Your Wishlist

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาอ้วน (ตอนที่ 17-18 : ตัดญาติขาดมิตร, แต่งงานกับคนโง่)

Author: mulan

เมียตัวอ้วนกลับมาแล้ววววว! AFTER TRANSMIGRATING, THE FAT WIFE MADE A COMEBACK! แผนการจับหลานเขยให้หลานสาวอ้วนดำของคุณปู่ไม้ใกล้ฝั่ง หลานสาวผู้ที่แม้แต่แม่สื่อก็ไม่รับหาคู่ให้ เธอผู้กลับชาติมาอยู่ในร่างสาวอ้วน ผิวคล้ำเขรอะ จะทำอย่างไรกับสามีสุดหล่อ และญาติที่หวังจะฮุบสมบัติ จะสำเร็จราบรื่นหรือไม่ ติดตามอ่านกันต่อได้เลยคร้าบบบบ

จำนวนตอน :

ตอนที่ 17-18 : ตัดญาติขาดมิตร, แต่งงานกับคนโง่

  • 20/03/2566

เฉียวซวงถูกส่งตัวไปทันทีที่เกิด พ่อแม่บุญธรรมของเขาเสียชีวิตเมื่อเขาอายุ 18 ปี ดังนั้นเพื่อความอยู่รอด เขาจึงกลับมายังตระกูลเฉียว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้สนิทกับตระกูลเฉียว ตลอดทั้งวันหน้าตาบูดบึ้งราวกับว่าเขามีความแค้นต่อพวกเขา

 

“ฉันไม่ต้องการพี่ชายที่รอความตายอย่างนายล่วงหน้าไปก่อนฉันเลย”

 

“ไปให้พ้นซะ!”

 

ความโกรธเกรี้ยวของทหารผ่านศึกผู้คร่ำหวอดในการต่อสู้ไม่ใช่สิ่งที่คนอันธพาลในหมู่บ้านจะรับมือได้

 

เฉียวซวงยังคงเงียบและหันหลังกลับเพื่อจากไป

 

เพื่อนบ้านที่กำลังดูความโกลาหลก็มองฉากนี้ด้วยความตกใจเช่นกัน ในท้ายที่สุด พวกเขามองไปที่เฉียวเหม่ยด้วยความไม่เชื่อและจากไป

 

เฉียวเหม่ยรีบช่วยปู่ของเธอกลับเข้าบ้าน เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นเฉียวอวี้ยังคงยืนอยู่นอกประตู

 

ทำไมเธอถึงยังไม่ไป?

 

ปากของเฉียวอวี้อ้าค้างขณะที่เธอมองไปรอบๆบ้านด้วยความตกใจ

 

เล้าหมูของเฉียวเหม่ยสะอาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

 

แล้ว… แล้วผู้ชายที่ถามทางเมื่อคืนล่ะ?

 

“พี่เฉียวเหม่ย เมื่อคืนมีต้าเกอมาที่บ้านพี่ เขาไปแล้วเหรอ?”

 

เฉียวเหม่ยเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าเธอมีสีหน้าเขินอายพร้อมกับแก้มที่แดงระเรื่อ

 

ฮ่า, ต้าเกอ?

 

“ใครบอกให้เธอเรียกฉันว่าพี่สาว?” เฉียวเหม่ยถามทันทีและขึ้นเสียงด้วยความโกรธ “แม้ว่าฉันจะแก่กว่าเธอ แต่ในแง่ของความอาวุโส ฉันยังต้องให้เธอเรียกว่าป้าถูกไหม? ฉันจะเป็นพี่สาวของเธอได้ยังไง?”

 

“อีกอย่าง เธอไม่ละอายเหรอที่เรียกคนแปลกหน้าว่าต้าเกอ?”

 

คำถามเหล่านี้มากเกินไปสำหรับเฉียวอวี้ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ขณะที่เธอรีบพยายามอธิบายตัวเอง “ไม่ ไม่! เมื่อวานเขาบังเอิญเจอฉันตอนที่เขาเข้ามาในหมู่บ้านและถามทาง ฉันจึงพาเขามาที่บ้านของเรา พี่ลืมไปแล้วเหรอ?”

 

เฉียวเหม่ยไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ

 

อย่างไรก็ตาม เธอไม่รู้สึกลำบากใจใดๆ ที่ทำให้เฉียวอวี้รู้สึกผิด “เธอหมายความว่ายังไง ‘บ้านของเรา’? นี่คือบ้านของฉัน มันไม่มีส่วนไหนเกี่ยวข้องกับเธอ พ่อของเธอและคนที่เหลือกลับไปด้วยความโกรธ เธอไปให้ไวเลยไป!”

 

ดวงตาของเฉียวอวี้แดงก่ำ และเธอไม่ได้พูดอะไรขณะที่เธอออกไป

 

อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเฉียวเหม่ย ทุกครั้งที่เฉียวเหม่ยอารมณ์ไม่ดี หล่อนจะเอามันลงที่เธอ แต่หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวเหม่ยจะลืมทุกอย่างหลังจากง้อนิดๆหน่อยๆ

 

คนอะไรไร้สมองสิ้นดี

 

“หยุด!” เฉียวเหม่ยตะโกนบอกให้เธอหยุด

 

“มีอะไรค่ะ พี่สาวเหม่ยเหม่ย?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉียวอวี้หันกลับมาทันทีและยิ้มหวานให้เฉียวเหม่ย

 

“เธอได้ยินที่ฉันพูดกับพวกเขาเมื่อกี้นี้ไหม? มันมีผลกับเธอด้วย” เฉียวเหม่ยหยิบขวานขึ้นมาจากพื้น “ถ้าเธอยังกล้าย่างกรายเข้ามาในบ้านของฉันอีกล่ะก็ เธอจะลงเอยเหมือนฟืนท่อนนี้!”

 

จากนั้น เธอยกขวานขึ้นและฟันลงไปที่ท่อนไม้บนพื้น

 

ในพริบตา ท่อนไม้ก็แตกออกและเศษไม้กระเด็นออกไปไกลสองสามเมตรจากแรงพลัง

เฉียวอวี้รู้อยู่แล้วว่าเฉียวเหม่ยเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง แต่เมื่อเธอเห็นความเชื่อมั่นในตัวเฉียวเหม่ยเมื่อเธอพูดคำเหล่านั้น เธอจ้องไปที่เฉียวเหม่ยสักพักแล้วจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไร

 

หลังจากที่คนกลุ่มนั้นออกไปหมดแล้ว ลานบ้านเงียบลงและเฉียวเหม่ยเริ่มเตรียมอาหารเย็น

 

อาหารเย็นเป็นกระหล่ำปลีตุ๋นกับแครอทอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งสองทานอาหารอย่างมีความสุขเสร็จ เฉียวเหม่ยไปทำงาน

 

เธอไม่ต้องการให้ใครแตะที่ดินในลานบ้าน โดยธรรมชาติแล้ว เธอต้องการปลูกฝังที่ดินผืนนี้ด้วยตัวเองเพื่อที่จะได้เติมเต็มศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมัน

 

การดูแลแปลงผักของตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดโดยธรรมชาติ

 

หลังจากผ่านไปทั้งบ่าย เธอรู้แล้วว่าพลังงานของจี้หยกสามารถปรับปรุงคุณภาพของผักและผลไม้ได้ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการในผักและผลไม้และมันสามารถแม้กระทั่งเก็บรักษาได้ด้วย

 

เธอจะทนให้เฉียวซวงและครอบครัวของเขากินผักที่มีคุณภาพเช่นนี้ได้อย่างไร? แม้แต่ผักที่เกิดในดินตามธรรมชาติเธอไม่เต็มใจที่แก่พวกเขาแม้แต่น้อย

 

เฉียวเฉียงยังได้มาช่วยเธอทำงานที่ใช้แรง วันนี้เขารู้สึกดีขึ้นมากและอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เขาหยิบจอบข้างตัวขึ้นมาและเริ่มพลิกดิน

 

เขาไม่พอใจเมื่อเฉียวเหม่ยไม่อนุญาตให้เขาทำ

 

เมื่อเฉียวซวงและครอบครัวกลับถึงบ้าน บรรยากาศไม่เป็นที่น่าพอใจอีกต่อไป

 

“ทำไมจู่ๆ นังเด็กเฉียวเหม่ยถึงฉลาด?” หลิวอิ๋งลูกสะใภ้คนโตของตระกูลเฉียวถาม

 

“บางทีเธออาจจะไม่ได้ฉลาดขึ้น” เจียงเย่ลูกสะใภ้คนที่สองกล่าว “บางทีเธออาจจะค่อนข้างฉลาดอยู่แล้ว มันแค่เราที่ไม่รู้”

 

เฉียวอวี้เป็นคนเดียวในครอบครัวของเฉียวซวงที่สนิทกับเฉียวเหม่ยมากที่สุด เฉียวอวี้เป็นผู้รายงานว่าเฉียวเหม่ยโง่เขลาและเกียจคร้าน คนอื่นๆในบ้านไม่รู้สถานการณ์ที่แท้จริง

 

เมื่อเฉียวเหม่ยยังเด็ก พวกเขายังคงเห็นเธออยู่รอบๆ แต่ต่อมาเธอเริ่มอยู่ในบ้านตลอดไม่ออกมาอีกเลย

 

“ใครจะสนใจว่าหล่อนฉลาดหรือโง่? แค่คิดหาวิธีกำจัดหล่อนไปซะ” เฉียวซวงพูดกับลูกสะใภ้ “สิ่งที่ฉันบอกให้เธอทำเป็นยังไง? ทำไมไม่มีข่าวเลย?

 

ตอนที่ 18: แต่งงานกับคนโง่

 

ลูกสะใภ้คนโตเฉียวรีบตอบว่า “ก่อนหน้านี้ เราได้ติดต่อกับบางครอบครัวในภูเขา เรากำลังจะบรรลุข้อตกลง แต่หลังจากที่พวกเขาถามไปทั่วเกี่ยวกับเฉียวเหม่ย ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ครอบครัวของพวกเขามีแต่คนโง่นี่ แต่ยังจู้จี้จุกจิก!”

 

แม้ว่าเธอจะพูดอย่างนั้น แต่เธอก็รู้สึกว่าครอบครัวของคนโง่ทำสิ่งที่ถูกต้อง พวกเขาไม่โง่พอที่จะปล่อยให้เขาแต่งงานกับเฉียวเหม่ยอ้วนดำ

 

เฉียวซวงมองไปที่ลูกสะใภ้คนที่สามทันที

 

ลูกสะใภ้คนที่สามเกาหัวและพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “มันเป็นสิ่งเดียวกันในหมู่บ้านของเรา เมื่อครอบครัวของไอ้ปัญญาอ่อนหลิวได้ยินว่าแม่สื่อต้องการแนะนำเฉียวเหม่ยให้พวกเขารู้จัก พวกเขาโกรธจัดถึงขนาดขว้างจองใส่นาง มันน่าโมโหจริงๆ”

 

เฉียวซวงจ้องมองเธอ ลูกสะใภ้คนที่สามของเขาเป็นคนที่โกรธแค้นที่สุด

 

ตั้งแต่เริ่มต้น เขาวางแผนการแต่งงานของลูกชายของเขา

 

ลูกชายคนโตเป็นคนห้าวหาญแต่ไม่ฉลาดพอ เขาจึงหาผู้หญิงที่มีความสามารถให้กับชายหนุ่ม

 

ลูกชายคนที่สองเป็นคนใจง่ายที่สุด เขาจึงหาภรรยาที่ฉลาดให้กับชายหนุ่ม

 

ลูกชายคนที่สามฉลาดเกินไป เขาจึงหาผู้หญิงโง่เขลาให้กับชายหนุ่ม

 

ลูกชายคนที่สี่เหมือนเขามากที่สุด เขาจึงหาคนที่มีบุคลิกอ่อนแอและใจดีเหมือนแม่ของเขาให้กับชายหนุ่ม

 

และลูกชายคนที่ห้าเป็นคนที่เขาคิดว่าพร้อมประสบความสำเร็จที่สุด นั่นคือเหตุผลว่าเขาจู้จี้จุกจิกกับลูกชายคนนี้และยังไม่ได้แต่งงาน

 

ดูเหมือนว่าตัวเลือกของเขาจะค่อนข้างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ลูกสะใภ้คนที่สามคนนี้ทำให้เขาโกรธมากในบางครั้ง

 

เฉียวซวงมองไปที่ลูกสะใภ้คนที่สอง นี่เป็นลูกสะใภ้ที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดและเป็นคนที่เขาให้ความเกรงใจ

 

ลูกสะใภ้คนที่สองของตระกูลเฉียวอายุ 39 ปีในปีนี้ หน้าตาไม่มีอะไรพิเศษ แต่เธอดูสดชื่นด้วยผมตัดสั้น เธอเป็นคนเรียบร้อยและเจ้าระเบียบและด้วยชุดตัดเย็บอย่างมืออาชีพ เธอดูเหมือนคนที่อาศัยอยู่ในเมือง

 

เธอเป็นนักบัญชีประจำหมู่บ้าน

 

สัมผัสได้ถึงการจ้องมองของพ่อสามี เธอไล้นิ้วไปตามผมของเธอและพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ฉันก็ไม่มีผู้คัดเลือกที่เหมาะสมเช่นกัน และฉันรู้สึกว่าถึงเราจะเลือกใครสักคน ลุงใหญ่จะไม่ตกลงรับคำขอแต่งงานให้กับเฉียวเหม่ย

 

เมื่อเธอพูดจบ เธอเม้มริมฝีปากและดูเหมือนจะผ่อนลมหายใจออกเบาๆ

 

คนในตระกูลนี้ไม่กลัวเฉียวเฉียงที่สร้างปัญหา พวกเขายังหวังว่าเฉียวเฉียงจะมาหาเรื่องพวกเขา มันจะดีที่สุดถ้าเขาล้มลงและตายด้วยความโกรธ

 

แต่เธอกลัว!

 

เฉียวเฉียงเป็นทหารผ่านศึกที่เกษียณแล้ว แม้ว่าเขาจะสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นไม่ได้ มันจะง่ายสำหรับเขาที่จะจัดการกับเธอ ถ้าเขาเดินทางไปที่ทำงานของเธอ เธอสามารถตกงานได้อย่างง่ายดาย

 

เธอไม่เต็มใจที่จะทำเรื่องนี้เพื่อหาสามีงี่เง่าให้เฉียวเหม่ย!

 

อีกอย่าง คนที่บ้านนี้โง่มาก ด้วยการหาคนโง่เขลาให้เธอ ความตั้งใจของพวกเขาชัดเจนมาก ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้ที่จะกำจัดเธอเหรอ?

 

“เธอวางแผนจะทำอะไร?” เฉียวซวงพุ่งเป้าไปที่คำพูดของเธอ

 

ลูกสะใภ้คนที่สามของตระกูลเฉียวจัดเสื้อผ้าของเธอให้เรียบและพูดต่อ “เพื่อนบ้านของครอบครัวแม่ของฉัน เป็นผู้ชายอายุ 32 ปีในปีนี้ เขาแข็งแกร่งและมีความสามารถ ภรรยาของเขาเสียชีวิตและทิ้งลูกสามคนไว้ข้างหลัง และเขาค่อนข้างยากจน หากคุณพ่อจะแนะนำเขาให้เป็นคู่เคียงกับเฉียวเหม่ย ฉันคิดว่าลุงใหญ่อาจจะยังรับพิจารณา”

 

เฉียวซงหลุบตาลงและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามว่า “เขามีพี่น้องกี่คน?”

 

“มีสามคนค่ะ เขาเป็นพี่คนโตและอีกสองคนยังไม่ได้แต่งงาน”

 

เฉียวซวงขมวดคิ้ว หากมีพี่น้องข้างเขยมากเกินไป มันคงจะไม่ดีแน่ถ้ายกขบวนกันมาต่อสู้เพื่อที่ดิน

 

พวกเขาต้องการที่ดินของเฉียวเฉียง ที่ดินผืนนี้เป็นของเฉียวเหม่ย ถ้าเฉียวเหม่ยไม่ยอมแพ้ ทั้งสองครอบครัวจะต้องต่อสู้เพื่อมัน พวกเขาอาจจะลงเอยด้วยการต่อสู้ทางร่างกายเพื่อมันจริงๆ

 

หากเป็นเช่นนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีคนที่ต่อสู้เป็น

 

ลูกสะใภ้คนที่สามของเฉียวดูเหมือนจะเดาความคิดของพ่อสามีได้ “ครอบครัวนั้นไม่ต้องการที่ดินของเราค่ะ ท้ายที่สุด พวกเขามีที่นาเป็นของตนเอง มันจะไม่เป็นไรตราบใดที่เราไม่รับของขวัญหมั้นใดๆ”

 

“แน่นอนว่าเราจะไม่ให้อยู่แล้ว” ลูกสะใภ้คนที่สองของตระกูลเฉียวตะโกนขึ้นทันที “ด้วยความอ้วนของเฉียวเหม่ย ใครจะต้องการหล่อน? แม้ว่าคุณจะยินดีจ่ายเงินเพื่อพาเธอไป แต่ก็ยังไม่มีใครต้องการเธอ”

 

เฉียวซวงยังคงกังวลเล็กน้อย

 

ลูกสะใภ้คนที่สามครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเบาๆว่า “แม่ของผู้ชายคนนั้นมีชื่อเสียงในเรื่องใจร้ายและผู้ชายคนนั้นชอบทุบตีภรรยาของเขา ฉันได้ยินมาว่าภรรยาคนก่อนของเขาถูกทำร้ายจนกระดูกแหลกเหลว.…”

 

“ตายแล้ว อกอีแป้นจะแตก!” ลูกสะใภ้คนที่สองร้องด้วยความประหลาดใจทันที เธออ้าปากกว้างและพูดว่า “สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าเธอถูกซ้อมจนตายจริงๆ ลุงใหญ่จะมาฆ่าพวกเรา”

 

ลูกสะใภ้คนที่สามกลอกตาและนิ่งเงียบ

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป