Your Wishlist

อวี้จื่อลู่ ณ หมู่บ้านม่านหมอก (เป็นท่าน!!)

Author: Ning Feng

เพียงแค่เงินสามสี่ร้อยบาท ทำให้เธอต้องถึงแก่ความตาย แต่ทำไม๊ ทำไม ต้องมาอยู่ในร่างของเด็กไม่มีหัวคิดแบบนี้ “มีอย่างที่ไหนหนีหมีขึ้นต้นไม้ ใครสั่งใครสอนกัน”

จำนวนตอน : 55

เป็นท่าน!!

  • 17/12/2566

“เร็วเข้าท่านพี่ ไยถึงชักช้านักเล่า”

“แล้วเจ้าจะรีบไปทำไมล่ะน้องหญิง เรือนลูกก็อยู่ใกล้ถึงเพียงนี้”

“ใกล้สำหรับท่าน แต่มันไกลสำหรับข้า ใจข้าตอนนี้ไปถึงเรือนลูกแล้ว”

“น้องหญิง…” น้ำเสียงอ่อนใจโอดครวญเล็กน้อย

“เอ๊ะ!! นี่ท่านจะเอาอย่างไรเจ้าค่ะ หากมิเต็มใจมาด้วยก็กลับไปเสีย” ขวางหูขวางตาข้าเสียจริง ใช่ซี่ข้ากับลูกคงมิสำคัญแล้วสินะ ว่าแล้วก็น้ำตาปริ่มหน่อย ๆ โมโหก็โมโห ฮึ่ม!! ใจเย็นไว้ลูกรัก

“…” นี้ข้าทำอันใดผิดกัน ข้าแค่เป็นห่วงนางกับลูกในท้องเองนะ หรือว่าจะเป็นอารมณ์ของคนที่ตั้งครรภ์ คงจะเป็นแบบนั้นสินะ อืม อืม ข้ามิได้ทำอะไรผิด ค่อยโล่งใจหน่อย

“ว่าไง จะไปไหมน่ะเรือนลูก ยืนเหม่ออยู่ได้ ฮึ่ม!!” พลางเร่งฝีเท้า ไม่รั้งรอคนด้านข้าง แล้วเดินจากไปอย่างไม่ไยดี

“ปะ...ไปจ้ะ ไป” น้องชายข้าหดหายหมดแล้ว เพียงชุ่นเดียวก็คงมิเหลือ เมียจ๋าเหตุใดถึงได้เกรี้ยวกราดเยี่ยงนี้เล่า เห้อ... คร่ำครวญไปก็เท่านั้นสินะ เพราะเมียไม่ได้ยิน ทำได้แค่เดินตามหลังภรรยาต้อย ๆ ด้วยความหงอยเหงา ก้มหน้าก้มตารีบจ้ำอ้าวเร่งฝีเท้า หากชักช้าเกรงว่าคืนนี้คงได้ออกมานอนเป็นเพื่อนยุงหน้าห้อง “รอพี่ด้วยน้องหญิง”

“ให้ไวเลยเจ้าคะ” ลู่เยวี่ยนเหลียวหลังกลับมามองผู้เป็นสามีตาเขียวปั๊ด อดมิได้จึงเอ่ยแขวะออกมาเสียงเบาหวิว ‘แก่แล้วก็งี้ เรี่ยวแรงไม่ค่อยจะมี’

“อุ้ย!!” กู้หลงซานถึงกับสะดุดเท้าตนเอง พลางกระแอมไอเป็นนัยน์ประมาณว่า พี่ได้ยินนะน้องหญิง ต่อให้เจ้าจะกระซิบกระซาบเสียงเบาแค่ไหนก็มิอาจรอดพ้นหูของผู้ฝึกยุทธได้ กู้หลงซานที่เดินไล่ตามมาทันถือวิสาสะเอื้อมฝ่ามือไปจูงมือนุ่ม ๆ ของภรรยา จากนั้นก็พากันเดินก้าวไปข้างหน้าเดินเคียงคู่กันไปยังเรือนเหมยกุ้ย ทว่าเมื่อมาถึงก็เจอเข้ากับสภาพของเนี่ยนเจินสาวใช้ข้างกายบุตรสาวนั่งเหม่อลอยไร้ชีวิตชีวาอยู่หน้าห้อง

“เกิดอะไรขึ้น เจ้าเป็นถึงบ่าวคนสนิทของบุตรสาวข้าไยถึงไม่อยู่รอปรนนิบัตินางอยู่ด้านใน” กู้หลงซาน มีสีหน้าเคร่งเครียดเฉียบขาดขณะเอ่ยด้วยเสียงเน้นหนัก

“อะ…เอ่อ คือ…” ร่างบางก้มหน้าเอ่ยตอบอย่างตะกุกตะกัก ยามได้ยินเสียงเย็นเยียบของนายท่าน

“ว่าไงเล่าเนี่ยนเจิน หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบุตรสาวข้า” ลู่เยวี่ยนใช้น้ำเสียงกดดันเค้นเอาคำตอบจากสาวใช้ตรงหน้า

หญิงสาวถอนหายใจเฮือกหนึ่งไม่รู้ว่าสมควรอธิบายเรื่องนี้ให้นายหญิงและนายท่านฟังอย่างไรดี กัดริมฝีปากกลั้นใจโพล่งออกไป “คืออย่างนี้เจ้าค่ะ ตั้งแต่เช้ามาของวันนี้จู่ ๆ คุณหนูก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ” จากนั้นก็เล่าต่ออีกว่า ตอนที่นางเข้ามาเจอ พบว่าดวงตาคุณหนูนั้นบวมเบ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนัก สองแก้มใสเต็มด้วยคราบน้ำตา นัยน์ตากลับซุกซ่อนความเจ็บปวดทุกข์ทรมานเอาไว้ ไหนจะท่าทางราวกับสูญเสียสิ่งล้ำค่าไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ทำได้เพียงแค่คอยปลอบใจอยู่ข้าง ๆ จนกระทั้งคุณหนูหลับไปนางถึงได้ออกมารออยู่ด้านนอกแทน

ลู่เยวี่ยนได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแทบล้มทั้งยืน ผิดจากที่นางคาดเดาเสียไหน แสดงว่าสิ่งนางเห็นในตอนเช้ามันจะเกิดขึ้นจริงอย่างนั้นหรือ? แล้วหันมองสามีนัยน์ตาเศร้าหมอง “ท่านพี่” ใบหน้าขาวใสค่อย ๆ บิดเป็นปวดร้าว ความเจ็บช้ำปรากฏอยู่ในดวงตาแดงก่ำ ไหล่สะเทือนไปเล็กน้อยตอนที่น้ำตาเม็ดโต ๆ ไหลพรู

“มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน” ยามนึกถึงเรื่องเมื่อเช้าตอนภรรยาเล่าให้ฟังก็รู้สึกสั่นสะท้านหวั่นใจอย่างไรชอบกล “เรื่องมันยังไม่เกิดอย่าได้กังวลใจไปก่อน เชื่อพี่นะน้องหญิง” ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาซับน้ำตาให้ภรรยาแผ่วเบา

“เจ้าค่ะ” พลางเอนตัวลงไปซบอกสามี

“ส่วนเจ้า ก็เงียบปากให้เสียสนิทเล่า” ไม่วายหันมากำชับสาวใช้ตรงหน้าอีกครั้ง ส่วนเนี่ยนเจินพยักหน้ารัว ๆ ราวไก่จิก ให้ตายอย่างไนนางก็ไม่มีทางพูดออกไปแน่

“ดูแลนางให้ดี” ก่อนจะไปอดมิได้จะย้ำเตือนอีกรอบ

“เจ้าค่ะนายท่าน”

“ป่ะ น้องหญิงได้เวลาพักผ่อนแล้ว ป่านนี้เจ้าซาลาเปาน้อยคงเหนื่อยน่าดู” กู้หลงซานค่อย ๆ ประคองร่างอุ้ยอ้ายของภรรยาอย่างทะนุถนอมเบามือ หวังเพียงให้นางได้พักผ่อนและละทิ้งเรื่องราวเคร่งเครียดไว้ด้านหลัง

 

ด้านอวี้จื่อลู่

หลังลืมตาอันหนักปร่าขึ้นมาจากความมืด ภาพตรงหน้ายังพร่ามัวแต่ในไม่ช้าก็แจ่มชัด อาการปวด ๆ ตึง ๆ ตามเนื้อตัวและเบ้าตา ในตอนแรกรู้สึกปวดตาจนแทบลืมไม่ขึ้น จึงลองหลับตาลงใหม่อีกคราแล้วค่อยลืมขึ้นมาใหม่อีกรอบ แต่พอเวลมันเริ่มรู้สึกดีขึ้นเรื่อย ๆ นางมองสำรวจไปรอบห้องก็พบว่าตัวเองกำลังนอนแช่อยู่บนเตียงนอนในห้องนอนของตนเอง ดูแล้วคงจะเป็นเนี่ยนเจินที่พานางมานอนแน่ ๆ

ในขณะที่นางกำลังจะลุกขึ้นเดินออกไปหน้าห้อง หางตาดันหันไปเห็นเงาของใครบางคนแอบลอบเข้าห้องมา ฟังเสียงการเคลื่อนไหวแล้วเกรงว่าอีกฝ่ายคงจะบาดเจ็บพอควร ว่าแต่ทำไมถึงต้องมาที่ห้องของนางกันเล่า ในจวนแห่งนี้สามารถหามุมเพื่อหลบสายตาผู้คนได้ตั้งหลายที่ไยถึงไม่ไปกันล่ะ

ไม่ได้การแล้วนางยังไม่พร้อมเสียตัว เอ้ย!! ไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับปัญหาอะไรตอนนี้ อวี้จื่อลู่ยกมือขึ้นตบแก้มตนเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติตนเองกลับคืนมาให้เต็มร้อย ก่อนจะล้วงหยิบอาวุธลับออกมาถือไว้ในมืออย่างงมั่นคง พร้อมทั้งลบกลิ่นอายและตัวตนออกมิให้อีกฝ่ายรู้ตัว แล้วเดินเข้าไปทางด้านหลังด้วยความเงียบเชียบ ก่อนจะใช้อาวุธลับจ่อไปที่คอ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

“หากยังไม่อยากตาย ก็อยู่นิ่ง ๆ แล้วหันหน้ามาเสีย อ้อ!! อีกอย่างอย่าได้คิดเล่นไม่ตุกติกเชียว มิเช่นนั้นข้ามิอาจรับประกันได้ว่า มีดในมือข้าจะไม่ปาดคอเอาเสียก่อน” ร่างบางถอยหลังออกมาเล็กน้อย ทว่าการระวังกลับมิได้ลดลงแต่อย่างใด

“ข้ารู้ ข้ารู้” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาเบาหวิว

คนชุดดำค่อย ๆ หันมาตามคำสั่งของหญิงสาวเจ้าของห้องอย่างช้า ๆ อวี้จื่อลู่อาศัยช่องโหว่ที่อีกฝ่ายไม่ระวังกระชากผ้าปิดหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลา ดวงตานางเบิกโพลงกับภาพตรงหน้าจนแทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้

“ไง” หยางหลงเอ่ยทัก มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ราวเจอของถูกใจ

“ทำไมถึงเป็นท่าน!!”

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป