"ถ้าถูกส่งไปต่างโลกก็คงจะดี" ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของผมทุกครั้งที่เกิดความอิจฉาตัวละครต่างโลกต่างๆในเรื่องที่เคยอ่านแต่แล้ว ในตอนที่ผมถูกส่งไปยังต่างโลก ก็ทำให้รู้ว่า "โลกไหนก็โหดร้ายไม่ต่างกัน"
"ถ้าถูกส่งไปต่างโลกก็คงจะดี" ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของผมทุกครั้งที่เกิดความอิจฉาตัวละครต่างโลกต่างๆในเรื่องที่เคยอ่านแต่แล้ว ในตอนที่ผมถูกส่งไปยังต่างโลก ก็ทำให้รู้ว่า "โลกไหนก็โหดร้ายไม่ต่างกัน"
ไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวัง... คำพูดนั้นไม่ได้แปลกใหม่สำหรับผมเลย
ในชีวิตของผม คำๆนี้มักมาพร้อมกับความกดดันเสมอ
ทุกครั้งที่ถูกคาดหวัง หากตัวผมทำได้ มันจะไม่เกิดอะไร แต่หากผมทำไม่ได้ ก็จะกลายเป็นความผิดทันที
มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เข้าใจตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว แม้กระทั่งตอนนี้ คำๆนี้ก็ยังกลับมาหาผมเช่นเดิม
ผมมองไปที่ดาบและถุงขนาดเล็กที่ใส่เหรียญมาจำนวนหนึ่ง
"ไม่ได้ต่างไปเลยสินะ..." ผมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบื่อหน่าย
ทั้งการถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ทั้งเงินก้อนสุดท้ายในมือ ผมในตอนนี้ไม่ได้ต่างไปจากชีวิตก่อนหน้าเลย
แม้แต่ในโลกใบใหม่นี้ ชีวิตของผมก็ยังกลับมาอยู่ที่จุดเดิม ทั้งที่คิดว่าหากนี่เป็นเรื่องจริง ก็คงเป็นโอกาสที่ดีในการได้ใช้ชีวิตแท้ๆ
ผมมองไปยังประตูไม้สูงชันที่อยู่ตรงหน้า พลางคิดถึงเหตุการณ์ที่ผมกำลังเผชิญอยู่
อัครทูตสวรรค์ การอัญเชิญ การติดต่อ ดูเหมือนว่าเท่าที่ผมเข้าใจ ผู้ที่ถูกอัญเชิญมาจะมีความสามารถในการติดต่อกับสิ่งที่เรียกว่าอัครทูตสวรรค์
และผมที่ไม่สามารถติดต่อกับอัครทูตสวรรค์ได้ คงถูกมองเหมือนกับเป็นของผิดพลาดของพิธีกรรมนี้
ผมมองออกไปยังนอกเมือง บรรยากาศที่ผมเห็นคือทางเดินที่ทอดยาวออกไป และสองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าที่ดูอุดมสมบูรณ์
ผมในตอนนี้คงทำได้แค่เดินทางไปที่เมืองสักเมือง แต่ดูจากทางที่ทอดยาวออกไปแล้ว คงจะใช้เวลานานมากแน่ๆ
ถึงจะเสียใจและท้อแท้แค่ไหน แต่ผมก็ได้แต่ก้าวเท้าออกไปข้างหน้าเพื่อหวังว่าวันหนึ่งจะเดินทางไปถึงสักเมือง
ผมเดินออกมาได้สักพัก น่าแปลกที่ผมในตอนนี้ยังไม่หิวตาย เพราะเท่าที่จำความได้ ก่อนที่ผมจะมายังโลกแห่งนี้ ผมแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะทำอะไรด้วยซ้ำ แต่กลับเดินเท้าเปล่าออกมาได้เป็นกิโล
แต่ถึงอย่างนั้น ดูจากแสงของพระอาทิตย์แล้ว เวลาประมาณนี้คงจะเป็นช่วงเย็นแน่ๆ ผมจึงมองออกไปยังข้างหน้า แต่กลับไม่พบสิ่งที่ดูคล้ายเมืองอยู่เลย
รอบๆของผมเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าและต้นไม้อยู่จำนวนหนึ่ง แม้จะเป็นที่ต่างโลกก็ตาม แต่การเดินทางตอนกลางคืนคงไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
ผมเดินไปยังต้นไม้ที่ใกล้ที่สุด เพื่อจะมองหาบางสิ่งที่ดูจะเป็นอาหารได้ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีสิ่งที่เหมือนกับผลไม้อยู่เลย ผมจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปหาที่นอนสักที่แทน
ผมยืนคิดอยู่นาน ผมไม่มีทักษะในการปีน จึงไม่สามารถปีนขึ้นไปยังบนต้นไม้ได้ ผมจึงนั่งลงใต้ต้นไม้นั้น
ผมคิดว่าตื่นเช้ามาผมคงโดนยุงกัดสักสองสามที่แน่ๆ แต่ผมคงไม่สามารถทำอะไรได้
ในขณะที่ผมนั่งอยู่นั้น ผมก็มองเห็นกระต่ายตัวหนึ่งกำลังเดินหาอาหารอยู่บริเวณใกล้ๆ
สีของมันคล้ายกับกระต่ายทั่วไป มันมีลำตัวสีขาว แต่หูและขาของมันกลับมีสีดำ
ถึงจะเป็นต่างโลกแต่ก็มีสัตว์ปกติ มันจึงทำให้ผมแปลกใจเล็กน้อย
หากจะหาอาหาร คงต้องเป็นโอกาสนี้เท่านั้น เพราะเท่าที่ผมเดินหามา ก็ไม่มีอะไรที่ดูกินได้แล้ว
ผมหยิบดาบข้างตัวขึ้นมา และค่อยๆย่องไปหากระต่ายตัวนั้นอย่างใจเย็น
ยิ่งเข้าใกล้ ผมก็สังเกตเห็นดวงตาของมันได้ชัด ดวงตาที่แดงเหมือนกับก้อนเลือด
ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่านี่คือกระต่ายที่ผมรู้จักหรือเปล่า แต่ผมก็ยังก้าวเดินต่อไป และค่อยๆเดินอ้อมผ่านต้นไม้เพื่อที่จะไม่ให้มันเห็นผมแล้ววิ่งหนีไป
ทันทีที่ผมอยู่หลังต้นไม้ที่ใกล้มันที่สุด ผมตัดสินใจกระโจนใส่มันเพื่อหวังว่าจะจับมันได้
มือของผมคว้าเข้าไปที่ลำตัวของมัน ผมกดมันไว้กับพื้นด้วยมือข้างหนึ่งและยกมืออีกข้างง้างดาบขึ้นเพื่อที่จะแทงไปที่ตัวของมัน
ตาของมันหันมาที่หน้าของผม นั่นทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่าผมไม่เคยฆ่าสัตว์ชนิดไหนมาก่อนในชีวิต
ผมชะงักไปชั่วขณะ ผมกำลังจะฆ่ากระต่ายตัวนี้ด้วยมือของตัวเองจริงงั้นเหรอ จิตใจของผมกำลังลังเลที่จะฆ่ามัน มันไม่ง่ายเลยที่จะปลิดชีวิตสักชีวิต
แต่เหมือนว่ามันจะไม่คิดเหมือนกับผม มันกัดเข้าที่มือของผมที่จับลำตัวของมันอยู่ ฟันหน้าของมันคมกว่าที่ผมคิดไว้มาก ความเจ็บปวดพุ่งเข้ามาในมือของผมพร้อมกับเลือดของผมที่พุ่งออกไปสวนกับความเจ็บปวดนั้น ผมร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
"มือฉัน! อ๊ากกก!!! เจ็บ! เจ็บโว้ย! เจ็บ!" ผมชักมือกลับมาและปล่อยดาบที่ถืออยู่เพื่อมากุมมืออีกข้างเอาไว้ หลังจากนั้นผมหันไปหามันด้วยความโกรธ แต่ผมกลับไม่เห็นตัวของมันแล้ว
ความรู้สึกของผมในตอนนี้เปลี่ยนกลายเป็นความเสียดายในทันที
"นี่ฉันเจ็บตัวฟรีเหรอเนี่ย..." ผมบ่นออกมาเล็กน้อยก่อนจะทำใจอยู่ครู่หนึ่ง
ผมคว้าดาบเอาไว้และกำมันแน่นด้วยความขุ่นเคือง พลางเอามืออีกข้างซุกเข้าไปในเสื้อเพื่อให้เสื้อช่วยซับเลือดที่ไหลอยู่
ผมตัดสินใจเดินออกมาจากจุดนั้น ทว่าความรู้สึกเจ็บแบบเดียวกันก็เกิดขึ้นที่ขาของผม
"...!"
ผมเสียหลักล้มลงไปกับพื้นเพราะความเจ็บปวด
มันไม่ได้ไปไหน กระต่ายตัวนั้นมันยังอยู่ที่เดิมและจ้องมองผมด้วยขนาดตัวเล็กๆนั้น ฟันของมันยาวและดูคมมากจริงๆ ผมจึงพยายามรวบรวมสติและหันไปเพื่อจะใช้ดาบแทงไปที่มัน
แต่มันไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้ กระต่ายตัวนั้นกระโดดเบี่ยงตัวด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ และกระโจนเข้ามาหาตัวผมโดยที่ใช้เวลาไม่ถึงวินาทีด้วยซ้ำ
ร่างกายของผมตอบสนองด้วยการยกแขนขึ้นมากันโดยทันทีราวกับว่าพยายามปกป้องตัวเองอยู่
กระต่ายตัวนั้นกัดมาที่แขนของผมเหมือนกับกำลังเคี้ยวขนม
เลือดของผมไหลออกมาเป็นทาง ความเจ็บปวดโถมเข้ามาไม่หยุด ผมตัดสินใจใช้มืออีกข้างจับมันและขว้างมันออกไป
ผมรีบคว้าดาบเอาไว้และมองไปยังที่มัน กระต่ายตัวนั้นไม่ได้เกรงกลัวผมเลย กลับกัน มันเหมือนกับกำลังมองอาหารอยู่ด้วยซ้ำ
โลกนี้ดูอันตรายกว่าที่ผมคิดไว้ แม้กระทั่งกระต่ายตัวแค่นี้ก็ทำให้ผมเลือดออกได้ขนาดนี้
ผมพยายามใช้ความคิดหาวิธีที่จะจัดการมันในสถานการณ์แบบนี้พร้อมกับเลือดของผมที่ไหลออกมาอย่างช้าๆ
แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ให้เวลาผมคิดเลยสักนิด มันกระโจนเข้ามาอีกเช่นเดิม ผมตัดสินใจใช้มือข้างที่เจ็บอยู่นั้นพุ่งเข้าไปจับหน้าของมันเอาไว้และกดไว้กับพื้นอีกครั้ง มันกัดเข้ามาที่กลางฝ่ามือของผม ผมสัมผัสได้ถึงเลือดที่กำลังไหลออกมาและผิวหนังที่ฉีกขาดออก
ผมรีบใช้ดาบที่ถืออยู่แทงเข้าไปที่ลำตัวของมันด้วยความโกรธแค้น
ทันใดนั้นก็เหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง
ทั้งการเคลื่อนไหวของกระต่ายตัวนั้น และตัวของผมเองที่ฝ่ามือและแขนซ้ายอยู่ในสภาพบาดเจ็บหนัก
เลือดของมันที่ไหลออกมาผสมกับเลือดของผมบนพื้น ร่างกายที่หยุดนิ่งของมันทำให้ผมรู้สึกใจหาย
นี่ผมฆ่ามันได้แล้วเหรอ? ในขณะที่คิดอยู่นั้น มือของผมก็สั่นจนไม่สามารถควบคุมได้ ความรู้สึกคลื่นไส้ที่หมุนวนอยู่ในท้อง ความรู้สึกที่ผมไม่เข้าใจ ตอนนี้ผมแทบจะหายใจไม่เป็นจังหวะ ในขณะนั้นผมก็ได้อาเจียนออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผมใช้เวลานานจนพระอาทิตย์ตกดินในการแล่ชิ้นส่วนของกระต่ายออก ถึงผมจะไม่ค่อยมีทักษะด้านนี้ แถมยังใช้ดาบในการแล่อีก แต่ผมก็พยายามเท่าที่จะทำได้ ถึงในระหว่างแยกเครื่องในออกมันทำให้ผมอาเจียนไปไม่ต่ำกว่าสามครั้ง แต่สุดท้ายผมก็ได้เนื้อกระต่ายเป็นอาหารเย็นของวันนี้
การจุดไฟอย่างที่เห็นในหนังต่างๆมันไม่ง่ายเลย ผมเสียเวลาไปมากกับการที่พยายามก่อกองไฟเล็กๆเพื่อย่างเนื้อกระต่าย มือของผมที่พันด้วยเศษผ้าจากเสื้อคลุมของผมต้องมาถูกกับกิ่งไม้เล็กๆเพื่อที่จะก่อไฟ ทำให้มือของผมทั้งเจ็บและปวดแสบปวดร้อนมากๆ แต่ถึงจะลำบากและต้องใช้เวลาไปเยอะ แต่ผมก็ได้เนื้อกระต่ายย่างที่มีกลิ่นหอมเตะจมูก ทันทีที่ผมกัดมันเข้าไป ก็ทำให้ผมน้ำตาไหลออกมา
เป็นเวลานานมากแล้วที่ผมไม่ได้กินอาหารสดใหม่แบบนี้ ก่อนหน้านี้มีแค่อาหารสำเร็จรูปเท่านั้นที่ตกถึงท้องของผม
ในคืนนั้นผมได้แต่ร้องไห้และกัดเนื้อกระต่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
ผมตื่นขึ้นมาและเดินทางต่อไป
ผมได้แวะข้างทางที่มีแม่น้ำไหลอยู่เพื่อชำระล้างคราบเลือดและทำความสะอาดตนเอง ดีที่เศษผ้าจากเสื้อคลุมของผมยังเหลืออยู่ ผมจึงเปลี่ยนผ้าพันแผลเพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อ ต้องขอบคุณจริงๆที่ผมชอบเสื้อคลุมยาวๆ มันจึงทำให้ผมมีผ้าพันแผลไว้สำหรับห้ามเลือดแบบนี้
ถึงจะน่าอึดอัดใจหน่อยที่ผมต้องมากินน้ำในแม่น้ำ แต่รสสัมผัสของมันก็ไม่ได้แย่ มันดูสะอาดกว่าที่ผมคิดไว้ แต่น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถเก็บมันไปดื่มระหว่างทางได้ ผมจึงต้องหาแหล่งน้ำเป็นพักๆ
ผมจะต้องเดินทางแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกันนะ