Your Wishlist

เกิดใหม่ไปเป็นปะป๊าของแฝดหก (My sextuplets : 02 (50%))

Author: Oncloud69_

อยู่ ๆ ผมก็ตื่นขึ้นมาในโลกที่คุ้นตา เป็นโลกในการ์ตูนเรื่องโปรด โลกที่ผู้ชายท้องได้แล้วผมดันท้องขึ้นมาเป็นปะป๊าของแฝดหกจอมซน โดยที่พ่อของเด็กนะเหรอ เหอะ..อย่าถามถึงเขาเลย เขาไล่ให้ผมไปทำแท้งด้วยซ้ำ!!

จำนวนตอน : 90

My sextuplets : 02 (50%)

  • 31/10/2565

 

​My sextuplets: 02 (50%)


​​​​​​

ติ้ง

ลิฟต์เปิดออกถึงชั้นสิบเอ็ด แม้ใจจะกลัวเผลอกำมือแน่นผมก็ไม่คิดจะหนีเมื่อพร้อมตั้งรับแม้ว่าสิ่งที่อยากรู้นั้นเป็นอะไรก็ตาม

ผมกลืนน้ำลายแล้วก้าวเดินไปยังห้องตัวเอง มันรู้สึกเย็นวูบวาบแปลกประหลาด ราวกับว่ามีลมผ่านตัวผมทั้งที่อยู่ในคอนโดสูง ผมเลือกจะไม่สนใจรอบข้างทั้งสิ้น ทิ้งความสงสัยต่าง ๆ พร้อมก้าวตรงไปยังประตูห้องตัวเอง

ฟิ้วววว

สายลมจากห้องผมพัดผ่านหน้าผมไปราวกับเหมือนมีสิ่งมีชีวิตอื่นผ่านตัวผมไปอย่างนั้น สิ่งที่ผมรู้สึกนั้นผมเชื่ว่ามันไม่ใช่ลมธรรมดาอย่างแน่นอนเพราะห้องของผมปิดสนิทและไม่ได้เปิดแอร์ฯทิ้งไว้ด้วย แล้วมันคืออะไรกันที่พัดผ่านหน้าผมไป

"ขอบอกเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ถ้าอยากจะขอความช่วยเหลือกันให้มาแบบดี ๆ หน่อย มาแบบหล่อ ๆ ก็ดีครับแล้วเราค่อยมาคุยกัน" ผมเหมือนคนบ้าคุยกับอากาศในห้องคนเดียวระหว่างเปิดไฟในห้องตัวเอง ผมค่อยๆ มองรอบห้องก็ไม่พบความผิดปกติใด ไม่มีแม้แต่สิ่งที่ผมอยากจะพบเจอหรือเขาหายไปแล้ว

ผมไม่ได้นิ่งนอนใจ เดินไปเปิดคอมพิวเตอร์เพื่ออ่านการ์ตูนอย่างรวดเร็ว เมื่อสิ่งแปลกประหลาดที่ผมเจอนั้นมันมีที่มาจากการ์ตูนเรื่องนี้ดังนั้นสิ่งที่จะให้คำตอบผมได้นั่นก็คือการ์ตูนเรื่องนี้นี่แหละ

ผมลองเข้าอีเมลแล้วเลื่อนย้อนดูวันแรกที่ผมได้รับลิงก์การ์ตูนเรื่องนี้ ตอนนั้นผมไม่ได้ตรวจสอบที่มาที่ไปเพราะมัวแต่สนใจอ่านการ์ตูนอย่างเดียว ได้ลองมาเปิดดูแล้วผมก็ประหลาดใจเมื่อที่มาของลิงก์การ์ตูนเรื่องนี้มาจากคุณนักเขียนเอง

ผมจำนามปากกานี้ได้ขึ้นใจ

แต่เมื่อลองกดส่งข้อความกลับไปกลับไม่สามารถทำได้ แถมยังมีข้อความแจ้งกลับมาด้วยว่าอีเมลที่ผมคุยนั้นไม่มีในฐานโลกของเรา ให้ทำเครื่องหมายรายงานเป็นอีเมลขยะแต่ผมไม่คิดจะรายงานให้เสียเวลา

"ใช้ @Sunmail เหรอ ไม่ใช่ว่าเป็นอีเมลจากโลกการ์ตูนนะ!" ผมรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่คิดเมื่อสังเกตเห็นว่าอีเมลที่ส่งมานั้นเหมือนกับที่โลกการ์ตูนใช้ อย่าบอกนะว่าสิ่งที่ผมพบดจอนั้นเป็นคนจากโลกของการ์ตูน แบบนี้มันไม่อะเมซิ่งเกินไปเหรอ

ติ๊ด

คุณได้รับข้อความใหม่ 

เป็นข้อความจากคุณนักวาด ผมกดเมาส์คลิกอ่านข้อความที่ส่งมาถึงได้รู้ว่าตอนนี้คุณนักวาดกำลังต้องการความช่วยเหลือจากผม ผมเข้าใจมาตลอดว่าคุณนักวาดเป็นคนบนโลกของเราดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่ ผมเข้าใจผิดมาตั้งแต่ต้นเมื่อแท้จริงแล้วผมกำลังสื่อสารกับคนอีกโลกต่างหาก และมันคือโลกการ์ตูนเรื่องโปรดของผม

 

'ถึงเพียงหนึ่งเดียว แฟนคลับนับเบอร์วันของเรา

คุณเป็นคนเดียวที่ผมสามารถสื่อสารได้ ตอนนี้ผมกำลังต้องการความช่วยเหลือจากคุณ

ได้โปรดมาหาผมแล้ว

ผมจะวาดสถานที่นัดภพไว้ให้ได้โปรดมาหาตามสถานที่นี้ด้วยแล้วผมจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้คุณฟัง

ผมรู้ว่าคุณเชื่อเรื่องการข้ามมิติไปมา เพราะเราเหมือนกันมากผมถึงได้สื่อสารกับคุณได้แม้ว่าเราจะอยู่คนละมิติโลกก็ตาม'

 

"เดี๋ยวดิ อะไร ส่งมาแค่นี้แล้วจบแล้วเหรอ" หัวใจผมมันหมดความสนุกเมื่อยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงได้บอกให้ผมไปหา คุณนักวาดคนนี้เป็นใครกันแน่ทำไมถึงได้ทำเหมือนเรากับรู้จักผมดี ความสงสัยทำให้ผมเริ่มจะหงุดหงิด หมอนี่มาทำให้อยากรู้แล้วก็จากไป ผมยังไม่ได้รับแผนที่ให้ไปตามนัดหมายอย่างที่เขาบอกไว้ด้วยซ้ำ

หรือคนจากมิติอื่นเขาโกหกกันเก่งเหรอ

"แล้วผมต้องช่วยเหลือคุณอย่างไร คุณบอกผมหน่อย"

กดส่งข้อความส่งไปให้แต่กลับยังเป็นเหมือนเดิม ข้อความไม่สามารถถูกส่งไปได้แล้วผมจะสื่อสารกับนักวาดเขาอย่างไร

ติ้ด

คราวนี้ไม่ใช่ข้อความจากนักวาดแต่เป็นการอัปเดทการ์ตูนตอนใหม่ เนื้อหาข้างในนั้นมันไม่ใช่เรื่องราวต่อจากเดิม ดูเผิน ๆ เป็นเหมือนตอนพิเศษคั่นให้อ่านสนุก ๆ แต่ผมกลับเข้าใจดีว่านั่นคือสถานที่นัดหมายของเราสองคน

เมื่อร้านหนังสือลับแลในนั้นกลับเหมือนร้านหนังสือโปรดที่ผมมักจะแวบหายไปอยู่ที่นั่นนานหลายชั่วโมง

"ที่บอกว่าเราเหมือนกันคงจะจริงสินะ" หรือโลกของเราจะเหมือนกัน ขนาดร้านหนังสือในโลกของผมคุณนักวาดยังรู้จัก ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้สลับตัวอยู่กันคนละมิติก็ได้ ถึงตอนนั้นมันคงน่าตื่นเต้นน่าดู

"เราเองก็อยากลองไปอยู่ในมิติอื่นเหมือนกัน" หากได้รับโอกาสไป ผมจะไม่ปฏิเสธ 

 

เวลานัดเจอคือพรุ่งนี้ตอนเย็นแต่เพราะตอนนี้ยังเป็นช่วงเวลาดึก ร้านก็เปิดไม่เกินสองทุ่มผมจึงต้องหาเวลามาแก้เบื่อด้วยการอ่านการ์ตูนตอนล่าสุดอย่างเงียบ ๆ

ไม่มีความรู้สึกกลัวเมื่อผมรู้แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะคุณนักวาดจากมิตินั้นเป็นคนที่ต้องการสื่อสารกับผมมาโดยตลอด

แค่ไปพบกันพรุ่งนี้ ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามนุษย์ในมิตินั้นจะเป็นเหมือนอย่างมนุษย์บนโลกของเราไหม

คุณเคยตกหลุมรักพระรองไหมล่ะครับ ผมเป็นคนนึงที่เป็นโรคตกหลุมรักพระรอง ไม่ว่าจะมาในคราบคนแสนดีดุจดั่งเทวดาหรือคนแสนชั่วช้าราวกับปีศาจถูกปลุกมาเกิด ผมชอบทั้งนั้นขอแค่เขาเป็นพระรองผมก็ตกหลุมรักพวกเขาได้ในทันทีรักโดยไม่มีข้อแม้และไม่คิดจะหาเหตุผลกับความรัก

"เชี่ย! อะไร ๆ อินทัชโดนยิงเหรอ บ้าเปล่า อินทัชต้องไม่ตายดิ" ผมเริ่มโวยวายเมื่ออ่านถึงตอนจบตอนของเรื่อง คุณนักวาดเปิดตอนมาด้วยฉากที่พระเอกของเรื่องกำลังคุยกับเลขาแล้วมีคนแอบสุ่มฟัง โดยคนแอบฟังก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นนายเอกตัวดีของเรื่องนั่นแหละจอมวุ่นวายทำให้เสียเรื่องตลอด

"อินทัช จะเป็นยังไงบ้างนะ" ผมเผลอกัดเล็บตัวเองเพราะความกังวล และเป็นห่วงตัวละครพระรองที่ถูกยิงโดยไร้เหตุผล ใจมันเป็นห่วงมากมาย อยากเข้าไปโอบกอดแล้วพาเขาไปรักษาที่โรงพยาบาลให้ไว ทำไมตัวละครหน้าชั่วแสนดีคนนี้ถึงได้ไปช่วยนายเอกของเรื่องก็ไม่รู้ ทำไมคุณนักวาดต้องให้เขารักคนที่ไม่มีโอกาสแย่งชิงมาได้ หากจะให้พระนายคู่กันแต่แรกก็ไม่ต้องให้พระรองมารักนายเอกข้างเดียวสิ คนไม่สมหวังมันเจ็บทรมานอยู่คนเดียว

"เจอกันพรุ่งนี้จะด่าให้ยับเลยคอยดู"

ผมจดจำไว้แล้วว่าเรื่องนี้ต้องได้ด่าคุณนักวาดสักครั้ง ทำไมถึงได้ตัดจบอย่างนั้น ให้คุณอินทัชของผมโดนยิงสามนัดขนาดนั้น ป่านนี้คุณอินทัชไม่นอนจมกองเลือดแล้วหรือยังไง

จะมีใครไปส่งเขาที่โรงพยาบาลไหม เขาจะเป็นยังไงผมก็ไม่รู้ ขนาดจะติดต่อกดเมลด่าคุณนักเขียนกลับไปผมยังทำไม่ได้

"เจอกูแน่!"

มันน่าโมโหมาก ทำไมคุณนักวาดไม่ยกนายเอกให้คู่ ๆ กับพระเอกไปให้สิ้นเรื่อง ส่วนพระรองผมขอมอบความรักแล้วดูแลเขาเอง เชื่อเถอะว่าอยู่กับผมมันดีกว่าอยู่กับคนที่ไม่ได้รักแน่นอน

 

ความรักถ้ารักให้ถูกคนจะมีความสุขมากเลยนะ คำ ๆ นี้ไม่เกินจริง

 

"อือ มึงก็ฝันดี กูกำลังนอนแล้วเนี่ย" ผมบอกเพื่อนในสายหลังจากอาบน้ำเสร็จพร้อมจะนอน ลีวายก็โทรมา มันเพิ่งจะถึงบ้านเพราะเล่าว่าบนท้องถนนเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยแต่เพื่อนไม่เป็นอะไรผมก็ค่อยโล่งใจ

"เออมึง พรุ่งนี้กูไม่ว่างนะ ตอนเย็นมึงไม่ต้องมาก็ได้ มึงพิมพ์ที่ห้องเลย" เมื่อพรุ่งนี้มีงานผมจำเป็นต้องบอกให้เพื่อนหยุดมาหา นิสัยไอ้ลีวายหากมันรู้ว่าผมจะไปพบใครมันได้โวยวายแล้วบ่นผมเสียยาวแน่เพราะคงไม่เชื่อว่าผมพูดเรื่องจริงที่ว่ากำลังจะไปเจอกับคนอีกมิติหนึ่ง

"อืม เจอกันนะมึง" โชคดีที่เพื่อนมันเองก็ขี้เกียจมาด้วยพรุ่งนี้ผมจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาห้ามปราม เรื่องได้เจอกับคนต่างมิติถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมาก ผมชักอยากเจอคุณนักวาดเขาให้ไว

ลีวายวางสายแล้ว ผมมองดูฉากอินทัชถูกยิงอยู่นานหลายนาที ความเป็นห่วงยังคงไม่จางหาย เขาคงกำลังสบายดีอยู่ใช่ไหม

"รู้ไหมว่าเพราะคุณผมจึงอยากเข้าไปอยู่ในโลกของคุณเลยน่ะ" ผมยกยิ้มบาง ๆ รู้ตัวอีกทีก็พบว่ารอยยิ้มค่อย ๆ กว้างขึ้นอย่างไม่รู้ตัว หรือผมกำลังเสพติดการตกหลุมรักอินทัชจนคิดเพ้อฝันไปคนเดียว

"ดูบ้าดีเนอะแต่ผมอยากไปเจอคุณสักครั้ง" กว่าจะเจอบางสิ่งบางอย่างที่เฝ้าตามหามานานผมก็อยากลองไปเผชิญหน้ากับมัน ให้ผมได้รู้จักและหลงใหลสิ่งที่ต้องการด้วยตนเอง ผมลูบใบหน้าแสนปวดร้าวในหน้าจอด้วยความเสียใจ

หากผมอยู่ตรงนั้นผมคงเลือกปกป้องเขาแล้วเป็นคนรับลูกกระสุนนั้นแทน

"แต่ว่านะเด็ก ๆ พวกนั้นจะอยู่ในโลกของคุณด้วยไหม" แวบเดียวที่ภาพเด็กแฝดซ้อนทับหน้าของอินทัชมันทำให้ผมวางมือถือลงแล้วคิดถึงเด็กพวกนั้นขึ้นมา ตั้งแต่อ่านการ์ตูนเรื่องนี้มาผมไม่เคยเจอเด็กแฝดด้วยซ้ำหรือจะเป็นตัวละครในอนาคต

ความคิดสงสัยทำให้ผมยกมือถือมาตรวจสอบอีเมลของคุณนักวาดอีกครั้ง แล้วพบว่าเราเคยมีการพูดถึงเด็ก ๆ พวกนั่นด้วย หมายความว่าเด็กพวกนั้นต้องมีความเกี่ยวข้องในอนาคตแน่

"อย่าบอกนะว่าเป็นลูกของเราจริง ๆ" จากสิ่งที่ได้ยินมาในฝันนั้น เด็ก ๆ เรียกผมว่าปะป๊า แต่ผมท้องไม่ได้ถึงต่อให้ไปอยู่บนมิตินั้นร่างกายของผมมันก็ไม่สามารถท้องได้อยู่ดี

"ไม่ใช่ลูกเราอยู่แล้ว เราไม่เคยมีเชื้อแฝดด้วย" แต่หากอ้างอิงในการ์ตูน อินทัชมีเชื้อแฝดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ 

"หรือเด็ก ๆ พวกนั้นเป็นลูกของอินทัช แล้วใคร ใครเป็นแม่ของเด็กวะ!!"

 

ความสงสัยของผมไม่ได้รับการกระจ่างเมื่อผมอยู่คนเดียว ไม่สามารถหาคำตอบจากใครได้แม้กระทั่งคุณนักวาดก็ตาม วันนี้ทั้งวันของผมรู้สึกว่าแสนยาวนาน ผมนอนเฝ้ามองรูปของอินทัชที่ออกมาแต่ละตอนด้วยความห่วงหา เขาจะนอนหลับสนิทหรือกำลังเจ็บบาดแผลอยู่ ผมอยากรู้แล้วอยากอ่านตอนต่อไปโดยเร็ว

"ผมอยากเจอคุณ" ห้วงนินทราพาให้ผมเริ่มเข้าสู่ความหลับไหล ตาปรือเริ่มค่อย ๆ ปิดลง ผมหวังเพียงว่าคืนนี้อินทัชจะนอนหลับและไม่เจ็บป่วย

 

'ช่วย ช่วยผมด้วย'

แว่วได้ยินเสียงขอความช่วยเหลืออีกครั้งหากแต่ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงที่ผมเคยได้ยิน ผมค่อย ๆ ลืมตาตื่นมาปัดควันรอบตัวให้จางหายเพื่อจะได้รู้ว่าเสียงที่กำลังขอความช่วยเหลือนั้นมาจากทิศทางไหน

ผมยืนนิ่ง ตั้งสติ พลางตั้งใจฟังเสียงแหบเบานั้น กลุ่มควันค่อย ๆ ลอยจางหายไปผมถึงได้มองรอบทิศอย่างถนัดถี่

ไม่ใช่โลกของผม และที่นี่มันเหมือนโลกในการ์ตูนที่ผมอ่านก่อนนอน มันจึงทำให้ผมมั่นใจว่าผมกำลังอยู่ในความฝันของตัวเอง

'ช่วยด้วย แฮก '

เสียงหอบหายใจหนักนั้นมันอยู่ใกล้ ผมขมวดคิ้วเมื่อจำได้ดีว่าที่ตรงนี้คือจุดจบของเรื่องราวในตอนล่าสุด

อย่าบอกนะว่า... ผมรีบหันหลังเมื่อจำบางอย่างขึ้นมาได้ ภาพสุดท้ายที่อินทัชวิ่งหนีหลังจากเอาตัวเข้าไปปกป้องนายเอกของเรื่องคือบริเวณสวนหลังบ้านของพระเอก

ภาพเบื้องหน้าที่เห็นเป็นใครบางคนกำลังนอนจมกองเลือด ท่าทีดูอิดโรยราวกับจะหมดแรงเพราะเสียเลือดไปมาก เท้าผมรีบวิ่งเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว สองมือก็เริ่มสั่นนึกกลัวเพราะไม่รู้วิธีช่วยเหลือคนป่วย

ไอ้คุณนักวาดบ้านั่นทำไมถึงได้ตัดจบเรื่องราวโดยไม่พาอินทัชไปโรงพยาบาล

ผมจับมือเปื้อนเลือดของอินทัชไว้ แม้เขาจะเป็นพระรองนิสัยร้ายแสนน่าเกลียดชังแต่ผมไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น ความรู้สึกกลัวว่าเขาจะจากไปส่งผลให้ผมเริ่มน้ำตาคลอ

"ทำไงดี ผมไม่ได้เป็นหมอ ไม่ได้จบแพทย์ด้วย คุณอย่าตายนะอินทัช"

ผมกลัวยิ่งกว่าเดิมเมื่อรู้ว่านี่อาจจะเป็นเรื่องจริง ผมคงจะทะลุมิติมาได้ด้วยความฝันแต่ผมไม่อยากเห็นเขาเจ็บปวดสักนิดเดียว คนป่วยยังหอบหนัก มืออีกข้างขยับชี้ไปยังมือถือตัวเองที่ทำหล่นไปไกลจากตัวเขาเล็กน้อย คงเพราะไม่มีแรงจะขยับถึงทำให้อินทัชได้แต่นนอนรอให้คนผ่านมาขอความช่วยเหลือจากคนนั้น

ผมรีบคลานไปหยิบแล้วขยับมานั่งข้างกายเขาต่อ มือล้นลานรีบเปิดเครื่องเพื่อจะได้หาคนมาช่วยเหลือเขาให้ไว

"มันล็อก คุณตั้งรหัสอะไรครับ" ผมหันหน้าจอมือถือให้เขาได้รู้ ตอนแรกก็คิดว่าเขาจะตั้งระบบแบบสแกนหน้าหรือสแกนมือ แต่กลับกลายเป็นว่าผู้ชายคนนี้ยังคงใช้ระบบล็อกแบบรหัสไม่เคยเปลี่ยน หากเป็นอย่างนั้น รหัสหน้าจอก็คงมีรหัสเดียว

'021296'

กะแล้วเชียว วันเกิดของนายเอกเรื่องนี้สินะ แม้จะเซ็งแค่ไหนแต่ผมก็ยอมกดตัวเลขเพื่อปลดล็อกหน้าจอให้ พร้อมทั้งกดปุ่มเลขสองเพื่อโทรออกหมายเลขฉุกเฉินตามที่เขาบอก รอเพียงครู่เดียวก็มีคนรับสาย ผมรีบบอกใครคนนั้นให้รีบมารับอินทัชโดยไว และหากจำไม่ผิดคนในสายก็น่าจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของอินทัช

"เขาบอกจะมารับไม่เกินสามนาที คุณอดทนก่อนนะ" ปลายสายวางไปอย่างรีบร้อนแล้วเร่งให้คนมารับคนบาดเจ็บโดยไว ผมเก็บมือถือของเขาไว้ในกระเป๋าเสื้อสูท เห็นเขาเลือดอาบอย่างนี้แล้วมันใจไม่ดี ทำไมต้องเจ็บปวดแทนคนที่เขาไม่ได้รักตัวเองด้วย ทำไมต้องแลกชีวิตเพื่อความรักข้างเดียวอย่างนั้น ผมไม่กล้าแตะตัวเขาเมื่อกลัวว่าจะแตะโดนแผลกระสุน

'คุณชื่ออะไร' เสียงอินทัชถามแผ่วเบา เขาคงเหนื่อยและอ่อนแรง ขนาดจะลืมตามองผมให้ชัดยังทำไม่ได้

"อดทนอีกนิดก่อนเพื่อนคุณจะมารับนะครับ" ผมเรียกสติเขาไม่ให้หลับตาลง ผมกลัวเขาจะตายไป

'ชื่อ ชะ' เขาเหมือนจะย้ำถามอีก ผมเช็ดน้ำตาแห่งความกลัว ขนาดเขาไม่ได้มีตัวตนในโลกของผมและเป็นเพียงแต่ความฝัน ผมยังรู้สึกรักเขามากและไม่อยากให้เขาหายไป

ผมว่าผมรู้ใจตัวเองแล้วว่าผมรักตัวละครคนนี้สุดหัวใจ

"หนึ่งครับ เพียงหนึ่งเดียว เป็นแค่หนึ่งเดียวที่พิเศษกว่าอะไรในโลกน่ะ คุณจะเรียกผมว่าเพียง,หนึ่งหรือเดียวก็ได้นะครับ" ผมชวนเขาคุย ได้โปรดล่ะเพื่อนคุณกำลังจะมาช่วยคุณแล้วนะ ผมยิ้มให้เขาไม่ต้องการให้เขาหลับตา มือเขายกขึ้นมาแตะแก้มผมแผ่วเบา

'งั้นเหรอ งั้นฉันจะเรียกเดียว คนเดียว ชิ้นเดียว หนึ่งเดียวดีไหม'

ผมพยักหน้าหงึก ๆ เขาจะเรียกอะไรก็ได้ผมยอมให้เรียกทั้งนั้น ผมเอียงแก้มให้เขาได้จับได้สัมผัส เราอาจจะยังไม่รู้จักกันมาก่อนแต่ผมอยากให้เรารู้จักกันมากขึ้นในอนาคต

ฟุบ

แขนยาวของเขาหล่นสู่น่องของผมพร้อมทั้งใบหน้าที่ฝืนทนหันเอียงคออย่างหมดแรง ผมทำตัวไม่ถูกเมื่อสายตาของเขาปิดลง

"ไม่นะอินทัช คุณอย่าตายนะครับ คุณต้องไม่ตายสิ!!"

 

หยดน้ำตาข้างกกหูเป็นเครื่องช่วยยืนยันว่าผมฝันถึงอินทัชจริง ๆ มือผมรีบไปปิดนาฬิกาปลุกก่อนมันจะรบกวนสมาธิจนผมรู้สึกหงุดหงิดต้อนรับเช้าวันใหม่

"เขาจะเป็นไงบ้างนะ" ผมยังคงรู้สึกเศร้าเมื่อตื่นขึ้นมาโดยไม่ทันได้รู้ว่าเพื่อนของอินทัชได้มาช่วยเขาไว้ได้ทันหรือเปล่า

ผมลุกขึ้นนั่ง กอดเข่าตัวเอง นึกถึงเรื่องราวในฝันด้วยความโศกเศร้า หากผมอยู่ต่ออีกนิดก็คงจะได้รู้ว่าเขาเป็นยังไงและจะได้ขอความช่วยหลือจากคนอื่นให้มาช่วยเขา

"หวังว่าคุณจะปลอดภัย" ผมอวยพรให้ได้แค่นั้นเมื่อทำอย่างอื่นให้เขาไม่ได้เลย

เห้อ ผมถอนหายใจเมื่อคิดได้ว่าตัวเองก็มีการมีงานต้องทำ คนทำงานไม่มีวันหยุดอย่างผมเลือกจะสูดลมหายใจเข้าแล้วเดินไปเปิดประตูกระจกเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์

ฝนตกปรอย ๆ โอเค ช่างเป็นเช้าที่ไม่สดใสเอาเสียเลย

"ตกหนักเหมือนรู้เลยว่าหัวใจตรงนี้ก็กำลังเศร้าอยู่เหมือนกัน" ผมลูบหน้าอกบริเวณใกล้หัวใจตัวเอง ความรู้สึกกลัวว่าอินทัชจะจากไปผมยังจำมันได้ดี สัมผัสมือของเขาบนแก้มนุ่มของผมมันยังไม่จางหายไปไหน ผมลูบแก้มตัวเองแผ่วเบายังอยากให้เขามีชีวิตอยู่ต่อ ผมอยากรู้ใจแทบขาดว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้ว

"ต้องไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว เราต้องได้เจอกัน" ผมเลือกจะให้กำลังใจตัวเองและเชื่อมั่นว่าอินทัชต้องมีคนมาช่วยเขาและปลอดภัยอย่างแน่นอน เป็นพระรองนิสัยร้าย ๆ อย่างเขาไม่ถูกกำจัดโดยง่ายหรอกยกเว้นตอนจบของเรื่อง ใช่แล้ว ผมเชื่อว่าเขาปลอดภัยดี

"เอาละ ทำหน้าที่ไรท์เตอร์ที่ดีได้แล้วไรท์เตอร์บลูม" BeBlooming หรือ ไรต์เตอร์บลูม เป็นนามปากกาเดี่ยวของผม เมื่อเลือกจะใช้ชีวิตตามเส้นทางฝันของตัวเองการขยันออกงานเพื่อให้นักอ่านได้เห็นผลงานและฝีมือการเขียน ผมจึงต้องแสดงฝีมืออย่างเต็มที่และอัปเดทอย่างถี่ให้พวกเขาได้ไว้ใจในความมีวินัยของผม ดังนั้นแม้ว่าหัวใจผมจะเศร้าเหมือนฟ้าฝนแต่ผมก็ยังคงต้องใช้ชีวิตของตัวเองให้ดี

เดินไปล้างหน้าล้างตาทาครีมเบา ๆ เพิ่มความสดชื้นให้ผิว ผมก็เข้าห้องครัวเพื่อทำอาหารเช้ากินแบบเรียบร้อยก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง

"แพลนวันนี้อัปนิยายห้าตอน และพิมพ์นิยายสิบตอน" ผมอ่านแพลนประจำวันของตัวเอง อย่างน้อยก็ต้องทำให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้หรือบางวันคึกคะนอง มีอารมณ์สุนทรีย์เขียนลื่นก็พิมพ์นิยายออกมาได้เยอะกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งนั่นมันดีมาก ๆ แต่สำหรับบางวันที่จิตใจไม่ค่อยเสถียรมั่นคงมากนักมันก็จะเป็นข้อเสียร้ายแรงต่อแพลนที่วางไว้ในแต่ละวัน

"ให้ตายไม่มีสมาธิเลยโว้ย!"

ผมโยนโพสอิทที่ขย้ำในมือทิ้งลงถังขยะด้วยความหงุดหงิดเมื่อแทบไม่มีสมาธิในการทำงาน ภาพในสมองยังคงจดจำเรื่องราวในฝันได้ทุกอย่าง ขนาดมือที่นั่งพิมพ์นิยายยังพิมพ์เป็นเรื่องราวของอินทัช จิตใจผมว้าวุ่นเกินไปและผมควรยอมรับความจริงเรื่องที่ผมกำลังฟุ้งซ่านคิดถึงอินทัช

"กว่าจะถึงห้าโมงเย็น" นั่งมองนาฬิกาบนพนังห้องด้วยการรอคอย ใจนึงแอบคิดว่าอยากจะไปยังร้านหนังสือตามที่ได้นัดหมายแต่อีกใจก็รู้ดีว่าขืนไปเร็วแค่ไหนคุณนักวาดก็คงไม่มา

เมื่อเขานัดเวลานั้นก็แปลว่าอีกฝ่ายสะดวกตอนนั้น ผมต้องอดทนรออย่างเดียว

แปะ ๆ

แก้มสองข้างของผมถูกผมตบเบา ๆ เพื่อเรียกสติตัวเองกลับคืนมา ไม่ว่าข้างทางจะพบกวาดหนามมากแค่ไหนผมก็ต้องมุ่งหน้าเดินไปตามเส้นทางเดินของผมเท่านั้น

"สติไอ้เดียว มึงมีสติหน่อย" อ่า เมื่อกี้ผมเผลอเรียกชื่อตัวเองว่าเดียว เรียกเหมือนอินทัชเขา ทำไมกัน ทำไมผมถึงได้เรียกชื่อนั้น รู้ไหมว่ามันทำให้ผมเริ่มคิดถึงอินทัชขึ้นมาอีกแล้ว

"แบบนี้ไม่เห็นจะแฟร์เลย" ท้ายที่สุดแล้ว คนไม่มีสมาธิอย่างผมก็ได้แต่นั่งเปิดเพลงคลอกับเสียงฝนพรำเมื่อย้อนมองดูการ์ตูนเรื่องเดิม เปิดอ่านมันวนอยู่แค่ฉากที่มีอินทัชปรากฏ

อาการใจของผมค่อนข้างน่าเป็นห่วงแล้ว

"ครับ เดี๋ยวผมลงไปเลย" พี่ต้นน้ำอีกแล้ว วันนี้ก็ไม่รู้ว่าแม่ของผมจะสั่งอะไรให้พี่เขามาส่งอีก ผมไม่ลืมหยิบคีย์การ์ดและกุญแจออกจากห้องพร้อมลากสังขารเพื่อลงไปรับอาหารข้างล่าง วันนี้พี่ต้นมาส่งเร็วกว่าทุกวัน พอลองถามก็ได้คำตอบว่ารับงานใหญ่ในช่วงเย็นพี่ต้นจึงได้แวะเอาออเดอร์ของผมมาส่งก่อน ผมก็ไม่เกี่ยงงอน อาหารมาตอนไหนผมก็ทานเมื่อนั้นเพราะนิสัยไม่ดูแลการกินอย่างนี้ไงโรคระบบทานเดินอาหารภายในร่างกายถึงได้ถามหาผมบ่อย ๆ

"งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ หนึ่งก็อาบน้ำด้วย หัวยุ่งตลอด" ผมไม่คิดจะเถียงได้แต่มองพี่ต้นขับรถออกห่างไปเรื่อย ๆ ใช่ว่าจะอยากเสริมหล่อทำตัวให้ดูดีสักหน่อย หากว่าต้องมาเจอคุณอินทัชก็ว่าไปอย่าง ถ้าต้องมาเจอเขาผมจะเสริมหล่อจัดการตัวเองให้ดูดีทุกครั้งที่พบหน้า

"อย่าคิดถึงแต่เขาสิ"

ท้องฟ้าเริ่มเปิดสว่าง ไม่มีแล้วเม็ดฝนที่ร่วงโรย มีเพียงสายลมโชยพัดพาเอาความเหงาจากไป

'ปะป๊าค้าบ คุณพ่อแกล้งหนูอีกแล้วครับ'

ไม่รู้ว่าผมหูแว่วไปเองหรือเปล่า แต่น้ำเสียงนั่นผมจำได้ขึ้นใจ เป็นเสียงของเด็กแฝดคนนึง แค่ได้ยินเสียงก็ทำให้ผมยิ้มกว้างออกมา เด็กน้อยคงกำลังมีความสุขกับการอยู่กับคุณพ่อสินะ ดีจริง ๆ อย่างน้อยก็มีเรื่องนี้ที่ทำให้ผมรู้สึกชื้นใจขึ้นมา

'เดียวได้ยินผมไหม ผมอยากบอกว่าผมสบายดีแล้วนะครับ'

 

10/10/2022
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป