บทที่ 15
ตอน จะทำอะไร
เมื่อเช้าแสงแดดส่องเข้ามาภายในห้อง ลู่เหลียนยังคนนอนหลับทับไหล่กอดเขาทั้งตัวจนเขาไม่กล้าแม้แต่ขยับ เขาได้แต่นอนอยู่อย่างนั้นนิ่ง ๆ รอให้นางตื่น เมื่อนางเริ่มรู้สึกตัวเขาก็แกล้งหลับทันที เธอมองไปรอบตัวเองก็ต้องเจอกับร่างที่เธอกอดอยู่ สีหน้าเธอบ่งบอกถึงความอายอย่างเห็นได้ชัด เธอค่อย ๆ พาตัวเองออกจากเตียงช้า ๆ แล้วเดินออกจากห้องไปทันที เขาลุกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยกแขนที่นางทับบิดไปมา
วันนี้ลู่เหลียนยุ่งอยู่กับสวนหลังห้องนอน เธอให้ทุกคนยกหินนั้นออก ขุดดินให้เป็นร่องขึ้นมา
“คุณหนูจะทำอะไรค่ะ”
“ข้าอยากปลูกดอกกุหลาบ ข้าชอบดอกกุหลาบ”
“คุณหนูไม่เคยชอบดอกไม้”
ลู่เหลียนตกใจเล็กน้อย “ก็ตอนนี้ชอบไม่ได้หรือ ผู้หญิงอะไรไม่ชอบดอกไม้”
“ได้ค่ะ แต่เราไม่มีดอกไม้”
“ก็ออกไปซื้อซิ”
“อีกแล้วหรือ ไม่เอานะคะ คุณหนูต้องขอองค์ชายก่อน เห็นหน้าองค์ชายมั้ย หน้ากลัวนะคะเวลาท่านโกรธ”
“วันนี้เขาไม่ไปไหนหรือ”
“อยู่ห้องทรงงานค่ะ”
“ก็ได้ พวกเจ้าขุดไปก่อนข้ากับหว่านเอ่อร์จะไปหาดอกไม้มาปลูก”
แล้วเธอก็เดินไปที่ห้องทรงงานขององค์ชาย ในมือถืออาหารว่างมาให้เขาด้วย เธอเดินยิ้มเข้ามาแล้ววางอาหารว่างให้เขา
“นี่อะไร”
“ขนมค่ะ เห็นแม่ครัวทำหน้าทานเลยยกมาให้องค์ชาย”
“ต้องการอะไร”
“ท่านรู้ได้ไง”
“วันนี้เจ้าวุ่นอยู่แต่จะทำสวนทั้งวัน แล้วอยู่ ๆ มาทำดีกับข้า เจ้าต้องมีจุดประสงค์แน่นอน”
เธอทำหน้าแบบเซ็งที่ ๆ เจอคนรู้ทัน “ก็ได้ องค์ชายหม่อมฉันขออนุญาตออกนอกจวนนะเพค่ะ”
“ไม่ได้”
“ทำไมไม่ได้ละเพค่ะ”
“เมื่อวานเจ้าทำเรื่องไว้จำไม่ได้หรือ”
“แต่หม่อมฉันจะไป”
ลู่เหลียนเดินหนีทันที แต่ก็เดินได้ไม่กี่ก้าวเสียงของเขาพูดขึ้น
“เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้าอย่างนั้นหรือ”เขาเดินออกจากโต๊ะทำงาน ลู่เหลียนสูดลมหายใจเข้าลึกขมความโกรธของตัวเองไว้
“เจ้าจะออกไปข้างนอกทำไม”
“ท่านไม่ให้ไปจะรู้ทำไม...ไม่ไปก็ได้”
“แค่เจ้าตอบ”
“ไปซื้อดอกกุหลาบ”
“เจ้าชอบดอกกุหลาบหรือ”
เธอพยักหน้า เขาจับมือเธอแล้วพาเดินออกไป ลู่เหลียนมองหลังเขา หัวใจเธอตอนนี้เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว เธอยิ้ม องค์ชายพาลู่เหลียนออกไปซื้อดอกไม้ที่ตลาด พวกเขาขี่ม้าไปด้วยกัน ลู่เหลียนนั่งด้านหน้า เขาโอบกอดเธอไว้ เธอได้แต่ยิ้ม ส่วนหว่านเอ่อร์ก็ขี่ม้าตามมาพร้อมกับองครักษ์ เมื่อถึงตลาด พวกเขาฝากม้าไว้ที่โรงเลี้ยงม้า แล้วออกเดินเข้าตลาด หาร้านที่ขายดอกไม้ ซึ่งเป็นจุดที่มีร้านดอกไม้มากมาย
เดินไปสักพัก ก็เจอกับองค์ชายสามเข้า
“เสด็จพี่ไหนเลยเจอท่านที่นี่”องค์ชายสี่ถามด้วยความแปลกใจ
“ออ.ข้าแค่อยาก” เขามองมาทางหว่านเอ่อร์ ลู่เหลียนยิ้ม
“หว่านเอ่อร์เจ้าไปดูดอกไม้ทางนั้น ส่วนข้าจะไปดูดอกไม้ทางนี้”
“ห่า....คุณหนูค่ะ หว่านเอ่อร์เลือกดอกไม้ไม่เป็นนะคะ”
“เอาเถอะน่า เห็นว่าสวยก็พอแล้ว”
“เดี๋ยวข้าช่วยเจ้าเลือก” องค์ชายสามพูด
ลู่เหลียนยิ้มแล้วตีตัวออกไป องค์ชายสี่เขาเองก็ตามลู่เหลียนไป พร้อมกับองค์รักษ์
หว่านเอ่อร์ยิ้มแล้วเดินไปหาร้านดอกไม้
“เจ้าสนิทกับพระชายามากเลยหรือ”
“เพค่ะ”
“พูดกับเราเหมือนที่พูดกับคุณหนูเจ้าได้หรือไม่”
“ค่ะ”
“สตรีที่จับดาบอย่างเจ้ามาซื้อดอกไม้ก็ดูหน้ารักดีนะ”
“องค์ชายท่านพูดอะไรของท่านกัน”
หว่านเอ่อร์ก้มหน้า หน้าเธอแดงกล่ำ ก่อนจะเดินไปดูดอกไม้อีกร้าน องค์ชายสามยิ้มเดินตามเธอไป องครักษ์สองคนมองหน้ากัน แล้วยิ้ม
ทางด้านลู่เหลียนกับองค์ชายสี่
“เจ้าช่างแสบนัก”
“เรื่องอะไรหรือเพค่ะ”
“อยากเป็นแม่สื่อหรือไง”
เธอยิ้ม และดูดอกไม้ไปด้วย “แววตาของพี่ชายท่านบ่งบอกว่าสนใจนาง ไม่นั้นวันนี้เขาคงไม่มาที่นี่อีก และคงหาข้ออ้างที่จะไปหาท่านที่จวน”
เธอยังคงดูดอกไม้ไปเรื่อย ๆ “องค์ชายท่านชอบดอกไม้อะไรอื่น”
เขาคิด “ดอกโบตั๋น”
“แปลกนะ ท่านชอบดอกโบตั๋น แต่ที่จวนของท่านไม่มีต้นดอกโบตั๋นเลยสักต้น” เขาคิดก็จริงอย่างที่นางพูด
ลู่เหลียนก็คิด นายคือเฮนรี่แน่ ๆ เพราะเธอรู้ทุกอย่างที่เป็นเขา คงไม่บังเอิญแบบนี้
เมื่อทุกคนซื้อของเสร็จเวลาก็บ่ายมากแล้ว องค์ชายสามเดินมาส่งหว่านเอ่อร์ที่ม้า โดยมีลู่เหลียนและองค์ชายสี่นั่งรออยู่โรงน้ำชา
ลู่เหลียนเห็นอย่างนั้นนางจึงลุกแล้วเดินไปคำนับองค์ชายสามแล้วลากตัวหว่านเอ่อร์แยกออกมาเพื่อจะคุย องค์ชายสามยิ้มแล้วเดินมานั่งทานน้ำชากับองค์ชายสี่
“เสด็จพี่ ข้าเริ่มสงสัยแล้ว”
“สงสัยว่าอะไร”
“ท่านคิดทำอะไรอยู่”
“ข้ารู้สึกอิจฉาเจ้า ที่มีชีวิตที่อิสระ ได้อยู่กับคนที่เจ้ารัก”
“ข้ารักใครกัน”
“น้องรอง ข้ากับเจ้าอายุเราไม่ได้ห่างกันเลย ข้าโตมาพร้อมกับเจ้า เจ้าจะปิดบังอะไรข้าได้ แม้เมื่อก่อนเจ้าจะเกลียดข้า แต่ตอนนี้ข้ารับรู้ได้ว่าความรู้สึกเจ้าไม่เหมือนเมื่อก่อน บางทีความทรงจำบางอย่างของเจ้าหายไปก็ดี พวกเราดูเหมือนครอบครัวมากขึ้น”
“ข้าเองก็กลัว”
“กลัวอะไรของเจ้า”
“ความจริง ความรัก”
“ใช่ความรัก บอกตรง ๆ ข้าสนใจหว่านเอ่อร์ รู้สึกชอบนางตั้งแต่แรกเห็น”
ไม่ทันพูดจบ ได้มีลูกธนูจำนวนมากพุ่งเข้าในกลุ่มของพวกเขา หว่านเอ่อร์และองครักษ์ต่างก็รู้ทันที องค์ชายทั้งสอง ต่างหลบลูกธนูหว่านเอ่อร์ค่อยปกป้องคุณหนู
องค์ชายสี่ เข้ามาดึงตัวลู่เหลียนหลบธนู และทุกคนก็หาที่หลบได้
“น้องรองเจ้าเป็นอะไรไม่”
“พวกข้าไม่เป็นไร”
เมื่อลูกธนูหยุดยิงก็ได้มีกลุ่มคนชุดดำปรากฏขึ้น ต่างเข้าโจมตีพวกเขา ลู่เหลียนวิ่งไปหลบอยู่หลังโต๊ะ เธอคิด ให้ตายเถอะจะมีสักวันมั้ยที่ฉันได้ออกมาเที่ยวแบบไม่มีเรื่อง เธอดูกลุ่มคนชุดดำเหล่านั้น ไม่ได้มุ่งเป้ามาที่องค์ชายสี่ แต่ดูเหมือนจะมุ่งเป้ามาที่องค์ชายสามมากกว่า การต่อสู้เป็นไปอย่าดุเดือน องค์ชายสามถูกกลุ่มคนชุดดำเข้าล้อมในจังหวะนั้นได้มีคมดาบมุ่งตรงเข้าหาเขาทางด้านหลัง องครักษ์ทั้งสี่เห็นแต่ก็ไม่สามารถเข้าช่วยได้ทันแต่ทว่าองค์ชายสี่ได้ขัดขวางคมดาบนั้นด้วยการนำกระบี่ของตนขวางไว้ได้ทันจนทำให้กระบี่นั้นหักเป็นสองทอน
องค์ชายสามหันมอง แต่พวกมันก็ไม่ยอมลดละจนไม่สามารถระวังการโจมตีได้ทัน เมื่อองค์ชายสี่ต่อสู้ด้วยมือเปล่า ย่อมที่จะป้องกันได้ยาก กระบี่เล่มหนึ่งมุ่งตรงเข้าหาเขาแต่ลู่เหลียนเห็นถ้าไม่ดี
“เฮนรี่ระวัง”
นางนำร่างของตัวเองเข้าขวาง แต่องค์ชายสี่เห็นว่าลู่เหลียนกำลังอยู่ในอันตราย เขาผลักตัวลู่เหลียนไว้ด้านหลังของตน เขารับคมกระบี่นั้นด้วยตัวเองพวกมันแทงเขาเข้าที่อกด้านขวา ลู่เหลียนตกใจมาก หว่านเอ่อร์เข้ามาปกป้องพวกเขา องครักษ์ทุกคนต่อสู้จนจับคนร้ายได้สามคน แต่ทว่าเมื่อองค์ชายสามถามใครบ่งการ พวกมันก็ฆ่าตัวตายทันที
ลู่เหลียนพยุงร่างขององค์ชายสี่ เธอมองหน้าเขาด้วยแววตาที่เป็นห่วงเขา “เฮนรี่”เธอเรียกเขา
“ไม่เป็นไร” องค์ชายตอบ
“น้องรอง”องค์ชายสามเข้ามาพยุงเขา แล้วทั้งหมดก็กลับจวน หมอหลวงถูกเรียกตัวมาที่จวนทันที
เมื่อหมอหลวงรักษาแผลและพันผ้าไว้ เขาเขียนยาส่งให้ลู่เหลียน
“องค์ชายสี่เป็นอย่างไรบ้าง”องค์ชายสามถาม
“ไม่เป็นไงมากพ่ะย่ะคะ พักผ่อนเยอะ ๆ ทำความสะอาดแผล แรก ๆ อาจจะมีไข้บ้างแต่ข้าสั่งยาให้แล้วทานวันละสองเวลาอาการเจ็บปวดก็จะทุเลาพ่ะย่ะคะ”
ลู่เหลียนส่งใบสั่งยาให้หว่านเอ่อร์ก่อนจะเดินเข้าไปจับมือเขาที่กำลังหลับ เมื่อหว่านเอ่อร์รับใบสั่งยามานางก็ออกไปหายาทันที เมื่อหมอหลวงกำลังจะออกไป องค์ชายสี่รู้สึกตัวพูดขึ้น
“ท่านหมอ อย่าได้กล่าวให้เสด็จพ่อและเสด็จแม่หรือผู้ใดได้รับรู้”
“พ่ะย่ะคะ”
“เหตุใดเจ้าต้องปกปิด”องค์ชายสามถาม
“เสด็จพี่เป้าหมายของพวกมันคือท่าน ไม่ใช่ข้า ถ้าให้เสด็จพ่อรู้ข้าแกร่งว่าเสด็จพ่อจะทรงเป็นกังวลจนทำให้เสียงานใหญ่”
องค์ชายสามครุ่นคิด“ใครกันช่างกล้า......ขอบใจเจ้าที่ช่วยข้า”
“เสด็จพี่จะทำอย่างไร”
“สืบหาคนบ่งการ เจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าจะกลับตำหนักก่อน เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ”
“ใกล้มืดแล้ว จะดีเหรอเพค่ะ”ลู่เหลียนพูด
“ไม่ต้องห่วง ข้าคงต้องรบกวนเจ้าดูแลน้องรองให้ด้วย”
“เพค่ะ”
แล้วเขาก็เดินจากไป