Your Wishlist

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาอ้วน (บทที่ 21-22 : เลี้ยงลูกหมู, หารายได้)

Author: mulan

เมียตัวอ้วนกลับมาแล้ววววว! AFTER TRANSMIGRATING, THE FAT WIFE MADE A COMEBACK! แผนการจับหลานเขยให้หลานสาวอ้วนดำของคุณปู่ไม้ใกล้ฝั่ง หลานสาวผู้ที่แม้แต่แม่สื่อก็ไม่รับหาคู่ให้ เธอผู้กลับชาติมาอยู่ในร่างสาวอ้วน ผิวคล้ำเขรอะ จะทำอย่างไรกับสามีสุดหล่อ และญาติที่หวังจะฮุบสมบัติ จะสำเร็จราบรื่นหรือไม่ ติดตามอ่านกันต่อได้เลยคร้าบบบบ

จำนวนตอน :

บทที่ 21-22 : เลี้ยงลูกหมู, หารายได้

  • 22/03/2566

ได้ยินแบบนั้น ผู้ใหญ่บ้านตะลึงงัน แทนที่จะคิดว่าจะกินอะไร เฉียวเหม่ยไปกังวลกับหมูที่บ้านว่าจะกินอะไร?

 

ยอดเยี่ยมแค่ไหน!

 

นอกจากนี้ เธอกำลังแบกไม้หาบและไปทำงานจริงๆเหรอ? เมื่อก่อน แม้แต่ตลาดก็ไม่เคยเห็นเธอ ไม่ต้องพูดถึงการออกไปพร้อมกับไม้หาบ

 

ณ ตอนนี้ ที่เดียวที่สามารถขุดพืชป่าที่เขียวชอุ่มเช่นนี้ได้คือบริเวณบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ลึกเข้าไปในภูเขา เธอเดินไกลขนาดนั้นเพื่อขุดหาอาหารให้หมูจริงเหรอ?

 

เฉียวเหม่ยที่ควรจะเป็นคือโคตรขี้เกียจไม่ใช่เหรอ?

 

แม้ว่าจ้าวเหลียงจะประหลาดใจ ความประหลาดใจของเขาเป็นเรื่องอื่น เฉียวเหม่ยเรียกเขาว่าลุงจ้าวจริงๆเหรอ? สิ่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าเฉียวเหม่ยจะทำงานเสียอีก

 

“ลุงจ้าว พวกคุณไปกันก่อนเลย ฉันกลับก่อน” หลังจากเฉียวเหม่ยพูดจบเธอก็เดินกลับไปด้วยรอยยิ้ม เธอเดินผ่านชาวนาชราที่ยืนตัวแข็งอยู่กับที่แล้วพูดว่า “ลุงหวัง ฉันได้ยินว่าลุงกำลังขายลูกหมู อย่าลืมเก็บตัวดีๆไว้ให้ครอบครัวของหนูด้วยนะ พรุ่งนี้หนูจะไปบ้านลุงเพื่อซื้อมัน ไม่ต้องห่วงนะหนูไม่ลืมเงินของลุง”

 

“อา? โอ โอ ได้ ได้…” หวังอู่ตกใจมาก เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคำพูดที่สุภาพเหล่านี้มาจากเฉียวเหม่ย

 

ก่อนที่เฉียวเหม่ยจะถึงบ้าน เธอเห็นปู่ของเธอรออยู่ที่ประตูแล้ว

 

เห็นเฉียวเหม่ยหาบตระกร้ามาสองใบ เขาระงับอารมณ์ของเขาและไปหาเธอ ในฐานะคนที่ใกล้ชิดกับเฉียวเหม่ยมากที่สุด เขารู้ดีว่าเธอขี้เกียจแค่ไหน

 

นั่นเป็นเหตุผลที่เขารู้ว่าเฉียวเหม่ยเปลี่ยนไปมากเพียงใด

 

“คุณปู่ ช่วยพักผ่อนด้วยค่ะ หนูจัดการได้” เฉียวเหม่ยเลี่ยงเขา “หนูแข็งแรงพอที่จะแบกมัน อย่าโอ๋หนูมากไปกว่านี้เลย หนูควรจะทำงานบ้าง”

 

“ได้ ได้ เข้ามาๆ” เฉียวเฉียงพูดด้วยรอยยิ้มสดใจ

 

เฉียวเหม่ยนำตระกร้าทั้งสองใบเข้าไปในครัวแล้วยกวัชพืชที่คลุมออก เผยให้เห็นฟักทองสีเหลืออร่ามและมันเทศลูกโตๆด้านใน

 

เฉียวเฉียงตัวแข็งทื่อและถามว่า “หลานไปเอาฟักทองกับมันเทศมากมายมาจากไหน?”

 

“มันมาจากบริเวณบ่อน้ำพุร้อนด้านหลังภูเขาค่ะ” เฉียวเหม่ยกล่าวอย่างสบายๆ “หนูเดินไปรอบๆและไม่คิดว่าจะเห็นฟักทองและมันเทศมากมายขนาดนี้ หนูจะไปดูว่าพรุ่งนี้จะมีพืชอะไรอีกไหม?”

 

จากบริเวณบ่อน้ำพุร้อน?

 

เฉียวเฉียงนึกไตร่ตรองว่าตอนนี้เป็นจุดเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิแล้ว ฟักทองและมันเทศในทุ่งยังไม่แตกหน่อ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับพืชผลมากมายที่ปลูกในบริเวณบ่อน้ำพุร้อน

 

อย่างไรก็ตาม อุณหภูมิที่นั่นสูง จึงไม่น่าแปลกใจหากจะมีฟักทองและมันเทศเติบโตที่นั่น

 

เมื่อก่อน อาจมีคนเก็บได้ แต่ปิดปากเงียบไม่บอกคนอื่น

 

“เหม่ยเหม่ยของปู่ช่างโชคดี” เฉียวเฉียงพูดด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ

 

เขาไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฟักทองและมันเทศที่สวยงามเช่นนี้ต้องมาจากบริเวณบ่อน้ำพุร้อน เพราะไม่มีที่ดินของใครสามารถปลูกพืชผลที่มีคุณภาพดีเช่นนี้ได้

 

เฉียวเหม่ยวางของทั้งหมดลงและเริ่มทำอาหาร

 

เมนูวันนี้คือกินเลี้ยงฟักทอง - ฟักทองทอด ฟักทองต้ม ฟักทองตุ๋น และเค้กฟักทองทอด

 

ยังไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะในการทำอาหาร ทั้งหมดขึ้นอยู่กับกลิ่นหอมของส่วนผสมเท่านั้น

 

เฉียวเฉียงไม่สามารถหยุดชื่นชมได้เมื่ออาหารเข้าปากของเขา และรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ อย่างที่เขาเห็น เมื่อเทียบกับผู้หญิงคนอื่นๆ ในที่สุดเฉียวเหม่ยก็มีจุดแข็ง อาหารที่เธอทำอร่อยมาก ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เธอคงไม่ถูกดูถูกใช่ไหม?

 

“ปู่ค่ะ หนูเพิ่งบอกลุงหวังอู่ไปว่าพรุ่งนี้เราจะไปบ้านเขาและซื้อลูกหมูมาเลี้ยง” เฉียวเหม่ยพูด

 

เฉียวเฉียงมีความสุขมากขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น

 

ตอนนี้ หลานสาวของเขาไม่เพียงแต่มีทักษะในการทำอาหารที่ดีเท่านั้น แต่เธอรู้วิธีคิดเพื่อครอบครัวของเธอด้วย

 

“ตกลง ตกลง เราจะไปพรุ่งนี้เช้าเลย ปู่รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมมากและตอนนี้มีกำลังมากขึ้นแล้ว การเลี้ยงหมูจะไม่มีปัญหา”

 

“ปู่ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงพวกมัน ปู่แค่ต้องไปซื้อลูกหมูเพราะหนูไม่รู้จะเลือกยังไง จากนั้นเฉียวเหม่ยก็ถามต่อว่า “เรายังมีเงินเหลืออยู่ไหมค่ะ?”

 

“มี มี มีสิ” เฉียวเฉียงยิ้มและโบกมือ “ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เอาเงินที่เหลือใช้ไปก่อน แล้วอีก2-3 วันปู่จะให้ยอดที่เหลือกับเขาเมื่อเงินเกษียณปู่ออก ไม่กี่วันเอง ไม่น่าจะทำให้แตกต่างเท่าไหร่”

 

นอกจากนี้ เฉียวเฉียงไม่ใช่คนที่จะผิดนัดชำระหนี้

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉียวเหม่ยก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเธอก็จำได้ว่านี่คือสังคมที่ผูกมัดด้วยความสัมพันธ์   มันไม่เหมือนกับอนาคตที่คนๆ หนึ่งจะไม่สามารถซื้อลูกหมูได้หากเงินขาดไปสองสามหยวนจากราคาที่ตั้งไว้

 

ในกรณีนี้  ไม่ต้องรีบขายฟักทองที่เหลือ ที่สุดแล้ว ฟักทองที่เหลือก็มีมูลค่าไม่มากนัก

 

ตอนที่ 22: หารายได้

 

“หนูต้องการหาเงิน” เฉียวเหม่ยพูด

 

เฉียวเฉียงสะดุ้งตกใจคิดว่าตนได้ยินผิด

 

“หาเงิน?” เฉียวเฉียงพูดด้วยรอยยิ้ม “ดี ดี ดี! ปู่จะไปในเมืองพรุ่งนี้เพื่อถามให้ทั่วและหางานที่ดีให้หลาน”

 

ในความคิดของเขา ถ้าใครต้องการหาเงิน ควรไปทำงานในเมืองเพื่อจะได้เงินเดือนพอใช้

 

เขาเคยคิดเช่นนั้นและหางานให้เฉียวเหม่ยด้วยซ้ำ เฉียวเหม่ยไปทำงานอย่างมีความสุข แต่ไม่ถึงครึ่งวัน เธอกลับมาเพราะเธอบอกว่ามันเหนื่อยเกินไป

 

ตอนนี้เหม่ยเหม่ยโตขึ้นมากเพราะเธอรู้ว่าเธอจำเป็นต้องหาเงินมาจุนเจือครอบครัว

 

“ไม่ ไม่ ไม่ค่ะ” เฉียวเหม่ยพูดปฏิเสธทันที “คนทำงานหาเงินจะได้เท่าไหร่ค่ะ? มันไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายในครัวเรือน นอกจากนี้ หนูต้องจากบ้านไปทำงานและหนูไม่สบายใจที่จะปล่อยให้ปู่อยู่บ้านคนเดียว”

 

เมื่อเฉียวเฉียงได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของเขาก็แดงก่ำ

 

“หนูอยากไปขายของในเมือง” เฉียวเหม่ยกล่าว

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉียวเฉียงรู้สึกตกใจจนน้ำตาคลอเบ้า โบกมือของเขาไปรอบ ๆ เขารีบลงจากเตียงอิฐและมองดูว่ามีใครอยู่รอบๆ หรือไม่ เท่านั้นเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและนั่งลง

 

“มันเป็นการเก็งกำไรที่ซื้อมาแล้วขาย นั่นคือพฤติกรรมของทุนนิยม เราทำอย่างนั้นไม่ได้!” เขาคิ้วขมวดและพูดด้วยเสียงเบา

 

นี่เป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นเขาจึงประมาทไม่ได้

 

ยังไม่มีการปฏิรูปและเปิดทำการในขณะนี้ และไม่อนุญาตให้มีการซื้อขายของเอกชน หากพวกเขาถูกตรวจพบและถูกจับกุมคงเป็นเรื่องใหญ่

 

“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะปู่ หนูไม่ได้จะทำการค้าขาย หนูแค่ต้องการขายผลผลิตของครอบครัวเรา”

 

ในฐานะนักกฎหมายชั้นยอด เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าการทำธุรกรรมส่วนตัวในช่วงเวลานี้เป็นอันตราย

 

เธอไม่กล้าขายของ แต่เธอยังสามารถขายผักพิเศษและผลผลิตจากภูเขาที่ครอบครัวของเธอปลูกได้ ไม่มีใครสนใจถ้าเธอขายมันอย่างรอบคอบ

 

“อ๋อ ปู่เข้าใจแล้ว มันไม่เป็นไรที่จะขายผักและผลผลิตจากภูเขา” เฉียวเฉียงพยักหน้า แต่วินาทีต่อมาเขาก็ตกตะลึงอีกครั้ง “แต่เราไม่มีผักขาย?”

 

ตอนนี้มันเป็นต้นฤดูใบไม้ผลิ ผักและพืชผลในทุ่งยังไม่เติบโตและที่บ้านก็ไม่มีอะไรกินมากนัก แม้ว่าจะเป็นฤดูเก็บเกี่ยวและครอบครัวอื่นก็มีกินมากเกินไป ครอบครัวของเขายังคงต้องทำให้แน่ใจว่าพวกเขาเก็บผักไว้สำหรับฤดูหนาว

 

ไม่อย่างนั้น เหม่ยเหม่ยจะหิว

 

เฉียวเหม่ยดูเหมือนจะคาดหวังคำถามของเขาและพูดว่า “หนูคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เราซื้อถั่วมาเพาะถั่วงอกขายได้”

 

เฉียวเฉียงกระพริบตาด้วยความสับสน เขารู้สึกงุนงง สงสัยว่าเขาได้ยินผิดไปหรือเปล่า

 

เฉียวเหม่ยก้มหน้าลงแล้วพูดช้าๆ “ตอนหนูยังเด็ก แม่เคยเพาะถั่วงอกที่บ้าน หนูยังจำทั้งหมดนั้นได้”

 

เฉียวเฉียงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

 

เมื่อเฉียวเหม่ยอายุได้ 5 ขวบ พ่อของเธอไปในเมืองและประสบอุบัติเหตุถูกรถชน เมื่ออายุเจ็ดขวบ แม่ของเธอแต่งงานใหม่ ครอบครัวนั้นไม่ต้องการรับเธอไปเป็นภาระ เฉียวเหม่ยจึงถูกทิ้งไว้กับตระกูลเฉียว

 

แม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ แต่มันเป็นแค่ว่าเธอไม่มีเวลาสนใจเฉียวเหม่ย

 

จ้าวหรานแต่งงานกับคนงานที่ครอบครัวอาศัยอยู่ในเขตที่อยู่ห่างไกลหลายสิบไมล์ ต่อมาได้ข่าวซุบซิบกันในหมู่บ้านว่าบุคคลนั้นถูกย้ายไปยังเมืองต่างจังหวัด เนื่องจากมีการมอบหมายงานใหม่

 

ทั้งหมดนี้เป็นข่าวจากหมู่บ้านของลุงของเธอ

 

หลังจากที่จ้าวหรานแต่งงานใหม่ ในปีแรกเธอเคยขอให้คนมาเยี่ยมเฉียวเหม่ย หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวของเธออีกเลย

 

เมื่อเฉียวเหม่ยยังเด็กและอาศัยอยู่ที่บ้านของเฉียวซวง เธอเป็นเด็กสาวที่น่าสงสารมาก เธอผอมและตัวเล็ก ดูราวกับว่าเธอจะล้มลงถ้าลมพัดมาแรงๆ เธอขี้อายมากและจะซ่อนตัวทุกครั้งที่เห็นใครซักคน..…

 

จนกระทั่งเฉียวเฉียงกลับมาที่หมู่บ้าน

 

การมีคนเลี้ยงดู คอยอบรมและปกป้องทำให้เธอมีความมั่นใจ และเฉียวเหม่ยก็แข็งแกร่งขึ้นในทันที ขณะที่เธอมีน้ำหนักมากขึ้น อารมณ์ของเธอก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน และเธอก็ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป