นิยายเทพเซียน(จีนโบราณ) เรื่องแรก จากผู้แต่งนามปากปา "ทอภู" นอกนอกบทที่มีความซับซ้อนแล้ว อีกหนึ่งลายเซ็นของผู้แต่งคือดราม่าเข้มข้น แต่ ก็จะมีแทรกมุขตลกบ้าง ลองอ่านดูสินะครับ แล้วคุณจะรักนิยายเรื่องนี้
นิยายเทพเซียน(จีนโบราณ) เรื่องแรก จากผู้แต่งนามปากปา "ทอภู" นอกนอกบทที่มีความซับซ้อนแล้ว อีกหนึ่งลายเซ็นของผู้แต่งคือดราม่าเข้มข้น แต่ ก็จะมีแทรกมุขตลกบ้าง ลองอ่านดูสินะครับ แล้วคุณจะรักนิยายเรื่องนี้
30,500 ปีก่อน…
สงครามเทพมารอุบัติ 3พิภพตกสู่ความโกลาหล ศึกครั้งนั้นเผ่าเทพนำทัพโดย กังอวี่หวิน มังกรเพลิงสวรรค์ เป็นบุรุษรูปงาม สวมชุดเกาะสีเงินลวดลายเกล็ดมังกร มือขวาถืออาวุธทวนยาวศาสตราเทพนามไท่เจียว
และ เยว่ลู่จิว นกเพลิงเฟิ่งหวง อีกหนึ่งบุรุษรูปงาม สวมชุดเกาะสีทองลวดลายขนนก มือขวาถือกระบี่ศาสตราเทพนามหย่งเหว่ย
เป็น2แม่ทัพผู้สง่างามและเกรียงไกรแห่งแดนสวรรค์ นำทัพแนวหน้า ฆ่าฟัน บุกฝ่าทะลวง หมู่มารอสูรจนแตกฝ่าย
ถึงแม่ทัพทั้ง2ความสามารถโดดเด่น แต่กลับไม่สามารถปราบจอมมารนาม ตงโฉว ได้ เนื่องจาก จอมมารตงโฉว ถือกำเนิดจากความมืดและความโศกเศร้า
แม้จะมีรูปร่างมนุษย์ แต่ เพลิงสวรรค์ของแม่ทัพสงครามทั้ง2 ก็ไม่อาจทำอันตรายอะไรต่อจอมมารได้ เนื่องจากทุกการโจมตีสามารถทะลุผ่านตัวจอมมารได้ทั้งหมด กลับกันจอมมารสามารถโจมตีทางกายภาพให้ความเสียหายกระทบกับร่างของเทพทั้ง2ได้
เยว่ลู่จิว ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากสงครามในครั้งนี้ กังอวี่หวิน จึงได้สั่งถอยทัพเพื่อตั้งหลัก และวางแผนกลยุทธ์เพื่อหาทางรับมือจอมมาร
เง็กเซียนองค์ก่อน และ กังอวี่หวิน ได้ปรึกษากันว่ามีเพียงต้องบำเพ็ญ เพลิงสลายนภา9ชั้น เป็นอัคคีสีฟ้าที่เผาผลาญได้ทุกสรรพสิ่ง แม้เป็นสิ่งที่ไม่มีรูปร่างดวงไฟนี้ก็สามารถเผาผลาญได้
แต่การที่จะบำเพ็ญเพื่อให้ได้มาซึ่งวิชานี้นั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก อย่างแรกผู้ที่สามารถ บำเพ็ญวิชานี้ได้ต้อง เป็นผู้มีธาตุไฟโดยกำเนิด แต่ ต้องบำเพ็ญในแม่น้ำวั่งเหลิ่งตง แม่น้ำที่หนาวเย็นที่สุดใน3ภพ ที่ตั้งอยู่ทางเขตแดนทิศใต้ของโลกมนุษย์กับปีศาจ นั่นไม่ใช่สถานที่ ที่ผู้มีธาตุไฟโดยกำเนิด ควรจะเข้าไปเพราะเสี่ยงดวงจิตเกิดรอยร้าว หรือร้ายแรงอาจจะทำให้ดวงจิตแตกดับได้
ผู้ที่มีธาตุไฟมาแต่กำเนิด ผู้ที่มีตบะสูง และ เป็นผู้นำของเหล่าทัพ ก็มีแค่ กังอวี่หวิน และ เยว่ลู่จิว เท่านั้น! ที่อาจจะพอสามารถแบกรับภาระหนักในครั้งนี้ได้ แต่ เยว่ลู่จิว อาการบาดเจ็บยังไม่ฟื้นตัว คงไม่สามารถรับภาระนี้ได้
เมื่อไม่มีทางเลือก กังอวี่หวิน จึงต้องอาสาไปยังแม่น้ำวั่งเหลิ่งตง เพื่อบำเพ็ญเคล็ดวิชาเพลิงสลายนภา9ชั้น
นับเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ และ เรื่องน่ายินดีของเผ่าเทพ เพราะเพียงแค่ระยะเวลา 1ปี บนโลกมนุษย์ ( เทียบเท่า 1 วันบนแดนสวรรค์ ) กังอวี่หวิน สามารถบำเพ็ญวิชาเพลิงสลายนภา9ชั้น จนสำเร็จ และ สามารถกำจัดจอมมารลงได้
ต่อมาเง็กเซียนได้ดับขันธ์ จากอาการบาดเจ็บสาหัสหลังจากการต่อสู้กับจอมมาร
กังอวี่หวิน ถูกสถาปนาแต่งตั้ง เป็นเง็กเซียนองค์ใหม่ แต่ว่า…
" ท่านเสียสติไปแล้วหรือไง? เผ่าเทพ จะ อภิเษก กับ มาร ได้เยี่ยงไร? "
คำพูดอันกึกก้องจากเยว่ลู่จิว ที่กำลังตำหนิ เง็กเซียนองค์ปัจจุบันอย่าง กังอวี่หวิน แม้เขาจะเป็นเง็กเซียน แต่กังอวี่หวิน และ เยว่ลู่จิว ก็เป็นสหายกันมานาน
" นางคือผู้มีพระคุณของข้า หากวันนั้นไม่มีนาง ข้าคงไม่มีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ "
เง็กเซียน ตอบกลับ เยว่ลู่จิว ด้วยท่าทีและคำพูดที่จริงจัง
" จะแดนเทพ แดนเซียน หรือแดนมนุษย์ เจ้าสามารถเลือกผู้ใดมาเป็นชายาย่อมได้ แต่ต้องไม่ใช่ชายาจากแดนมาร "
เยว่ลู่จิว เกลียดแค้นเผ่ามารมาก เนื่องจาก ในอดีตเขาสูญเสีย บิดา มารดา จากฝีมือเผ่ามาร
"มารแล้วเยี่ยงไร!! นางไม่ได้ทำผิดอันใด นางไม่เคยทำร้ายผู้คน สงครามเทพมาร ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับนาง"
" จะเกี่ยวข้องหรือไม่? นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่สิ่งสำคัญคือนางเป็นเผ่ามาร และตัวข้าไม่อาจยอมรับได้ "
เยว่ลู่จิว สะบัดผ้าคลุมหลังก่อนจะเดินหนีไป
3วันต่อมา บบนแดนสวรรค์ (เท่ากับ3ปีในโลกมนุษย์)
เป็นวันอภิเษกชายาสวรรค์ ทหารเผ่ามังกร ภายใต้บังคับบัญชาของ กังอวี่หวิน หลายพันนายนำทัพไปรอรับ ไป๋ลี่หยาง มารน้ำแข็ง ที่หน้าทางเข้าแม่น้ำวั่งเหลิ่งตง
ทหารเผ่ามังกรจงรักษ์ภักดีต่อ กังอวี่หวิน ไม่คิดทรยศ แม้กังอวี่หวิน คิดที่จะแต่งตั้งนางมารขึ้นเป็นชายาสวรรค์ เผ่ามังกรก็ไม่มีใครคับข้องใจต่อการเลือกของกังอวี่หวิน
เมื่อไป๋ลี่หยาง ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวแล้ว เหล่าทัพมังกรก็มุ่งหน้ากลับสู่แดนสวรรค์
แต่เมื่อทัพเดินทางมาถึงพื้นที่ราบเรียบในเชิงเขา กลับโดนลอบโจมตีโดยทหารสวรรค์เผ่าเฟิ่งหวง
" ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น? "
ไป๋ลี่หยาง เปิดเกี้ยว ถามทหารเผ่ามังกร
" เรียนว่าที่พระชายา พวกเราโดนลอบโจมตี!! "
ไป๋ลี่หยาง รีบลงมาจากเกี้ยว นางกวาดสายตา มองดูสถานการณ์โดยรอบ สถานการณ์ตอนนี้ ทัพเผ่ามังกรสวรรค์จำนว1,500นาย (ไม่นับรวมนางกำนัน และ สาวรับใช้ )
ทหารต่างพากันโอบล้อม ทุกคนร่วมกันร่ายคาถาปกป้องเกี้ยว และ ไป๋ลี่หยาง อย่างสุดความสามารถ
นางเงยหน้ามองดู บนเนินเขา เห็น มีทหารจำนวนมาก ราวๆ 20,000กำลังร่ายคาถาใช้ค่ายกลแผ่นปฐพีอัคคีแผดเผา
ลักษณะของค่ายกลนี้ ผู้ใช้คาถาธาตุไฟ จำนวนมากจะตีวงล้อม โดยให้ศัตรู อยู่จุดศูนย์กลางของวง เมื่อผู้ใช้เริ่มร่ายคาถาพื้นที่ในวงทั้งหมด จะลุกไหม้ทั้งหมด
" นี่!! สหายของอวี่หวิน ผู้คนเหล่านั้นเป็นใคร? ทำไมต้องทำร้ายพวกเจ้า และ ข้า "
" เรียนว่าที่พระชายา ทหารด้านบนนั่น คือคนของ แม่ทัพเยว่ลู่จิว แห่งเผ่าเฟิ่งหวง "
" เยว่ลู่จิว? เฟิ่งหวง? ข้าเคยได้ยินชื่อเหล่านี้ จากอวี่หวิน เขาบอกข้าว่าเยว่ลู่จิว ก็คือสหายแต่ทำไมกันล่ะ? ทำไมเขาถึงต้องการที่จะทำร้ายข้า "
เหล่าทหารเผ่ามังกร เริ่มต้านทานค่ายกดไม่ไหว พวกเขาได้รับบาดเจ็บ แล้วกระอักเลือด
ไป๋ลี่หยาง เห็นท่าไม่ค่อยจะดี นางรีบร่ายคาถาก่อนจะชี้นิ้วลงที่พื้น ทำให้พื้นที่โดยรอบกลายเป็นน้ำแข็งทันที แม้แต่ไฟก็โดนแช่แข็งไปด้วย สักพัก ไฟที่โดนแช่แข็งอยู่ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นแค่เศษหิมะร่องรอยตามแรงลม
" นี่มันวิชาอะไรกัน แค่ผู้หญิงนางเดียว สามารถทะลวงค่ายกล ของคน20,000 คนได้เยี่ยงไร? "
ทหารเผ่าเฟิ่งหวง จำนวนมากต่างหวาดหวั่น และหวาดกลัว ต่อพลังที่ได้เห็น เผ่ามังกรสวรรค์ ก็ต่างตกตะลึงในความสามารถของไป๋ลี่หยาง เช่นกัน
" วิชาเมื่อครู่ข้าให้นามว่า… ก่อเกิดเหมันต์ ไม่ทราบว่าพวกท่านชอบหรือไม่? "
นางเงยหน้าพูดกับเหล่าทัพเผ่าเฟิ่งหวง ก่อนจะหันมาทางเผ่ามังกรสวรรค์ ที่กำลังบาดเจ็บจากการพยายามปกป้องนาง นางยิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนจะพูดว่า…
" พวกเจ้าจงวางใจ… ข้าจะปกป้องพวกเจ้าเอง "