บทที่ 23
ตอน แคว้นเมืองจันทรา
ณ.แคว้นเมืองจันทรา
เมืองจันทรา เป็นเมืองที่มองเห็นได้ง่ายในเวลาที่แสงจันทร์เกิดขึ้นเต็มดวง ถือว่าเป็นเมืองที่สวยงามมากเมืองหนึ่ง เมื่อเมืองกระทบกับแสงจันทร์ จะดูขาวโพนราวกับหิมะต้องแสงตะวันไม่ปาน ผู้คนที่นี่จึงมีผมสีขาวทุกคนไม่ว่าชายหรือหญิง วันนี้ผู้คนมากมายต่างเดินเข้าออกเมืองนี้กันมากหน้าหลายตา เหตุเพราะ ตอนนี้กำลังเกิดสงคราม ทุกแคว้นกำลังถูกรุกรานจากโยคี บางคนเข้ามาลี้ภัยที่นี่ ดินแดนแห่งเซียนจะเปิดให้ผู้คนเข้ามาได้
ณ.ห้องปรึกษา เวนและเหล่าเทพ เซียน รวมถึงท่านอาของเวน ต่างก็อยู่ที่นี่
ฟางพูด “องค์ชาย เรามาถึงก็ 2 วันแล้ว เหตุใดเหล่าผู้อาวุโสถึงยังไม่ได้ข้อสรุป”
องค์ชายพูด “สงครามเมื่อเกิดยากจะหลีกหนี สู้รบฆ่าฟันมันง่าย แต่จะทำอย่างไรให้เสียเลือดล้มตายน้อยที่สุดมันยาก”
ฟางพูด “แล้วแบบนี้เมื่อไรจะได้กลับละ”
องค์ชายเดินเข้าไปในห้องโถงพร้อมกับฟางและลุค เขามุ่งหน้าไปทางท่านอา องค์ชายพูด “คาระวะท่านอา คารวะท่านหญิง”พร้อมกับองครักษ์ ทุกคนมีสีหน้าที่เคร่งเครียด
ท่านหญิงพูด “องค์ชาย ยินดีที่ได้เจอ ไม่อยากจะเชื่อว่าข้าจะได้เจอเจ้ายามเกิดสงคราม”
องค์ชายพูด “ท่านหญิงกล่าวหนักไป”
ท่านหญิงพูด “กี่ปีแล้วที่เจ้าไม่เคยมาพบข้าเลย”
ท่านอาแทรกขึ้น “เจ้าหนุ่มนั้นเป็นไงบ้าง” ท่านหญิงมองหน้าเวน
องค์ชายพูด “วันนี้ที่ท่านอาวุโสเชิญข้ามา เพราะเหตุใด”
อาวุโสคนหนึ่งพูดขึ้น “ท่านอาเจ้าบอกว่าเจ้าพบดวงตาสีเพลิง จริงหรือไม่”
องค์ชายพูด “จริง” เขามองมาทางท่านอา “แต่เขาเป็นมนุษย์”
องค์ชายดูท่าทีทุกคน ไม่มีใครตกใจ อาจเป็นเพราะท่านอาได้บอกพวกเขาทั้งหมดแล้ว แต่แปลกที่เขาไม่เห็นท่านการุณในงานวันนี้ เขาคิดเหตุใด ถึงให้มอบหมายหน้าที่นี้ให้หัวหน้าอาวุโสดูแล องค์ชายพูด “เหตุใดบิดาแห่งท่านอาวุโสถึงไม่มาร่วมในงานวันนี้”
หัวหน้าอาวุโสพูดขึ้น เขาดูแก่มาก หนังนี้เหยี่ยวย้อย ผมขาวยาวถึงพื้น “ ท่านการุณฝากมาบอกองค์ชายว่า….เมื่อถึงวันชุมนุมใหญ่ ท่านอยากให้เจ้าพาเขามาด้วย”
องค์ชายพูด “แต่..” ไม่ทันพูดจบ ท่านอาได้หันไปมองเขา เขารู้ทันทีว่าต้องหยุดที่จะพูดบางอย่างออกมา
หัวหน้าอาวุโสพูด “ระหว่างที่องค์ชายเดินทางพาเขามา ระวังพวกที่จะแย่งชิงผู้ครอบครองผนึก”
องค์ชายพูด “ไม่ต้องกังวล หน้าที่ข้า ข้ารู้ต้องทำอย่างไร” แม้เขาจะไม่ค่อยเต็มใจที่จะพาวิวมาก็ตาม
ท่านหญิงพูด “เจ้าไม่เคยเปลี่ยนเลย”
องค์ชายพูด “ข้าไม่รู้ว่าวันนี้ที่เชิญข้ามาเพื่อจะพูดแค่เรื่องนี้ แค่ส่งสารไปก็ได้แล้ว”
ท่านอาพูด “หลานข้า เจ้าก็รู้ว่าผลึกดวงตาสีเพลิงสำคัญมากในยามนี้ ในยามที่สงครามกำลังจะเกิดเจ้าคิดว่า อะไรจะจองจำ..”
องค์ชายพูด “ข้าทราบดีท่านอา แต่ข้าก็อดกังวลไม่ได้ วิวเขาไม่รู้วิธีควบคุมมัน ไม่รู้ด้วยซ้ำต้องทำอย่างไร”
ท่านอาพูด “เมื่อถึงเวลานั้น เด็กคนนั้นจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร”
แล้วทันใดนั้นเหล่าภูติตัวน้อย ก็บินมาหาองค์ชาย องค์ชายและองครักษ์ตกใจ สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเพราะรู้ดีว่าเหล่าภูตส่งสารย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
องค์ชายถาม “พวกเจ้ามีเหตุใด”
ภูตน้อยตนหนึ่งพูด “พวกเราได้รับคำสั่งขององครักษ์ยีน ให้นำสารนี้มาให้องค์ชาย” เขารับสารนั้นแล้วเปิดอ่าน
ข้อความในจดหมายกล่าวว่าเกิดเรื่องที่วังภูผา องค์ชายท่านรีบกลับวังด่วน
องค์ชายหันมองหน้าภูติ “เกิดอะไร”
ภูติตนหนึ่งพูดขึ้น “ แผ่นศิลาทั้ง 4 ได้ถูกค้นพบแล้ว” ทุกคนในห้องต่างตกใจ
องค์ชายถาม “พวกเจ้ารู้ได้ไง”
ภูติพูด “เกิดเรื่องกับคุณชายวิวและคนที่วังภูผา คุณชายวิวให้เราบอกองค์ชายเรื่องศิลา”
องค์ชายตกใจ เขาหันมองเหล่าผู้อาวุโส แล้วโค้งคำนับ “ข้าขอตัวลา”
ท่านอาพูด “ข้าจะไปกับเจ้า”
องค์ชายพูด “ท่านอาอยู่ช่วยทางนี้เถอะ”
ท่านอาพยักหน้า“อย่างนั้นเอายานี้ไปมันจะฟื้นพลังพวกที่บาดเจ็บได้”
แล้วองค์ชายก็เดินกลับทันที ระหว่างเดินทางนั้น เหล่าภูติได้บอกทุกอย่างให้องค์ชายฟัง เรื่องวิวเข้าหอคัมภีร์ เรื่องซันที่บาดเจ็บสาหัส และตอนนี้วิวกำลังแย่ องค์ชายแม้จะมีสีหน้าเรียบเฉยแต่ภายในใจกลับกังวลมาก ต่างกับฟางที่มีสีหน้าดูกังวล พวกเขาลอยตัวอยู่อย่างนั้นเป็นเวลา 2 วันไม่หยุดพักที่ใดเลย
ฟางบ่น “ข้าร้อนใจยิ่งนัก”
ภูติตนหนึ่งพูด “ท่านจะกังวลอะไร คนรักของท่านแม้จะสาหัสแต่คุณชายวิวยอมเข้าหอคัมภีร์โดยไม่มีป้ายหยกตุมตริงกาย คุณชายน้อยซิข้าหวั่นใจยิ่งนัก”
ฟางหันมองหน้าองค์ชาย เขารู้ดีว่า องค์ชายเป็นห่วงเจ้าเด็กนั้นมาก แม้สีหน้าจะเย็นชาก็ตาม องค์ชายคิด คอยข้านะ เจ้าต้องคอยข้า อย่าตายนะ
วังภูผา
เมื่อมาถึงวัง องค์ชายและทุกคนมุ่งหน้าไปที่ห้องทันที องค์ชายหยุดตรงหน้ายีนและซัน สีหน้าของซันก็ยังคงดูอ่อนเพลียและซีดอยู่
องค์ชายถาม “พวกเจ้าเป็นไงบ้าง”
ทั้งสองส่ายหน้า
ฟางเดินเข้ามาที่ร่างของซัน เขาพูด “เจ้าดูแย่มาก”
องค์ชายมอง เขายื่นยาให้ซัน“กินซะ เอาให้ทุกคนที่ได้รับบาดเจ็บกินด้วย”
ซันพูด “องค์ชายเก็บไว้ให้ศิษย์ข้าเถอะ”
องค์ชายพูด “ในร่างเขา โดนพิษ แถมดวงตาสีเพลิงก็กลืนกินพลังชีวิตเขาอีก ไม่มียาตัวไหนรักษาเขาได้ นอกจากข้า”
เมื่อเขาพูดเสร็จก็เดินเข้าห้องทันที เวนเห็นร่างของวิวนอนอยู่บนเตียง สีหน้าซีดเผือกโดยมีเหล่าเทพธิดา 6 คนยืนส่งพลังรักษาเขาเพื่อประทังชีวิตของเขารอคอยองค์ชาย
องค์ชายพูด “พวกเจ้าออกไป”ทุกคนก้มหน้า โค้งคำนับ เสียงประตูปิดลงทันที ฟางพยุงร่างของซันเดินกลับห้อง ยีนกับลุคก็เดินตามมาด้วย
ฟางพูดกับยีน “เจ้าใจกล้ามากที่พาเจ้าเด็กนั้นไปที่หอคัมภีร์”
ซันพูด “ถ้ายีนกับวิวไม่ทำอย่างนั้น ป่านี้เจ้าคงได้มาฝั่งข้าแล้วเป็นแน่”
ยีนพูด “ที่จริงข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าเด็กนั้นเข้าไป แต่เขาดันตีข้าสลบเพื่อชิงโอกาสเข้าไป”
ลุคพูด “อย่าคิดมาก ข้าเชื่อองค์ชายคงมีวิธีช่วยเขาแน่นอน”
ยีนกับลุคเดินแยกออกไป ก่อนจะแยกกัน ลุคพูด “ฟาง วันนี้ข้าจะลาดตะเวนแทนเจ้าเอง ไปดูแลหัวใจตัวเองเถอะ”
ฟางยิ้ม “เจ้านี้ช่างรู้ใจข้านัก”
ซันหันมอง “พวกเจ้าพูดอะไร” แล้วเขาก็เดินหนีไป
ฟางพูด “เดี๋ยวรอข้าด้วย”
ลุคหันมองยีน “เจ้าไปผักผ่อนเถอะ”
ยีนพูด “ไม่ละ ข้าจะไปลาดตะเวนด้วย เจ้ารู้มั้ย พลังในกายเด็กผู้นั้นทำลายที่นี่ได้ในพลิบตา ช่างหน้ากลัวยิ่งงนัก” ลุคพยักหน้า
ประตูห้องซันเปิดออก ฟางพยุงร่างของซันนั่งที่เตียงนอน ฟางพูด “ข้าไม่อยู่ เจ้าก็เกือบตายแล้ว”
ซันพูด “ยังสักหน่อย”
ฟางจับไหลซันทั้งสองมองหน้ากัน “เจ้าอย่ากังวลเลย องค์ชายรู้ว่าต้องทำอย่างไร ว่าแต่ที่รักของข้าเจ้าไม่คิดถึงข้าเลยเหรอ”
ซันยิ้ม “ทะลึ่งนะเจ้า” เขาเคาะไปที่ศีรษะฟางไป 1ที
ฟางพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป ข้าจะทำอย่างไร”
ฟางมองหน้าซัน เขากอดซันไว้แน่น ซันรู้สึกตกใจกับคำพูดที่ฟางพูดอย่างจริงจัง ในใจก็เปี่ยมด้วยสุข เขาอมยิ้มซบหน้าตรงอกของอีกฝ่ายอย่างมีความสุข
ฟางพูด “ถ้าเจ้าหายเมื่อไร ข้าขอนะ”
ซันพูด “อีกแล้วนะ”
เสียงฟางร้องดังขึ้น “โอ๊ย.....”