Your Wishlist

อวี้จื่อลู่ ณ หมู่บ้านม่านหมอก (เชิญตัวเองมาก็ได้หรือ?)

Author: Ning Feng

เพียงแค่เงินสามสี่ร้อยบาท ทำให้เธอต้องถึงแก่ความตาย แต่ทำไม๊ ทำไม ต้องมาอยู่ในร่างของเด็กไม่มีหัวคิดแบบนี้ “มีอย่างที่ไหนหนีหมีขึ้นต้นไม้ ใครสั่งใครสอนกัน”

จำนวนตอน : 55

เชิญตัวเองมาก็ได้หรือ?

  • 19/12/2566

“ไยท่านถึงมาอยู่ห้องข้า แล้วรู้ได้อย่างไร” นางเอ่ยถามบุรุษตรงเสียงเย็นเยียบ ต่อให้มีความรู้สึกดี ๆ กับอีกฝ่าย ใช่ว่านางจะปล่อยเนื้อปล่อยตัว หากมิมีคำตอบที่ดีละก็ เตรียมใจไว้ได้เลย แม่จะเฉือนมันทิ้งเสีย อ้อ!! หมายถึงปากกับลิ้นน่ะ อย่าได้คิดอะไรพิเรนทร์เชียว ที่สำคัญเลยเขารู้ได้ไงว่าห้องนางอยู่ส่วนไหนของจวน หน็อย... ริอาจทำตัวเป็นโจรเด็ดบุปผา ระวังเถิดบุปผาซ่อนพิษเช่นข้าจะกลายเป็นปล่อยพิษใส่เขาแทน

“เจ้าร้องไห้หรือ?” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนแทบผูกติดกัน น้ำเสียงเย็นยะเยือกปล่อยไอเย็นกดดันออกมาไม่รู้ตัว เมื่อเห็นดวงตากลมโตคู่สวยบวมช้ำแดงกำ ดูก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ไหนจะแววตานั่นอีกที่ยังหลงเหลือร่องรอยหวาดกลัวอะไรบางอย่าง “ผู้ใดรังแกเจ้า” หยางหลงกำหมัดแน่นจนเส้นเอ็นปูดนูนขึ้นมา พลางกัดกรามดังกรอด จนเห็นเป็นสันกรามเด่นชัด อารมณ์เดือดดาลภายในใจคล้ายปะทุ นัยน์ตาคมกริบจ้องเขม็งนางในดวงใจอย่างค้นหาคำตอบ หัวใจที่เคยเย็นชาแกร่งดั่งหินผาบีบรัดแน่นจนปวดหนึบ

“ท่านยังมิตอบข้าเลย” ร่างบางจงใจเลี่ยงการตอบคำถาม เพราะมิอยากย้อนกลับไปนึกถึงมันอีก

“เจ้าเองก็ยังมิตอบข้าเช่นกัน”

“เอ๊ะ! นี่ท่านย้อนข้าหรือ”

“ข้าเปล่า!!”

“ก็เห็น ๆ กันอยู่”

“ขะ...ข้า”

“หากยังไม่พูด ก็ไสหัวท่านออกไปจากห้องของข้าซะ!!” มอหอแล้วนะ ประเดี๋ยวแม่กินหัวเอาหรอก ฮึ่ย!

หยางหลงดึงหญิงสาวตรงหน้าจนลอยหวือมาปะทะอกแกร่งแข็งแรงดั่งคีมเหล็ก ช่วงขาเต็มไปด้วยมัดกล้าม

ฮึ่ม!! นี่นางถึงขนาดไล่ข้าเลยหรือ? ช่างใจกล้าเกินสตรีไปแล้ว ไม่กลัวตายเสียจริง ‘หากเป็นผู้อื่นเจ้าคงได้ตายหลายร้อยครั้งแล้ว’ นัยน์ตาแข็งกร้าวจดจ้องสตรีตรงหน้าราวจะฆ่าให้ตายเสียตรงนั้น อยากจะยื่นมือออกไปบีบปากเล็กๆ นั่นให้แหลกด้วยมือคู่นี้ อยากจะควักดวงตาคู่นั้นที่จดจ้องมาอย่างถือดี ไหนจะลำคอระหงนั่นอีก หากออกแรงเพียงนิดคงหักคามือ เปราะบางเสียเหลือเกิน สีหน้ามืดครึ้มบ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์

“ทำหน้าอะไรของท่านกัน” ตวัดเสียงถามบุรุษตรงหน้าน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม พลางแสยะยิ้มให้นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมองหน้าอีกฝ่ายตรง ๆ เป็นการเตือนอย่างคนรู้ทัน

“เฮ้!! อย่ามองข้าแบบนั้นสิ” สายตาของเขาแฝงรอยยิ้มกริ่มอย่างมีเลิศนัย ทำเอาอวี้จื่อลู่ถึงกับคิ้วกระตุกไม่หยุด

“ท่านเองก็เช่นกัน” นางไม่คุ้นเคยจริง ๆ ที่ถูกเขามองด้วยสายตาวาบวาม ทำเพียงถลึงตาใส่ หน้าตาบูดบึ้ง

นัยน์ตาเหยี่ยวคู่นั้นเป็นประกายระยิบระยับ ยามเห็นท่าทางของสตรีที่ตนปักใจ แลดูหงุดหงิด ช่างน่ากลืนกินลงท้อง เอ้ย! น่ารัก ไหนจะท่าทางเย้ายวนชวนลุ่มหลงพาลให้ใจสั่นไหว

“แล้วท่านกับข้าจะยืนคุยอยู่แบบนี้อีกนานไหม”

“เอาแต่ท่าน ท่าน อยู่นั่นล่ะ ไหนลองเรียกว่าอาหลงหน่อยสิ ลู่ลู่” แล้วยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างคนชอบใจ

“บิดามันเถอะ! ลู่ลู่อันใดกัน เพ้อเจ้อ...” หัวข้าจะปวดกับบุรุษผู้นี้ หากอยู่นาน ๆ มีหวังนางได้ประสาทกินเสียก่อนละมั้ง ไม่บ้าก็เอ๋อไปเลยสินะ

“ไยต้องเกรี้ยวกราดเล่า แต่ไม่เป็นไรอาหลงคนนี้ชอบ”

อยากจะบ้าตาย ไม่ไหวแล้ววววว! ใครก็ได้มาเอาบุรุษคนนี้กลับไปที นางถึงกับกุมขมับ เข่าทรุดเลยทีเดียว ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหว “ท่านช่วยกลับไปก่อนได้หรือไม่?”

“แต่ข้าเพิ่งมาเองนะ”

“แล้วใครเชิญมามิทราบ”

“ก็ไม่มี... แต่ข้าเชิญตัวเองแล้ว มิได้หรือ?”

‘หมดคำจะเอ่ย มันจะได้ยังไงกันล่ะพ่อคุณเอ้ย! นี่มันห้องสตรีนะยังมิได้ออกเรือนด้วยซ้ำ’ ได้แต่กรอกตามองบนกับความหน้ามึน

“ช่วยเบิกตามองรอบ ๆ ก่อนได้ไหมว่ามันดึกยามใดไปแล้ว”

“เจ้ามิต้องกังวลไปหรอก ข้าพร้อมจะรับผิดชอบเจ้า จะให้แต่งพรุ่งนี้เลยก็ยังได้นะ ตัวข้าพร้อมเสมอ”

“แต่ข้าหาได้ชอบท่านไม่!!”

เจอคำพูดนี้ไป ร่างสูงชะงักนิ่งค้าง บรรยากาศรอบข้างเริ่มหนาวเย็นยะเยือกลงเรื่อย ๆ มันอึดอัดแทบหายใจไม่ออก “เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไรนะ” เสียงทุ้มห้าวเย็นเยียบแฝงโทสะขึ้งเครียดจากการข่มใจเอาไว้

“ต่อให้พูดอีกรอบคำตอบก็เหมือนเดิมนั่นแหละ”

“อืม ข้ารู้แล้ว”

เอ๋!! ถอดใจง่ายจังแหะ ไม่มีความอดทนเอาเสียเลย “หึ!!”

หยางหลงสูดหายใจเข้าลึก ๆ กดข่มความไม่พอใจลงไป แล้วเอ่ยเรียกนางเสียงหงอย

“ลู่ลู่ หันมานี่สิ ข้ามีอะไรจะบอกเจ้า” น้ำเสียงเขาอ่อนลงทว่าแฝงความนัยลึกซึ้ง ขณะที่สายตายิ่งลึกล้ำจนหยั่งไม่ถึง

อวี้จื่อลู่เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของชายหนุ่ม เลิกคิ้วสงสัยว่าอีกฝ่ายต้องการสิ่งใด “หืม”

อุ้ป!!

หยางหลงก้มหน้า มือทั้งสองข้างยกแตะบ่าอวี้จื่อลู่ ดึงร่างบางเข้าสู่อ้อมแขนแกร่งโอบรั้งท้ายทอยของหญิงสาวเข้ามาประชิด โน้มหน้าลงมาจูบบนหน้าผาก ไล่พรหมจูบไปตามกรอบหน้าเรียวสวย กดปากลงบนแก้มใส ไล่ลงมาบดจูบริมฝีปากบางแดงระเรื่อ ขบเม้มหยอกล้อล่อลวงสตรีตรงหน้าให้คล้อยตาม ฉกชิมความหวานในโพรงปาก ลิ้นร้อนสอดแทรกเกี่ยวพันดึงดูด จนหยาดน้ำใสยืดออกมาเปื้อนริมฝีปาก จูบระหว่างพวกเขาก็ยิ่งร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ปลายลิ้นหยางหลงจูบดูดดื่มจนแทบจะกวาดเอาลิ้นอวี้จื่อลู่ติดปากไปด้วย ทว่าจูบนั้นกลับทวีความร้อนแรง วาบหวาม หวานล้ำตราตรึง ชายหนุ่มยังคงอ้อยอิ่งวนเวียนเคล้าคลอไม่ยอมเลิกรา จนนางเริ่มหมดลมหยางหลงจึงผละริมฝีปากออก

ทำเอาอวี้จื่อลู่ใจเต้นโครมคราม เริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อถูกริมฝีปากหนาของอีกฝ่ายบดขยี้

หยางหลงสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามระงับอารมณ์พลุ่งพล่าน ความรู้สึกในยามนี้มันรุนแรงยิ่งนัก และอย่าพูดถึงเรื่องหัวใจที่มันเต้นอย่างบ้าคลั่งราวกับกลองศึกในตอนนี้เลย

 

เนื้อตัวนุ่มนิ่ม...

กลิ่นสาวอันหอมหวานชวนให้จิตใจเตลิด…

ความรู้สึกเหล่านี้ยามเมื่อได้ลิ้มลองคราแรก มักจะมีครั้งต่อ ๆ ไป ความรู้สึกหอมหวานแผ่ซ่านไปทั่วทั้งปาก รสสัมผัสยังคงฝังลึกติดปลายลิ้นยากลืมเลือน สบโอกาสหยางหลงฉกฉวยโอกาส ก้มลงจุมพิตนางด้วยความรู้สึกลึกซึ้งอีกครั้ง รับรู้ถึงความนุ่มนิ่มระหว่างที่ริมฝีปากนั้นแตะกัน ยิ่งนานเข้า เขาก็ไม่คิดจะปล่อยวาง เขาต้องการนางยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แต่ต่อให้นางไม่ต้องการเขา เขาก็ไม่คิดจะปล่อยให้นางตกไปเป็นของใคร หากผุ้ใดมันคิดลองดีกับข้าผู้นี้ ก็มีแค่ความตายเท่านั้นที่รออยู่

“จองไว้แล้วนะ อย่าให้ใครซ้ำรอยนอกจากข้า ส่วนนี่ของแทนใจจากข้า”

พูดจบร่างโปร่งสูงก็เร้นกายออกจากห้องไป ก่อนจะกลืนหายไปกับความมืดในที่สุด

ส่วนนางนะหรือ หึ ตายจ้า ตายสนิทเลย แง๊! แม้ว่าจะหวั่นไหวนิดหน่อยก็เถอะ

‘ไม่อ่อนโยนต่อใจข้าเลย งื้ออออ!’

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า