Your Wishlist

The Last Of Hero : ผู้กล้าผู้มัวหมอง (#6 ฮีลเลอร์)

Author: Karasu_Romani

"ถ้าถูกส่งไปต่างโลกก็คงจะดี" ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของผมทุกครั้งที่เกิดความอิจฉาตัวละครต่างโลกต่างๆในเรื่องที่เคยอ่านแต่แล้ว ในตอนที่ผมถูกส่งไปยังต่างโลก ก็ทำให้รู้ว่า "โลกไหนก็โหดร้ายไม่ต่างกัน"

จำนวนตอน :

#6 ฮีลเลอร์

  • 06/08/2565

"ห้าสิบเลยเหรอครับ น่าเสียดายจัง ผมมีไม่พอขนาดนั้นหรอกครับ..."

"จริงเหรอเนี่ย งั้นเจ้ามีอยู่เท่าไหร่ล่ะ"

"ผมมีพอซื้อแค่สี่สิบเองครับ"

"งั้นก็ได้ สี่สิบ นี่ข้าลดให้แค่เจ้าเท่านั้นนะ"

"ขอบคุณครับพี่ชาย!"

ผมได้ซื้อผ้าคลุมผืนหนึ่งมาในราคาสี่สิบวาล (val) ผมรีบเดินออกจากร้านมาหลังจากเงินเสร็จ

"ลดให้อะไรล่ะ..." แม้ว่าผมจะไม่ทราบราคาจริงของผ้าคลุมผืนนี้ แต่ผมมั่นใจแน่ๆว่าผมโดนโก่งราคาอยู่

ผมได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่มาสามชุด และผ้าคลุมหนึ่งผืน ผมเลือกที่จะใช้สีดำทั้งหมดเพราะในเวลากลางคืนมันเป็นสีที่สังเกตยากมากที่สุด

จากที่ผมสังเกต ในโลกแห่งนี้ใช้ค่าเงินวาลเป็นหลัก ซึ่งเพียงแค่ห้าวาลก็เท่ากับอาหารหนึ่งมื้ออิ่มๆแล้ว และดูเหมือนว่าถุงเงินที่ผมได้รับมาจะมีอยู่ประมาณหนึ่งพันวาล ถึงผมจะไม่ชอบราชาบ้านั่น แต่ก็ต้องขอบใจที่ทิ้งเงินไว้ให้ ด้วยเงินจำนวนนี้ น่าจะเพียงพอให้ผมอยู่ได้สักเดือน

"ต่อไปก็พวกชุดเกราะสินะ"

ผมได้เดินเข้าไปในร้านตีเหล็กแห่งหนึ่ง ผมสังเกตเห็นชายคนหนึ่งที่ดูท่าทางกำยำกำลังนั่งเช็ดดาบอยู่

"ยินดีต้อนรับ... หน้าไม่คุ้นเลยนี่" เขาเงยหน้าขึ้นมาหน้าตาของเขาดูดุดันและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน

"พอดีว่าฉันเป็นนักเดินทาง คงไม่แปลกหรอกที่จะไม่คุ้นหน้า" ผมตอบออกไปเนียนๆเพื่อหลีกเลี่ยงการพูดคุยถึงที่มาของตนเองเท่าที่จะทำได้

"นักเดินทางเหรอ... แล้ววันนี้มองหาสินค้าชิ้นไหนล่ะ" ชายคนนั้นดูเหมือนกำลังสงสัยผมอยู่

"ว่าจะมาหาชุดเกราะเบาๆสักชุดเอาไว้ใส่ป้องกันสัตว์ร้ายระหว่างทาง" ผมตอบออกไปเผื่อว่าเขาจะมีชุดเกราะแนะนำผมบ้าง

"ชุดเกราะเบาๆงั้นเหรอ... งั้นลองดูก่อนสิ" เขานำชุดเกราะเหล็กต่างๆมาลองให้ผมสวมดู แต่ไม่ว่าจะอันไหนก็ดูจะหนักไปสำหรับผม

"อืม... ดูเหมือนเจ้าจะรับน้ำหนักไม่ไหวนะ" ผมรู้สึกเหมือนกำลังโดนยั่วโมโหอยู่ ทั้งที่ผมบอกว่าขอเกราะเบาๆ แต่กลับได้เกราะที่ใส่แล้วเหมือนหลังจะหักแทน

"ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ดูเหมือนว่ามันจะหนักไป แถมยังขยับยากด้วย"

"งั้นลองใส่เกราะหนังแทนไหม ถึงจะไม่ได้ทนทานเท่า แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย"

"เอาแบบนั้นก็ได้"

หลังจากที่ผมได้ลองดู สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะอันไหนก็ยังหนักไปสำหรับผม แม้จะลองเปลี่ยนเป็นเกราะหนังตามคำแนะนำแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกเคลื่อนไหวไม่สะดวกแถมยังร้อนอบอ้าวข้างในเวลาสวมอยู่ดี

"งั้นฉันว่าฉันขอแค่ปลอกแขนหนังก็พอดีกว่า"

"ก็คงต้องแบบนั้นแหละ" ชายคนนั้นทำท่าทีเหนื่อยใจปนสมเพชก่อนจะส่งปลอกแขนหนังให้ผมลอง

"อื้ม... ก็สวยดีนะ เท่าไหร่ล่ะ"

"ห้าร้อยวาล"

"ห๊ะ! ทำไมแพงขนาดนั้นล่ะ!" ผมอุทานด้วยความตกใจ ราคานี้ผมสามารถอยู่ได้ครึ่งเดือนเลยนะ

"ก็นั่นมันหนังของเอิร์ธฮอร์ส (Earth Horse)"

"อะไรน่ะนั่น..."

"ไม่รู้จักเหรอ มันเป็นม้าดินที่เป็นม้าที่หนังหนาที่สุดไง"

"แล้วมันทำไมงั้นเหรอ..."

"ก็เป็นหนังที่เหนียวมากๆ แม้จะนำดาบเคลือบเวทมนตร์มาตัดก็ยังไม่เข้าเลยนะ"

"ถ้างั้นนายตัดมันมาทำชุดเกราะได้ไง" ผมถามออกไปด้วยความสงสัย ไหนบอกว่าเหนียวนักหนาไง แล้วทำไมถึงโดนตัดออกมาได้ล่ะ

"ขี้สงสัยชะมัด ข้ามีวิธีของข้าละกัน"

"ถ้าอย่างนั้น ขอเป็นปลอกแขนแบบธรรมดาดีกว่า" ต่อให้เหนียวมากขนาดนั้นจริงๆ แต่กับห้าร้อยในตอนนี้ มันคงยังไม่สมควรที่จะซื้อเท่าไรนัก

"เฮ้อ... เป็นยาจกหรือไงเจ้าเนี่ย" เขาพูดจบก็นำปลอกแขนหนังอีกชิ้นมายื่นให้ผม

"..." ผมรีบนำชิ้นใหม่มาเปลี่ยนเพื่อที่จะได้ออกไปจากร้านบ้านี่ไวๆ

"อันนี้แหละ ใช้ได้เลย อันนี้ถูกสุดใช่ไหม เอาอันนี้แหละ"

"ใช่ ถูกสุดในร้านแล้ว หนึ่งร้อยวาล"

"ทำไมยังแพงอยู่เนี่ย!" ผมตะโกนใส่หน้าชายคนนั้นด้วยความหงุดหงิด

"ก็หนังนะโว้ย! หนัง! ก็ต้องราคานี้สิวะ!"

"ฮึ้ย...." ผมกัดฟันควักเงินออกมาจ่าย แม้จะไม่ค่อยพอใจนัก แต่ผมก็รู้สึกอยากออกไปจากร้านบ้านี่เต็มทีแล้ว

"หนึ่งร้อยวาลครบ! ขอบคุณที่มาใช้บริการนะครับคุณลูกค้า"

แหม... พูดดีขึ้นมาเลยนะ... เอาเถอะ คงไม่มาแล้วล่ะ

ผมรีบเดินออกมาจากร้านและรีบมุ่งไปยังเป้าหมายต่อไป

พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว มืดกว่านี้คงไม่ดี

ผมจึงรีบเดินหาที่พัก จนไปเจอที่พักแห่งหนึ่งที่มีร้านอาหารอยู่เป็นชั้นที่หนึ่ง และชั้นสองและสามเปิดให้เช่าห้องพักค้างคืนได้

ผมรีบจ่ายเงินคว้ากุญแจเข้าห้องพักของผมเพื่อพักผ่อนทันที

ผมนอนแผ่อยู่บนเตียงในห้อง วันนี้ผมเสียเงินไปทั้งหมดสองร้อยแปดสิบวาล ถึงจะเสียไปเยอะ แต่ของส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเสื้อผ้าทั้งนั้น หลังจากนี้ผมก็คงจ่ายแค่ค่าห้องพักและอาหารอย่างเดียว น่าจะอยู่ต่อได้อีกเกือบเดือน

คริสติน่า... ผมนึกถึงเธอขึ้นมาได้ ตอนนี้เธอจะยังเสียใจอยู่ไหมนะ ถึงผมจะรู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่ผมก็คิดว่าแบบนี้แหละดีแล้ว ผมไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับใครเท่าไหร่นัก

ผมพยายามข่มตาหลับบนเตียง อย่างน้อยคืนนี้ผมก็ได้มีที่พักสบายๆอีกวันไม่ต้องนอนบนพื้นดินแล้ว

 

 

 

ผมตื่นเช้าขึ้นมาและมุ่งหน้าไปที่กิลด์ เนื่องจากเมื่อวานมีอะไรที่ต้องทำเยอะจนผมลืมที่จะรับภารกิจมาทำ จึงต้องไปดูกระดานภารกิจเพื่อรับงานสักงาน

"รัชชิ่งแรบบิท (Rushing Rabbit)... เหมือนกระต่ายที่เจอก่อนหน้าเลย... ความยากอยู่แค่ไอออนเหรอเนี่ย" ผมนึกถึงตอนที่มันพุ่งเข้ามากัดที่มือที่ขาของผม กระต่ายที่รวดเร็วขนาดนั้นเนี่ยนะระดับไอออน ผมไม่อยากคิดเลยว่าถ้าผมไปดูภารกิจระดับที่สูงกว่าจะเจอกับอะไรบ้าง

"อันนี้น่าสนใจเหมือนกันนะ..." ผมหยิบใบปลิวภารกิจอันหนึ่งมาและเดินไปหาพนักงานในกิลด์เพื่อยืนยันขอรับภารกิจนี้

"เก็บเกี่ยวรากต้นมานาอีทเตอร์ (Mana Eater) เหรอ... ก็เหมาะสำหรับมือใหม่ดีนะคะ" พนักงานกิลด์พูดพลางหยิบตราประทับมาอนุมัติ

"แล้วเมื่อวานได้ไปคุยกับคริสติน่าไหมคะ?" ก่อนที่ผมจะเดินออกมา พนักงานคนนั้นก็ได้เอ่ยปากถาม

ผมตัดสินใจไม่ตอบและเดินหนีออกมาแทน ในตอนที่ผมเดินผ่านกระดานภารกิจอยู่นั้นผมก็ได้ยินกลุ่มคนพูดกัน

"...ไม่ใช่ว่าคริสติน่าไม่ดีหรอกนะ แต่เวลาสู้ก็แทบจะปกป้องตัวเองไม่ได้เลย"

"ใช่ๆ ฉันไม่อยากสู้ไปต้องคุ้มกันฮีลเลอร์ (Healer) ไปหรอกนะ"

"ทั้งที่มีเวทรักษาขั้นสูงที่หายากแท้ๆ น่าสงสารจังนะ"

"เพราะแบบนี้เธอเลยไม่รับภารกิจล่ามอนสเตอร์เลยใช่ไหมล่ะ"

ไม่ใช่เพราะว่าพวกนายมองเธอเป็นภาระหรือไง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเห็นการกระทำแบบนี้ ปากบอกว่าอยากช่วยบ้าง น่าสงสารบ้าง แต่สุดท้ายก็หาข้ออ้างเพื่อทอดทิ้งทั้งนั้น เพราะมองว่าไม่ใช่ปัญหาของตัวเองบ้าง หรือมองว่าไร้ประโยชน์บ้าง คนพวกนี้ช่างน่ารังเกียจจริงๆ

ผมเดินออกมาตามที่แผนที่บอก ถึงแม้จะต้องถามทางคนในเมืองบ้าง แต่สุดท้ายก็มาถึง

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุบังเอิญหรือเพราะประเภทของภารกิจ แต่คนที่อยู่ตรงหน้าของผมนั่นคือคริสติน่าที่กำลังนั่งคนเดียวในป่าเหมือนกับกำลังหาอะไรอยู่

ผมตัดสินใจเดินเลี้ยวออกไปเพราะไม่อยากยุ่งด้วยก่อนจะนึกขึ้นได้

เพราะมองว่าไม่ใช่ปัญหาของตัวเองงั้นเหรอ...

ทั้งที่ผมเพิ่งว่าคนพวกนั้นไปแท้ๆ แต่ตัวผมตอนนี้กลับกำลังจะทำแบบเดียวกันซะอย่างงั้น

ผมถอนหายใจออกครู่หนึ่งก่อนจะพยายามรวบรวมความกล้าเปล่งเสียงออกไป

"คริสติน่า" ผมเดินเข้าไปเรียกเธอ คริสติน่าหันมามองผมก่อนจะลุกขึ้นและยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น เธอดูเหมือนกำลังสับสนอยู่ คงน่าจะเพราะคำพูดที่ผมพูดไปเมื่อวาน

"เธอมาทำอะไรในป่าแบบนี้งั้นเหรอ?" ผมเอ่ยถามต่อเผื่อสถานการณ์จะดีขึ้น

"ฉันมาทำภารกิจเก็บเกี่ยวน่ะ" ผมสัมผัสได้ถึงความเศร้าจากเสียงของเธอ

"เหมือนกับฉันเลย ฉันก็มาทำภารกิจเก็บเกี่ยวเหมือนกัน รู้สึกจะชื่อ..."

"มานาอีทเตอร์ใช่ไหม?" เธอพูดออกมาก่อนที่ผมจะนึกชื่อออกเสียอีก

"ใช่! นั่นแหละ"

"อันเดียวกันเลย"

"แล้วต้นมานาอีทเตอร์เนี่ย มันเป็นยังไงเหรอ" ผมถามเธอออกไปเพราะมีแค่ภาพในใบภารกิจเท่านั้นที่เป็นเบาะแส

"มานาอีทเตอร์เป็นพืชที่มีแต่ใบบนดิน ตัวหัวของมันจะอยู่ที่ใต้ดิน ถ้าจะหาล่ะก็ ให้สังเกตที่พื้นไว้แล้วจะเจอใบประมาณนี้นะ" เธอหยิบต้นมานาอีทเตอร์ให้ผมดู

"เหมือนกับหัวมันเลยนะ"

"ใช่ไหมล่ะ แต่ตอนขุดขึ้นมาต้องระวังด้วยนะ ถ้าขุดโดนหัวของมัน ต้นนั้นจะใช้งานไม่ได้เลย" 

"ต้องขุดด้วยเหรอ?" ผมถามเธอออกไปด้วยความสงสัย

"แน่นอนสิ เพราะมานาอีทเตอร์เป็นพืชใต้ดินนี่นา" เธอตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่ใสซื่อ

แย่แล้ว... ผมไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย ดูเหมือนว่าแย่สุดคงต้องเดินกลับไปซื้อพลั่วมา

"นายไม่ได้ขอพลั่วที่กิลด์มาเหรอ?" คริสติน่าถามด้วยความสงสัย

"ใช่... พอดีฉันไม่รู้ว่าต้องขุดน่ะสิ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ

"งั้นใช้ของฉันก็ได้" คริสติน่ายื่นพลั่วของเธอมาให้ผม

"แล้วเธอไม่ใช้แล้วเหรอ"

เธอส่ายหน้าเล็กน้อย

"ฉันเก็บมาเยอะแล้วล่ะ"

"งัั้นเหรอ... ขอบคุณนะ" ผมลงมือขุดบริเวณที่คาดว่าจะมีมานาอีทเตอร์อยู่

"ฉันถามอะไรหน่อยได้ไหม" ผมเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย

"ทำไมฮีลเลอร์แบบเธอถึงไม่ไปทำภารกิจล่ามอนสเตอร์งั้นหรอ"

เธอชะงักกับคำถามไปครู่หนึ่งก่อนจะหลบหน้าผม

"ฮีลเลอร์อย่างฉันไม่มีเวทโจมตีหรอกนะ..."

"ไม่ได้ฝึกเวทโจมตีเลยเหรอ"

"เคยลองดูแล้ว แต่เหมือนว่าฉันจะใช้ได้แค่เวทรักษาเท่านั้นน่ะ..."

"งั้นเหรอ... แล้วเธอไม่มีเพื่อนเลยเหรอ" ทันทีที่ผมพูดคำนั้นก็รู้สึกแทงใจดำตัวเองขึ้นมา

"ก็มีนะ... แต่ทุกคนก็มักจะมีปาร์ตี้ของตัวเองอยู่แล้ว"

ผมถอนหายใจ ก่อนจะพูดลอยๆขึ้นมา

"ถ้าอยากทำภารกิจอื่นนอกจากเก็บเกี่ยวก็บอกฉันละกัน"

อาจจะเป็นเพราะความสงสารชั่ววูบก็ได้ แต่ผมไม่อยากปล่อยให้เธออยู่คนเดียวเลย

จริงๆแล้วก็ดีเหมือนกันที่ผมจะได้มีฮีลเลอร์ข้างตัวเวลาทำภารกิจจะได้ไม่นอนจมกองเลือดแบบเดิมอีก

"แล้วฉันจะไม่ไปถ่วงนายเหรอ..." เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกังวล

ถ้าให้ผมพูดตามจริงก็คงเรียกได้ว่าถ่วงจริงๆนั่นแหละ

"เอาไว้ค่อยคิดทีหลังละกัน"

หลังจากนั้นผมก็คุยกับเธอต่ออีกเล็กน้อยก่อนที่ผมจะเห็นว่ามานาอีทเตอร์ที่ผมขุดมามีเยอะพอสมควร

"ขอบคุณสำหรับพลั่วนะ เดี๋ยวฉันเอาไปเก็บให้" ผมพูดออกมาพร้อมกับลุกขึ้นแบกกระเป๋าที่ใส่มานาอีทเตอร์เอาไว้

"งั้นเราเดินกลับด้วยกันไหม" คริสติน่าพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

ผมไม่ค่อยชอบรอยยิ้มนั้นเท่าไหร่ มันทำให้ผมรู้สึกมีความสุขไปชั่วครู่หนึ่ง หากเป็นตัวผมในเมื่อก่อนก็คงตกหลุมรักเธอไปแล้ว แต่ผมในตอนนี้คงไม่กล้าพอที่จะรู้สึกแบบนั้นหรอก

"ยังไงก็ต้องไปกิลด์อยู่แล้วนี่" ผมตอบเธอกลับไป

"นั่นสินะ" เธอยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่ดูสดใสเหลือเกิน มันทำให้ผมหลุดยิ้มไปด้วย

ผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย...

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป