Your Wishlist

ป่วนหัวใจนายหัว (ตอนที่ 4 ความวุ่นวาย)

Author: ปักกาดแก้ว

ว่าด้วยเรื่องของ'ไฟฟ้า'ผู้ชายหน้าใสที่นำพาความวุ่ยวายมาให้'ภูผา'นายหัวที่มีนิสัยขี้รำคาญ แถมยังไปท้าทายด้วยการตามตื้อจนอีกฝ่ายไล่ก็ยังไม่ไป จนกว่าเขาจะพิชิตใจนายหัวคนเย็นชามาได้

จำนวนตอน : 11

ตอนที่ 4 ความวุ่นวาย

  • 31/10/2565

ตอนที่ 4 ความวุ่นวาย

"ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะครับ" ไฟฟ้าสวมหมวกนิรภัยและอุปกรณ์เซฟตี้ก่อนจะหอบสังขารมุ่งตรงไปที่บริเวณไซต์งานอย่างเร่งรีบทั้งที่ร่างกายยังไม่หายดี โฟร์แมนของดารินมาบอกแจ้งเขาว่าวัสดุที่ขนเข้ามาเตรียมติดตั้งหน้างานพังเสียหายแทบทั้งหมด โดยเฉพาะส่วนประกอบของบานประตูที่ทำจากกระจกแตกและชำรุดหลายบาน โครงอะลูมิเนียมและสเตนเลสสำหรับประกอบระเบียงก็บุบบู้บี้ใช้งานไม่ได้ ที่สำคัญเครื่องมือที่ใช้สำหรับทำงานก็หายไปทั้งกล่องยกชุด

"ไม่ทราบเหมือนกันครับ เมื่อวานตอนที่ขนย้ายมาก็ปกติทุกอย่าง แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้ได้"

"ลูกน้องคุณมีใครพอทราบเรื่องนี้ไหม"

"ไม่มีครับ เมื่อวานตอนที่ขนเสร็จพวกเราตรวจสอบอยู่หลายรอบก่อนจะพากันเลิกงาน"

"งั้นคุณช่วยตรวจสอบตรงนี้ว่ามีอะไรเสียไปเท่าไหร่บ้าง แล้วแจ้งผม ส่วนผมจะไปตามหาสาเหตุของเรื่องนี้เอง"

"ได้ครับ หัวหน้า"

หลังจากแยกกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ไฟฟ้าได้แต่ถอนหายใจและครุ่นคิดอย่างหนักเมื่อรปภ.ประจำไซต์งานที่เขาเรียกมาสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยืนยันว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรผิดสังเกต และในไซต์ก็ไม่มีบุคคลแปลกหน้าแอบเข้าแน่นอน พร้อมทั้งส่งสมุดบันทึกการเข้าออกไซต์งานให้ตรวจสอบ

ไฟฟ้ากลับที่เกิดเหตุอีกครั้ง คิ้วเรียวบนใบหน้ามนขมวดชนกันเป็นปม ใบหน้าจริงจังมองคนงานที่กำลังคัดส่วนที่เสียหายแยกออกมากองข้างนอก ส่วนที่ใช้งานได้ถูกทยอยขนขึ้นหน้างาน พลางใช้สายตามองตรวจสอบหาความผิดปกติเพื่อหาสาเหตุที่เกิดขึ้น เขามองโรงเก็บของเรียบง่ายที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเก็บของชั่วคราว โครงสร้างหลังคาและคอกกั้นรวมทั้งประตูไม่มีรอยงัดแงะใดๆ มีเพียงวัสดุหน้างานที่ได้ความเสียหาย

ในขณะที่ไฟฟ้าเองถูกลอบสังเกตจากระเบียงชั้นสองของรีสอร์ตหลังที่ติดกับโรงเก็บของเช่นกัน อาศัยจังหวะเจ้าตัวเผลอและทุกคนกำลังขะมักเขม้นทำงาน ปล่อยแท่งสเตนเลสขนาดใหญ่ให้ร่วงลงมาตรงตำแหน่งที่ไฟฟ้ายืนพอดี

ฉึก..!

ไฟฟ้าโชคดีที่ถูกคว้าตัวเบี่ยงหลบได้ทัน แต่ที่โชคร้ายคือภูผาที่อยู่ๆ ก็โผล่เข้ามาช่วยจนโดนสเตนเลสบาดเข้าที่แขนแกร่งแทน แม้ไม่ถูกอวัยวะสำคัญแต่แผลขนาดใหญ่และเลือดสีแดงที่ซึมออกมาปริมาณมาก ยิ่งทำให้แผลดูน่ากลัว ความวุ่นวายเกิดขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยเฉพาะโฟร์แมนของดารินที่เป็นหัวหน้าคุมงานก่อสร้างรีสอร์ตนี้ ความปลอดภัยของการทำงานถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมาอันดับหนึ่ง นอกจากอุบัติจะเกิดขึ้นต่อหน้าต่อหน้าวิศวกรอย่างไฟฟ้าแล้ว ผู้ได้รับบาดเจ็บยังกลายเป็นผู้ว่าจ้างเองอีกด้วย เขาต้องโดนไล่ออกแน่ๆ โฟร์แมนได้แต่คิดอย่างกังวล

"ผมทำให้คุณเดือดร้อนอีกแล้ว อะ...ผมพร้อมแล้ว...ด่ามาได้เลย" ไฟฟ้าเอ่ยขึ้นขณะที่ทำแผลให้ภูผาด้วยมือที่สั่นเทา คราวนี้ไม่ใช่เพราะตื่นเต้นใจสั่นแต่เป็นเพราะแผลที่แขนแกร่งของภูผาน่ากลัวจนอดเจ็บแทนไม่ได้

"ช่างมันเถอะ" ภูผานั่งนิ่งให้ไฟฟ้าทำแผลโดยไม่โอดโอยสักคำ เขาเพียงเกร็งกล้ามเนื้อแขนและกัดฟันทนความเจ็บแสบเมื่อสัมผัสน้ำยาล้างแผล บางทีก็สะดุ้งเล็กน้อยแต่มันทำให้ไฟฟ้าตกใจและสะดุ้งตามทุกครั้ง

"อ้าว... ทำไมไม่ด่าผมแล้วล่ะ หรือว่าใช้คำด่าหมดคลังแล้ว"

"คนอะไรชอบให้ด่า"

"ไม่ได้ชอบ แต่มันรู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่ใช่คุณอะ"

"แล้วชอบอะไร"

"ชอบคุณ...ได้ไหม" ไฟฟ้าขยับมาสบตาคมดุดันก่อนเริ่มใช้ผ้าขาวสะอาดค่อยๆ พันแผลอย่างระมัดระวัง พลางเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้างนัยน์ตาฉายแววสนุกสนานที่ได้ปล่อยมุกยั่วประสาทอีกคน

"ไม่... ผมไม่อยากเจ็บตัวทุกวัน" แค่นี้เขาก็วุ่นวายจนไม่มีเวลาไปดูท่าเรือกับแพปลาของเขาเลย ป่านนี้ใกล้เจ๊งแล้วมั้ง

"ไม่ต้องห่วง...ผมจะคอยทำแผลให้คุณทุกวันเอง" ไฟฟ้าเอ่ยแล้วยกแขนแกร่งที่มีผ้าขาวพันรอบแขนขึ้นเป่าเบาๆ แล้วจุ๊บเร็วๆ ที่แผลหนึ่งที

'เพี้ยง! ความเจ็บปวดจงหายไป จุ๊บ..'

คนบาดเจ็บที่โดนเป่ามนต์คาถามองการกระทำอันน่ารักพาลให้หัวใจแกร่งกระตุกอย่างไม่ทันตั้งตัว เขามองแก้มนวลที่เปลี่ยนสีเร็วอย่างเช่นเคย แขนเรียวยกขึ้นลูบผมแล้วเกาท้ายทอยไปมาอย่างเงอะงะ ดวงตาสีน้ำตาลหลบสายตาคมที่เขาจ้องมองมาอย่างไม่อาจเดาความรู้สึกได้ ปากบางขมุบขมิบเหมือนอยากจะเอ่ยคำพูดสักอย่าง

"ผมว่าคุณควรฉีดบาดทะยักกันไว้สักหน่อย" ไฟฟ้าเอ่ยออกมาเสียงเบา คลายความประหม่า

"หึหึ... ฉีดพิษสุนัขบ้าก่อนดีกว่า น้ำลายคุณซึมเข้าแผลผมแล้วมั้ง"

"โว้ะ... ไหนว่าคุณจะไม่ด่าผมไง" ไฟฟ้าทำหน้าบูดบึ้ง

"..."

"ผมไปนอนดีกว่า... วันนี้มันวันอะไรซวยเนี่ย ฮึ้ย...ปวดหัวจะแตกแล้ว " ไฟฟ้าบ่นทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไป

..........

ไฟฟ้านั่งหน้าหงิกหน้างออยู่ที่โต๊ะเมื่อลงมาจากไซต์งานแล้วทราบจากมิ้งว่าให้ภูผาสั่งตามประกบเขาทุกครั้งที่เข้าไซต์ ส่วนตัวเองบอกแค่เหตุผลว่าไปฉีดยาบนฝั่ง กลัวเขาก่อเรื่องขนาดต้องคุมความประพฤติกันแบบนี้ มันเกินไปแล้วนะ หึ!ขอให้หมอจับฉีดยาแม่งตัวพรุนไปเลย!

นายมิ้งเป็นลูกชายลุงแสงอายุ 26 ปี เขาเกิดและโตที่เกาะแห่งนี้ ภูผาส่งเข้าฝั่งไปเรียนหนังสือในเมือง หลังจากเรียนจบเขากลับมาทำประมงเพราะที่บ้านเขาอาศัยอยู่กันแค่สองคนกับพ่อ ภูผามีเมตตาจึงรับนายมิ้งมาทำงานด้วยตั้งแต่ภูผายังไม่มีโปรเจคสร้างที่พักให้นักท่องเที่ยว ชาวบ้านบนเกาะต้องอยู่แบบอดยาก สัตว์ทะเลที่หามาได้ก็โดนพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบ บางคนยอมจากครอบครัวไปทำงานในเมืองเป็นปีหรือหลายปีถึงจะได้กลับมาเยี่ยมบ้าน ทั้งที่เป็นเกาะส่วนตัวของภูผาแต่เขากลับไม่ยอมไล่ชาวบ้านที่นี่ออกไป ภูผายินดีที่จะให้ชาวบ้านอยู่ที่เกาะนี่ต่อไปเหมือนเดิมแถมช่วยเหลือชาวบ้านอีกด้วย ภูผารับซื้อสัตว์น้ำจากชาวประมงเอง แถมยังเอาคนมาสอนให้ชาวบ้านรู้จักแปรรูปไว้ เพื่อให้สามารถจัดเก็บได้นานและเพิ่มรายได้ หากเป็นช่วงพายุชาวบ้านที่ออกประมงไม่ได้ทำให้ขาดรายได้ ก็จะให้ทุกคนทำอาชีพเสริมไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามภูผารับซื้อทั้งหมดแล้วนำไปจำหน่ายบนฝั่ง ซึ่งมีรอนเพื่อนสนิทของภูผาที่ร่วมทำธุรกิจกันอยู่แล้วคอยบริหาร นายมิ้งมีความซื่อสัตย์และเรียนรู้งานจากภูผาทุกอย่างได้เร็วจนกลายเป็นผู้ช่วยที่พ่วงตำแหน่งเลขาของภูผาไปแล้วและคอยดูแลเกาะให้ภูผายามที่ภูผาไม่อยู่

ไฟฟ้าคว้าแฟ้มข้อมูลคนงานก่อสร้างที่นายมิ้งรวบรวมมาให้เปิดดูอย่างพิจารณา ส่วนมิ้งขยับมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองเงียบๆ คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาขณะที่ไฟฟ้ากำลังตรวจสอบและคุยแผนงานกับโฟร์แมนที่ไซต์ เขาสังเกตเห็นคนงานสองคนที่กำลังติดตั้งกระจกระเบียง มักลอบมองไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลา แม้จะรู้สึกคุ้นหน้าเพียงใดแต่เขากลับนึกไม่ออกสักที

ผ่านมาสองวันแล้วภูผายังไม่กลับมา แต่นายมิ้งยังทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป เขารู้จักทำตัวกลมกลืนกับสถานการณ์แล้วสอดสายตากวาดหาความผิดปกติรอบกาย โดยเว้นระยะห่างและไม่จับตามองจนเกินไปไม่อยากให้ไฟฟ้ารู้สึกอึดอัดจนไม่สบายใจ แต่ถึงแม้ไฟฟ้าจะเริ่มชินบ้างแล้วแต่ก็ยังอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้

นี่ก็หลายวันแล้วที่ไฟฟ้ายังหาสาเหตุที่วัสดุก่อสร้างถูกทำลายไม่ได้

“มิ้ง ผมอยากจะเปลี่ยนมาตรวจไซต์ตอนกลางคืนดูบ้าง คงได้เบาะแสมาบ้างแหละ มิ้งไปด้วยกันนะเดี๋ยวมีปัญหาขึ้นมานายหัวของมิ้งมาโทษว่าเป็นความผิดของผมอีก”

"นายหัวให้ผมคอยดูแลคุณไฟต่างหาก ไม่ได้ให้เฝ้าจับผิด คุณไฟอย่าคิดอย่างนั้นสิครับ"

"ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนเขาเลยมิ้ง นายก็เหมือนกันอยู่ใกล้ผมมากๆ ระวังจะดวงซวยเหมือนที่นายหัวของมิ้งว่า"

“แต่เรื่องขึ้นไซต์ตอนกลางคืน ผมว่าเรารอนายหัวกลับมาดีกว่าครับ”

“ทำไมล่ะ เขาสั่งไว้เหรอหรือมิ้งไม่ไว้ใจผม”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ผมแค่กลัวว่ามันจะอันตราย”

” …”

“คุณไฟอย่าทำให้ผมลำบากใจเลยนะครับ” มิ้งขอร้องดีดีแล้วแต่ไฟฟ้าก็ยังเงียบ ตอนนี้รู้แล้วว่าดื้อเงียบเป็นอย่างไร

“…”

“เดี๋ยวมีโอกาสผมจะพาออกทะเลไปตกหมึก” มิ้งคิดหาข้อเสนอที่จะทำให้ไฟฟ้าเปลี่ยนใจ เพราะยังไงเขาก็ปล่อยขึ้นไฟฟ้าขึ้นไซต์กลางคืนไม่ได้เด็ดขาด นายหัวได้ฆ่าเขาแน่

“โอเค ดีล”

..........

หือ เสียงกีตาร์เพราะจัง แบบนี้สินะผู้คนถึงชอบไปดูคอนเสิร์ตหรือการแสดงสด เพราะเสียงจริงๆ สดๆ มันไพเราะกว่าเยอะเลย ว่าแล้วไฟฟ้าก็เข้าไปฟังพี่คนงานช่างก่อสร้างดีดกีตาร์ร้องเพลงใกล้ๆ

“พี่ดีดกีตาร์เพราะจัง สอนผมบ้างได้ไหมครับ”

“ไม่มีปัญหา มาเลยครับหัวหน้า”

“ขอบคุณครับ”

“ว่าแต่ทำไมอยากดีดกีตาร์เป็นละครับ หรือว่า...”

“อะไรเหรอครับ”

“หรือหัวหน้าอยากจะเอาไว้เล่นจีบสาว? คนไหนครับ สวยหรือเปล่า”

“เฮ้ย…วันนึงๆ ผมทำงานเจอแต่ผู้ชายจะให้ผมไปจีบสาวที่ไหนได้ล่ะพี่”

จะมีก็แต่......

“นี่คุณอย่าเอาแต่นิ่งแบบนั้นสิ มีคนมาดีดกีตาร์ร้องเพลงเพราะๆ ให้ฟัง ก็ต้องปรบมือสิ”

“นั่นสินะ มีคนมาดีดกีตาร์ร้องเพลงเพราะๆ ให้ฟัง ก็ต้องปรบมือให้ แต่ถ้าไม่เพราะ...”

“เอ้า… ไม่เพราะตรงไหนคุณ!”

“…” เมื่อถามแล้วภูผาไม่ตอบ ไฟฟ้าจึงไปถามนายมิ้งที่ยืนฟังอยู่ไม่ไกล

“นายก็คิดว่ามันไม่เพราะเหรอมิ้ง!”

“เพราะครับเพราะ!... เสียงคุณไฟร้องเพราะมากครับ แต่ว่า...”

“แต่ว่าอะไรพูดมามิ้ง! ผมสัญญาว่าจะไม่โกรธ”

“เสียงกีตาร์ทั้งบอดทั้งเพี้ยนเหมือนไม่ได้ตั้งสาย” เสียงภูผาเอ่ยแทรกขึ้นมา

“เพี้ยนตรงไหน ผมตั้งใจให้เสียงมันเป็นแบบนี้ต่างหาก หูคุณน่ะเข้าไม่ถึงเอง รู้จักไหมศิลปะการพลิกแพลงอะ”

“คุณไฟให้นายหัวช่วยสอนให้สิครับ”

“…” ภูผาเนี่ยนะเล่นกีตาร์เป็น

“เขาคงไม่อยากเรียนกับกูหรอกไอ้มิ้ง หูกูเข้าไม่ถึงความเป็นศิลปะของเขา”

“… “เอาแล้วไง ขี้ประชดไม่เบาเลยนะนายหัวของมิ้ง

“นายหัวเล่นเพราะมากเลยนะครับคุณไฟ”

นายมิ้งโอ้อวดเจ้านายของตัวเองจนไฟฟ้าคล้อยตาม เอาว่ะ ลองดูก็ได้!

“อะแฮ่ม เอ่อ คือ…คุณเล่นกีตาร์เป็น งั้นคุณสอนผมเล่นหน่อยสิ”

“...”

“โอเค...ผมยอมขอโทษคุณก็ได้ที่ผมว่......”

“ไม่ต้องขอโทษ...แต่เปลี่ยนเป็น...ขอร้องแทน”

“หะ...ขอร้องเลยเหรอ”

“…”

“คุณภูผา ช่วยสอนผมเล่นกีตาร์หน่อยสิ ผมขอร้อง” ไฟฟ้าเอ่ยคำขอร้องออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น ไม่ค่อยเต็มใจนัก

“ถ้าฝืนมากก็...” มาล้างแผลแทน...

“อ๊ะ...โอเคๆๆ นายหัวครับช่วยสอนนายไฟฟ้าผู้ซึ่งเล่นกีตาร์ไม่เป็น ช่วยสอนให้เล่นเป็นด้วยนะครับ ผมขอร้อง...นะครับนายหัว”

ไฟฟ้ารีบรั้งแขนของภูผาเอาไว้พยายามทำหน้าให้น่าสงสารแล้วเอ่ยคำขอร้องที่คิดว่ามันจะน่าได้ผลที่สุดจนลิ้นแทบพันกัน เมื่อเข้าใจผิดว่าภูผาจะกำลังจะเดินหนีตัวเอง ทำให้ภูผารู้สึกงงแต่ก็อดใจเต้นตามไม่ได้เมื่อรับรู้ถึงมือนุ่มที่ยังไม่ยอมปล่อยแขนเขา แถมน้ำเสียงยังแฝงไปด้วยความออดอ้อน จนคนฟังเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว มิ้งผู้เห็นเหตุการณ์ก็ได้แต่อมยิ้มตามเจ้านายตัวเองเช่นกัน

“ไอ้มิ้ง มึงไปเอากีตาร์กูมา เสร็จแล้วไปดูลุงแสงกับที่ไซต์ด้วยคืนนี้พายุอาจจะเข้า ไปเตรียมพร้อมไว้ก่อนถ้ามาจริงจะได้ไม่เสียหายเยอะ”

ภูผาเอากีตาร์ของตัวเองมาใช้สอนไฟฟ้าเนื่องจากกีตาร์ที่ไฟฟ้ายืมพี่ช่างก่อสร้างมามันค่อนข้างเก่า สายกีตาร์แข็งไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้นเรียนครั้งแรกอย่างไฟฟ้า เขาสอนให้ไฟฟ้าตั้งสายใหม่และสอนวิธีจับและตีคอร์ดอย่างไรไม่ให้เสียงบอด

แต่สำหรับไฟฟ้าแล้วใช้กีตาร์ตัวไหนก็ยากเหมือนกัน ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไร เสียงกีตาร์ก็ยังบอดอยู่ดี

“แบบนี้ใช้ได้หรือยังคุณ ผมว่าผมกดสายแน่นพอแล้วนะ” ไฟฟ้าเอ่ยถามที่กำลังตั้งใจจับคอร์ดให้แน่นอย่างที่ภูผาสอน แล้วดีดเป็นจังหวะให้ภูผาฟัง แต่แล้วลมหายใจก็ต้องสะดุดทันทีเมื่อภูผาขยับเซ้อนกายเข้ามาแนบชิดกับแผ่นหลังของไฟฟ้าจนรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อบนอกแกร่งนั่น

อึก...

ไฟฟ้านั่งตัวเกร็งปล่อยให้ภูผาส่งมือและนิ้วมาทาบกับมือนุ่มที่กำลังจับคอร์ดอยู่ให้กดแน่นเข้าไปอีก ส่วนอีกข้างเขากุมมือไฟฟ้าและพาฝึกดีดให้ฟังเป็นจังหวะ

“แบบนี้ต่างหาก” เสียงทุ้มดังชิดหลังหูขาว ยิ่งทำให้ไฟฟ้าเกร็งจนไม่กล้าขยับเขยื้อนตัว ได้แต่ปล่อยให้ภูผานำจังหวะไปเรื่อยๆ แถมยังถูกคนคนข้างหลังแอบฉวยโอกาสสูดกลิ่นกายหอมอย่างหลงใหล จนเกือบเผลอใจหากไม่มีเสียงร้องดังมาดึงสติไว้

“โอ๊ย…เจ็บๆๆ” ไฟฟ้าร้องออกมาพร้อมกับสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของภูผาเพราะทนความเจ็บไม่ไหว มันเจ็บเหมือนเส้นลวดจะบาดเข้าไปในนิ้วให้ได้

“อยากเล่นให้เป็น เล่นให้เก่งก็ต้องรู้จักอดทน”

“แต่มันเจ็บมากเลยอะคุณ” ภูผามองฟ้าไฟฟ้าพยายามเป่าและนวดบรรเทาปลายนิ้วที่บวมและแดงช้ำของตัวเอง ก่อนเดินไปเอายามานวดให้

“เฮ้ยคุณแผลคุณมามีเลือดซึมออกมา!”

“…”

“ต้องเป็นตอนที่คุณสอนกีตาร์ผมคุณใช้แขนมากไปแน่ๆ จะเป็นอะไรไหมเนี่ย” ภูผามองแผลของตัวเองมันมีเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผลจริงๆ เขาเองก็ไม่ได้สังเกต พอไฟฟ้าพูดขึ้นมาเขาก็รู้สึกเจ็บทันที

ภูผาทำแผลใหม่และถูกไฟฟ้าสั่งห้ามใช้งานแขนและยกเลิกการสอนกีตาร์ไปเนื่องจากไฟฟ้าไม่อยากให้การฝึกกีตาร์ของตนเองกระเทือนแผลของภูผาอีก เขาจะไปให้พวกพี่ๆ ช่างก่อสร้างสอนแทน เคยเห็นเอามานั่งดีดเล่นตอนเลิกงานอยู่หลายคน นั่นทำให้ภูผาไม่พอใจอย่างมาก ภูผาไม่ยอมให้ไปฝึกกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขา ความเอาแต่ใจของภูผาทำให้ไฟฟ้าปวดหัวไม่น้อย ไม่คิดว่าเรื่องเล็กๆ แค่นี้จะทำให้ภูผาไม่พอใจได้ ไฟฟ้าจึงรับปากว่าจะรอให้ภูผาสอนกีตาร์หลังจากที่ภูผาแข็งแรงดีแล้ว ภูผาจึงยอมอ่อนลง

บ้านพักไฟฟ้า

พรึ่บ

หืม ไฟดับ...?

ไฟฟ้าส่องไฟฉายออกมาระหว่างเดินไปดูไฟที่สำนักงานและไซต์งานปรากฏว่าไฟดับเหมือนกัน เมื่อไม่มีไฟฟ้าเกาะทั้งเกาะจึงมืดและเงียบสนิทได้ยินเพียงลมพัดใบไม้แรงๆ และคลื่นทะเลที่กำลังซัดกระทบฝั่งอย่างบ้าคลั่ง

“มิ้งเจอพอดีเลย!” ไฟฟ้าเปล่งเสียงตะโกนแข่งกับเสียงลม

“คุณไฟออกมาทำไมครับ”

“ก็ผมเห็นไฟมันดับ...”

“พายุเข้าครับ ผมกำลังจะไปดูเครื่องปั่นไฟ”

“มีอะไรผมช่วยไหม”

ไม่นานฝนก็ตกลงมาพร้อมกับลมที่พัดแรง ย้ำชัดคำพูดของมิ้งที่บอกว่าพายุเข้า

“งั้นผมรบกวนคุณไฟไปบอกนายหัวให้ทีครับว่าผมกำลังไปดูเครื่องปั่นไฟ ไม่ต้องถึงมือนายหัวเดี๋ยวไฟก็มาแล้วครับ”

“แค่นี้สบายมาก”

“เฝ้านายหัวอย่าให้ออกมานะครับ เดี๋ยวแผลจะไม่หาย”

ไฟฟ้าขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจฝ่าลมฝนที่กำลังกระหน่ำตกลงมาเพื่อกลับไปยังบ้านของภูผาที่อยู่ท้ายเกาะอีกครั้ง เจอภูผากำลังจะขับรถออกไปซ่อมเครื่องปั่นไฟพอดี ทำให้เห็นความทุ่มเทของเจ้านายกับลูกน้อง แต่ถึงอย่างไรไฟฟ้าก็ไม่ยอมให้ภูผาไป ไม่นานหลอดไฟก็สว่างขึ้นทั่วบ้าน แสดงว่านายมิ้งซ่อมเครื่องปั่นไฟสำเร็จแล้ว ทว่าความวัวพึ่งจะหายความควายก็เข้ามาแทรกเมื่อชายฉกรรจ์หน้าตาดีสี่คนแอบมาจะลักพาตัวภูผา ไฟฟ้าจึงเข้าขัดขวางแต่กลับโดนจับไว้ด้วย

“ไม่ต้องห่วงนะ เราสองคนต้องรอด” ไฟฟ้าเอ่ยกับภูผาที่เขาเอาตัวเองวิ่งมากั้นชายสี่คนเอาไว้

“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวคุณหลบไป เรื่องไม่เกี่ยวกับคุณ” ภูผาบอกไฟฟ้า เมื่อเขาได้เห็นหน้าชายสี่คนที่เขารู้จักและรู้ดีว่าใครเป็นคนส่งมาให้จับตัวเขา

“ไม่! ถึงคุณจะเกลียดผมหรืออะไรก็ตามผมก็จะไม่ทิ้งคุณ” ไฟฟ้าตอบกลับไปก่อนจะหันไปมองชายทั้งสี่ทีละคน พวกมันแม่งตัวใหญ่กันจังว่ะ

“แน่จริงมึงเข้ามาทีละคนดิว่ะ” ไฟฟ้าย่างเท้าไปประจันหน้ากับหนึ่งในสี่ที่ออกมาสู้กับเขา...แต่ไม่ว่ากี่หมัดที่ปล่อยออกไปมันก็หลบได้หมด แถมยังจับเขาเหวี่ยงจนกระเด็น

“หนีเถอะคุณ แม่งแรงโคตรเยอะเราสู้มันไม่ไหวหรอก” ไฟฟ้าว่าแล้วก็ลากแขนภูผาพาวิ่งเข้าตัวบ้าน

“เฮ้ย ตามมาเร็วจังว่ะ” ภูผาที่ถูกไฟฟ้าผลักไปในห้องเร่งลุกเข้ามาช่วยไฟฟ้าปิดประตู แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ไฟฟ้าหมดแรงก่อนที่ภูผาลุกมาถึง ทุกอย่างเร็วมากรู้ตัวอีกทีทั้งไฟฟ้าและภูผาถูกพวกมันคุมตัวไว้โซฟาอย่างอับจนหนทาง

“ปล่อยเขาไป” ภูผาพูดเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยคำสั่ง เพื่อให้ชายหน้าตาดีสี่คนปล่อยไฟฟ้าไป

“ขอโทษครับ ผมทำแบบนั้นไม่ได้ นอกเสียจากคุณภูผาจะยอมไปกับเรา”

“ใครยอมไปกับพวกมึงก็บ้าแล้ว!” ไฟฟ้าตะโกนแทรกขึ้นมาเสียงดัง

“กูไป!”

“เฮ้ย คุณภูผา!”

“พวกมันไม่ทำอะไรผมหรอก”

ดูสีหน้าไฟฟ้าก็รู้ว่าไม่เชื่อ จะให้เชื่อได้ยังไงในเมื่อภูผาทั้งเตะทั้งต่อยจนเลือดแผลกระเด็นพวกมันก็ยังรามือสักนิด

“พวกผมจะปล่อยเขาก็ได้ครับ แต่คงต้องเป็นพรุ่งนี้ตอนที่พายุสงบคุณภูผาต้องไปพบท่าน แล้วเราจะปล่อยเขาไป”

“ทำไมโจรพวกนี้พูดเพราะจังคุณว่าไหม” ไฟฟ้าเอ่ยกับภูผาอย่างสงสัย

“อย่าไปสนใจพวกมันเลย ยังไงพรุ่งนี้พวกมันก็ต้องปล่อยคุณ”

..........

 

 

ทุกวัน
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป