Your Wishlist

ผูกรักด้ายแดง (ตอนที่ 18 ฆ่าปิดปาก)

Author: ้hanna hb

เมื่อคนคู่หนึ่ง ชะตาชีวิตต้องไร้คู่จนตาย แต่ดันมีรายชื่อในสมุดด้ายแดง จึงเกิดคำถามขึ้น “ทำไม” นี้คือจุดเริ่มต้น ของความรักของเขาและเธอ เมื่อเทพเจ้าจันทรา หรือ ผู้เฒ่าจันทรา นึกอยากลองฝืนชะตาฟ้า เขาผูกด้ายแดง ให้หนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ไร้คู่จนตาย ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาต้องข้ามผ่านเวลาไปยังอีกโลกหนึ่งซึ่งเรียกว่าโลกขนาน อยู่ในร่างขององค์ชาย และ คุณหนู อุปสรรคและการต่อสู้การผจญภัยมากมาย ที่พวกเขาต้องเจอนั้นจะเป็นอย่างไร มาร่วมลุ้นกันความรักของพวกเขาว่าจะเป็นอย่างไร ในรักผูกด้ายแดง

จำนวนตอน :

ตอนที่ 18 ฆ่าปิดปาก

  • 28/05/2566

บทที่ 18

ตอน ฆ่าปิดปาก

               องค์ชายสี่แม้จะทรงได้รับบาดเจ็บแต่เขาเองก็อดเป็นห่วงองค์ชายสามไม่ได้ เขาให้องครักษ์ออกสืบหาว่าใครกันที่ทำเรื่องนี้

ห้องนอนองค์ชายสี่

               “เลี่ยงหรง เจ้าไปสืบเรื่องเมื่อวานว่าใครอยู่เบื่องหลัง”

               “แต่เราจะเริ่มสืบจากที่ไหนพ่ะย่ะคะ”

               “โรงน้ำชา”

               “พ่ะย่ะคะ” แล้วเดินออกไป

               “หลิ่งเหวิน เจ้าสืบหาแหล่งของกลุ่มนักฆ่า เรื่องนี้เป็นภัยต่อราชวงศ์ คิดปลงพระชนองค์ชายต้องมีคนในอยู่เบื้องหลัง”

               “พ่ะย่ะคะ”

               แล้วเสียงประตูห้องก็เปิด ลู่เหลียนเดินนำยาเข้าห้องมาส่วนทางกับเหล่าองครักษ์

               “องค์ชายเพค่ะ ท่านจะทำอะไร”

               “แค่รู้สึกว่าตอนนี้ในราชสำนักมีเกลือเป็นหน่อน”

               “ทำไมพระองค์คิดอย่างนั้น”

               “เพราะเสด็จพี่รอง ท่านจะไปทำอะไรน้อยคนที่จะรู้”

               “หม่อมฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เหตุใดถึงลอบปลงพระชนองค์ชายสาม ทั้ง ๆ ที่หน้าจะเป็นองค์รัชทายาทมากกว่า คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ”

               เธอนั่งลงข้างเขาที่เตียง หยิบยาเป่าแล้วป้อนให้เขาทาน  เมื่อดื่มยาเสร็จ เขาจับมือของเธอ

               “เรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องเมื่อสองวันก่อนที่ข้าและเสด็จพี่เข้าวัง”

               “ฝ่าบาทมีรับสั่งว่าอย่างไร”

               เขาเงียบ

               “ทำไม ไม่บอกหม่อมฉัน องค์ชายเพค่ะ” เธอเน้นเสียง

               เขาถอนหายใจ

               “หว่านเอ่อร์” องค์ชายเรียกนาง เสียงเรียกนั้นทำให้ลู่เหลียนไม่สามารถเค้นถามเขาได้อีกเพราะหว่านเอ่อร์ได้เปิดประตูเข้ามาพอดี เธอมองหน้าเข้าด้วยความสงสัย

               “เพค่ะ องค์ชาย”

               “เจ้าจัดเตรียมดาบและชุดให้พระชายาด้วย วันนี้ข้าจะฝึกวรยุทธให้นาง”

               “ห่า.....ไม่เอาเพค่ะ” เธอยกตัวจะเดินหนี แต่เขาคว้าแขนเธอไว้

               “ข้าจะเป็นคนฝึกให้เจ้าเอง หากวันใดข้าไม่อยู่เจ้าจะได้ปกป้องตัวเองได้”

               “ท่านจะไหน”

               “ข้าแค่เผื่อไว้”

               ลู่เหลียนเริ่มสงสัยว่าเขามีอะไรปิดบังอยู่กันแน่ “แต่หม่อนฉันเจ็บมืออยู่”

               “ขนาดเจ้าเจ็บมือยังปลูกต้นไม้ถึงจอบเสียมได้ กระบี่ดาษคงไม่มีปัญหาอะไรเป็นแน่”

               ลู่เหลียนได้แต่ยืนนิ่งเงียบเพราะคงเถียงสู้เขาไม่ได้

               องค์ชายสี่แม้จะได้รับบาดเจ็บแต่ร่างกายเขาฟื้นตัวได้เร็วมาก เขาฝึกเพลงดาบให้ลู่เหลียน ทั้งสองร่ายร่ำเพลงดาบด้วยกัน สายตาผสาน พลิ้วไหวตามท่วงท่า หว่านเอ่อร์ยืนยิ้ม สาวใช้ต่างพูดว่า

               “องค์ชายสี่ไม่เคยมีรอยยิ้มที่มีความสุขเช่นนี้เลย ตั้งแต่ออกจากราชวังมา”

               “นี่หว่านเอ่อร์ พระชายากับองค์ชายพวกท่านคบกันตอนไหนเหรอ”

               หว่านเอ่อร์ยิ้ม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าพระชายา มีบุรุษมากมายหมายปอง ที่จวนท่านหวังลี่บันใดนี้ข้าเช็ดกันเหนื่อย” พวกนางหัวเราะกัน

               องค์ชายหยุดมองพวกนาง ทั้งหมดลืมตัวก้มหน้า

               “ข้าเหนื่อยแล้ว” องค์ชายพูด แล้วเดินออกไปจากจุดนั้นทันที

               “หว่านเอ่อร์.....พวกเจ้าหาเรื่องให้กันชัด ๆ “

               “พวกเราผิดไปแล้วพระชายา”

               เธอถอนหายใจ แล้วรีบเดินตามเขาไปทันที ลู่เหลียนคิด เฮนรี่ตัวตนนายขี้หึงแบบนี้หรือเปล่านะ 

               “องค์ชาย รอหม่อมฉันก่อนเพคะ”เขาเดินไปที่สวนดอกไม้

               เธอไม่ได้พูดอะไร องครักษ์ทั้งสองก็เดินเข้ามา

               “องค์ชาย”

               “พวกเจ้าสืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง”

               “ที่โรงน้ำชาตอนนี้ได้ถูกฆ่าเผ่าไม่เหลือกซาก ทุกคนในร้านตายในกองเพลิงหมดพ่ะย่ะคะ”เลี่ยงหรงพูด

               “ฆ่าปิดปากอย่างนั้นหรือ”

               “แล้วเจ้าได้ความว่าอย่างไรบ้าง”

               “ศพที่องค์ชายสามนำกลับไปเพื่อตรวจ ระหว่างทางได้ถูกดักปล้นหายไปหมดพ่ะย่ะคะ”

               “องค์ชายสามรู้หรือยังเตรียมม้าข้าจะเข้าวัง”

               “ช้าก่อนเพค่ะ”ลู่เหลียนพูด

               “ถึงองค์ชายเข้าวังตอนนี้ยิ่งทำให้พวกมันไหวตัวทัน จะทำให้องค์ชายสามและองค์รัชทายาทแม้แต่พระองค์เองก็ตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นนะเพค่ะ และยิ่งตอนนี้ก็ใกล้มืดแล้ว เวลานี้ไม่เหมาะที่จะออกจากจวน”

               “พวกเจ้าไปที่หอนางโลมสืบดูว่ามีแขกคนใดรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า” องค์ชายพูด

               “พ่ะย่ะคะ”

               ลู่เหลียนยืนมองสีหน้าขององค์ชายสี่ เธอคิด หอนางโลมแห่งความสุของบุรุษและเป็นแหล่งข่าวที่ได้เงินดีไม่แพ้กัน

               ทางด้านองค์ชายสาม

               “ศพถูกปล้นได้อย่างไร”

               “องค์ชาย ไม่ใช่เฉพาะศพที่ถูกปล้นไปอย่างเดียวพ่ะย่ะคะ แม้แต่โรงน้ำชาก็ถูกเผาหมดคนที่นั้นไม่มีใครรอดเลยพ่ะย่ะคะ”

               “พวกมันทำลายหลักฐาน”

               “แล้วเราจะทำอย่างไรต่อพ่ะย่ะคะ”

               “ล่อเสือออกจากถ้ำ”

               เมื่อถึงยามค่ำคืนองค์ชายสี่สังเกตว่าคืนนี้จวนสว่างมาก คืนนี้องครักษ์ยังไม่กลับพวกเขาคงสืบเรื่องนี้ทั้งคืนเป็นแน่ ลู่เหลียนเดินเข้าห้องมา

               “ท่านไม่เจ็บแล้วหรือ”

               “เจ็บ แต่ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน อาจเป็นเพราะเลือดของเจ้า....” เขาพูดด้วยท่าทีที่เคร่งเครียด เย็นชา ลู่เหลียนอมยิ้ม เธอคิด ยังงอลไม่หายอีกเหรอไร

            “ทานยาเพค่ะ”

               “ไม่หิว”

               “ยานะเพค่ะไม่ใช่อาหารที่จะหิวหรือไม่หิว”

ตอนนี้ร่างกายของเขาได้เปลี่ยนจนเสร็จสิ้นแล้ว

               “เจ้าให้พวกเขาจุดไฟอย่างนั้นหรือ”

               “เพค่ะ”

               “ทำไม”

               “ข้อแรก หม่อมฉันไม่ชอบความมืด ข้อสอง แสงสว่างทำให้เรามองเห็นกลางคืนสวยงามยิ่งขึ้น องค์ชายจะจ่มอยู่ในเงามืดแบบนี้ไม่ได้นะเพค่ะ ร่างคำสาปนี้ กำลังจะหายไปจากท่านในอีกไม่กี่วันนี้ หม่อนฉันอยากให้ทุกคนคุ้นเคยกับแสงสว่างในยามราตรี”

               “เจ้าช่างสนใจกับความรู้สึกของทุกคนจัง”

               “ทานยาเพค่ะ” เธอส่งยา

               เขารับยามาดื่มจนหมดถ้วย แล้วเดินไปที่เตียง

               “เมื่อก่อนคงมีคนชอบพระชายามากซินะ”

               “เพค่ะ”

               “นี่เจ้า”

               เขาล้มตัวลงนอนหันหลังให้ลู่เหลียน เธอยิ้มแล้วเดินไปหาเขา แกะผ้าพันแผลที่มือออก ส่งมือผ่านตัวเขาไปไว้ตรงหน้าของเขา เขามองแผลที่มือของนาง

               “ท่านจะดื่มมันไม่ หรือจะให้หม่อมฉันกรีดอีกแผลก็ได้นะเพค่ะ”

               “ไม่ต้อง”เขาพลิกตัวกลับมา มือของนางอยู่บนออกของเขา เขาจับมือเธอดื่มเลือดอย่างอ่อนโยน แต่ดูเหมือนรอบนี้เขาจะดื่มเลือดเธอมากไปกว่าเดิมพอสมควรกว่าที่คำสาปจะหายไป นั้นก็คือสีหน้าที่ขาวเผือกกลายเป็นปกติ ลู่เหลียนยิ้ม ที่หน้าของเขาดูหล่อเหล่าเป็นปกติ

               “ข้าทำแผลให้เจ้า”เขาพยายามจะลุกจากเตียง แต่ทว่าลู่เหลียนกดร่างเข้าให้นอน หน้าของทั้งสองอยู่ใกล้กันจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจเต้น

               “ไม่ต้องเพค่ะ คืนนี้หม่อมฉันไปนอนห้องหว่านเอ่อร์นะเพค่ะ”

               “ทำไม หรือใกล้จะหมดเวลาเจ็ดวันแล้ว”

               “หม่อมฉันจะไปเขียนหนังสือให้เสร็จเพค่ะ”

               “ข้ออ้างเจ้ามากกว่า”

               “ท่านเป็นอะไร ตั้งแต่ตอนเย็นแล้วก็มีทีท่าแบบนี้กับหม่อมฉันตลอด”

               “หนังสือเจ้าเขียนเสร็จแล้วนิ”

               “หม่อนฉันเขียนไว้สองเรื่อง คืนนี้ก็เสร็จแล้วเพค่ะ”

               ลู่เหลียนลุกออกจากเตียง องค์ชายก็เช่นกันเขาลุกนั่ง

               “ว่าไงเพค่ะ ท่านเป็นอะไร”

               เขาเงียบและคิด จริงซิเราเป็นอะไรไปทำไมถึงได้หงุดหงิดให้กับนาง

               “ถ้าองค์ชายไม่พูดหม่อมฉันขอตัวนะเพค่ะ” แล้วเธอก็เดินออกจากห้องไป

               “องค์ชายบ้า”

“เป็นอะไรหรือคะคุณหนู”หว่านเอ่อร์ถาม

“ไม่รู้ซิ เย็นนี้องค์ชายเอาแต่ใจอารมณ์ไม่ดีเอาซะเลย”

“หรือจะโกรธเรื่องที่พวกเราคุยกัน”

ลู่เหลียนคิด จริงซิ เราลืมไปเลยว่าเขาหึงอยู่ ดันชวนทะเลาะอีก

“คุณหนูกลับไปนอนห้องเถอะนะคะ”

“กลับไปก็เสียศักดิ์ศรีแย่ซิ”

“แต่องค์ชายป่วยอยู่นะคะ หากเกิดไม่สบายอีกจะทำไงละค่ะ”

“ไม่” แล้วเธอก็สั่งให้หว่านเอ่อร์เขียนหนังสือต่อจนดึก และล้มตัวนอนบนเตียงของหว่านเอ่อร์ทันที

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป