

 

 

   เมื่อ 1 ปีที่แล้ว ขณะที่หลิวชุนยังคงเดินทางกับท่านอาจารย์จ้าว

 

   ทางการของอำเภออันจง ได้มีการแข่งประมูลสัมปทานการทำเหมืองแร่เหล็กสีชาดรอบใหม่ขึ้น

 

 

 

   และทางตระกูลหลิวก็ได้รับสัมปทานมาเป็นพื้นที่ 1 ใน 3 ส่วนของพื้นที่ทำเหมืองแร่เหล็กสีชาดทั้งหมด

 

 

 

   ในอดีตก่อนหน้านี้สัมปทานทั้งหมด เป็นของตระกูลลั่วและตระกูลเย่ โดยแบ่งพื้นที่ทำเหมืองกันคนละครึ่ง

 

   จึงเสมือนว่าตระกูลหลิวเข้าไปแย่งสัมปทานการขุดเหมือง กับทั้ง 2 ตระกูลนั่นเอง

 

 

 

   ในคืนนั้นหลังจากชุน 2 ทำการเดินเคล็ดกลืนเมฆา เพื่อรวมรวมพลังปราณจากหินพลังปราณเสร็จ เขาก็สื่อจิตกับชุน 1 ว่า

 

 

 

   "ข้าต้องการอยู่ฝึกฝนในป่านี้อีกสักช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการต่อสู้"

 

   "ในป่านี้มีสัตว์ร้ายมากมายที่จะให้ข้าใช้ฝึกฝนวิชายุทธ์ได้"

 

 

 

   "ข้าเห็นด้วย เราต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของเราให้เร็วที่สุด เพื่อรับมือในการทำศึกกับอีก 2 ตระกูล" ชุน 1 สื่อจิตตอบกลับมา

 

 

 

   แล้วทั้งคู่ก็นอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลียจากการต่อสู้ที่ผ่านมาในวันนี้

 

 

 

   เช้าวันต่อมาชุน 1 ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น วันนี้เขาสวมชุดนักบู๊สีดำของชุน 2 ไม่สวมชุดบัณฑิตเหมือนเช่นปรกติของเขา

 

   หลังจากที่ชุน 1 ทำการฝึกยุทธ์ เป็นเวลา 2 ยาม ตามตารางการฝึกยุทธ์ของท่านอาจารย์จ้าวแล้ว

 

 

 

  เขาก็แขวนหน้าไม้ไว้ที่เอวข้างขวาและกระบี่ไว้ที่เอวข้างซ้ายเหมือนเคย

 

 

 

  เมื่อเขาออกมาจากกระโจมที่พักเขาก็ให้บรรดานายพรานทั้ง 8 มาพบกับเขา โดยเขากล่าวกับเหล่านายพรานว่า

 

 

 

   "ข้าอยากจะขอให้พวกท่านสลับสับเปลี่ยนกันสอนทักษะการใช้ชีวิตในป่า และการเเกะรอยสัตว์ร้ายให้กับข้า โดยที่ข้าจะเพิ่มค่าแรงเป็นกรณีพิเศษให้กับพวกท่าน"

 

 

 

   "พวกท่านคิดเห็นเป็นเช่นไรขอรับ"

 

 

 

   อนึ่งต้องทราบว่านายพรานทั้ง 8 ที่ตระกูลหลิวจ้างมานั้น เป็นการจ้างมาตลอดทั้งเดือน มิได้จ้างมาเฉพาะการสืบหารังโจรแต่เพียงเท่านั้น

 

   นายพรานเหล่านี้ยังคงต้องออกล่าสัตว์ป่า เพื่อนำมาเป็นอาหารให้กับบรรดาผู้คนในเหมืองด้วย

 

 

 

   นายพรานทั้ง 8 มิมีผู้ใดปฏิเสธ นอกจากจะได้เงินเพิ่มแล้ว ยังได้สนิทสนมกับ ท่านผู้ตรวจราชการแห่งมณฑลภาคเหนืออีกด้วย ทุกคนจึงตอบตกลง

 

 

 

   เมื่อเจรจาเรียบร้อยแล้ว ชุน 1 ก็แจ้งให้บิดาของเขาทราบว่า เขาจะทำการฝึกฝนวิชายุทธ์ อยู่ในป่ารอบๆเหมืองสักระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งบิดาของหลิวชุน ก็มิได้ห่วงมากมายนัก

 

   เพราะขณะนี้หลิวชุนนั้น เป็นนักยุทธ์ขั้นผสานลมปราณขั้นต้น ระดับที่ 3 แล้ว

 

 

 

    และจากที่หลิวชุนบอก หลิวชุนจะบรรลุถึงขั้นผสานลมปราณขั้นกลาง ระดับที่ 4 อันเป็นขั้นเดียวกับบิดา ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

 

 

 

 

 

   แถมชุน 1 ยังมีลูกศรหัวระเบิดพลังปราณอีก 2 ดอก ที่ยังมิได้ใช้อยู่กับตัว

 

   ส่วนลูกศรหัวระเบิดพลังปราณอีก 3 ดอก ที่เหลือจากการบุกถ้ำรังโจรของกลุ่มท่านประมุขรุ่นที่ 2 นั้น ชุน 1 ยกให้เป็นของตระกูลหลิวไป

 

   แต่ให้ใช้ในยามจำเป็นจริงๆเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรสูกศรหัวระเบิดพลังปราณ ก็ยังคงเป็นยุทธภัณฑ์ทางการทหาร

 

 

 

 

 

 

 

   แล้วชุน 1 ก็ออกเดินทางเข้าป่าไปพร้อมกับนายพรานอีก 1 คน

 

 

 

 

   เมื่อชุน 1 เข้ามาในป่าแล้ว นายพรานคนนั้น ก็ทำการสอนการใช้ชีวิตในป่าอย่างง่ายๆให้กับชุน 1 ก่อน

 

   เช่นการก่อไฟจากเศษไม้แห้งในป่า โดยไม่ใช้เครื่องจุดไฟ การทำเพิงที่พักแบบต่างๆ ทั้งเพิงบนพื้นดินและเพิงบนต้นไม้

 

 

 

   ซึ่งชุน 1 ก็เข้าใจดีว่า เขาจะต้องเรียนรู้ทักษะการดำรงค์ชีพในป่า อีกมากมาย กว่าที่เขาจะกลายเป็นนายพรานได้

 

   เย็นนั้นทั้ง 2 คน 1 นายพรานกับอีก 1 นักเรียนพรานฝึกหัด ก็พากันล่ากระต่ายป่ามาเป็นอาหาร โดยการใช้กับดักที่นายพรานสอนให้

 

 

 

 

   แล้วจึงพากันขึ้นนอนยังเพิงพักบนต้นไม้ของใครของมัน โดยที่ชุน 1 ไม่ลืมที่จะเดินเคล็ดกลืนเมฆาเพื่อดูดซับพลังจากหินพลังปราณ

 

 

 

 

   เช้าวันต่อมาชุน 2 ตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เขาทำการฝึกวิชาเพลงหมัดทลายฟ้า เพลงกระบี่ปลายนภา ตลอดจนท่าร่างเคลื่อนไหว ท่าเท้าเหยียบสายลม เป็นเวลา 2 ยาม

 

   ( 2 ยาม = 2 ชั่วโมง )

 

 

 

    แล้วเขาก็เอ่ยกับนายพรานว่า "ท่านลุงนายพราน ข้าจะหาสัตว์ร้ายได้จากที่ใดขอรับ"

 

    "นายน้อยหลิวชุน ท่านจะหาสัตว์ร้ายไปทำไมหรือขอรับ" นายพรานกล่าวถาม

 

   "ข้าจะใช้พวกมันในการฝึกวิชายุทธ์ของข้า" ชุน 2 กล่าวตอบไป

 

 

 

   "อันที่จริงเมื่อวานทางที่เราเดินผ่านมาก็มีร่องรอยของเสือดาวทมิฬ แต่ข้าน้อยมิได้พานายน้อยติดตามมันไปขอรับ เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตราย"

 

 

 

   "เอาละ.. ต่อไปท่านพบร่องรอยสัตว์ร้ายขอให้ท่านแจ้งพวกข้าโดยเร็วนะขอรับ"

 

 

 

   "ชุน 1 น่ะเป็นนักยิงหน้าไม้ ที่มีฝีมือฉกาจทีเดียว ส่วนวิชายุทธ์ก็มิได้แย่"

 

 

 

   "ที่ข้าและชุน 1 เข้ามายังป่าแห่งนี้จุดประสงค์หลักก็คือฝึกฝนฝีมือยุทธ์ให้พัฒนาขึ้น"

 

 

 

   "รับทราบขอรับนายน้อย" นายพรานรับคำ แล้วพาชุน 2 ออกไปไล่ล่าเสือดาวทมิฬในทันที

 

 

 

   พวกเขาทั้ง 2 คน นำโดยนายพรานตามเกะร่องรอยของเสือดาวทมิฬอยู่ครู่ใหญ่

 

 

 

   จึงพบตัวเสือดาวทมิฬ ที่ตัวโตพอๆกับม้าตัวหนึ่ง ที่นอนหลับอยู่บนคบไม้ขนาดใหญ่ เสือดาวทมิฬเป็นสัตว์หากินกลางคืน กลางวันมันจึงนอนหลับพักผ่อน

 

 

 

   ชุน 2 ให้นายพรานถอยห่างออกไปยังที่ปลอดภัย แล้วเขาจึงเดินอาดๆ เข้าไปหาเสือดาวทมิฬตัวโตนั้น พร้อมตะโกนออกมาเสียงดังว่า

 

 

 

   "ตื่นๆๆ.. เจ้าแมวขี้เซา นี่ตะวันก็โด่งจนจะกลางกบาลอยู่แล้ว มาสู้กับข้าเสียดีๆ"

 

 

 

   เจ้าเสือดาวทมิฬ ลืมตาตื่นมาด้วยความงงงวย มันสับสนไปสักครู่ แต่สัญชาติญาณสัตว์ป่าก็ทำให้มันรู้ว่า มีผู้บุกรุก เข้ามาในอาณาเขตของมัน

 

 

 

   และผู้บุกรุกนี้ก็จะกลายเป็นเหยื่อ เป็นอาหารของมันในวันนี้

 

 

 

   มันไม่รอช้ากระโจนจากคบไม้ ตรงเข้าโจมตีชุน 2 ด้วยความรวดเร็ว พร้อมทั้งกางกรงเล็บอันเเหลมคม

 

   และอ้าปากอวดคมเขี้ยวเต็มปาก หมายขย้ำชุน 2 ให้กลายมาเป็นอาหารของมันในทันที

 

 

 

   ชุน 2 มิได้ตื่นตกใจ เขาใช้ท่าเท้าเหยียบสายลม กระโจนตัวหลบการโจมตีของเสือดาวทมิฬตัวนั้น ออกทางด้านซ้าย

 

  แต่ความเร็วของเสือดาวทมิฬ ก็รวดเร็วยิ่งนัก มันตวัดกรงเล็บเข้าข้างลำคอของชุน 2 ด้วยความแม่นยำ

 

 

 

   ชุน 2 ไม่สามารถหลบพ้นกรงเล็บนี้ได้ เขาจึงใช้มือซ้ายดึงกระบี่ขึ้นมาทั้งฝัก แล้วใช้ฝักกระบี่เป็นโล่ป้องกันกรงเล็บของเสือดาว

 

 

 

   จากนั้นเขาก็ใช้หมัดขวา ต่อยเข้าไปยังกลางหน้าอกของเสือดาว ซึ่งเป็นการต่อยที่ใช้พลังแค่ขั้นผสานกายาเพียงเท่านั้น

 

 

 

  อนึ่ง ขั้นผู้ฝึกยุทธ์ จะถ่ายพลังปราณไปยังกล้ามเนื้อได้เพียงเท่านั้น

 

 

 

   มิได้ใช้พลังในขั้นผสานลมปราณ ที่จะใช้พลังปราณโจมตีออกจากร่างกายได้

 

 

 

   หมัดนั้นของชุน 2 ทำให้เสือดาวทมิฬ ถึงกับกระเด็นถอยกลับไป

 

 

 

   แต่สัตว์ร้ายก็คือสัตว์ร้าย เสือดาวทมิฬมันยังคงไม่สิ้นฤทธิ์ลงง่ายๆ มันกระโจนกลับมาหาชุน 2 อีกครั้ง

 

 

 

   ครั้งนี้ชุน 2 เตรียมใช้วิชายุทธ์เพลงหมัดทลายฟ้า กระบวนท่าหมัดสะท้านปฐพี เข้ารับมือ

 

 

 

   ชุน 2 กระโจนพุ่งเข้าหาเสือดาวทมิฬที่กระโจนเข้ามา ต่างฝ่ายต่างกระโจนสวนกันกลางอากาศ

 

 

 

   โดยชุน 2 ได้กระโจนไปอยู่เหนือร่างของเสือดาวทมิฬเพียงเล็กน้อย

 

 

 

   แล้วเขาก็ชกหมัดสะท้านปฐพีจากบนลงล่าง

 

 

 

   โดนเข้ากลางกบาลของเสือดาวทมิฬอย่างจัง ทำเอาร่างของเสือดาวทมิฬ ถึงกับพุ่งตกลงมาจากกลางอากาศแทบจะเป็นแนวดิ่ง ตกลงมาสู่พื้นดินในทันที

 

 

 

   ตู๊ม..!!!! เสียงร่างของเสือดาวทมิฬกระแทกลงพื้น เสียงดังสนั่น

 

 

 

   เสือดาวทมิฬนอนสบัดศีรษะของมันไปมาอย่างมึนงง จากนั้นมันจึงลุกขึ้นแล้วเตรียมตัวหนีไปจากชุน 2 

 

 

 

   ก่อนเสือดาวทมิฬจะหนีไป ชุน 2 ก็กล่าวกับเสือดาวว่า

 

 

 

   "พรุ่งนี้ถ้าข้ายังหาคู่ต่อสู้ตัวใหม่ไม่ได้ ข้าจะมาฝึกความเร็วกับเจ้าอีกนะ เจ้าแมวขี้เซา ฮ่าๆๆๆๆ.."

 

 

 

 

   แล้วเสือดาวตัวโตตัวนั้นก็วิ่งหนีเข้าป่าไป ด้วยสมองที่ยังคงมึนงงไม่หาย

 

 

 

 

   ใช่แล้ว.. ชุน 2 มิได้ต้องการฆ่าสัตว์ร้ายต่างๆ เขาต้องการใช้สัตว์ร้ายในการฝึกฝนวิชายุทธ์

 

   เขามิกลัวว่าจะหาเสือดาวตัวนี้ไม่เจอ เพราะนายพรานสามารถตามเกะรอยมันได้

 

 

 

 

         แล้วชุน 2 ก็เดินทางกลับไปฝึกวิชายุทธ์ต่อยังเพิงที่พัก อย่างสบายอารมณ์..

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป