Your Wishlist

ผูกรักด้ายแดง (ตอนที่ 21 จำทุกอย่างได้)

Author: ้hanna hb

เมื่อคนคู่หนึ่ง ชะตาชีวิตต้องไร้คู่จนตาย แต่ดันมีรายชื่อในสมุดด้ายแดง จึงเกิดคำถามขึ้น “ทำไม” นี้คือจุดเริ่มต้น ของความรักของเขาและเธอ เมื่อเทพเจ้าจันทรา หรือ ผู้เฒ่าจันทรา นึกอยากลองฝืนชะตาฟ้า เขาผูกด้ายแดง ให้หนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ไร้คู่จนตาย ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาต้องข้ามผ่านเวลาไปยังอีกโลกหนึ่งซึ่งเรียกว่าโลกขนาน อยู่ในร่างขององค์ชาย และ คุณหนู อุปสรรคและการต่อสู้การผจญภัยมากมาย ที่พวกเขาต้องเจอนั้นจะเป็นอย่างไร มาร่วมลุ้นกันความรักของพวกเขาว่าจะเป็นอย่างไร ในรักผูกด้ายแดง

จำนวนตอน :

ตอนที่ 21 จำทุกอย่างได้

  • 19/08/2566

บทที่ 21

ตอน จำทุกอย่างได้

               เมื่อเสบียงอาหารถูกขนส่งมาถึงกำแพงเมืองทางใต้ ได้มีผู้ช่วยผู้ว่าจวนออกมารับเสบียงอาหาร

               “เหตุใดช้านักละ”

               “ท่านคือ” องค์ชายสามถาม

               “ข้าคือผู้ช่วยของใต้ท้าว แปลกรอบนี้เปลี่ยนพ่อค้าคนใหม่หรือ”

               “ใช่”

               “ท่านผู้ช่วย นี่ก็ใกล้มืดแล้ว ข้าและพี่ชายขอนอนค้างคืนที่นี่สักคืนได้หรือไม่” องค์ชายสี่พูด

               “คงไม่สะดวก รบกวนพวกท่านเดินทางกลับเถอะ” แล้วทหารก็นำเสบียงขนเข้าเมือง

               “ท่านไม่ตรวจเช็คเสบียงก่อนหรือ”องค์ชายสี่ถาม

               “ออ.จริงซิ” เขาทำการตรวจเช็คก็พบว่าว่าเสบียงได้ขาดไปหลายกระสอบ

               “พวกเจ้ายักยอกเสบียงหรือ ทหาร....”

               “ช้าก่อนท่านผู้ช่วย ระหว่างที่เราเดินทางมาได้เจอกับกลุ่มคนจำนวนมากที่อดอยากหิวโหยต่างมารอขอเสบียง เราได้รับคำสั่งจากองค์ฮ่องเต้นำเสบียงมาแจกจ่ายให้แก่ราษฎร ถ้าเราขัดคำสั่งองค์ฮ่องเต้โทษถึงขั้นประหารเชียวนะ” องค์ชายสี่พูด

               “มีชาวบ้านที่อดอยากด้วยหรือ ข้าให้คนแจกจ่ายทุกรอบ ยังมีผู้คนอดอยากอีกหรือ” ท่านผู้ช่วยพูด

               “จริงนะ พวกเราแจกเสบียงไปบางส่วน แล้วที่เหลือก็นำมาส่งให้ท่าน”ลู่เหลียนพูด

               “หากท่านไม่เชื่อก็ติดตามพวกเราไปดูได้”องค์ชายสามพูด

               “ช่างเถอะ แจกจ่ายไปแล้วก็จ่ายไป ดีเหมือนกันได้แบ่งเบาภาระของพวกข้าหน่อย....เชิญ...ข้าไม่ส่ง”

               แล้วเสบียงก็ถูกนำเข้าเมือง

               “เอาไงต่อดี”หว่านเอ่อร์พูด

               “กลับไปที่หมู่บ้าน”

               อาทิตย์จะลับขอบฟ้า แสงแดดกำลังจะจ่างหายไป คำสาปสุดท้ายกำลังจะปรากฏ

               “คุณชาย”ลู่เหลียน ประคองร่างของเขา

               องค์ชายสามเดินเข้ามาพยุงร่างเขา

               “พวกเราต้องเดินทางออกจากเส้นทางนี้ เจ้าไหวไม่”

               “ไหว”

               องครักษ์เลี่ยงหรงรีบเดินมาหาองค์ชายสี่

               “คุณชาย เนินเขาลูกนั้นมีถ้ำให้พวกเราพอได้พักก่อน”

               “ไป” องค์ชายสามและลู่เหลียนพยุงร่างของเขาเดิน เมื่อถึงถ้ำ เหล่าองค์รักษ์ต่างจัดเตรียมอาหารและจัดเวรยาม ค่อยเฝ้าหน้าถ้ำ หว่านเอ่อร์ทำอาหารให้ทุกคนทาน

               องค์ชายสามยืนมองเขาที่ทุกข์ทรมาน

               “เหตุใดท่านถึงเจ็บปวดกว่าทุกครั้ง” ลู่เหลียนพูด

               “น้องสี่”

               “ไม่ต้องห่วงข้าผ่านมันไปได้แน่” ลู่เหลียนมองหน้าองค์ชายสาม  เขามองกลับมา ก่อนจะเดินออกไป

               หว่านเอ่อร์เดินเข้ามาพร้อมกับอาหาร

“เจ้าจะไปไหน”องค์ชายสามถาม

               “นำอาหารไปให้คุณชายกับคุณหนูค่ะ”

               “ปล่อยพวกเขาไว้อย่างนั้น” แล้วเขาก็เดินออกไป หว่านเอ่อร์มองพวกเขาทั้งคู่แล้วเดินตามออกมาเช่นกัน เธอตักอาหารมาให้องค์ชายสาม

               “คุณชายอาหารค่ะ”

               “ขอบใจ” เขามีสีหน้าที่ครุ่นคิด

               “คุณชายเป็นอะไรไปหรือค่ะ”

               “ข้าเป็นพี่ที่แย่ ไม่เคยรู้เลยว่าน้องสี่จะทุกข์ทรมานมากแค่ไหน........พวกเจ้า” เขาหันมาทางองครักษ์ขององค์ชายสี่ที่ยืนอยู่หน้าถ้ำ

               “พวกเจ้าเคยเห็นร่างคำสาปหรือไม่”

               ทั้งมองหน้า “เคยขอรับ”

               “เขาไว้ใจพวกเจ้ามากกว่าข้าที่เป็นพี่เขาซะอีก”

               ทั้งคู่มองหน้ากันและกันแต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป หว่านเอ่อร์ ยกน้ำมาให้เขาดื่ม

               “อาจเป็นเพราะพวกเจ้าเป็นสหายร่วมตายกับเขามาตั้งแต่เด็ก น้องสี่ถึงไว้ใจพวกเจ้ามาก”

               “ทูลองค์ชายสาม พวกเราสองคนถูกองค์ชายสี่ได้ช่วยชีวิตไว้ หากไม่ได้องค์ชายสี่พวกกระหม่อมก็คงตายไปแล้ว ชีวิตนี้ก็มอบให้ได้ขอรับ”

               “บางครั้งคุณชายอาจไม่ต้องการให้ทุกคนเป็นห่วง” หว่านเอ่อร์พูด

               “เขาจะบอกความจริงต่อข้าหรือไม่ หากเขาไม่เดาสถานการณ์ไว้ล่วงหน้าก่อน...เขาคงคิดว่าค่ำคืนนี้พวกเจ้าอาจจะถูกข้าปลิดชีพ.....เขาคิดว่าข้าจะฆ่าพวกเจ้าได้ลงอย่างนั้นหรือ องครักษ์ที่ภักดี ข้าจะทำร้ายพวกเจ้าได้จริงอย่างนั้นหรือ เขาช่างเห็นข้าใจแคบยิ่งนัก” เขายิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงช่างดูน้อยใจยิ่งนัก

               องครักษ์ทั้งสี่ยืนฟังต่างก้มหน้ารับรู้ความรู้สึกขององค์ชายสามว่าตอนนี้เขารู้สึกเช่นไร หว่านเอ่อร์จับมือเขา เธอยิ้มให้เขาด้วยแววตาที่เข้าใจความรู้สึกของเขาตอนนี้ ทำให้องค์ชายสามยิ่งตกหลุมรักหว่านเอ่อร์มากขึ้น แล้วทันใดนั้น ทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามา องครักษ์เข้าขวางไว้ทันที

               “มีเหตุใด” องค์ชายสามพูด

               “ไฟไหม้หมู่บ้านขอรับ”

               “อะไรนะ” เขาลุกแล้วสั่งการทหารที่มาด้วย สิบคน มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านทันที หว่านเอ่อร์จับดาบรีบตามไป

               “เจ้าจะไปไหน”

               “ไปช่วยท่าน”

               “เจ้าอยู่ดูแลพวกเขา พวกเจ้าด้วย”

               “แต่...”หว่านเอ่อร์ไม่ทันพูดจบ องค์ชายสามก็รีบตามทหารและองครักษ์ไปทันที แล้วองค์ชายสี่ก็เดินออกมา เขาเดินออกมาโดยที่ไร้เรียวแรงอาการเจ็บปวดยังคงไม่หาย เหงื่อโชกไปทั้งตัว

               “เกิดอะไรขึ้น”

               “หมู่บ้านที่เรามอบอาหารให้ถูกเฝ้าขอรับ”

               “ขุนนางชั่ว”องค์ชายสี่พูด

               “คุณชาย คุณหนู หว่านเอ่อร์เป็นห่วงคุณชายสาม”

               “หลิ่งเหวิน เจ้ากับหว่านเอ่อร์ไปช่วยเสด็จพี่เรา”

               “แต่........”

               “เลี่ยงหรงอยู่เฝ้าที่นี่คนเดียวก็พอ แล้วเดี๋ยวพวกข้าจะตามไปสมทบที่หมู่บ้าน”

               “ขอรับ”

               “เจ้าคะ”

               ทั้งคู่วิ่งตามไปทันที

               ลู่เหลียน คืนนี้ลำบากเจ้าหน่อย ข้าอาจจะต้องการเลือดเจ้ามากกว่าทุกคืน เธอพยักหน้าแล้วพยุงร่างเขากลับเข้าถ้ำไป เมื่ออาการเจ็บปวดหายไป เขามองแขนของนาง ทั้งสองข้างมีรอยแผลที่ถูกกัด รอยแผลที่ถลอก รอยแผลที่กรีดตนเองเพื่อเขา เขาลังเลที่จะกัดมันลงไป

               “เป็นอะไรเพค่ะ”

               “รอยแผลที่แขนเจ้าล้วนแล้วมาจากข้า”

               “อย่างนั้นผ่านคืนนี้ไป ท่านจะมีรางวัลใดให้ข้าหรือไม่”

               “เจ้าอยากได้อะไรข้าพร้อมยอมมอบให้”

               “จริงนะ”

               “จริงซิ”

               เขาค่อย ๆ ขยับหน้าเข้าหาลู่เหลียน มือทั้งสองข้างจับหน้าเธอไว้ ลู่เหลียนจ้องมองเขา หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะเลยในเวลานี้ เธอคิดจะปฏิเสธหรืออย่างไรดีนะ ไม่ทันคิดมากความ ริมฝีปากชมพู่ของเขาก็กดลงบนริมฝีปากของเธออย่างอ่อนโยน เขาเปิดคอเสื้อจนเห็นไหล่เล็กน้อย ก่อนจะมองหน้าของลู่เหลียน เธอเบี่ยงหน้าหนีด้วยความอาย องค์ชายสี่ยิ้ม แล้วเขาก็กัดเธอที่ระหว่างคอกันไหล่ แม้เธอจะรู้สึกเจ็บแต่กลับมีความสุข  เธอหลับตา ฉันบ้าไปแล้ว ทำไมถึงได้รู้สึกรักเขาขนาดนี้นะ เมื่อคำสาปที่เจ็ดหายไป  

               เขาพูดประโยชน์หนึ่งขึ้นมาว่า “ข้าจะรักเจ้าตลอดไป” แล้วก็หมดสติไปทันที

               “เฮนรี่ เฮนรี่ เกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาหมดสติไปละ”

               เสียงเธอเรียก “เลี่ยงหรง ฉันต้องการน้ำ” แล้วเลี่ยงหรงก็นำน้ำมาให้เธอ เธอเช็ดตามตัวของเขา เช็ดหน้า  ร้องเรียกแต่ เฮนรี่ เฮนรี่

               ท่ามกลางความมืด ประตูสีแดงได้เปิดออก  ร่างหนึ่งปรากฏขึ้น เขาอยู่ในชุดทหาร นั้นมันเรานี่ เขาคิด “ท่านเป็นใคร”

               “แล้วเจ้าละ......เจ้าคือข้า ข้าคือเจ้า” ร่างชุดทหารพูดขึ้น

               “หมายความว่าไง......ท่านคือองค์ชายสี่หรือ....แล้วข้าเป็นใคร”

               “ร่างนี้ของข้ามอบให้เจ้า ความทรงจำนี้ของข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไป เจ้าผนึกความทรงจำของเจ้าไว้ ตอนนี้มันได้ถูกถอนแล้ว เมื่อเจ้าตื่นขึ้นมาเจ้าจะจำได้ทุกอย่างว่าเจ้าเป็นใคร ข้าอยากให้เจ้าดูแลเสด็จพ่อ เสด็จแม่ แทนข้าด้วย ใช้ชีวิตของข้าให้ดีกว่าที่ข้าเคยใช้ หยุดความแค้นที่มีต่อเสด็จพี่และองค์รัชทายาท ข้าฝากเจ้าขอโทษพระสนมหวงกุ้ยเฟยด้วย” 

               “ทุกอย่างที่ท่านพูดข้าได้ตัดทิ้งความแค้นไปแล้ว”

               “ขอบใจเจ้ามาก...สตรีนางนั้นรักเจ้ามาก และข้าก็รักนางดั่งที่เจ้ารัก”

               เขายิ้มให้กันและกัน แล้วร่างนั้นก็สลายไป เขาตื่นขึ้นในอ้อมแขนของลู่เหลียนที่ร้องเรียกเขาอยู่ “เฮนรี่  องค์ชาย ท่านตื่นซิ”

               “ข้าอยากนอนแบบนี้กับเจ้าตลอดไป”

               “คนบ้า คนบ้า ทำให้ข้าร้องไห้ตลอดเลย”

               เขาลุกขึ้นจะยืน เลี่ยงหรงรีบพยุงร่างเขาขึ้น ลู่เหลียนก็เช่นกัน องค์ชายมองหน้าลู่เหลียน เขายิ้ม

               “ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าเพค่ะ ทำไมหมดสติไปละ”

               “ก็แค่เหนื่อย แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เรารีบไปช่วยพี่สามเถอะ”

               องค์ชายสี่รีบเดินออกจากถ้ำ ลู่เหลียนมองดูเขาแปลก ๆ ไปหรือเปล่านะ

               เขาเดินไปคิดไป เราคือเฮนรี่ นักร้องนักแสดง ความฝันทุกคืนที่เขาฝันถึงนั้นเป็นตัวตนของเขานี้เอง แล้วพูดหญิงคนนี้ละเธอคือใคร ทำไมรู้ว่าเราคือเฮนรี่ตั้งแต่แรก แล้วตกลงความรู้สึกรักตอนนี้เป็นของใครกัน

               “องค์ชายขอรับ มีคนมา”

               เขาดึงมือลู่เหลียน แอบหลังต้นไม้”

 

ทางด้านองค์ชายสาม

               ตอนนี้เหล่าทหารและองค์รักษ์ต่างต่อสู้เพื่อช่วยชาวบ้าน พวกชาวบ้านที่เป็นชายหนุ่มต่างต่อสู้ เหล่าผู้หญิงและเด็กต่างหาน้ำดับไฟ ชาวบ้านล้มตายเป็นจำนวนมาก

               “พวกมันเป็นนักฆ่ารับจ้างขอรับ” องครักษ์ฟงหยางพูด

               “ต้องเกี่ยวกับเสบียงอาหารแน่นอน” องค์ชายสามกล่าวขึ้นมา “ปกป้องชาวบ้าน”

               “ครับ”

               พวกนักฆ่าจำนวนมากยิงธนูเข้าใส่ชาวบ้านและทหาร

               “หาที่หลบ”องค์ชายสามพูด

               แต่ทันใดนั้นเหล่านักฆ่าที่ซุมยิงธนูก็ถูกฆ่าตายไปที่ละคน จาก หว่านเอ่อร์และองครักษ์หลิ่งเหวิน

               “หว่านเอ่อร์ ไปช่วยองค์ชายสาม ข้าจัดการทางนี้เอง”

               “อือ....” แล้วเธอก็ใช้กำลังภายในลอยตัวไปดักธนูที่กำลังยิงเข้ามาทางองค์ชายสาม เธอขวางลูกธนูหน้าเขาอย่างกล้าหาญ

               “นี่เจ้า...”

               “องค์ชาย พวกมันได้ล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ สงสัยต้องการฆ่าปิดปากคนในหมู่บ้านนี้เป็นแน่”

               “ข้าบอกให้เจ้าอยู่กับน้องสี่” หว่านเอ่อร์เห็นนักฆ่ากำลังจะแทงเขา เธอจึงพลักเขาแล้วใช้กระบี่ฆ่านักฆ่าผู้นั้น  ไม่นานนักนักฆ่าที่ล้อมอยู่ด้านนอกก็ถูก องค์ชายสี่ และองครักษ์จับคุมตัวได้ ทหารล้มตายไปสามคน แต่ชาวบ้านคนแก่ เด็กล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ผู้คนร้องไห้ องค์ชายสี่พาพวกนักฆ่าที่จับมาได้เดินเข้ามายังหมู่บ้าน

               “น้องสี่ เจ้าไม่เป็นไรใช่มั้ย”

               “แขนท่านพี่”

               “ไม่เป็นไร”

               ลู่เหลียนหันมองชาวบ้านที่ล้มตาย เธอเห็นชายหนุ่มที่จับเธอนั่งกอดศพน้องสาวและแม่ร้องไห้ เธอเดินเขาไปหาเขา เขามองเธอ

               “ทำไม ทำไม”

               ลู่เหลียนน้ำตาไหล

               องค์ชายสี่และองค์ชายสาม เดินเข้ามาหาชาวบ้าน พร้อมกับนักฆ่าที่จับมาได้ห้าคน

               “พวกเราสัญญาจะล้างแค้นให้ทุกคนในหมู่บ้านนี้”องค์ชายสามพูด

               “ไว้ชีวิตพวกข้าด้วย พวกข้าเองก็รับคำสั่งมา”

               “ใครสั่งพวกเจ้า”

               ทั้งห้าเงียบ

               “ข้าขอถามอีกครั้ง ใครสั่งพวกเจ้า” องค์ชายสามพูดด้วยสีหน้าน้ำเสียงดุดันยิ่งหนัก ลู่เหลียนมองหน้าหว่านเอ่อร์

               ทั้งห้ายังคงเงียบไม่ตอบ องค์ชายสามจึงปลิดชีพไปหนึ่งคนอย่างเลือดเย็น ลู่เหลียนหันหลังให้ด้วยความตกใจ เธอคิดหน้ากลัวจริง ๆ ด้วย

               “เจ้า”เขานำกระบี่มาจอที่คอของนักฆ่าคนที่สอง “จะให้คำตอบข้าได้หรือไม่”

               เช่นเดิมไร้คำตอบไม่ยอมพูด องค์ชายสามจึงได้ฆ่าโดยไร้ความปราณี “ร้องขอชีวิตแต่ไม่ต้องการมีชีวิต ช่างขัดแย้งกันยิ่งนัก หากพวกเจ้าไม่คิดจะพูดก็ตายทั้งหมดนี้แหละ” เมื่อเขาจะปลิดชีพทั้งหมด คนที่เหลือก็เริ่มกลัว

               “ไว้ชีวิตด้วย”

               “ใครสั่งเจ้ามา”

               “ข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้จริง ๆ ถูกรับมอบหมายงานให้ฆ่าล้างหมู่บ้านที่รับเสบียงทั้งหมด พวกเรารับเงินงานเดินก็เท่านั้น”

               “พวกเจ้ามีกันกี่กลุ่ม”องค์ชายสี่พูด

               “สองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งฆ่าชาวบ้าน กลุ่มสองฆ่าพวกท่าน”

               “จะลงมือกับพวกเราเมื่อไร”

               “ยามรุ่งสางหลังจะจัดการชาวบ้านแล้ว เมื่อพวกเราส่งสัญญาณพลุว่างานสำเร็จแล้ว” แล้วองค์ชายสามก็ฆ่าพวกมันทุกคนทันที

               “พี่สาม” องค์ชายสี่พูดจะห้ามแต่ก็ไม่ทันแล้ว

“ คนชั่วต้องตาย” องค์ชายสามพูดขึ้น

               “พี่น้องทั้งหลายตอนนี้ข้าและน้องชายข้ารู้ว่าพวกท่านเจ็บปวดที่สูญเสียคนรัก แต่หากเราจะกำจัดคนชั่วเหล่านี้ ข้าอยากขอให้พวกท่านเผาบ้านเรือน ทิ้งศพชาวบ้านไว้อย่างนี้ก่อน เก็บศพพวกนักฆ่าและทหารของเรา เจ้า......”องค์ชายสามนั่งลงตรงหน้าชายหนุ่ม จับไหลเขา “พาชาวบ้านที่รอดชีวิตหลบซ้อน”

               “ได้”

               เมื่อทุกอย่างจัดแจงเสร็จ พลุไฟได้ถูกจุดขึ้น พวกทหารและองครักษ์และองค์ชายทั้งสองได้ดักซุ้มดูอยู่ พระชายากับหว่านเอ่อได้หลับอยู่ใกล้ ๆ ถ้ำ  เมื่อใกล้รุ่งสาง กลุ่มนักฆ่าจำนวนหนึ่งได้ย่องเข้ามาหาพวกเขาอย่างเงียบแต่ทว่ากลายเป็นมีแค่หญิงสาว สองคนเท่านั้น ดาบจ่อคอพวกเธอ

               ลู่เหลียนและหว่านเอ่อร์มีท่าทีที่ตกใจ “พวกเจ้าเป็นใคร”

               “ทหารที่มากับพวกเจ้าไปไหนหมด”

               “พวกเขา....พวกเขา....”ลู่เหลียนพูดติด ๆ ขัด ๆ

               กลุ่มนักฆ่ามองหน้านางทั้งสอง “ลูกพี่ จะฆ่าก็เสียดาย ผิวพรรณนี้ช่างขาว หน้าตาก็สะสวย นำกลับไปให้หัวหน้าดีกว่า” ชายผู้นั้นนำมือลูบหน้าลู่เหลียน

               “น้องสี่ อย่าวู่วาม” องค์ชายสามจับไหล่เขาไว้

               “อย่าแตะต้องนาง....จะบอกอะไรให้เดี๋ยวพี่ชายพวกข้าก็จะมาช่วย”หว่านเอ่อร์พูด

               “ก็ดีซิ ไม่ต้องเที่ยวตามล่าอยู่ ว่าแต่ตอนนี้พวกเขาไปไหน”

               “ไม่รู้ซิพวกเราเดินเล่นอยู่ก็เกิดหลงทางกัน”ลู่เหลียนพูด

               “จับตัวพวกนางไป เดี๋ยวพวกมันก็จะตามหาพวกนางเอง พวกเจ้าลาดตระเวรตามชายป่านี้ เจอฆ่าให้หมด”

               “ครับ”

               “พาตัวพวกนางไป” กลุ่มนักฆ่าจับร่างของลู่เหลียนและหว่านเอ่อร์อุ้มแบกขึ้นบ่าไป ทั้งสองร้องตะโกน โวยวาย ให้คนช่วย

               “ร้องไปเถอะแม่นาง ใครจะได้ยิน”

               “พี่สามอย่าวู่วาม ฝีมือของหว่านเอ่อร์คนพวกนี้สู้ไม่ได้หรอก” องค์ชายสี่พูด

               “พวกเราคิดถูกคิดผิดกันที่ใช้พวกนางเป็นเหยื่อล่อพวกโจรบ้าพวกนี้”องค์ชายสามพูด

               “ข้ารู้ว่าท่านโกรธข้าก็เช่นกัน อยากตัดคอพวกมันนัก”

               แล้วพวกเขาก็เข้าจัดการกับกลุ่มนักฆ่าที่ลาดตระเวนหาพวกเขาแล้วค่อยตามรอยไปทางที่พวกมันนำตัวพวกเธอไป

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป